‘ชาตรามือ’ แบรนด์ชา 3 พันล้าน 8 ทศวรรษคู่ไทย ขอไปต่อสู่ Global Brand ดันเมนู ‘ชาไทย’ ให้ทั่วโลกรู้จัก - Forbes Thailand

‘ชาตรามือ’ แบรนด์ชา 3 พันล้าน 8 ทศวรรษคู่ไทย ขอไปต่อสู่ Global Brand ดันเมนู ‘ชาไทย’ ให้ทั่วโลกรู้จัก

เส้นทางกว่า 8 ทศวรรษของ ‘ชาตรามือ’ แบรนด์ชาที่มีรายได้กว่า 3 พันล้านบาทนั้นไม่ได้เป็นเพียงผู้ผลิตและจำหน่ายชาครบวงจร แต่ปัจจุบันที่เรียกว่าเป็น “ยุคแห่งการต่อยอด” นอกจากขยายหน้าร้านในไทย ก้าวไปสู่โปรดักต์ที่มากกว่าชา ชาตรามือยังขอประกาศสู่ Global Brand ตั้งเป้าขยายสาขาในต่างประเทศสู่ 130 สาขาในปีนี้ พร้อมผลักดัน ‘ชาไทย’ ให้เป็นเครื่องดื่มที่รู้จักไปทั่วโลก


    หากพูดถึง “ชาไทย” เครื่องดื่มชาสีส้มที่ใครๆ หลงรัก เชื่อว่าแบรนด์อันดับหนึ่งที่หลายคนนึกถึงและติดใจในรสชาติก็คือ “ชาตรามือ” อย่างแน่นอน เพราะนี่เป็นแบรนด์แรกๆ ที่พัฒนาเมนูชาไทยให้ออกมามีหน้าตาแบบนี้ และเชื่อหรือไม่ว่าชาตรามืออยู่คู่ไทยมา 80 ปีแล้ว

    เส้นทางของชาตรามือ เริ่มต้นจากครอบครัวชาวจีนแต้จิ๋วที่ทำธุรกิจชาอยู่แล้ว เมื่อเข้ามาอยู่ในไทยก็นำเข้าใบชามาจำหน่าย แต่ก็พบปัญหาว่าด้วยสภาพอากาศ ทำให้คนไทยไม่ดื่มชาร้อนๆ แบบคนจีน จึงพัฒนาเครื่องดื่มให้เข้ากับพฤติกรรมของคนไทย ทั้งใส่นมและใส่น้ำแข็งจนกลายเป็นเมนูชาไทยสูตรต้นตำรับชาตรามือนั่นเอง

    ศรีศุภร จาตุรงควนิชย์ กรรมการบริหาร แบรนด์ชาตรามือ ผู้บริหารรุ่นที่ 2 กล่าวในโอกาสครบรอบ 80 ปีของแบรนด์ว่า นอกจากพัฒนาเครื่องดื่มชาไทยจนเติบโตเคียงคู่สังคมไทย ชาตรามือยังได้สร้างโมเดลร้านชาเพื่อนำเมนูชาไทยที่เคยเป็นสตรีทฟู้ดเข้าไปจำหน่ายในศูนย์การค้า และยังได้ร่วมผลักดันเมนู Thai Tea ให้กลายเป็นเครื่องดื่มที่คนทั่วโลกรู้จัก เรียกได้ว่าเป็นซอฟต์พาวเวอร์ของไทยอย่างแท้จริงด้วย

    โดยปัจจุบันชาตรามือครองส่วนแบ่งตลาดในตลาดชาไทยด้วยมาร์เก็ตแชร์ที่ 70% มีการตั้งโรงงานผลิตเป็นของตัวเองที่ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย สำหรับผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ชาตรามือ ซึ่งปัจจุบันมีมากกว่า 50 SKU นอกจากนี้ยังการสนับสนุนส่งเสริมเกษตรกรผู้ปลูกชาให้เติบโตไปด้วยกันด้วย


    ทั้งนี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ รายงานตัวเลขของบริษัท ชาไทย อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ในช่วง 3 ปีย้อนหลังที่ผ่านมาไว้ดังนี้

    -ปี 2565 รายได้ 2,104.9 ล้านบาท กำไร 34.5 ล้านบาท

    -ปี 2566 รายได้ 2,637.1 ล้านบาท กำไร 43.8 ล้านบาท

    -ปี 2567 รายได้ 3,505.7 ล้านบาท กำไร 59.6 ล้านบาท

    พราวนรินทร์ เรืองฤทธิเดช กรรมการบริหาร แบรนด์ชาตรามือ ผู้บริหารรุ่นที่ 3 กล่าวว่า สำหรับปีนี้ ชาตรามือยังคงเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีเป้าหมายยิ่งใหญ่คือการเป็นแบรนด์ระดับโลก (Global Brand) โดยอาศัย 3 กลยุทธ์หลัก คือ การขยายตลาด, การพัฒนาเมนูใหม่ และการคอลแล็บที่จะได้เห็นมากกว่าเดิม

    “ปัจจุบันชาตรามือมีการส่งออกสินค้าภายใต้แบรนด์ชาตรามืออย่างเป็นทางการไปมากกว่า 21 ประเทศ และมีหน้าร้านสาขาในต่างประเทศจำนวน 114 สาขา ใน 11 ประเทศในรูปแบบแฟรนไชส์ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ จีน และเขตเศรษฐกิจพิเศษฮ่องกง กัมพูชา เมียนมา มาเลเซีย บรูไน เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม 

    "โดยในปีนี้มีแผนการขยายไปอีก 4 ประเทศ ได้แก่ แคนาดา ลาว เม็กซิโก และอินโดนีเซีย ตั้งเป้าขยายสาขาในต่างประเทศรวมเป็น 130 สาขา”


พราวนรินทร์ เรืองฤทธิเดช


    ส่วนในประเทศไทย ปัจจุบันมี 220 สาขา และตั้งเป้าขยายสู่ 250 สาขาภายในปีนี้ ซึ่งยังคงเน้นในพื้นที่เมืองเป็นหลัก และยังคงเป็นการขยายสาขาของตัวเอง ไม่ใช่ระบบแฟรนไชส์เหมือนต่างประเทศ

    “ในประเทศเรากระจายสินค้าได้เต็มประเทศแล้ว ลูกค้าที่เป็นร้านค้าซื้อของของเราแล้วไปชงขายเองได้ แต่ต่างประเทศ เรายังไม่สามารถกระจายสินค้าได้เต็ม อีกทั้งเรามองว่าแต่ละประเทศตลาดก็แตกต่างกัน การมี local partner จะช่วยให้แบรนด์ไปไกลได้มากกว่า ในต่างประเทศเราจึงเลือกขยายผ่านแฟรนไชส์” พราวนรินทร์กล่าว

    ไม่เพียงเท่านั้น ชาตรามือยังเตรียมเปิดตัวแอปพลิเคชั่นของตัวเอง ที่สามารถใช้สะสมแต้ม รับโปรโมชั่น และสั่งเครื่องดื่มล่วงหน้าเพื่อมารับที่หน้าร้าน แก้ปัญหาลูกค้าไม่ต้องมาต่อคิวรอหน้าร้านเป็นเวลานานๆ ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวแอปฯ ไม่เกินไตรมาส 3 ปีนี้

    ด้าน เศรษฐิกิจ เรืองฤทธิเดช กรรมการบริหาร แบรนด์ชาตรามือ กล่าวว่า สำหรับกลยุทธ์การออกโปรดักต์ใหม่นั้น ที่ผ่านมา ชาตรามือมีการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า รวมถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้า

    ตัวอย่างสินค้าที่เป็นที่รู้จักและชื่นชอบของลูกค้า คือชากุหลาบ เป็นที่นิยมมากในโลกโซเชียล ส่งผลให้ชื่อของแบรนด์ชาตรามือกลายเป็นไวรัลทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ยังแผนออกสินค้าใหม่ เพื่อการขยายแบรนด์และตลาดชาไทยไปยังตลาดต่างประเทศ

เศรษฐิกิจ เรืองฤทธิเดช


    ตัวอย่างสินค้าใหม่ในปีนี้ คือการเตรียมออก ‘ชาไทยไม่มีสี’ พร้อมเสิร์ฟที่หน้าร้านชาตรามือเดือนกรกฎาคม 2568 และ ‘ชาไทยสีธรรมชาติ’ ช่วงต้นไตรมาส 3 ของปี 2568 นอกจากนี้ยังมี ‘ชาไทยคอมบูฉะ’ (Sparkling Thai Tea Kombucha) เครื่องดื่มเพื่อตอบสนองต่อลูกค้าที่ให้ความใส่ใจในเรื่องสุขภาพ ที่จะวางขายในหน้าร้านด้วย

    “ชาไทยไม่มีสี เป็นการใช้ใบชาตัวเดิม แค่ไม่ได้เติมสีสังเคราะห์ลงไป เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่กังวลในเรื่องสีสังเคราะห์ในเมนูชาไทย ที่มีข่าวในช่วงไม่นานมานี้ โดยจะขายในราคาเท่ากับชาไทยมีสีปกติ ส่วนอีกเมนู ชาไทยสีธรรมชาติ จะมีสีส้มแบบเดิม เพียงแต่สีที่เติมจะมาเป็นสารเบต้าแคโรทีนที่มาจากวัตถุดิบธรรมชาติ เช่น แครอต มะเขือเทศ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่กังวลเรื่องสีสังเคราะห์ โดยราคาขายจะแพงกว่าชาไทยปกติ 30% เนื่องจากสีจากธรรมชาติมีต้นทุนที่สูงกว่า” เศรษฐิกิจ กล่าว


    ขณะที่ ศรัณพัฐ เรืองฤทธิเดช กรรมการบริหาร แบรนด์ชาตรามือ กล่าวถึงกลยุทธ์ข้อสุดท้ายในเรื่องการ Collaboration ว่า 3-4 ปีที่ผ่านมาการคอลแล็บเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์หลักของชาตรามือก็ว่าได้ แต่ถึงอย่างนั้นที่ผ่านมาค่อนข้างคอลแล็บกับอาหารด้วยกัน ปีนี้ในโอกาสครบ 80 ปี จึงขอต่อยอดความสร้างสรรค์แบรนด์และเครื่องดื่มจากชาตรามือในรูปแบบต่างๆ โดยไม่จำกัดกรอบให้อยู่แค่อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม

    “ตัวอย่างโปรเจกต์ความร่วมมือกับแบรนด์ต่างๆ ในปีนี้ อาทิ Brands แบรนด์รังนก อันดับ 1 ของไทย สร้างสรรค์เมนูพิเศษ (เดือนมกราคม 2568), Universal Music ค่ายเพลงระดับโลก โดยร่วมกับศิลปินดังของค่ายนำเสนอ Tea Making @ ChaTraMue shop (เดือนมิถุนายน 2568), Sushiro แบรนด์ซูชิสายพานอันดับ 1 ของญี่ปุ่น สร้างสรรค์เมนูขนมหวานที่ใช้วัตถุดิบชาไทยชาตรามือ (เดือนกรกฎาคม 2568) เป็นต้น”

ศรัณพัฐ เรืองฤทธิเดช


    นอกจากนี้ยังเตรียมจัดอีเวนต์ใหญ่ Thai Tea Festival : Celebrate ChaTraMue 80th Anniversary เฉลิมฉลอง ชาตรามือ 80 ปี ในวันที่ 19 - 21 กันยายน 2568 ใจกลางกรุงเทพฯ ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งจะรวมสุดยอดความพิเศษจากชาตรามือ อาทิ เมนูพิเศษจากชาตรามือเปิดตัวครั้งแรกในงาน สินค้าลิมิเต็ดเอดิชั่น เมนูสุดสร้างสรรค์ที่ครีเอทร่วมกับพาร์ทเนอร์ เป็นต้น

    พราวนรินทร์ กล่าวถึงภาพรวมบริษัทว่า ปัจจุบันรายได้ของชาตรามือ 70% มาจากตลาดในประเทศ และ 30% มาจากต่างประเทศ โดยในประเทศนั้นรายได้ส่วนใหญ่มาจากโปรดักต์เกี่ยวกับชามากกว่าหน้าร้าน

    "ขณะที่หน้าร้านสาขาที่ขายดีคือสาขาในโซนเมืองและสนามบิน ซึ่งปีนี้ได้รับผลกระทบเล็กน้อยจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลง เช่น สาขาบิ๊กซี ราชดำริ ที่ยอดขายค่อนข้างทรงตัว แต่ถึงอย่างนั้นในภาพรวมตลาดในประเทศยังเติบโตได้เรื่อยๆ อยู่ เนื่องจากชาตรามือขายในราคาที่สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ค่อนข้างกว้าง

    ส่วนตลาดต่างประเทศ พราวนรินทร์บอกว่าที่ผ่านมามีกระทบบ้างในประเทศที่มีปัญหาสงคราม เช่น เมียนมา ส่วนกัมพูชาที่กำลังมีประเด็นระหว่างประเทศกับไทยอยู่ในตอนนี้ยังไม่ได้รับผลกระทบ แต่หากมีการปิดชายแดนก็จะกระทบแน่นอน อย่างไรก็ตาม ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ในปีนี้ไว้ที่ 20% เท่าๆ กับปีก่อนๆ ที่รายได้เติบโตประมาณ 20-30%



ภาพ: ชาตรามือ



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : มาแน่ ‘ชาไทย’ ไม่ส้ม ‘ชาตรามือ’ เตรียมออกชาไทยไม่ใส่สี วางขายหน้าร้าน ก.ค. นี้

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine