'ถึงเศรษฐกิจจะแย่ แต่เค้กวันแม่ยังขายดี' S&P คาดยอดขายสิงหาปี 68 ใกล้เคียงปีก่อน 298 ล้านบาท - Forbes Thailand

'ถึงเศรษฐกิจจะแย่ แต่เค้กวันแม่ยังขายดี' S&P คาดยอดขายสิงหาปี 68 ใกล้เคียงปีก่อน 298 ล้านบาท

​'ถึงเศรษฐกิจจะแย่ แต่เค้กวันแม่ยังขายดี' S&P คาดยอดขายเดือนสิงหาปี 68 ใกล้เคียงปีก่อน 298 ล้านบาท และถึงแม้ปัจจุบันต้นทุนวัตถุดิบหลักหลายอย่างจะปรับราคาขึ้น แต่ทางแบรนด์ก็ยังตรึงราคาสินค้าส่วนใหญ่ไว้ จะมีปรับขึ้นบ้างบางรายการเพื่อให้สะดวกต่อการจัดโปรโมชั่น ซื้อ 4 แถม 1


    กำธร ศิลาอ่อน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) หรือ S&P เผยถึงภาพรวมรายได้ช่วงเดือนสิงหาคมและเทศกาลวันแม่ปี 2567 ที่ผ่านมาว่า บริษัทยังรักษาความเป็นผู้นำตลาดได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยยอดขายรวมอยู่ที่ 298 ล้านบาท เท่ากับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 

    "สำหรับปีนี้ แม้ภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันจะถดถอยทั่วโลก ประกอบกับสถานการณ์ความไม่แน่นอนบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา แต่เราก็ยังมั่นใจว่ายอดขายของเดือนสิงหาคมในช่วงเทศกาลวันแม่ปี 2568 นี้จะยังอยู่ในระดับใกล้เคียงกันกับปีก่อน หรืออาจจะมียอดขายลดลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น"

    ทั้งนี้ กลุ่มสินค้าขายดีของ S&P ที่ยังคงทำยอดขายได้สูงสุดในช่วงเทศกาลวันแม่ ก็ยังเป็น "เค้ก" ที่ผู้คนนิยมเลือกซื้อนำไปบอกรักแม่อย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้ S&P ได้ออกผลิตภัณฑ์เค้กที่สามารถสั่งทำเป็น Photo Cake และเขียนข้อความที่ต้องการบอกรักแม่ได้ตามความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี ขณะที่กลุ่มสินค้าขายดีรองลงมาคือ ขนมอบ นั่นเอง



วัตถุดิบหลักปรับตัวสูงขึ้น แต่ S&P ยังตึงราคาสินค้าส่วนใหญ่ไว้เท่าเดิม!

    แม้ต้นทุนวัตถุดิบหลักในการทำอาหารและขนม เช่น เนย ไข่ และปลาแซลมอน จะปรับราคาขึ้น แต่ S&P ยังคงตรึงราคาสินค้าส่วนใหญ่ไว้เท่าเดิม โดยมีการปรับขึ้นราคาสินค้าบางรายการเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เช่น จาก 32 บาทเป็น 35 บาท หรือจาก 42 บาทเป็น 45 บาท เพื่อเป็นการจัดระเบียบราคาสินค้าให้ใกล้เคียงกันในแต่ละกลุ่ม และสะดวกต่อการจัดโปรโมชั่น เช่น “ซื้อ 4 แถม 1” ทั้งนี้ เพื่อให้โครงสร้างราคาสินค้ามีความชัดเจนและเป็นระบบมากยิ่งขึ้น  


เศรษฐกิจแย่ลง ธุรกิจต้องปรับตัวผ่านกลยุทธ์ที่หลากหลาย!

    ภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยที่ชะลอตัว กำลังซื้อของผู้บริโภคภายในประเทศลดลง ประกอบกับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หายไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากประเทศจีน ส่งผลกระทบต่อยอดขายของธุรกิจอาหารอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ประกอบกับการแข่งขันในตลาดธุรกิจอาหารเกิดขึ้นต่อเนื่อง ทั้งจากผู้ประกอบธุรกิจรายย่อยและรายใหญ่ (food chain) 

    ต่อเนื่องไปถึงการเข้ามาของนักลงทุนต่างชาติ เช่น จีน ที่ขยายสาขามายังประเทศไทย และมีข้อได้เปรียบในเรื่องของต้นทุนที่ต่ำกว่าอีกด้วย รวมถึงเรื่องราคาวัตถุดิบที่ยังมีความผันผวน ส่งผลให้ต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น ภาวะสงคราม เสถียรภาพทางการเมือง ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบต่อยอดขายของบริษัทฯ ทั้งสิ้น ดังนั้นบริษัทจึงต้องปรับตัวให้รวดเร็วขึ้น โดยการเน้นพัฒนาสินค้าใหม่ที่ตอบโจทย์เทรนด์ และการนำเสนอสินค้าที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสม 

    "นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา S&P มีการเปิดตัวสินค้าใหม่มากกว่า 100 รายการ นอกจากนี้เรายังมีการปรับและวางแผนกลยุทธ์เพื่อรองรับปัจจัยต่างๆ ข้างต้น เช่นการจัดทำ Segmentation, การปรับปรุงโมเดลร้านที่เหมาะสม, การจัดซื้อจัดจ้างวัตถุดิบล่วงหน้า, การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่โดนใจลูกค้า และยังมีแผนขยายธุรกิจใหม่ เช่น ธุรกิจแฟรนไชส์ในประเทศลาว, การเปิดร้าน Quick Service Restaurant (QSR) แบรนด์ใหม่ เพื่อขยาย Portfolio ของบริษัทฯ ซึ่งเพิ่มโอกาสและการขยายตัวของธุรกิจในอนาคต" กำธร กล่าวเสริม


    อย่างไรก็ตาม คาดการณ์รายได้ช่วงไตรมาส 3-4 ของปีนี้ ซีอีโอของ S&P ยังบอกด้วยว่า อาจจะลดตัวลงจากปีที่แล้วอยู่บ้าง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่หดตัว รวมถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน แต่ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ปรับตัวได้อย่างรวดเร็วให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน และมีการวางแผนงานในอนาคต โดยกำหนดเป็นแผนกลยุทธ์เพื่อรองรับ ดังนี้

    แนวคิดร้านรูปแบบใหม่ (New Store Concepts) เพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าโดยรวม ด้วยการปรับปรุงรูปแบบและการออกแบบร้าน S&P ใหม่ โดยจะมีการปรับโมเดลของร้านให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย พร้อมทั้งสร้างบรรยากาศร้านให้ดูทันสมัย สดใส และน่าดึงดูดยิ่งขึ้น เพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์

    สินค้าใหม่ที่ทันกระแส (New In-Trend Products) เปิดตัวสินค้าใหม่ที่ตอบโจทย์กระแสปัจจุบัน พร้อมทั้งสร้างกระแสใหม่ในตลาด โดยเน้นสินค้าที่มีรสชาติอร่อยและตรงใจผู้บริโภค ตัวอย่างความสำเร็จ คือการเปิดตัว “Shio Pan (ขนมปังรสเค็ม)” ซึ่งได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม มียอดขายกว่า 1,000,000 ชิ้น และยังมีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่น่าตื่นเต้นเพิ่มเติมในอนาคต

    ขยายธุรกิจใหม่ (New Business Expansion)

1. ขยายธุรกิจแฟรนไชส์ S&P ไปยังประเทศลาว-โดยร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจที่มีศักยภาพในการขยายสาขาในตลาดประเทศลาว 

2. เปิดตัวแบรนด์ QSR ใหม่-นำเสนอแบรนด์และผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อขยายพอร์ตธุรกิจ เพิ่มยอดขาย และสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ

    กลุ่มธุรกิจค้าปลีกและบริการอาหาร (Retail and Food Service) กลยุทธ์หลักในปี 2025 จะเน้นไปที่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ (NPDs) รวมถึงรสชาติใหม่ๆ และสินค้าพิเศษเฉพาะในกลุ่มค้าปลีก ขณะเดียวกันกลุ่มธุรกิจบริการอาหารแบบ OEM ก็มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากลูกค้าเดิมและการขยายสู่เชนร้านอาหารและสายการบินรายใหม่ๆ


ภาพ : S&P



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : กลุ่มธุรกิจอาหาร ไทยเบฟ เดินหน้าสร้างการเติบโต พร้อมขยายตลาดส่งออกอาหารสำเร็จรูปฯ ลุยอาเซียน-ยุโรป

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine