LA GLACE เครื่องสำอางแบรนด์ไทยครองใจ Gen Z เตรียมเมคอัพปรับลุคให้ฉ่ำว้าว หวังเข้าตลาดหุ้นปี 72 โดยปี 68 นี้ ตั้งเป้ายอดขายแตะ 1,000 ล้าน หลังปี 66 ธุรกิจโตก้าวกระโดดจากยอดขาย 40 ล้าน พุ่งพรวดเป็น 400 ล้าน เล็งขยายฐานไปตลาดต่างประเทศด้วยการปักหมุดฮ่องกง หวังรายได้ 2,000 ล้าน จากยอดขายในไทยและการเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นจีนในปี 71
เอมลินทร์ ธีรธนากิตติพงษ์ (ไอติม) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ ทิวาทัพพ์ ธรารักษ์อนันต์ (เฟรนฟราย) ประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท ไอดีล แอนด์ มาเวลลัส เท็น จำกัด คู่รักวัยรุ่น ผู้ก่อตั้งธุรกิจเครื่องสำอางแบรนด์ไทย LA GLACE (ลา-กลาส) ที่นิยมมากในกลุ่มนักเรียน-นักศึกษาวัยรุ่น Gen Z เผยถึงการดำเนินธุรกิจในช่วงที่ผ่านมาว่า ทั้งคู่ได้ร่วมกันก่อตั้งแบรนด์เครื่องสำอางค์ LA GLACE ตั้งแต่อายุ 19-20 ปี ในช่วงที่เป็นนักศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัย

ปัจจุบันธุรกิจเติบโตก้าวเข้าสู่ปีที่ 8 โดยมีผลิตภัณฑ์ที่เป็น Product hero ครองใจกลุ่มวัยรุ่น Gen Z หลากหลายผลิตภัณฑ์ ยกตัวอย่างเช่น LA GLACE DAILY TONER PADS สินค้าใหม่ที่เพิ่งจะเปิดตัวในช่วงเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา แต่มีกระแสตอบรับดีเกินคาด จากการ Live แนะนำขายสินค้าเพียงแค่ 4 ชั่วโมงก็สามารถสร้างยอดขายได้มากกว่า 31 ล้านบาท, ถัดมาคือ บลัชดำ สินค้ายอดนิยมสำหรับแต่งเติมพวงแก้มให้มีสีสันก็ยังขายดีอย่างต่อเนื่องรวมถึงคอนซีลเลอร์ ซึ่งทั้ง 3 ตัวนี้ ช่วยสร้างรายได้ให้แก่ธุรกิจเป็นสัดส่วนสูงมากถึง 70%
แบรนด์ LA GLACE ณ ปัจจุบันทางบริษัทมีผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางค์ มากกว่า 80 SKU ประกอบไปด้วยกลุ่ม Make up, Skincare และ Mask sheet โดยเหตุผลหลักที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จมาได้อย่างต่อเนื่อง ก็คือ การมุ่งพัฒนาคุณภาพให้ที่ดีที่สุด มีเอกลักษณ์สร้างความแตกต่าง และจำหน่ายในราคาที่จับต้องได้-เข้าถึงง่าย
“เราเริ่มธุรกิจจากการขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์โดยใช้ตัวเองเป็นพรีเซนเตอร์แนะนำ รีวิวสินค้า จาการทำคอนเทนต์ในรูปแบบต่างๆ นับตั้งแต่การ Live ใน TIKTOK และ IG หลังจากนั้นได้ขยายตลาดออนไลน์ไปในทุกช่องทางเพื่อให้ครอบคลุมและเข้าถึงกลุ่มลูกค้า Gen Z อีกทั้งแบรนด์ La Glace มีผู้ติดตามรวมทุกช่องทางออนไลน์ถึงมากถึง 1,500,000 followers และมีฐาน Affiliate (นายหน้าขายสินค้าในออนไลน์) อีกกว่า 140,000 คน” เอมลินทร์ กล่าว
นอกจากนี้ ธุรกิจยังขยายไปยังตลาดออฟไลน์จากการวางขายในร้านค้าปลีกและ Beauty Store ชั้นนำ เช่น watsons, Beautrium, EVEANDBOY, Konvy รวมทั้งใน 7-11 ด้วยเช่นกัน ทั้งหมดนี้จึงส่งผลให้บริษัทมีผลประกอบการที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากข้อมูลตัวเลขในแต่ละปีที่ผ่านมา
ปี 2561 รายได้ 6.64 แสนบาท กำไรสุทธิ 1.45 แสนบาท
ปี 2562 รายได้ 6.39 ล้านบาท กำไรสุทธิ 5.12 แสนบาท
ปี 2563 รายได้ 16.90 ล้านบาท กำไรสุทธิ 3.19 ล้านบาท
ปี 2564 รายได้ 13.21 ล้านบาท กำไรสุทธิ1.1 ล้านบาท
ปี 2565 รายได้ 39.9 ล้าน กำไรสุทธิ 1.65 ล้านบาท
ปี 2566 รายได้ 401.2 ล้านบาท กำไรสุทธิ 108.1 ล้านบาท
ปี 2567 รายได้ 420 ล้านบาท กำไรสุทธิ 37.7 ล้านบาท

ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่า ธุรกิจมีรายได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 2566 มากถึง 1,000% ป็นผลมาจากยอดขายของสินค้าที่เป็น Product hero ที่เปิดตัวในปีดังกล่าว ก็คือ ‘บลัชดำ’ หรือ BLACK MAGIC LIP & CHEEK PH BLUSH ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากสามารถทำยอดขายได้มากกว่า 1.5 ล้านชิ้น ขณะที่ LA GLACE MINI AIRY SKIN CONCEALER คอนซีลเลอร์ที่ช่วยปกปิดริ้วรอยแบบซองก็สามารถทำยอดขายได้มากกว่า 1.5 ล้านชิ้นเช่นกัน ซึ่งในส่วนของกำไรในปี 2567 ที่ลดลงนั้น เป็นผลมาจากการนำเงินไปลงทุนต่อเนื่องในด้านต่างๆ อาทิ ฝ่าย operation การผลิต, ระบบข้อมูล Data และการขยายหน้าร้านให้เพิ่มขึ้น เป็นต้น

สำหรับเป้าหมายของปี 2568 นี้ ทางผู้ก่อตั้งแบรนด์ยังบอกด้วยว่า ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 1,000 ล้านบาท โดยเธอเชื่อมั่นว่าจะสามารถทำยอดขาย LA GLACE DAILY TONER PADS ได้มากถึง 600-700 ล้านบาท โดยผลิตภัณฑ์นี้ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุด ของแผ่นผ้าสำลีที่อุ้มน้ำบำรุงผิวหน้าได้มากถึง 20 เท่าของน้ำหนัก ที่ทางแบรนด์ถือลิขสิทธิ์จากเกาหลีใต้ แต่เพียงผู้เดียวในไทย และเมื่อรวมกับยอดขายของ ‘บลัชดำ’ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่มียอดขายโดยรวมมากกว่าปีละ 300-400ล้านบาท ก็จะทำให้มั่นใจได้ว่ารายได้ปีนี้จะเป็นไปตามเป้าอย่างแน่นอน
"เราถือเป็น Trendsetter ของวงการ Make Up ไทย ผ่านการใช้ Make Up และการดูแลตัวเองตั้งแต่ขั้นตอนแรก ด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพ ที่ให้ผลลัพธ์ที่จริงใจและมีประสิทธิภาพ แบรนด์เราช่วยตอบโจทย์การแต่งหน้าทุกลุคของลูกค้าและสินค้าทุกชิ้นของ LA GLACE ต้อง support การแต่งหน้าของคนแต่งหน้าได้จริง นอกจากนี้ LA GLACE ยังเป็นแบรนด์เอเชียรายเดียว ที่อิงสไตล์การแต่งหน้าแบบ Underground Beauty ความสวยแบบไม่มีกรอบ นอกจากนี้ เรายังมีแบรนด์คอมมูนิตี้ที่แข็งแกร่ง ทำให้สามารถเติบโตไปกับเทรนด์การแต่งหน้าได้อย่างยั่งยืน" เอมลินทร์กล่าว

อย่างไรก็ตาม ทิวาทัพพ์ (เฟรนฟราย) ประธานเจ้าหน้าที่การตลาดและผู้ร่วมก่อตั้ง ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกด้วยกล่าวว่า บริษัทมีแผนจะขยายตลาดไปยังต่างประเทศภายในปี 2571 โดยจุดหมายแรกที่ทางแบรนด์เลือกปักหมุด ก็คือ ฮ่องกง เพราะถือเป็น Gateway ประตูสู่ลูกค้า Gen Z ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ พร้อมตั้งเป้ายอดขายทั้งในและต่างประเทศไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท
“ตอนนี้เรากำลังปรับลุคแต่งตัวให้ธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ถือเป็นการเตรียมพร้อมก่อนจะนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อระดมทุน ไม่ว่าจะเป็นการวางระบบด้านการเงินและบัญชีต่างๆ ซึ่งคาดว่าแผนนี้จะเกิดขึ้นภายในปี 2572 ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ทั้งในแง่ต้นทุน ภาพลักษณ์ ความน่าเชื่อถือ รวมถึงสามารถดึงคนเก่งๆ เข้ามาสร้างความแข็งแกร่งให้แบรนด์มีศักยภาพเพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศเพื่อขยายพอร์ตของ LA GLACE” ทิวาทัพพ์ กล่าวปิดท้าย


ภาพ : LA GLACE
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : เถ้าแก่น้อยแตกไลน์ธุรกิจสุขภาพ! เปิดตัวอาหารเสริม Mepoonn หลังซุ่มศึกษาวิจัยกว่า 2 ปี
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine