Lalamove เผยผลสำรวจ คนไทยมองหาอาชีพที่ยืดหยุ่นยิ่งขึ้น หนึ่งในนั้นคือการมาเป็น ‘พาร์ทเนอร์คนขับ’ - Forbes Thailand

Lalamove เผยผลสำรวจ คนไทยมองหาอาชีพที่ยืดหยุ่นยิ่งขึ้น หนึ่งในนั้นคือการมาเป็น ‘พาร์ทเนอร์คนขับ’

FORBES THAILAND / ADMIN
04 Jul 2025 | 12:55 PM
READ 120

ลาลามูฟ (Lalamove) เผยผลสำรวจจากพาร์ทเนอร์คนขับทั่วโลก 75% เริ่มเข้าร่วมเศรษฐกิจแพลตฟอร์ม เพิ่มโอกาสสร้างรายได้ ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของเวลาการทำงานที่ยืดหยุ่นส่งผลต่อการยกระดับคุณภาพชีวิตครอบครัว และความสมดุลระหว่างการทำงานกับชีวิตส่วนตัว


    เศรษฐกิจแพลตฟอร์ม หรือเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยแอปพลิเคชั่นต่างๆ บนแพลตฟอร์มดิจิทัล กำลังก้าวเข้ามามีอิทธิพลสำคัญในชีวิตของผู้คนต่อเนื่องไปจนถึงระบบเศรษฐกิจของประเทศ ไม่เพียงแค่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าและบริการต่างๆ ได้ง่ายดายขึ้น แต่เศรษฐกิจแพลตฟอร์มยังขับเคลื่อนวิถีชีวิตและรูปแบบการทำงานของผู้คนด้วยเช่นกัน

    ลาลามูฟ แพลตฟอร์มให้บริการขนส่งด่วนและบริการรับ-ส่งผู้โดยสารแบบออนดีมานด์ เผยผลสำรวจจากพาร์ทเนอร์คนขับทั่วโลกพบว่า มากกว่า 75% ของพาร์ทเนอร์คนขับเริ่มปรับรูปแบบการทำงานโดยการเข้าสู่เศรษฐกิจแพลตฟอร์มไปพร้อมๆ กับการทำงานแบบดั้งเดิม สะท้อนบทบาทของแพลตฟอร์มที่ช่วยปลดล็อกโอกาสทางอาชีพใหม่ๆ และชี้ให้เห็นว่ารูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่นของลาลามูฟช่วยให้พาร์ทเนอร์คนขับมีสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน ดูแลครอบครัว และบรรลุเป้าหมายส่วนตัวได้ดียิ่งขึ้น

    ปัจจุบัน รูปแบบการสร้างรายได้ผ่านแอปพลิเคชั่นกำลังกลายเป็นเทรนด์ที่น่าจับตามอง ลาลามูฟจึงทำการสำรวจความคิดเห็นจากพาร์ทเนอร์คนขับกว่า 9,000 คน จากหลากหลายประเทศทั่วโลก เพื่อนำข้อมูลเชิงลึกจากประสบการณ์จริงของพาร์ทเนอร์คนขับไปใช้ในการพัฒนาและยกระดับแพลตฟอร์มให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้มากขึ้น พบความเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ ดังนี้


เศรษฐกิจแพลตฟอร์ม พลิกโฉมตลาดแรงงาน

    เศรษฐกิจแพลตฟอร์มได้กลายเป็นเทรนด์ที่โดดเด่นที่เปลี่ยนรูปแบบการจ้างงานแบบดั้งเดิม สู่การเปิดโอกาสให้ผู้คนมีอิสระในการทำงาน และมีทางเลือกในการสร้างรายได้ที่หลากหลายยิ่งขึ้น สำหรับประเทศไทยพบว่า 35% ของพาร์ทเนอร์คนขับลาลามูฟเคยทำงานประจำในออฟฟิศมาก่อน และอีก 19% มาจากภาคขนส่งหรือโลจิสติกส์

    ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่าการทำงานบนแพลตฟอร์มกำลังกลายเป็นอีกหนึ่งคำตอบสำหรับอดีตพนักงานออฟฟิศและผู้ที่ต้องการบริหารเวลาและรายได้ด้วยตนเอง โดยช่วยขยายโอกาส สร้างทางเลือกในการหารายได้อย่างอิสระ

    ลาลามูฟกล่าวด้วยว่า การเป็นพาร์ทเนอร์คนขับเปิดโอกาสให้ผู้คนจัดสรรเวลาทำงานได้อย่างอิสระตามแนวโน้มที่กำลังเปลี่ยนไปทั่วโลก โดยจากข้อมูลล่าสุดชี้ให้เห็นว่า 65% ของพาร์ทเนอร์คนขับเลือกทำงานกับลาลามูฟเพราะความยืดหยุ่นในการจัดตารางเวลา และอีก 47% ใช้ความยืดหยุ่นนี้เพื่อสร้างรายได้ควบคู่กับการดูแลครอบครัว


เสริมสร้างความมั่นคงทางการเงินให้ครอบครัว

    ข้อมูลจากผลการสำรวจล่าสุดยังพบว่า 63% ของพาร์ทเนอร์คนขับใช้ลาลามูฟเป็นช่องทางสร้างรายได้เสริม ซึ่งมีส่วนช่วยสร้างเสถียรภาพทางการเงินและยกระดับคุณภาพชีวิตของครอบครัว โดยไม่ใช่แค่ตัวพาร์ทเนอร์คนขับเท่านั้นที่ได้รับประโยชน์ แต่ยังส่งผลดีต่อคนในครอบครัวอีกด้วย เนื่องจากกว่า 63% ของพาร์ทเนอร์มีครอบครัว และกว่า 2 ใน 3 มีบุตรที่ต้องดูแล

    ความยืดหยุ่นของแพลตฟอร์มลาลามูฟช่วยทำให้พวกเขาสามารถจัดสรรเวลาให้กับครอบครัวได้อย่างลงตัว ทั้งการรับ-ส่งบุตรไปโรงเรียน หรือทำภารกิจส่วนตัว พร้อมสร้างรายได้ไปพร้อมกัน สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่าลาลามูฟมีบทบาทสำคัญในการช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของทั้งพาร์ทเนอร์คนขับและครอบครัวให้ดียิ่งขึ้น

    กัญยาณัฐ ฉายงาม พาร์ทเนอร์คนขับจาก ลาลามูฟ ประเทศไทย กล่าวว่า “เมื่อเทียบกับงานประจำที่เคยทำ ปัจจุบันมีอิสระทั้งในการทำงานและการใช้ชีวิตมากขึ้น สามารถใช้เวลากับครอบครัวได้เต็มที่ ซึ่งถือเป็นความสุขที่แท้จริง นอกจากนี้ การร่วมงานกับลาลามูฟยังช่วยเพิ่มรายได้ ทำให้สามารถดูแลค่าใช้จ่ายของครอบครัวได้ครบถ้วน และมีอิสระทางการเงินมากขึ้นอีกด้วย”


พาร์ทเนอร์คนขับ ผู้คอยขับเคลื่อนชีวิตและชุมชน

    เพื่อตอกย้ำบทบาทสำคัญของพาร์ทเนอร์คนขับ ลาลามูฟเตรียมเปิดตัวแคมเปญ Heroes Behind The Wheel รวบรวมเรื่องราวความสำเร็จและแรงบันดาลใจจากพาร์ทเนอร์คนขับหลากหลายประเทศ ถ่ายทอดมุมมองและประสบการณ์จริงของพวกเขา เพื่อยกย่องว่าพาร์ทเนอร์คนขับลาลามูฟไม่เพียงแต่ขับเคลื่อนธุรกิจ แต่ยังขับเคลื่อนชีวิตของผู้คนและชุมชนให้ก้าวไปข้างหน้า

    เบน ลิน กรรมการผู้จัดการ ลาลามูฟ ประเทศไทย กล่าวว่า “เบื้องหลังการจัดส่งทุกออร์เดอร์ของลาลามูฟ คือความทุ่มเทของพาร์ทเนอร์คนขับ ที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ SME และสร้างการเติบโตให้ชุมชน ความมุ่งมั่นของพวกเขาไม่ได้หยุดแค่การให้บริการขนส่งสินค้า แต่ยังช่วยสร้างความมั่นคงให้ครอบครัว และทำให้ความฝันของตัวเองเป็นจริง ลาลามูฟจะเดินหน้าพัฒนาแพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนให้พาร์ทเนอร์คนขับประสบความสำเร็จทั้งในชีวิตส่วนตัวและการทำงานไปพร้อมกัน”


ภาพ: Lalamove


เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : สมาคมประกันวินาศภัยไทย มองแนวโน้มปีนี้ยังโต 1.5-2.5% เบี้ยรับตรงอยู่ที่ 291,000 - 294,000 ล้าน

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine