LG ทุ่มงบการตลาด 100 ล้าน เปิดตัวแอร์ใหม่มีนวัตกรรม AI พร้อมดึง ‘เจฟ ซาเตอร์’ เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์

LG ทุ่มงบการตลาด 100 ล้าน เปิดตัวแอร์ใหม่มีนวัตกรรม AI พร้อมดึง ‘เจฟ ซาเตอร์’ เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์

แอลจี ลุยเต็มสูบ ทุ่มงบการตลาด 100 ล้าน เปิดตัวเครื่องปรับอากาศใหม่ พร้อมนวัตกรรม AI ดึง ‘เจฟ ซาเตอร์’ นั่งแท่นแบรนด์แอมบาสเดอร์เจาะตลาดคนรุ่นใหม่ หวังขึ้น Top 5 ตลาดแอร์ปีนี้


    บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้แทนจำหน่ายเครื่องปรับอากาศยี่ห้อ LG ได้เปิดตัว LG DUALCOOL AI Air 7 ซีรีส์ เข้าสู่ตลาดในหน้าร้อนนี้ โดยมี 3 รุ่นที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI อัจฉริยะ เพื่อยกระดับประสบการณ์ความเย็น ผ่านการเรียนรู้พฤติกรรมผู้ใช้งาน สภาพแวดล้อมทั้งอุณหภูมิและความชื้น ควบคู่กับไปกับเทคโนโลยีที่ช่วยให้อากาศสะอาดทั่วถึง ทั้งยังประหยัดพลังงาน

    บริษัทได้เตรีบมทุ่มงบการตลาด 100 ล้านบาทในปีนี้เพื่อทำโฆษณาในทุกช่องทางหลัก ทั้งภาพยนตร์โฆษณา บิลบอร์ด และโซเชียลมีเดีย ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด และจ้าง “เจฟ ซาเตอร์” นักร้องนักแสดง มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศแอลจี เพื่อเข้าถึงคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจเรื่องสุขภาพและให้ความสำคัญกับการใช้งานเครื่องปรับอากาศอัจฉริยะ

    ซอง ฮัน จอง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การเปิดตัว LG DUALCOOL AI Air ถือเป็นก้าวสำคัญของแอลจีที่ได้มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับเป้าหมายของแอลจี ในการเป็น Smart Life Solution Company อย่างแท้จริง ด้วยการผสานรวมนวัตกรรม AI อัจฉริยะที่ก้าวล้ำไปอีกขั้นในเครื่องปรับอากาศภายในบ้าน เพื่อตอบสนองความต้องการของแต่ละบุคคลได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น ทั้งยังตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัลในทุกด้าน ตามพันธกิจ ‘นวัตกรรมเพื่อชีวิตที่ดีกว่า’ ของแอลจี

ซอง ฮัน จอง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด


    อำนาจ สิงหจันทร์ หัวหน้าฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เสริมว่าแอลจีตั้งเป้าขายเครื่องปรับอากาศภายในบ้าน 154,000 เครื่องในปีนี้ เพิ่มขึ้น 30% จากปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 118,000 เครื่อง และจะมียอดขายแอร์ 2,300 ล้านบาทเพิ่มจากปีที่ผ่านมาซึ่งมีรายได้อยู่ที่ 1,600 ล้านบาท

    นอกจากนี้ยังวางเป้าหมายที่จะขึ้นตำแหน่ง Top 5 ผู้นำตลาดเครื่องปรับอากาศด้วยส่วนแบ่งตลาด 8% เพิ่มขึ้นจากที่เคยอยู่ในลำดับที่ 6-7 ของตลาดด้วยส่วนแบ่งตลาด 6-7% ในปีที่ผ่านมา

    ตลาดรวมเครื่องปรับอากาศเพื่อที่อยู่อาศัยในเมืองไทยในปีที่ผ่านมามีมูลค่า 32,610 ล้านบาทเติบโตจากปีก่อน 14% และอัตราการเติบโตของตลาดแอร์จะอยู่ที่ 6 เปอร์เซ็นต์ตั้งแต่ปี 2025 จนถึงปี 2029

    แม้การเติบโตของตลาดแอร์โดยรวมจะมีอัตราที่ลดลงในปีนี้ เพราะสาเหตุมาจากอากาศร้อนน้อยลงและช้าลงกว่าปีก่อนที่เริ่มตั้งแต่เดือนมกราคม เทียบกับปีนี้ที่เมืองไทยจะเข้าสู่ฤดูร้อนในปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้

อำนาจ สิงหจันทร์ หัวหน้าฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด


    อย่างไรก็ตาม อำนาจมั่นใจว่า แอลจี จะขึ้นแท่นผู้นำตลาดหนึ่งใน 5 ของตลาดได้ในปีนี้ ด้วยการส่งไลน์อัพใหม่ของ LG DUALCOOL AI Air ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบ DUAL Inverter ช่วยให้ประหยัดพลังงานและทำความเย็นได้เร็วยิ่งขึ้น โดยมีนวัตกรรม AI ที่ช่วยตอบโจทย์ผู้บริโภคครอบคลุมทั้งสามด้าน ได้แก่ ความเย็นสบาย อากาศสะอาด และช่วยประหยัดพลังงาน

    “ตลาดแอร์แข่งขันสูง เราจะชูเรื่องเทคโนโลยี ความยั่งยืนในการขายสินค้าจะน้อยหากเราเน้นเล่นเรื่องราคา เพราะคนจะไม่ซื้อซ้ำ” อำนาจกล่าว

    LG DUALCOOL AI Air รุ่นใหม่นี้มีทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ รุ่น SAQ ระดับความประหยัดไฟ 5 ดาว รุ่น SCQ ระดับความประหยัดไฟ 3 ดาว และรุ่น SEQ ระดับความประหยัดไฟ 1 ดาว มีตั้งแต่ขนาด 9,000 – 24,000 บีทียู ราคาเริ่มต้นที่ 20,000 บาท

    นอกจากสินค้าใหม่แล้ว บริษัทยังต่อยอดความสำเร็จและผลักดันการเติบโต แอลจี ประเทศไทย ด้วยการปรับใช้โครงสร้างองค์กรรูปแบบใหม่ตามวิสัยทัศน์ Future Vision 2030 ด้วยการตั้งทีมดูแลสินค้าในแต่ละหมวดสินค้าตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา เพื่อให้โฟกัสตลาดได้ชัดเจนขึ้น จากเดิมที่ผู้บริหารทีมเดียวจะต้องดูแลหลายๆ สินค้า


    “เรามั่นใจว่ายอดขายจะเติบโตตามเป้าได้ เพราะการครอบครองเครื่องปรับในครัวเรือนไทยยังมีเพียง 43-44% เท่านั้นจึงมีโอกาสตลาดอีกมาก นอกจากนี้ยังมีเหตุผลอื่นๆ อาทิ นโยบายรัฐบาลเรื่อง Easy E-Receipt 2.0, แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค การประกาศเข้าสู่ฤดูร้อนในปลายเดือนนี้ และการที่ผู้บริโภคสามารถเป็นเจ้าของเครื่องปรับอากาศได้ง่ายขึ้น” อำนาจกล่าวทิ้งท้าย



ภาพ: แอลจี



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ไฮเออร์ ประเทศไทย แต่งตั้ง “แบมแบม” เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์คนล่าสุด

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine