Google Cloud เปิดตัว 'PanyaThAI' ชี้บริษัทที่เลือกใช้เทคโนโลยี AI นี้แบบจริงจัง จะช่วยสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) เฉลี่ยสูงถึง 727% ภายในเวลาเพียง 3 ปี พร้อมคืนทุนได้ในระยะเวลาเพียง 8 เดือน พร้อมยกตัวอย่างธุรกิจอย่าง ร้านหนังสือ SE-ED , แบรนด์ชุดชั้นในวาโก้ และทิพยประกันภัย ที่นำ AI นี้มาใช้แล้วช่วยให้ประหยัดเวลา ลดต้นทุนค่าใช้จ่ายได้ถึง 30-70% และช่วยกระตุ้นยอดขายให้เพิ่มขึ้น
Google Cloud ประกาศเปิดตัว PanyaThAI โครงการยกระดับศักยภาพขององค์กรไทยในการพัฒนา ประยุกต์ ขยายการใช้งาน Agentic AI ระดับองค์กร และสร้างผลลัพธ์ที่วัดผลได้จริงให้กับภาคเศรษฐกิจหลักของประเทศ โดยโครงการนี้เริ่มต้นด้วยสมาชิกผู้ก่อตั้งจำนวน 15 องค์กร ได้แก่ บิทาซซ่า (Bitazza), จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (Chulalongkorn University), ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (Dhipaya Group Holdings), ฟินโนมีนา (Finnomena), ไทยสมุทรประกันชีวิต (Ocean Life Insurance), ซีเอ็ดยูเคชั่น (SE-ED), บริษัท ช้อป โกลบอล อี-คอมเมิร์ซ จำกัด (Shop Global E-Commerce Company Limited), สยามพิวรรธน์ (Siam Piwat), แสนสิริ (Sansiri), สคูลดิโอ (Skooldio), ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET), ไทยวาโก้ (Thai Wacoal), ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO Financial Group), ท็อปส์ (TOPS) และ ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป (True Digital Group)
PanyaThAI (ปัญญาไท) เป็นการเล่นคำระหว่างคำว่า “ปัญญา” และคำว่า “ไท” สะท้อนวิสัยทัศน์ของโครงการในการผสานสติปัญญาและความคิดสร้างสรรค์ของคนไทยเข้ากับเครื่องมือทางเทคโนโลยีอันล้ำสมัยเพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรม AI ระดับโลก
ผลการวิจัยจาก Public First เผยว่า หากองค์กรท้องถิ่นสามารถนำ AI มาใช้อย่างมีประสิทธิภาพได้มากขึ้น จะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยได้ราว 730,000 ล้านบาท (ประมาณ 21,000 ล้านเหรียญสหรัฐ) ภายในปี 2030
นอกจากนี้ งานวิจัยฉบับดังกล่าวยังระบุถึง 3 อุปสรรคหลักที่จำกัดองค์กรหลายแห่งจากการใช้ประโยชน์จาก AI อย่างเต็มประสิทธิภาพ ได้แก่ 1) การทำให้โซลูชัน AI สามารถให้คำตอบที่ถูกต้องและน่าเชื่อถืออย่างต่อเนื่อง 2) การขาดแหล่งข้อมูลที่พร้อมสำหรับการใช้งาน AI 3) การขาดบุคลากรที่มีทักษะด้านการจัดการข้อมูลและ AI อย่างเหมาะสม
อรรณพ ศิริติกุล กรรมการผู้จัดการ Google Cloud ประเทศไทย กล่าวว่า ผลสำรวจความคิดเห็นของผู้บริหารทั่วโลกพบว่า มากกว่าครึ่งรายงานว่าองค์กรของตนมีรายได้เพิ่มขึ้น 6-10% จากการนำโซลูชัน AI ระดับองค์กรมาให้ทีมงานและผู้ใช้บริการได้ใช้งานโดยตรง องค์กรของพวกเขากำลังจัดสรรงบประมาณด้าน AI อย่างน้อยครึ่งหนึ่งไปยังแพลตฟอร์ม Agentic แบบครบวงจร ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นกลไกหลักในการออกแบบกระบวนการดำเนินงานใหม่ และเสริมสร้างความเป็นผู้นำทางการตลาดของพวกเขา
“หากมองลึกลงไปจะเห็นว่าบริษัทที่นำ AI ของ Google Cloud มาใช้อย่างจริงจังนั้นสามารถก้าวข้าม ‘Pilot Purgatory’ หรือการติดอยู่ในช่วงนำร่องไปได้สำเร็จ และสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) เฉลี่ยสูงถึง 727% ภายในเวลาเพียง 3 ปี พร้อมคืนทุนได้ในระยะเวลาเพียง 8 เดือน พิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าไม่ใช่ผู้ให้บริการเทคโนโลยี AI หรือแนวทางการทรานส์ฟอร์มทุกแห่งจะให้ผลลัพธ์แบบเดียวกันได้" อรรณพ กล่าว
โครงการ PanyaThAI ดำเนินตามแนวทางแบบ Full-Stack ของ Google ในการพัฒนาเทคโนโลยี AI อย่างครบวงจร เริ่มตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ที่น่าเชื่อถือและออกแบบขึ้นเฉพาะ และงานวิจัยล้ำสมัยจาก Google DeepMind ไปจนถึงโมเดลพื้นฐานระดับแนวหน้าภายในพอร์ตโฟลิโอขนาดใหญ่ของ Google อาทิ Veo 3.1, Gemini 3, Gemini 3 Pro Image หรือที่รู้จักกันในชื่อ Nano Banana Pro และ Gemini 2.5 Computer Use รวมถึงแพลตฟอร์มแบบครบวงจรอย่าง Vertex AI และ Gemini Enterprise ตลอดจนแอปพลิเคชันสำเร็จรูปอย่าง Customer Engagement Suite และ Google Workspace
ทั้งนี้ กลุ่มพันธมิตรด้านการให้คำปรึกษาและการดำเนินงานของ Google Cloud ที่ร่วมสนับสนุนโครงการ PanyaThAI ประกอบด้วย Accenture, Deloitte, Digithun Worldwide, HoriXonT8, MFEC, NTT DATA, Skooldio และ Tridorian ซึ่งทาง NTT DATA ยังได้ประกาศแผนเพิ่มจำนวนผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคของ Google Cloud ในประเทศไทยอีก 300 คน ครอบคลุมทั้งด้านการวิเคราะห์ข้อมูล, ปัญญาประดิษฐ์ (AI), ความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์, และการปรับปรุงแอปพลิเคชันให้ทันสมัย เพื่อยกระดับความพร้อมในการสนับสนุนโครงการให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม ภายในงานแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ PanyaThAI องค์กรสมาชิกจากหลายแห่งยังได้สาธิตโซลูชัน AI ที่พวกเขาพัฒนาขึ้นผ่านตัวโครงการ อาทิ...
SE-Education: ค้นหาคอนเทนต์ด้านการศึกษาด้วย “บรรณารักษ์” อัจฉริยะขับเคลื่อนด้วย AI ทำให้เนื้อหากว่า 150,000 รายการเข้าถึงได้ง่ายกว่าที่เคย
ตัวอย่างเช่น หากผู้ใช้ค้นหาคำว่า “เซลล์แบ่งตัวอย่างไรเพื่อสร้างเซลล์ใหม่” ระบบจะแสดงผลเป็นตำราเรียนชีววิทยา คู่มือการเรียนเฉพาะทาง และการ์ตูนวิทยาศาสตร์ที่น่าสนใจ หรือหากค้นหาประโยคว่า “วิธีจัดการความกดดันในการทำงาน” ระบบจะนำเสนอรายการหนังสือที่คัดสรรเกี่ยวกับการจัดการความคิดเชิงลบ การสร้างสมดุลชีวิตการทำงาน และกลยุทธ์การพัฒนาตนเองในที่ทำงาน
ระบบ AI Search Agent ดังกล่าวช่วยให้ผู้ใช้งานแพลตฟอร์ม e-Marketplace ค้นหาและพบข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ส่งผลโดยตรงต่อการตัดสินใจซื้อ ทำให้อัตราการเปลี่ยนผู้เข้าชมเป็นลูกค้า (Conversion Rate) เพิ่มจาก 12% เป็น 27% ขณะเดียวกัน อัตราการออกจากหน้าเว็บไซต์ทันที (Bounce Rate) ลดเหลือ 10% และอัตราการละทิ้งตะกร้าสินค้าอยู่ที่เพียง 6%
ไทยวาโก้: ชูโมเดล Generative Media ช่วยเร่งการเปิดตัวสินค้าแฟชั่นออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ปัญหาเรื้อรังของอุตสาหกรรมแฟชั่นที่ใช้ทั้งงบประมาณและเวลาอย่างสิ้นเปลืองในกระบวนการถ่ายภาพสินค้า เนื่องจากทุกครั้งที่มีการเปิดตัวสินค้าในเฉดสีใหม่ แบรนด์จำเป็นต้องผลิตตัวอย่างสินค้าจริง จัดส่งไปยังสตูดิโอ และถ่ายภาพกับนางแบบใหม่อีกครั้ง เพราะนักช้อปออนไลน์ส่วนใหญ่ย่อมไม่เลือกซื้อสินค้าที่มองไม่เห็นภาพจริง
ด้วยบทบาทเสมือน “โรงย้อมผ้าดิจิทัล” และ “สตูดิโอออกแบบเสมือนจริง” Creative Agent ใช้ศักยภาพของโมเดล Nano Banana ในการปรับแต่งภาพเฉพาะจุดโดยยังคงความสม่ำเสมอของวัตถุ ขณะเดียวกันยังใช้โมเดล Veo 3.1 เพื่อยกระดับคุณภาพภาพและเสียงให้มีความสมจริงสูงสุด ในการแปลงภาพนิ่งให้กลายเป็นวิดีโอ ด้วยความสามารถดังกล่าว ทีมบริหารผลิตภัณฑ์ของไทยวาโก้สามารถสร้างภาพสินค้าที่สมจริงและวิดีโอแบบ 360 องศา สำหรับผลิตภัณฑ์ทุกเฉดสีได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยอาศัยเพียงการถ่ายภาพสินค้าจริงเพียงชิ้นเดียวเท่านั้น ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ถึง 30%
TIPH เร่งเครื่อง AI เต็มรูปแบบ เปิดตัว TIP Smart Car Inspection และ TIP AI เสริมศักยภาพประกันภัยยุคใหม่
บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIPH จับมือกับบริษัท ฮอไรซอน ที 8 จำกัด (HoriXonT8) บริษัทในเครือ TIPH ที่ร่วมทุนกับบริษัท เบริล 8 พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ BE8 ในการผลักดันอุตสาหกรรมประกันภัยไทยสู่ยุค AI Transformation ภายใต้แนวคิด “AI for Insurance Transformation” ผ่าน 2 โครงการสำคัญ ได้แก่
1. TIP Smart Car Inspection
ระบบตรวจสภาพรถด้วย AI โดยใช้เทคโนโลยี Gemini บน Google Cloud Platform ลูกค้าสามารถตรวจสภาพรถก่อนทำประกันภัยด้วยตนเองผ่าน LINE Official Account ระบบจะประมวลผลวิดีโอแบบ Real-time วิเคราะห์ความเสียหายอย่างแม่นยำ โปร่งใส และเชื่อมต่อข้อมูลกับระบบออกกรมธรรม์ทันที ช่วยลดเวลาการเดินทางเพื่อตรวจสภาพ และลดต้นทุนให้ลูกค้าได้มากกว่า 70%
2. TIP AI ผู้ช่วยอัจฉริยะภายในองค์กร
โซลูชัน Generative AI Chat Assistant ที่พัฒนาร่วมกับ Google Cloud เพื่อเสริมประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน และสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ Smart Organization ทุกข้อมูลถูกประมวลผลบน Private Environment ที่สอดคล้องกับมาตรฐาน Data Privacy & Compliance ทำให้พนักงานเข้าถึงข้อมูลสำคัญได้รวดเร็ว ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพมากขึ้นนั่นเอง
ภาพ : Google
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : Visa เผย 3 กลยุทธ์รับมือสแกมเมอร์ยุค AI พร้อมชูจุดเด่นใช้ Token dynamic รหัสเปลี่ยนทุกการใช้งาน
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine
