HOKA รับเทรนด์การวิ่งที่เปลี่ยนไป มีความหลากหลายและขยายตัวมากขึ้น 'วิ่งเทรล' และ 'วิ่งเพื่อเข้าสังคม' มาแรงสุด ชูกลยุทธ์ปีหน้า ดันสัดส่วนรองเท้าไลฟ์สไตล์เทียบเท่ารองเท้ากีฬา ครบจบในคู่เดียว ตอบโจทย์การใช้ชีวิตคนเมือง พร้อมเดินหน้าขยายสาขาต่อเนื่องจากปัจจุบันเปิดในไทยแล้ว 9 แห่ง
ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ HOKA ถือเป็นแบรนด์รองเท้าสาย Performance ที่เติบโตเร็วที่สุดแบรนด์หนึ่งทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยยอดขายทั่วโลกของไตรมาส 1 ในปีงบประมาณ 2026 อยู่ที่ 653 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เติบโตขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
ในส่วนของประเทศไทย HOKA ก็ประสบความสำเร็จไม่แพ้กัน หลังเข้ามาทำตลาดตั้งแต่ปี 2018 ซึ่งนำเข้าและจัดจำหน่ายโดย บริษัท เรฟ อิดิชั่น จำกัด (REV Edition) ที่มีเซ็นทรัลรีเทล หรือ CRC ถือหุ้นอยู่ 75% HOKA ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคชาวไทย จนสามารถสร้างการเติบโตและขยายสาขาในไทยอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบัน HOKA มีสาขาในไทยทั้งสิ้น 9 แห่ง ประกอบด้วย CentralWorld ซึ่งเป็น HOKA Experience Store สาขาแรกของโลก, สาขา Mega Bangna, สาขา Emporium, สาขา Central Village, สาขา Siam Premium Outlets, สาขา Central Chidlom, สาขา EmQuartier, Siam Center และล่าสุดที่ Central Ladprao
เทรนด์การวิ่งเปลี่ยน คอมมูนิตี้ขยาย ส่งผลดีต่อแบรนด์
แม้ปัจจุบันตลาดสินค้ากีฬา รวมถึงสินค้าที่เกี่ยวกับการวิ่งจะได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ลดลง แต่ พรศักดิ์ ชินวงศ์วัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรฟ อีดิชั่น จำกัด ระบุว่า ช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นแล้วว่าสินค้ากีฬาได้รับผลกระทบน้อยกว่าธุรกิจอื่นๆ และมีการฟื้นตัวเร็ว เพราะคนใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ในปัจจุบันก็เช่นกัน โดยเชื่อว่าตลาดรองเท้าวิ่งในปีหน้ายังคงเติบโตอยู่ และจะพีกขึ้นทุกปี เนื่องจากเทรนด์การวิ่งที่กำลังเปลี่ยนไป และคอมมูนิตี้นักวิ่งที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องบนความหลากหลาย
ที่น่าสนใจคือ การวิ่งและกลุ่มนักวิ่งมีความหลากหลายมากขึ้น ต่างจากภาพในอดีตภาพที่นักวิ่งส่วนใหญ่จะจำกัดอยู่เพียงนักวิ่งถนนหรือสวนสาธารณะ แต่ปัจจุบันมีทั้งกลุ่มนักวิ่งที่เน้นสมรรถนะความเป็นเลิศและทำลายสถิติส่วนตัว รวมถึงวัฒนธรรมการวิ่งที่เปลี่ยนแปลงและขยายตัวออกไปอย่างเห็นได้ชัด นักวิ่งถนนก็ไม่ได้มีเพียงการวิ่งเพื่อแข่งขันอีกต่อไป แต่มีการรวมกลุ่ม Running Club ที่เน้นการเข้าสังคม วิ่งในเมือง และรวมตัวเพื่อพบปะสังสรรค์
อีกหนึ่งกระแสที่เติบโตอย่างรวดเร็วคือวิ่งเทรล ซึ่งได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็นในกลุ่มนักวิ่งถนนที่มุ่งเน้นสมรรถนะ และนักวิ่งถนนที่เน้นการเข้าสังคม ขณะที่การวิ่งแบบ Socialize นั้นเติบโตเร็วที่สุด เพราะกิจกรรมการวิ่งประเภทนี้เข้าถึงง่ายและไม่มีอุปสรรคในการเข้าร่วม นักวิ่งมักพบปะกันเพื่อวิ่งในระยะทางสั้นๆ 3-5 กิโลเมตร
“เมื่อก่อนมีกลุ่มวัยรุ่นที่รวมตัวกันตามสถานบันเทิงยามค่ำคืน แต่ตอนนี้มีการรวมกลุ่มใน Running Club แทน และกิจกรรมการกินดื่มก็เปลี่ยนเป็นการวิ่งที่ไปจบลงด้วยการดื่มกาแฟ การเพิ่มขึ้นของประชากรนักวิ่งนี้เป็นสิ่งที่น่ายินดี เพราะส่งผลให้ผู้คนมีสุขภาพดีขึ้น และการเติบโตของจำนวนนักวิ่งยังส่งผลให้ Market Size ของวงการวิ่งขยายตัวตามไปด้วย ซึ่งเป็นผลดีต่อแบรนด์ ซึ่ง HOKA มีผลิตภัณฑ์ที่พร้อมตอบสนองความต้องการของทุกกลุ่ม”

ขยายไลน์รองเท้าไลฟ์สไตล์ คู่เดียวครบจบ รับเทรนด์เปลี่ยน
แน่นอนว่า HOKA ได้นำเทรนด์การวิ่งที่กำลังเปลี่ยนไปมาพัฒนาผลิตภัณฑ์และคอนเซ็ปต์ต่างๆ ของแบรนด์ โดยมุ่งตอบโจทย์ผู้บริโภค และสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีความน่าเชื่อถือในการใช้งาน ทั้งในด้านของสมรรถนะหรือรองเท้าวิ่งสายกีฬา และเพิ่มสัดส่วนของรองเท้าด้านไลฟ์สไตล์เข้าไปในไลน์ผลิตภัณฑ์ เพื่อให้สามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้ด้วยเช่นกัน
Joel Lim, Head of Brand HOKA South East Asia กล่าวว่า ประเด็นสำคัญไม่ใช่การเกิดขึ้นของเทรนด์ใหม่ หากแต่เป็นการที่แบรนด์ต่างๆ ในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่มกีฬาได้ก้าวข้ามกรอบแนวคิดแบบเดิม และยอมรับความจริงว่าเส้นแบ่งระหว่างกีฬาและไลฟ์สไตล์ได้เลือนหายไป ด้วยเหตุนี้แบรนด์ต่างๆ จึงเริ่มพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ช่องว่างดังกล่าว ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความรู้สึกและพฤติกรรมของผู้บริโภค
การออกกำลังกายหรือการวิ่งไม่ได้เป็นเพียงกิจกรรมส่วนบุคคลอีกต่อไป แต่กลายเป็นกิจกรรมที่เชื่อมโยงกับชุมชน การออกกำลังกายในปัจจุบันไม่ใช่แค่การเผาผลาญแคลอรีเท่านั้น แต่ครอบคลุมไปถึงการบริโภคอาหารที่ดีต่อสุขภาพหลังออกกำลังกาย การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้มีปัจจัยขับเคลื่อนมาจากการพัฒนาของเทคโนโลยี การเชื่อมต่อกัน และกระแสความคิดของผู้บริโภคที่ปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย
“ปัจจุบันเทคโนโลยีดิจิทัลและการเชื่อมต่อส่งผลให้เส้นแบ่งระหว่างการทำงาน ชีวิตประจำวัน และชีวิตส่วนตัวของผู้บริโภคในเขตเมืองเลือนหายเข้าหากัน ส่งผลให้โอกาสในการเล่นกีฬาและไลฟ์สไตล์ก็หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุนี้แบรนด์จึงจำเป็นต้องตอบสนองทั้งด้านฟังก์ชันการใช้งานและความสะดวกสบายของผู้บริโภค”
ผู้บริโภคมีความต้องการรองเท้าที่สามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตจริงได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเดิน การทำงานแบบไฮบริด หรือการออกกำลังกายเป็นครั้งคราว
โดยทั้งข้อมูลด้านการตลาดและการใช้จริงยืนยันตรงกันว่า ชาวเมืองไม่ได้มองหารองเท้าเพียงเพื่อความสวยงามหรือสำหรับการวิ่งเท่านั้น แต่ต้องการรองเท้าที่รองรับกิจกรรมตลอดทั้งวัน ตัวอย่างเช่น ลูกค้าจำนวนมากต้องการรองเท้าที่สามารถใส่ไปทำงาน ขึ้นรถไฟฟ้า เดินในออฟฟิศ และยังคงใส่เพื่อวิ่งออกกำลังกายได้ในตอนเย็น หรือแม้กระทั่งใส่ไปคาเฟ่และท่องเที่ยวในช่วงสุดสัปดาห์ด้วยรองเท้าคู่เดียว
"ดังนั้น ความสบาย ความคล่องตัว ความอเนกประสงค์ และความคุ้มค่าในระยะยาวจึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญ เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มมองว่าการลงทุนกับรองเท้าที่มีคุณภาพดีและทนทานเป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีของตนเอง แทนที่จะเลือกซื้อรองเท้าหลายคู่ที่อาจใช้งานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ" Joel Lim กล่าว

พรศักดิ์ เสริมว่า ในปี 2026 ที่จะถึงนี้ ทิศทางของ HOKA ชัดเจนว่ายังคงเป็น Performance Brand ที่หัวใจคือเทคโนโลยีและการเคลื่อนไหว แต่ในขณะเดียวกันก็ได้ขยายบทบาทของตัวเองให้กลายเป็นแบรนด์ที่เข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของคนเมืองมากขึ้น
โดย HOKA ยังคงเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ของรองเท้า Performance สำหรับนักวิ่งมืออาชีพ และขยายไลน์ Performance meets Lifestyle ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เพื่อให้คนสามารถเลือก HOKA เป็นรองเท้าที่ใช้ในชีวิตประจำวันได้ ไม่ว่าจะใช้วิ่ง ออกกำลังกาย ทำงาน หรือใช้ชีวิตในเมือง
“HOKA เป็นแบรนด์กีฬาที่มุ่งเน้นการสวมใส่ที่สบายและสามารถใส่ได้ทุกวัน การที่แบรนด์ยึดมั่นใน DNA และความสบายนี้ เป็นปัจจัยที่นำไปสู่การเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์อย่างแน่นอน เราต้องการทำให้สัดส่วนโปรดักต์ระหว่างไลฟ์สไตล์กับกีฬาเป็นครึ่งต่อครึ่ง และฝั่งไลฟ์สไตล์จะถูกใส่ความเป็น Performance ของ HOKA เข้าไปมากขึ่น ส่วนการเลือกชูคอนเซ็ปต์แต่ละสาขาจะขึ้นอยู่กับทำเล เช่น สาขา Siam Center เป็นแบบไฮบริด เพราะอยู่ในศูนย์รวมแฟชั่นและติดกับสนามกีฬา มีนักวิ่งมาซ้อมกันเยอะมาก ขณะที่สาขา EmQuartier จะเด่นเรื่องไลฟ์สไตล์ไปเลย เป็นต้น”
ชูสาขา Siam Center เป็น Hybrid Flagship Store ใหญ่สุดในไทย
สำหรับปี 2026 คาดว่าจะเป็นอีกปีที่น่าตื่นเต้นสำหรับ HOKA รวมถึงวงการการออกกำลังกายและการวิ่งโดยรวมในประเทศไทย พรศักดิ์ เผยว่า HOKA มีแผนที่จะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะมาพร้อมกับกิจกรรมและอีเวนต์ต่างๆ เพื่อรองรับการเปิดสาขาใหม่ที่เพิ่มขึ้น โดยปลายปีนี้ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม ได้มีการเปิดสาขาใหม่รวม 3 สาขา ได้แก่ EmQuartier, Siam Center และล่าสุดที่ Central Ladprao รวมทั้งหมดเป็น 9 สาขาในประเทศไทย
ที่สำคัญคือการเปิดสาขา Siam Center ที่ถูกออกแบบให้เป็น Hybrid Flagship Store แห่งแรกของแบรนด์ในไทย ที่ถ่ายทอดตัวตนของ HOKA อย่างครบถ้วน และเป็นสโตร์ที่ใหญ่ที่สุดของ HOKA ในประเทศไทย ด้วยพื้นที่โดยรวมกว่า 312 ตร.ม.
โดย Siam Center ได้มีการคัดเลือกแบรนด์อย่างเข้มงวด โดยเฉพาะการได้รับพื้นที่ Fasade ด้านหน้าอาคาร ซึ่งมีเพียงไม่กี่แบรนด์เท่านั้น การที่ HOKA ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในแบรนด์ระดับ Top 4 ที่มีพื้นที่ Fasade ถือเป็นการรับรอง HOKA ในการเป็นแบรนด์ที่มีตัวตน ตลอดจนความสำเร็จในด้านไลฟ์สไตล์และแฟชั่น
“การมีร้านที่ Siam Center บนพื้นที่ Fasade ด้านหน้าอาคาร จึงเป็นการยืนยันความสำเร็จของ HOKA ที่ก้าวข้ามความคาดหวังด้านยอดขายไปแล้ว แต่เป็นหมุดหมายที่ตอกย้ำความสำเร็จของแบรนด์ HOKA ในประเทศไทย เนื่องจาก Siam Center อยู่คู่กับประเทศไทยมานานกว่า 50 ปี และเป็นผู้นำด้านแฟชั่นของเมืองไทย” พรศักดิ์ กล่าว

เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : Yango Ads แนะธุรกิจท่องเที่ยวปรับตัวตามเทรนด์! หลัง Q 3 ปี 68 รัสเซียนิยมมาไทยเพิ่มขึ้น 49% โดย 95% เลือกเดินทางจองตั๋วแบบกระชั้นชิด
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine

