Lenskart แบรนด์แว่นตาแฟชั่น ประกาศแต่งตั้ง 'ใบเฟิร์น-พิมพ์ชนก' สไตล์ไอคอนชื่อดัง เป็น Face of Lenskart คนแรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA) พร้อมตั้งเป้าภายในปี 2570 จะขยายเพิ่มอีก 140 สาขา โดยเน้นในประเทศไทยและสิงคโปร์เป็นหลัก เพื่อผลักดันยอดขายออนไลน์ให้เติบโตจากปีก่อนหน้ามากถึง 450 %
ลูอิส ลูคามโต, ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, Lenskart เผยว่า เบื้องหลัง การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของ Lenskart ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คือกลยุทธ์ในการสร้างประสบการณ์ของลูกค้าผ่านแพลตฟอร์ม Omnichannel และการเปลี่ยนมุมมองของผู้คนที่มีต่อแว่นตา จากสิ่งจำเป็นเพื่อการมองเห็น ให้กลายเป็นแฟชั่นไอเท็มชิ้นสำคัญ การดึง ‘ใบเฟิร์น’ ซึ่งเป็นนักแสดง ที่ทรงอิทธิพลและเป็นที่รักทั่วทั้งภูมิภาค มาเป็น Face of Lenskart คนแรก จึงไม่ใช่แค่การเลือกพรีเซนเตอร์ แต่เป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ของเราได้อย่างลงตัว
“ปีที่ผ่านมา Lenskart สามารถขยายฐานลูกค้าและรายได้ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ขณะที่จำนวนสาขาเพิ่มขึ้นเป็น 37 สาขาในภูมิภาค และเรามีเป้าหมายที่จะขยายต่อเนื่อง 380% ขยายร้าน 140 สาขาภายในปี 2570 ผ่านกลยุทธ์การลงทุนเชิงรุก ทั้งการเพิ่มจำนวนสาขา การยกระดับ ประสบการณ์ Omnichannel รวมถึงการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งผ่านการทำงานร่วมกับอินฟลูเอนเซอร์ และเซเลบริตี้ระดับภูมิภาค” ลูอิส กล่าวเสริม
อัชพร จิรกิจเจริญ, กรรมการผู้จัดการ Lenskart ประเทศไทย กล่าวว่า “ประเทศไทยถือเป็นตลาดสำคัญของ Lenskart ในภูมิภาค SEA ด้วยศักยภาพการเติบโต และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปิดรับเทรนด์แฟชั่นอย่างรวดเร็ว นับตั้งแต่เข้ามาดำเนินธุรกิจ เราสามารถขยายร้านรวม 10 สาขา ภายในเวลาเพียง 1 ปี พร้อมทั้งเพิ่มฐานลูกค้า ใหม่ของแบรนด์ให้เติบโตขึ้น 12.9 เท่า จากปี 2024 ยิ่งไปกว่านั้นเราตั้งเป้าที่จะขยายสาขาให้มีถึง 20 สาขา ภายในเดือนมีนาคม 2569 เพื่อครอบคลุมบริการให้ทั่วถึงมากขึ้น”
4 กลยุทธ์ สู่การเป็น ‘Style Statement’ ของ Lenskart
1. Personalisation : ลงทุนในนวัตกรรม Mass Personalisation เช่น Lenskart Bitz ที่มี Magnetic Charms กว่า 60 แบบ เพื่อสร้างความแตกต่างในตลาด และให้ผู้สวมใส่สามารถเลือกเปลี่ยนได้ตามความต้องการในแต่ละวัน
2. Diverse Styles : นำเสนอแฟชั่นที่ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ ตั้งแต่สไตล์มินิมอลไปจนถึง Statement Pieces เพื่อตอบโจทย์ทั้งผู้บริโภคสายคลาสสิก และ Gen Z
3. Tech Meets Fashion : ผสานเทคโนโลยีกับแฟชั่น เช่น Lenskart Phonics แว่นอัจฉริยะ เพื่อยกระดับแบรนด์เป็น Tech-driven Fashion Company
4. Accessible Quality : สร้างสมดุลระหว่างคุณภาพพรีเมียม และราคาที่เข้าถึงได้ เพื่อขยายฐาน ลูกค้าทุกกลุ่มในภูมิภาค
“หัวใจสำคัญของเราคือการนำเทคโนโลยีมาสร้างความสะดวกสบาย (Tech-enabled convenience) เราจึงได้ปฏิวัติประสบการณ์ลองแว่นด้วยฟีเจอร์ไฮไลท์อย่าง ‘Virtual Try-On’ ที่ทลายทุกข้อจำกัดเดิมๆ ด้วย เทคโนโลยี AR ในแอปพลิเคชันของเรา สามารถสแกนและสร้างโมเดลใบหน้า 3 มิติได้อย่างแม่นยำและสมจริง แค่ใช้กล้องบนสมาร์ทโฟน ก็สามารถลองแว่นตานับพันดีไซน์ได้จากทุกที่ทุกเวลา เหมือนมีร้านแว่นตาส่วนตัว ติดตัวไปตลอด ช่วยให้ลูกค้าเลือกกรอบที่ใช่และเหมาะกับตัวเองที่สุดได้อย่างมั่นใจ ไม่ว่าจะตัดสินใจซื้อผ่าน ออนไลน์หรือที่หน้าร้านก็ตาม” อัชพร กล่าวเสริม
ทั้งนี้ ในปี 2569 ผู้บริโภคยังจะได้เห็นการเปิดตัวคอลเลกชันใหม่ที่ผสมผสานแฟชั่นกับเทคโนโลยี ล้ำสมัย รวมถึง Collaboration กับพาร์ทเนอร์ และดีไซเนอร์ที่น่าจับตามอง เพื่อยกระดับแว่นตาแฟชั่นในทุกมิติไปจนถึงการตั้งเป้าเพิ่มจำนวนสาขาในประเทศหลักอย่าง ประเทศไทย สิงคโปร์ รวมเป็น 140 สาขาภายในปี 2570 พร้อมผลักดันยอดขายออนไลน์ให้เติบโตจากปีก่อนหน้า 450 %
อย่างไรก็ตาม Lenskart พร้อมมอบประสบการณ์แว่นตาแบบครบวงจร ด้วยคอลเลกชันกว่า 2,000 สไตล์ ทั้งแว่นสายตา แว่นกันแดด และแว่นสำหรับเด็ก ครอบคลุมทุกความต้องการสำหรับทุกเพศ ทุกวัย ด้วยเลนส์คุณภาพสูง ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้งาน อาทิ เลนส์ตัดแสงสะท้อน, เลนส์โปรเกรสซีฟ, และเลนส์กรองแสงสีฟ้า รวมทั้งคอนแทคเลนส์ และใช้เทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบายการลองแว่นตา 3 มิติผ่านแอปพลิเคชัน (Virtual Try-On) ที่บ้าน ไปจนถึงบริการตรวจวัดสายตาฟรีโดยนักทัศนมาตรที่หน้าร้าน บริการเปลี่ยนเลนส์แว่นตากับทุกกรอบแว่น เพียง 300 บาท ไปจนถึงสิทธิประโยชน์สุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับสมาชิก Gold Max เช่น โปรโมชันซื้อ 1 แถม 1 และเครดิตเงินคืน เป็นต้น
ภาพ : Lenskart
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ‘แอบิเกล’ ซุปตาร์ฟันน้ำนม กวาดรายได้หลายสิบล้าน! ทั้ง 'พรีเซนเตอร์' และงานอีเวนต์
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine
