‘สุทธิสาร จิราธิวัฒน์’ ซีอีโอคนใหม่ ‘เซ็นทรัล รีเทล’ แถลงวิสัยทัศน์ครั้งแรก ประกาศทุ่มงบ 3 ปี 45,000-47,000 ล้านบาท ขยายธุรกิจทั้งในไทยและเวียดนาม พร้อมเดินหน้าโฟกัสลูกค้ากลุ่ม Mainstream หรือผู้บริโภคระดับกลางมากขึ้น
หลังเข้ารับตำแหน่งซีอีโอคนใหม่ของบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา ล่าสุดในวันนี้ (24 มิ.ย. 2568) ‘สุทธิสาร จิราธิวัฒน์’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น บุตรชายคนสุดท้องของ เตียง จิราธิวัฒน์ ผู้ก่อตั้งเซ็นทรัล ได้แถลงวิสัยทัศน์และประกาศกลยุทธ์เป็นครั้งแรก
สุทธิสาร เริ่มต้นด้วยการเผยถึงเทรนด์พฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไป ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจผันผวน หลายประเทศปรับประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจลง รวมถึงประเทศไทยด้วย
“ผู้บริโภคในปัจจุบันเข้าถึงข้อมูลจากหลายช่องทางเพื่อเข้าถึงสินค้าที่ต้องการ ซื้อสินค้าจากหลากหลายช่องทาง ทำให้สามารถเลือกซื้อสินค้าที่ให้คุณค่าตามที่ต้องการได้ และไม่ใช่จับจ่ายแค่ซื้อสินค้า แต่ผู้บริโภคยุคนี้ยังใช้จ่ายเพื่อหาประสบการณ์ด้วย และยังสนใจเรื่องสุขภาพและสิ่งแวดล้อมที่ตัวเองอยู่
"สิ่งเหล่านี้จึงกลายเป็นโจทย์ให้เซ็นทรัล รีเทล มุ่งตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าให้ได้ทั้งในช่องทางออฟไลน์ และออนไลน์ บนอีโคซิสเต็มของเราที่มีความยืดหยุ่น แข็งแกร่ง และพร้อมปรับตัว เพื่อก้าวไปข้างหน้าอยู่เสมอ”

เซ็นทรัล รีเทล กางโรดแมป 3 ปี ชูกลยุทธ์ “New Heights, Next Growth” ดัน 5 แกนหลัก ยกระดับศักยภาพองค์กรสู่การเติบโตครั้งใหม่ตลอดช่วงปี 2568-2570 ประกอบด้วย
1.Reinforce Customer Focus เข้าใจและเข้าถึงลูกค้าอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น โดยปัจจุบัน CRC มีลูกค้าครอบคลุมในหลายระดับ ทั้งระดับลักชัวรีและ Affluent และในอนาคตวางแผนจะเข้าถึงลูกค้ากลุ่ม Mainstream ซึ่งเป็นลูกค้าระดับกลางมากขึ้น นอกจากนี้หากมองในกลุ่มช่วงวัย CRC สามารถเข้าถึงลูกค้ากลุ่มแฟมิลี่และซิลเวอร์ได้แล้ว และต่อไปจะเดินหน้าเข้าถึงกลุ่ม Adult Kid และคนรุ่นใหม่มากขึ้น
“ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ได้ดีแบบที่ผ่านมา จากข้อมูลของเราพบว่าช่วงที่ผ่านมา ลูกค้ากลุ่มที่มีกำลังซื้อยังใช้จ่ายอยู่ แต่กลุ่ม Mainstream ค่อนข้างได้รับผลกระทบ ทำให้เราต้องออกมาโปรโมชั่นต่างๆ มาช่วย”
นอกจากนี้ยังเข้าใจลูกค้ามากขึ้นผ่านการเสริมแกร่ง The 1 Loyalty Program ในไทย และเวียดนาม ที่มีจำนวนสมาชิกรวมกันกว่า 26 ล้านราย ตอกย้ำการเป็นเบอร์ 1 ด้าน Loyalty Platform ที่แข็งแกร่งที่สุด พร้อมเดินหน้าเจาะกลุ่มลูกค้า B2B มากยิ่งขึ้นด้วย
2.Strengthen CRC Foundation เสริมรากฐานขององค์กรให้แข็งแกร่ง ด้วยการสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจหลัก ทั้งด้านยอดขายและกำไร รวมถึงการขยายและปรับปรุงสาขา พร้อมทั้งรวมเทคโนโลยี แพลตฟอร์ม ให้เป็นหนึ่งเดียว ต่อยอดสู่ประสบการณ์การช้อปปิ้งแบบ Omnichannel ที่ไร้รอยต่อ เพิ่มขีดความสามารถและสร้างรากฐาน เพื่อเร่งเครื่องนำ AI เข้ามาเสริมแกร่ง และผลักดันยอดขายออนไลน์ให้เติบโตแบบ Double Digit อย่างต่อเนื่อง รวมถึงเร่งขยายธุรกิจ Food และ Mall ในเวียดนาม รวมถึงนำเสนอ Store Format ที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายเชิงลึกในแต่ละพื้นที่
“เรามีแผนขยายสาขา Store ของเราในรูปแบบต่างๆ อย่างต่อเนื่อง สำหรับในเวียดนาม ปัจจุบันเรามีอยู่ 34 สาขาใน 26 จังหวัด โมเดลที่แข็งแกร่งสุดคือไฮเปอร์มาร์เก็ต GO! ซึ่งเรายังเดินหน้าขยายต่อโดยเน้นไปที่โลเคชั่นในเน้นเทียร์ 1 และเทียร์ 2 ส่วนโมเดลมินิโก (go) ซึ่งไซส์เล็กกว่า จะขยายไปในพื้นที่ชุมชน
สำหรับในประเทศไทย นอกจากขยายสาขาทั้งเซ็นทรัลดีพาร์เตเมนต์สโตร์ ท็อปส์ ไทวัสดุ และโรบินสันแล้ว ก็ยังมีการวางกลยุทธฺให้ตอบโจทย์แต่ละพื้นที่ด้วย ยกตัวอย่างคือ โรบินสัน ที่ปรับช็อปปิ้งมอลล์ให้เข้ากับท้องถิ่นแต่ละที่ พร้อมส่งเสริมเอสเอ็มอีในโลเคชั่นนั้นให้แข็งแรง นอกจากนี้จะทำให้ night market ด้านนอกเพื่อเพิ่มสีสันให้มอลล์ ซึ่งทำไปแล้วที่สาขากาญจนบุรีและศรีสมาน เป็นต้น”

3.Expedite New Growth เร่งสร้างการเติบโตให้กับ New Growth Engine ของเซ็นทรัล รีเทล ผ่านการขยาย GO WHOLESALE ด้วย 5 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่ การขยาย Private Labels, ก้าวสู่การเป็น HORECA Destination สำหรับกลุ่มธุรกิจอาหาร, เป็นผู้นำเรื่องของสด (Always Fresh-Forward), ขยายสาขาอีกกว่า 12-18 สาขา ภายใน 3 ปี และการพัฒนา New Store Concept และ Fulfillment Store ให้เหมาะกับกลุ่ม HORECA และค้าปลีกอาหาร
นอกจากนี้ยังเดินหน้าขยายเครือข่ายธุรกิจของ Auto1 ศูนย์บริการและจำหน่ายอุปกรณ์รถยนต์ครบวงจร ด้วยการเร่งเปิดสาขาเพิ่มไม่ต่ำกว่า 10 สาขาต่อปี ให้ครอบคลุมในทำเลศักยภาพ
4.Scale Synergy สร้างความร่วมมืออย่างเข้มข้นทั้งในองค์กรและนอกองค์กร โดยมุ่งเน้นการทำงานร่วมกันกับธุรกิจทั้งหมดในเครือเซ็นทรัล รีเทล และเซ็นทรัลกรุ๊ป ทั้งในเชิงการเพิ่มยอดขาย และผลักดันการทำงานร่วมกันของพนักงานในกลุ่มธุรกิจต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดในการทำงาน ตลอดจนการบริหารพื้นที่ขายให้ตอบโจทย์ลูกค้า พร้อมเพิ่มผลตอบแทนการลงทุน (ROI) ด้วยโมเดล Mix-used และ Hybrid Retail Store
5.Disciplined Financial Management บริหารการเงินอย่างรอบคอบ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน โดยควบคุมค่าใช้จ่าย เน้นลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพ ปรับแผนการลงทุนให้สอดคล้องและยืดหยุ่นต่อสถานการณ์ พร้อมบริหารโครงสร้างเงินทุนอย่างเหมาะสม เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินและสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่ผู้ถือหุ้น
เซ็นทรัล รีเทล ไม่เพียงเดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งในทุกกลุ่มธุรกิจ แต่ยังคงยึดมั่นในหลักการ “เติบโตอย่างยั่งยืน” โดยผสานปรัชญาการดำเนินธุรกิจ CRC Care ทั้ง 7 มิติ เข้าเป็นส่วนหนึ่งของทุกแผนงาน ด้วยความเชื่อว่าความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม คือรากฐานสำคัญของการเติบโตระยะยาว เพื่อก้าวสู่การเป็นองค์กร Net Zero ในปี 2593 และสร้างผลกระทบเชิงบวกอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชน พนักงาน และลูกค้าให้เติบโตอย่างแข็งแรงไปพร้อมกัน
“ด้วยแผนกลยุทธ์ที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพ เซ็นทรัล รีเทล มุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคงและแข็งแกร่งในทุกมิติภายในระยะเวลา 3 ปีนี้ โดยตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ และ EBITDA ต่อปีประมาณ 5% ด้วยงบลงทุนรวมกว่า 45,000-47,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญในการขยายศักยภาพองค์กร เสริมสร้างความมั่นคงทางธุรกิจ และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน ตอกย้ำภาพผู้นำตลาดค้าปลีกและค้าส่งอย่างยั่งยืนทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ตลอดจนเพื่อสร้างคุณค่าและผลตอบแทนที่มั่นคงให้แก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง” สุทธิสาร กล่าวสรุป
ภาพ: เซ็นทรัล รีเทล
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : รู้จัก ‘สุทธิสาร จิราธิวัฒน์’ รุ่นสองอาณาจักรเซ็นทรัล CEO คนปัจจุบันของ CRC
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine