โรงงาน LG ในไทยที่ ‘ระยอง’ ใหญ่เป็นอันดับ 3 ในโลก สินค้า 80% ส่งออกไปต่างประเทศ - Forbes Thailand

โรงงาน LG ในไทยที่ ‘ระยอง’ ใหญ่เป็นอันดับ 3 ในโลก สินค้า 80% ส่งออกไปต่างประเทศ

แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าสัญชาติเกาหลีอย่าง LG เข้ามาทำตลาดในไทยตั้งแต่ 37 ปีที่แล้ว ไม่เพียงเท่านั้น LG ในชื่อ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ยังลงทุนสร้างโรงงานในไทยตั้งแต่ปี 2540 ด้วย จนปัจจุบันโรงงานแอลจีที่ จ.ระยอง เป็นโรงงานแอลจีที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ในโลก และเป็นฐานการผลิตที่ส่งออกสินค้าไปหลายประเทศ ตอกย้ำความเชื่อมั่นในการลงทุนและฝีมือของแรงงานไทย


เรื่องราวของโรงงานแอลจี อีเลคทรอนิคส์ ประเทศไทย

    หากย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 นับเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ เมื่อบริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ตัดสินใจเข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศไทย ที่อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง พื้นที่กว่า 335 ไร่แห่งนี้ ได้กลายเป็นบ้านของโรงงานแอลจี ที่เริ่มต้นขึ้นด้วยภารกิจในการผลิตเครื่องซักผ้าและเครื่องปรับอากาศเพื่อรองรับความต้องการของตลาดโลก

    ในช่วงแรก โรงงานแห่งนี้มีเพียงอาคารการผลิตไม่กี่แห่ง แต่ตลอดกว่า 25 ปีที่ผ่านมา แอลจีได้ขยายกำลังการผลิตและเพิ่มสายงานอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันโรงงานประกอบด้วยอาคารผลิตถึง 5 แห่ง ครอบคลุมการผลิต 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศ และคอมเพรสเซอร์ พร้อมด้วยพื้นที่อาคารรวมกว่า 258,000 ตารางเมตร และพนักงานกว่า 1,850 คน



เส้นทางการเติบโต

    หลังจากเปิดโรงงานในปี 2540 เพียงหนึ่งปี แอลจีก็เริ่มเดินสายการผลิตเครื่องซักผ้าถังคู่ ก่อนจะขยายสู่การผลิตเครื่องปรับอากาศในปี 2543 และต่อด้วยคอมเพรสเซอร์ในปี 2547 การเติบโตไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น แต่ยังเพิ่มสายการผลิตใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องซักผ้าฝาหน้า เครื่องอบผ้า ไปจนถึงการพัฒนาเครื่องปรับอากาศอินเวอร์เตอร์ที่ช่วยยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมไทย


    อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ตอบรับกับดีมานด์และต้นทุนในการดำเนินงาน แอลจีได้หยุดการผลิตสินค้าหลายรายการ และย้ายไปผลิตในประเทศอื่น เช่น เครื่องอบผ้าและเครื่องซักผ้าฝาหน้า ปัจจุบันผลิตในเกาหลีใต้ และจีน เป็นต้น ส่วนทีวีผลิตในจีน เวียดนาม และเกาหลีใต้ เป็นต้น

    ขณะที่โรงงานแห่งนี้ปัจจุบันผลิตสินค้า 3 กลุ่มดังที่กล่าวไปข้างต้น ได้แก่ เครื่องซักผ้าฝาบน เครื่องปรับอากาศ และคอมเพรสเซอร์


    โดยเครื่องซักผ้า (คิดเป็น 39% ของกำลังการผลิต) มีกำลังการผลิต 2.28 ล้านเครื่อง, เครื่องปรับอากาศ (คิดเป็น 45% ของกำลังการผลิต) ซึ่งครอบคลุมเครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วน เครื่องปรับอากาศแบบติดหน้าต่าง และเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ มีกำลังการผลิต 2.7 ล้านเครื่อง และคอมเพรสเซอร์ (คิดเป็น 16% ของกำลังการผลิต) มีกำลังการผลิต 9.2 แสนชิ้น

    แม้จำนวนโปรดักต์ไม่ได้หลากหลายดังแต่ก่อน แต่แอลจีมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง และนี่ถือเป็นหัวใจสำคัญ โดยตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา แอลจีได้ทุ่มงบกว่า 3,200 ล้านบาท เพื่อยกระดับเทคโนโลยีการผลิตและโครงสร้างพื้นฐานของโรงงาน ส่งผลให้กำลังการผลิตในปัจจุบันสูงถึง 5.5 ล้านเครื่องต่อปี โรงงานแห่งนี้จึงกลายเป็นโรงงานที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของโลกในเครือแอลจี โดยกว่า 80% ของสินค้าถูกส่งออกไปยังตลาดสำคัญ เช่น อเมริกา แคนาดา ตะวันออกกลาง เม็กซิโก และออสเตรเลีย

    หรือแม้แต่เครื่องซักผ้าฝาบนก็ส่งออกไปยังเกาหลีใต้ด้วย



    นอกจากนี้ ประเทศไทยยังเป็น 1 ใน 18 ประเทศทั่วโลกที่แอลจีเข้ามาลงทุนทั้งด้านการตลาด การขาย และฐานการผลิตสินค้าอีกด้วย


พลังงานสะอาดและนวัตกรรม

    สิ่งที่ทำให้โรงงานแอลจีในไทยโดดเด่นกว่าที่อื่น คือการนำเทคโนโลยี K-Tech (Korean Technology) เข้ามาประยุกต์ใช้ในส่วนงานการผลิตที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อคน และในส่วนงานที่ต้องการใช้ความแม่นยำระดับสูง อาทิ การใช้หุ่นยนต์ในการย้ายชิ้นงาน และการใช้ระบบอัตโนมัติในการติดแผ่นกันกระแทก การตรวจสอบด้วย Vision Camera System การใช้ระบบ AGV Supply Part (รถสำหรับลำเลียงสินค้าอัตโนมัติ) และการจัดการข้อมูลผ่าน Smart Control Tower เพื่อให้การผลิตมีมาตรฐานระดับโลก


    อีกก้าวสำคัญคือการเป็นโรงงานต้นแบบของแอลจีทั่วโลกในการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป ครอบคลุมพื้นที่กว่า 64,000 ตารางเมตร ช่วยผลิตพลังงานสะอาด 7.4 เมกะวัตต์ และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 5,100 ตันต่อปี ซึ่งเสร็จสมบูรณ์ในปี 2567


หัวใจคือบุคลากร

    แม้เทคโนโลยีจะสำคัญ แต่สิ่งที่แอลจีให้ความใส่ใจไม่แพ้กันคือ “คน” โรงงานได้รับการรับรองมาตรฐานด้านคุณภาพ สิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัย และความปลอดภัยในระดับสากล พร้อมทั้งจัดสวัสดิการเพื่อดูแลพนักงานอย่างรอบด้าน ตั้งแต่ระบบความเย็นในพื้นที่การผลิต อาหารที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน ไปจนถึงพื้นที่พักผ่อนที่ถูกออกแบบมาเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี


มุ่งสู่อนาคต

    จากโรงงานเล็กๆ ที่เริ่มด้วยสายการผลิตเครื่องซักผ้าถังคู่ในปี 2541 วันนี้โรงงานแอลจีที่ระยองก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในฐานการผลิตหลักของโลก ไม่เพียงเป็นแหล่งผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าส่งออกนับล้านชิ้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการพัฒนาอุตสาหกรรมไทย ที่ผสานทั้งเทคโนโลยี ความยั่งยืน และการดูแลบุคลากรเข้าด้วยกัน

    นอกจากนี้ แอลจียังเผยแผนงานเพิ่มเติม คือ จะลงทุนเตรียมพื้นที่ในที่ดินส่วนที่เหลือ ซึ่งมีขนาดใกล้เคียงกับส่วนที่สร้างโรงงานไปแล้ว โดยจะเตรียมความพร้อมในด้านระบบต่างๆ เช่น ถนน ไฟฟ้า เพื่อรองรับหากมีการลงทุนจากบริษัทแม่ในอนาคต



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : รู้จัก LG ใน 37 ข้อ จากจุดเริ่มต้น ‘ครีมเกาหลี’ สู่ผู้ผลักดันอุตฯ อิเล็กทรอนิกส์แดนกิมจิให้ก้าวสู่ระดับโลก

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine