นโยบายปรับขึ้นภาษีนำเข้าของรัฐบาลทรัมป์ สร้างผลกระทบต่อหลากหลายธุรกิจทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเสื้อผ้าและรองเท้าหลายแบรนด์ดังต้องเจอกับต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น ลูกค้าในสหรัฐฯ ระมัดระวังการใช้จ่ายจึงซื้อสินค้าดังกล่าวน้อยลง นี่เลยเป็นผลให้หุ้นของบริษัท Lululemon แบรนด์ดังจากแคานาดาร่วงดิ่งลงกว่า 20%
เมื่อ 'วิกฤตทรัมป์' ปรับขึ้นภาษีนำเข้าจากหลากหลายประเทศทั่วโลกจนกลายเป็นผลกระทบวงกว้าง ล่าสุดหุ้นของบริษัท Lululemon เองก็ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวจนร่วงดิ่งลงมากกว่า 20% เช่นกัน หลังจากบริษัทได้ปรับลดคาดการณ์กำไรประจำปีลง เนื่องจากบริษัทต้องเผชิญกับภาษีศุลกากรและความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
“จำนวนลูกค้าของเราในอเมริกาเริ่มเข้าร้านลดน้อยลง ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ แรงกดดันด้านเงินเฟ้อ จนส่งผลกระทบต่อความมั่นใจของผู้บริโภคและทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในการใช้จ่ายที่หันมาซื้อของความเหมาะสมและรัดกุมมากกว่าเดิม” นี่คือข้อมูลที่ Lululemon กล่าวในแถลงการณ์

แบรนด์เสื้อผ้าแนวสปอร์ตชื่อดังจากแคนาดารายนี้ นับเป็นหนึ่งในรายชื่อของบริษัทใหญ่ที่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ แนวทางนโยบายของรัฐบาลทรัมป์ต่อการปรับขึ้นภาษีศุลกากรได้ก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับราคาที่สูงขึ้นและเศรษฐกิจที่อ่อนแอลง
“เรากำลังวางแผนที่จะขึ้นราคาสินค้าบางส่วนตามกลยุทธ์...โดยสินค้าเหล่านี้จะเป็นสินค้ากลุ่มราคาปานกลาง” Meghan Frank หัวหน้าฝ่ายการเงินของ Lululemon กล่าว ซึ่งทางบริษัทยังเผยอีกว่า ได้เตรียมการเจรจากับเหล่าซัพพลายเออร์เพื่อลดต้นทุน โดยสินค้าส่วนใหญ่ 40% ของบริษัทผลิตในเวียดนาม และ 28% ของผ้าที่ใช้ทำการผลิตก็มาจากจีนแผ่นดินใหญ่

ทั้งนี้ แบรนด์เสื้อผ้าและรองเท้า คือ หนึ่งในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากภาษีศุลกากร เนื่องจากผลิตสินค้าในประเทศต่างๆ ในเอเชีย ต่างก็เผชิญกับการเรียกเก็บภาษีศุลกากรจากสหรัฐฯ
โดยในเดือนเมษายนที่ผ่านมา บริษัทยักษ์ใหญ่ข้ามชาติของเยอรมนีอย่าง Adidas ก็ออกมาเผยว่าภาษีนำเข้าที่ทรัมป์กำหนดจะส่งผลให้ราคารองเท้าผ้าใบยอดนิยมอย่าง Gazelle และ Samba ในสหรัฐฯ สูงเพิ่มขึ้นอีกเช่น
“ปัจจุบันเราไม่สามารถผลิตสินค้าเกือบทั้งหมดในสหรัฐฯ ได้ ภาษีศุลกากรที่สูงขึ้นนี้จะส่งผลให้สินค้าทั้งหมดของเราในตลาดสหรัฐฯ มีต้นทุนสูงขึ้นในที่สุด” Bjorn Gulden ซีอีโอของ Adidas กล่าว

ด้าน David Weinberg ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของแบรนด์ Skechers บริษัทผู้ผลิตเครื่องกีฬาของสหรัฐฯ ถึงกับต้องถอนการคาดการณ์ผลประกอบการประจำปีออก โดยอ้างถึงความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ เขาบอกกับเหล่านักลงทุนในการประชุมหลังการประกาศผลประกอบการว่า "สภาพแวดล้อมในปัจจุบันนั้นมีการเปลี่ยนแปลงมากเกินไป จึงไม่สามารถวางแผนผลประกอบการได้อย่างมั่นใจถึงความสำเร็จ"
ขณะที่แบรนด์ Nike กล่าวว่าจะขึ้นราคารองเท้าผ้าใบและเสื้อผ้าบางรุ่นในสหรัฐฯ นับตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป โดยให้เหตุผลว่าบริษัทมักจะปรับ 'ขึ้นราคาสินค้า' อยู่เป็นประจำ และไม่ได้ระบุเหตุผลถึงเรื่องภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ที่อาจมีผลกระทบต่อธุรกิจจนต้องปรับราคาขึ้นแต่อย่างใด
ภาพ : Lululemon
แปละและเรียบเรียงจากบทความ : Lululemon shares plunge as Trump tariffs bite
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : Wang Chuanfu มั่งคั่งลดฮวบ เหตุนักลงทุนหวั่น ‘สงคราม EV’ หลัง BYD ประกาศลดราคาสูงสุด 34%
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine