Meta โชว์พลัง AI แนะนำเนื้อหา ดันคนเล่น Facebook-IG-Threads นานขึ้นพุ่งกระฉูด! - Forbes Thailand

Meta โชว์พลัง AI แนะนำเนื้อหา ดันคนเล่น Facebook-IG-Threads นานขึ้นพุ่งกระฉูด!

FORBES THAILAND / ADMIN
21 Jul 2025 | 05:32 PM
READ 194

Meta จัดงาน “AI for Business: The Next Generation” ในประเทศไทย เพื่อแบ่งปันประสบการณ์จริงจากการนำ AI มาใช้ยกระดับธุรกิจ พร้อมเผยสถิติสำคัญ - การใช้ AI ช่วยแนะนำคอนเทนต์ทำให้ผู้ใช้งานใช้เวลาอยู่บนแพลตฟอร์มของ Meta นานขึ้นอย่างชัดเจน โดย Facebook มีอัตราการใช้งานเพิ่มขึ้น 7%, Instagram เพิ่มขึ้น 6%, และ Threads พุ่งสูงถึง 35% ภายใน 6 เดือนที่ผ่านมา


Meta ลงทุนกว่า 64,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เดินหน้าพัฒนา AI สร้างแพลตฟอร์มอัจฉริยะ

    Meta เผยว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริษัทได้ลงทุนไปแล้วมากกว่า 100,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในด้านโครงสร้างพื้นฐานและการวิจัย AI เพื่อสร้างนวัตกรรมและความได้เปรียบทางเทคโนโลยีอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการพัฒนาโมเดล AI แบบเปิด (Open-Source AI) อย่าง Meta Llama ที่เปิดให้นักพัฒนาและธุรกิจนำไปต่อยอดได้อย่างอิสระ

    ขณะที่ในปี 2568 Meta วางแผนจะลงทุนเพิ่มเติมอีกกว่า 64,000 ล้านเหรียญ เพื่อสนับสนุนการเติบโตของศูนย์ข้อมูลและฮาร์ดแวร์สำหรับระบบ AI ที่ล้ำหน้า โดยเน้นการใช้งานจริงที่ช่วยสร้างมูลค่าทั้งในระดับผู้บริโภคและภาคธุรกิจ


AI กลายเป็นหัวใจของทุกแพลตฟอร์ม Meta ตั้งแต่ Reels ไปจนถึง Meta AI App

    ในปัจจุบัน Meta มีผู้ใช้งานกว่า 3.43 พันล้านคนต่อวัน บนแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Facebook, Instagram และ Threads ซึ่งผู้ใช้งานเหล่านี้มีพฤติกรรมเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว Meta จึงนำ AI มาใช้ในการคัดกรองและแนะนำเนื้อหาที่เหมาะกับความสนใจของแต่ละคนแบบเรียลไทม์ โดยเฉพาะบนฟีเจอร์อย่าง Reels ที่มีการแชร์ซ้ำมากถึง 4.5 พันล้านครั้งต่อวัน

    นอกจากนี้ ยังมีการเปิดตัวแอป Meta AI ที่สามารถใช้งานได้โดยตรง พร้อมผู้ใช้งานประจำกว่า 1 พันล้านคนต่อเดือน นอกจากนี้ AI ยังช่วยพัฒนาระบบแนะนำเนื้อหาบนแอปต่างๆ ของ Meta อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เวลาที่ผู้ใช้ใช้เวลาบน Facebook เพิ่มขึ้น 7% บน Instagram เพิ่มขึ้น 6% และบน Threads เพิ่มขึ้นถึง 35% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการบูรณาการ AI เข้ากับประสบการณ์ของผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง


เครื่องมือโฆษณาอัจฉริยะ เพิ่มยอดขาย ลดต้นทุน ด้วย Meta Advantage+ และ Generative AI

    ในมุมของธุรกิจ Meta ยังเน้นย้ำว่าเครื่องมือด้านโฆษณาที่ขับเคลื่อนด้วย AI อย่าง Meta Advantage+ Campaigns ช่วยให้แบรนด์สามารถจัดการแคมเปญได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่งบประมาณ การกำหนดกลุ่มเป้าหมาย ไปจนถึงการสร้างครีเอทีฟแบบอัตโนมัติ ส่งผลให้ต้นทุนต่อการได้มาของลูกค้าลดลงถึง 9%, ต้นทุนต่อลีดลดลง 10%, และต้นทุนต่อการแปลงเป็นลูกค้าลดลง 9% ขณะเดียวกัน Meta ยังมีเครื่องมือ Generative AI ที่ช่วยสร้างคอนเทนต์โฆษณาแบบปรับแต่งเฉพาะบุคคล ช่วยเพิ่มอัตราการคลิกและ Conversion ได้อย่างเห็นผล


ROAS เฉลี่ยสูงถึง 3.71 เท่า ในเอเชียแปซิฟิก ด้วย AI ขับเคลื่อนแคมเปญแบบแม่นยำ

    Meta ยังเปิดเผยข้อมูลเชิงสถิติที่น่าสนใจว่า นักโฆษณาในเอเชียแปซิฟิกมี ROAS (Return on Ad Spend) เฉลี่ยอยู่ที่ 3.71 เหรียญต่อการใช้จ่าย 1 เหรียญ เมื่อโฆษณาผ่านแพลตฟอร์มของ Meta โดยเฉพาะแคมเปญที่ใช้เครื่องมือ AI เช่น Meta Advantage+ Shopping Campaign มี ROAS สูงกว่าแคมเปญทั่วไปถึง 37% ถือเป็นการยืนยันว่า AI ของ Meta ไม่เพียงแต่เพิ่มประสิทธิภาพ แต่ยังช่วยสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจที่วัดผลได้จริง


พาร์ทเนอร์ธุรกิจไทยเผยผลลัพธ์จริง: ขายดีขึ้น ใช้งบน้อยลง

    ธุรกิจไทยจำนวนมากได้นำเครื่องมือ AI ของ Meta ไปใช้แล้วเห็นผลจริง เช่น

    -Hadara Healthy Bag แบรนด์กระเป๋าเพื่อสุขภาพ เผยว่าเมื่อใช้ Meta Advantage+ Shopping Campaign ยอดขายเว็บไซต์เพิ่มขึ้นถึง 25 เท่า ภายใน 1 เดือน

    -กรุงศรี ออโต้ ใช้ Meta Advantage+ Sales Campaign เพิ่มจำนวนลีดสินเชื่อรถยนต์ได้ 2 เท่า พร้อมลดต้นทุนต่อลีดลง 50%

    -แสนสิริ ร่วมกับเอเจนซี่ iProspect ใช้ CLO และ ACA เข้าถึงลูกค้าได้แม่นยำขึ้น ทำให้จำนวนลีดเพิ่มขึ้น 108%, Conversion เพิ่มขึ้น 15%, และต้นทุนต่อผลลัพธ์ลดลงถึง 48%


AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่คือพันธมิตรการเติบโตของทุกอุตสาหกรรม

    แพร ดำรงค์มงคลกุล Country Director ของ Facebook ประเทศไทย กล่าวปิดท้ายว่า AI จะไม่ใช่แค่ “ตัวช่วย” แต่คือ “พันธมิตร” ที่จะขับเคลื่อนธุรกิจในทุกอุตสาหกรรม โดยเฉพาะเมื่อ Generative AI กำลังเข้ามามีบทบาทมากขึ้น งานวิจัยของ Gartner คาดว่าภายในปี 2568 กว่า 90% ของธุรกิจทั่วโลก จะใช้ Generative AI เป็นผู้ช่วยในการทำงาน และภายในปี 2570 มากกว่า 50% ของโมเดล AI จะถูกออกแบบให้ตรงกับความต้องการเฉพาะของแต่ละอุตสาหกรรม


เริ่มจากทดลอง เพื่อผลลัพธ์ที่เติบโตต่อเนื่อง

    Meta แนะนำว่า การเริ่มต้นใช้งาน AI ไม่จำเป็นต้องซับซ้อน แต่ต้องเริ่มจากแนวคิดที่พร้อมทดลองและเรียนรู้ (“test-and-learn mindset”) จากนั้นจึงเลือกใช้เครื่องมือที่ตรงกับเป้าหมายของธุรกิจ พร้อมปรับกระบวนการให้เหมาะสม เท่านี้ธุรกิจก็สามารถเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ๆ และขับเคลื่อนผลลัพธ์ที่เห็นผลได้จริงในโลกที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ซีอีโอ Nvidia เผย ถ้าตอนนี้อายุ 20 จะเลือกเรียน ‘วิทย์กายภาพ’ เช่น ฟิสิกส์ แทนซอฟต์แวร์ เพราะคือคลื่นลูกใหม่ของ AI

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine