Tay Liam Wee อี-คอมเมิร์ซสายแกร่ง เครือข่ายนาฬิกาหรู "WatchBox" - Forbes Thailand

Tay Liam Wee อี-คอมเมิร์ซสายแกร่ง เครือข่ายนาฬิกาหรู "WatchBox"

FORBES THAILAND / ADMIN
07 Jul 2023 | 11:30 AM
READ 942

    เกิดและเติบโตบนถนนสายนาฬิกา ครอบครัวทำธุรกิจนาฬิกามายาวนาน แน่นอนเขาสืบทอดธุรกิจของครอบครัว สร้างกิจการเติบใหญ่ ประสบความสำเร็จ และได้ตัดสินใจขายมันออกไปเพื่อหาโอกาสใหม่ๆ โอกาสนั้นกลับมาเกี่ยวข้องกับธุรกิจนาฬิกาอีกครั้ง ทว่าต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เริ่มต้นโดยอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยี เป็นการผนวกโลกออนไลน์มาสู่ธุรกิจนาฬิกาหรูได้อย่างลงตัว

    Tay Liam Wee ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานกิตติมศักดิ์ WatchBox แพลตฟอร์มการซื้อขายแลกเปลี่ยนและสะสมนาฬิกา เริ่มต้นบอกเล่าเส้นทางชีวิตที่เต็มไปด้วยสีสัน ความสนุก ความต่างแห่งช่วงวัยและเทคโนโลยีให้กับทีมงาน Forbes Thailand ครั้งมาเยือนไทยเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เพื่อทดลองตลาดและมองหาที่ตั้ง WatchBox Lounge ในกรุงเทพฯ ซึ่งอาจเป็นทำเลที่ 13 ของเขาในการใช้เป็นสถานที่พบปะของลูกค้าและนาฬิกาที่พวกเขาชื่นชอบ Physical shop ภายใต้รูปแบบของเลานจ์เป็นสถานที่ที่ลูกค้า WatchBox จะได้สัมผัสและซึมซับความพิเศษของนาฬิกาหรูที่พวกเขาพึงใจอย่างจับต้องได้ เป็นช่องทางในการสร้างความเชื่อมั่นสำหรับการลงทุนนาฬิกาหรู ซึ่งสนนราคาต่อเรือนไม่ต่ำกว่ามูลค่า 7-8 หลัก

    Liam Wee เล่าว่า เขาอยู่ในแวดวงนาฬิกาแบรนด์ดังจากสวิสมาเกือบตลอดชีวิตหลังจากที่ตัดสินใจขายธุรกิจจำหน่ายนาฬิกาที่ทำมากับมือออกไปนั่นคือ Sincere Watch ซึ่งมีฐานอยู่ที่สิงคโปร์ จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์และฮ่องกง โดยขายให้กลุ่มทุนจีนไปในปี 2551 เป็นช่วงวิกฤตการเงินโลก (ซับไพรม์) เขากำลังมองหาอะไรใหม่ๆ ทดแทนธุรกิจนาฬิกาที่ทำมาอย่างยาวนาน

    “นอกจากธุรกิจนาฬิกาในสิงคโปร์ เราได้ ร่วมก่อตั้ง Pendulum กับหุ้นส่วนชาวไทยเมื่อปี 2534 และปี 2535 ก็ได้ขยายมาที่ประเทศไทย อันนั้นเป็นธุรกิจของครอบครัว” Liam Wee ย้อนอดีตถนนสายเถ้าแก่ที่เขาทำมายาวนานและครอบครัวของเขาก็ค้าขายนาฬิการ่วมกับหุ้นส่วนชาวไทย เคยเข้ามาทำตลาดในไทยเมื่อหลายสิบปีก่อน


พลิกโฉมธุรกิจนาฬิกา


    แม้จะบอกว่าขายกิจการเพื่อมองหาโอกาสใหม่ แต่ปัจจุบัน Liam Wee ก็ยังคงทำธุรกิจนาฬิกาแต่ทว่าต่างจากอดีตอย่างมาก เมื่อเขาได้เริ่มต้นกิจการ WatchBox ในปี 2558 กับหุ้นส่วนชาวอเมริกัน อดีตนักการเงินที่เกษียณตัวเองจากธุรกิจหลักซึ่งได้ชวน Liam Wee มองหาธุรกิจใหม่ด้วยแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซ เนื่องจากตอนนั้นทั้งคู่ใช้ชีวิตอยู่ที่สหรัฐอเมริกา โดยหลังจาก Liam Wee ขายกิจการนาฬิกาเดิมออกไปเขาเดินทางไปสหรัฐฯ เพื่อเป็นนักกอล์ฟ ซึ่งเป็นกีฬาโปรดที่เขาทุ่มเทจริงจังไม่น้อยหน้าธุรกิจนาฬิกาและพยายามศึกษาเพิ่มเติม เขาเคยเข้าร่วม Butch Harmon และ Dave Pelz Golf Academies ใน Las Vegas และ Boca Raton

    “ที่อเมริกาช่วงนั้นอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยีคือโลกแห่งอนาคต และ ecosystem ของธุรกิจเทคก็เฟื่องฟูมาก” ประธาน WatchBox เล่าด้วยแววตาที่เปล่งประกายแม้วันที่เขาเริ่มต้นธุรกิจใหม่นี้ผ่านมาแล้ว 8 ปี แต่ Liam Wee บอกว่า ยังคงตื่นเต้น สนุก และท้าทายอยู่ตลอดเวลา เขาดูมีชีวิตชีวากับธุรกิจอี-คอมเมิร์ซนาฬิกาหรูนี้อย่างมาก แม้อยู่ในวัยเกษียณแต่ทว่าไม่ใช่อุปสรรค เพราะธุรกิจใหม่นี้เกิดขึ้นและประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วแบบที่ตัวเขาเองก็คาดไม่ถึงเช่นกัน

    “ตอนนั้นหุ้นส่วนถามผมว่า เราจะทำธุรกิจอี-คอมเมิร์ซอะไรกันดี เรามีความรู้อะไรกันบ้าง เพื่อนผมมีความรู้ด้านไฟแนนซ์ ส่วนผมแน่นอนด้านนาฬิกา ผมอยู่กับมันมานานกว่า 30 ปี” นั่นคือจุดเริ่มต้น WatchBox ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซนาฬิกาหรูที่เขาเริ่มทำในวัย 57 ปี Liam Wee บอกเล่าประสบการณ์นี้อย่างอารมณ์ดี ยิ่งเมื่อเราถามย้ำว่า “คุณเริ่มทำอี-คอมเมิร์ซตอนอายุขนาดนี้เรื่องเทคโนโลยีไม่เป็นอุปสรรคหรือ” เขาตอบคำถามด้วยเสียงหัวเราะพร้อมแววตาที่สนุกตื่นเต้นกับประโยคที่ว่า “ในเมื่อเราอยู่ท่ามกลางโลกที่ผู้คนกำลังตื่นตัวเรื่องอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยี และเรามีความรู้เรื่องนาฬิกา ทำไมเราจะทำอี-คอมเมิร์ซนาฬิกาไม่ได้ล่ะ” จากนั้นเขาก็เริ่มบอกเล่าเส้นทางธุรกิจใหม่ที่เต็มไปด้วยสีสันนี้ด้วยรอยยิ้มสลับเสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดีตลอดเวลา 50 นาทีในการพูดคุย

    จากจุดเริ่ม Liam Wee บอกว่า ไม่ได้คิดว่าจะมาไกลถึงปัจจุบัน แต่ตอนนั้นเพียงมองเห็นโอกาสใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในยุคอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยีเท่านั้น “พอมาทำ WatchBox เราก็เห็นโอกาสทางธุรกิจในรูปแบบใหม่เป็น new way of businessที่สามารถทำได้ทั่วโลก เราเริ่มต้นกันที่ Philadelphia” เขาย้อนวันเริ่มต้น WatchBox กับเพื่อนชาวอเมริกันที่กลายมาเป็นหุ้นส่วนคนสำคัญ Danny Govberg ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร โดย Liam Wee เล่าว่า เขาเริ่มธุรกิจจากการทำเว็บไซต์ thewatchbox.com จากนั้นก็มีแอปพลิเคชัน WatchBox ตามมา และกลายเป็นชุมชนการแลกเปลี่ยนนาฬิกาหรูทั่วโลกได้อย่างน่าทึ่ง เขาเรียกมันว่า TheGlobal Destination for Luxury Pre-owned Watches ในขณะที่อีกหลายคนเรียก WatchBox ว่าเป็น Market Place of Pre-Owned Luxury Watches Online และเป็น The World’s Leading Watch House ในปัจจุบัน

    “การเริ่มของเราเป็นไปอย่างสวยงาม ตลอด 8 ปีที่เราดำเนินกิจการเติบโตทุกปีราว 30% เราสามารถระดมทุนต่อเนื่องเพื่อขยายธุรกิจได้มากถึง 2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ มี fund ใหญ่สนับสนุน” เขายกตัวอย่างกองทุนที่สนับสนุน เช่น Bill Ackman และอีกหลายกองทุน รวมทั้งบุคคลมีชื่อเสียงมากมายที่มาร่วมลงทุนกับ WatchBox เช่น Michael Jordan, Danny Maegaard, Chris Paul, Giannis Antetokounmpo, Howard Linzdon เป็นต้น “พวกเขาร่วมลงทุนกับเราเพราะว่าเขารักนาฬิกา สนใจและลงทุนในนาฬิกา และแน่นอนเขาก็มาลงทุนกับแพลตฟอร์มของเราด้วย” Liam Wee เผยเส้นทางการเติบโตที่ไม่ยากเกินจินตนาการ และสามารถก่อกำเนิดเป็นรูปธรรมได้เพียงเวลาไม่กี่ปีดึงดูดคนหนุ่มสาว

    ประธาน WatchBox วัย 65 ปีผู้นี้บอกว่าทุกวันนี้เขาทำงานกับคนรุ่นใหม่ คนหนุ่มสาววัย 20-30 และ 40 ได้อย่างลงตัว แม้ว่าในช่วงแรกเขาต้องคอยสอนเกี่ยวกับความรู้ด้านนาฬิกา แต่ด้วยการเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์คนหนุ่มสาวเหล่านี้ยินดีและสนใจที่จะร่วมงาน “ถ้าเราไปชวนคนหนุ่มวัย 20-30 ว่า มาขายนาฬิกากับเราไหม เรามีร้านอยู่ที่นั่นที่นี่ก็คงไม่ง่าย แต่พอเราบอกว่า ขายผ่านอินเทอร์เน็ต ทำงานออนไลน์ พวกเขาสนใจและยินดีมาร่วมงาน” นี่เป็นอีกหนึ่งความสดใหม่ของธุรกิจออนไลน์ที่ทำให้ WatchBox แจ้งเกิดได้ไม่ยาก พลวัตของคนหนุ่มสาว ไอเดียที่สดใหม่ ทำให้แพลตฟอร์มนาฬิกาหรูออนไลน์แห่งนี้เติบโตด้วยดีจุดเริ่มต้น

    จากเว็บไซต์สิ่งที่ทำให้คนรับรู้มากที่สุดคือ คอนเทนต์ที่มีทั้งภาพและวิดีโอ สิ่งเหล่านี้ดึงดูดผู้คนให้เข้ามาติดตามแพลตฟอร์ม WatchBox และร่วมเป็นหนึ่งในชุมชน ดังนั้น สิ่งที่เขาทำพร้อมกับเว็บไซต์จึงเป็น WatchBox Studio “เราเรียกมันว่า สตูดิโอเป็นสถานที่ผลิตวิดีโอสำหรับแนะนำนาฬิกา และให้ความรู้กับลูกค้าผ่านวิดีโอที่เผยแพร่ตัวสินค้า เรียกว่าเป็นช่องทางหลักในการดึงดูดลูกค้า เรามีวิดีโอมากกว่า 5,000 ชิ้น” เขาย้ำว่า ให้ความสำคัญและผลิตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน



    Liam Wee บอกว่า แน่นอนห้องสมุดของวิดีโอเหล่านี้ค่อนข้างใหญ่ แต่สตูดิโอมีแห่งเดียวคือที่ Philadelphia สถานที่ซึ่งก่อตั้งบริษัทตั้งแต่แรก “เราเลือกอเมริกาเพราะว่าที่นั่นมี ecosystem ที่เอื้อสำหรับธุรกิจอี-คอมเมิร์ซทุกอย่าง และตลาดหลักของเราก็อยู่ที่อเมริกาก่อนจะขยายมาที่เอเชีย” ปัจจุบัน WatchBox มีเลานจ์อยู่ทั้งหมด 12 แห่ง เริ่มต้นจากอเมริกา ปัจจุบันมี 5 แห่งที่ Philadelphia, New York City, Miami, Los Angeles, Boca Raton เอเชีย 3 แห่ง คือ Shanghai, สิงคโปร์ และฮ่องกง ยุโรป 2 แห่งที่ Neuchâtel, Zürich และตะวันออกกลาง 2 แห่ง ที่ Dubai และ Riyadh

    เมื่อใช้สื่อออนไลน์ในการทำตลาด แน่นอนย่อมไม่หยุดเพียงเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน เขาใช้ทุกช่องทางไม่ว่าจะเป็นโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มต่างๆ โดยใช้ทั้งวิดีโอและภาพในการสื่อสารกับลูกค้า ทำให้ลูกค้าเข้าถึงนาฬิกาต่างๆ ที่พวกเขาสนใจด้วยการโพสต์รูปและคลิปให้ลูกค้าเลือกดูจนพอใจ “เราให้ข้อมูลลูกค้ามากที่สุด แน่นอนมีทั้งคนที่สนใจนาฬิกาและคนที่สะสมนาฬิกา ซึ่งวิดีโอต่างๆ ที่เราเผยแพร่ไปในเว็บไซต์และทุกๆ ช่องทางมีจำนวนวิวมากกว่า 100 ล้านวิว” ส่วนแอป-พลิเคชันเขาเผยว่า มียอดดาวน์โหลดไปแล้วมากกว่า 80,000 ยูสเซอร์ จะเห็นว่าคนสนใจเรื่องนาฬิกามีจำนวนมากจริงๆ เขาใช้ทีมงานในการติดต่อสื่อสารกับคนเหล่านั้นผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย ซึ่งพวกเขาสอบถามแลกเปลี่ยนเรื่องนาฬิการุ่นนั้นรุ่นนี้ รูปแบบต่างๆ และราคาที่พวกเขาสนใจ

    Liam Wee ยอมรับว่าการขายสินค้าราคาแพงระดับ 25,000 เหรียญ แน่นอนลูกค้าต้องการความมั่นใจ เขาสร้างความเชื่อมั่นเป็นพื้นฐานในการที่จะทำให้ลูกค้ายอมรับผ่านเลานจ์ทั้ง 12 แห่ง ซึ่งเปรียบเหมือนห้องรับแขกที่เขาจะเชิญชวนผู้สนใจมาพบปะและสัมผัสนาฬิกาหรูที่พวกเขาพึงพอใจ เป็นเหมือนปราการด่านสุดท้ายสำหรับปิดการขายในที่สุด มันเป็นการประยุกต์เอาเทคโนโลยีในการรวมคนที่สนใจนาฬิกามาอยู่ในแพลตฟอร์มเดียวกัน จากนั้นก็เลือกและแลกเปลี่ยนจนพอใจก่อนจะนัดหมายมาพบเพื่อสัมผัสสินค้าของจริง ซึ่งไม่เพียงการขาย แต่ WatchBox ยังมีการรับประกันให้ลูกค้าถึง 2 ปี ในแง่ของความเชื่อมั่น ทำให้การยอมรับเกิดขึ้นไม่ยาก ถ้าลองดาวน์โหลดแอป WatchBox มาดูจะพบว่า ในแอปมีข้อมูลนาฬิกาหรูหลาก-หลายแบรนด์ และมีรุ่นต่างๆ ให้เลือกชม พร้อมข่าวความเคลื่อนไหวของบรรดานาฬิกาหรูให้ดูอย่างมากมาย Liam Wee บอกว่า ข้อมูลเหล่านี้อัปเดตอยู่เสมอ และเขาก็ให้เวลากับธุรกิจนี้แบบธุรกิจออนไลน์คือไม่มีวันหยุด เซอร์วิสตลอด 7 วัน 24 ชั่วโมง ด้วยทีมงานและเครือข่ายที่มีอยู่ในแต่ละภูมิภาค

    นอกจากนี้ ก็ยังมีการสต็อกนาฬิกาหรูเหล่านี้ไว้เป็นมูลค่าไม่น้อยกว่า 150 ล้านเหรียญ หากลูกค้าชอบรุ่นไหนจะสามารถนำมาให้ดูได้ และหากเป็นที่ถูกใจก็ซื้อขายเปลี่ยนมือกันได้เลยทั้งออนไลน์และออฟไลน์ผ่านเลานจ์ที่มีอยู่ทั้ง 12 แห่ง โดยแห่งล่าสุดเพิ่งเปิดที่ New York ในทำเลที่ดีมาก เป็นอาคารบนถนน 57 & Madison ซึ่งเป็นแหล่งรวมช็อปแบรนด์เนมระดับหรูของ New York

    "ผมมีพื้นฐานความรู้เรื่องการทำร้านนาฬิกาอย่างดี แต่ต้องยอมรับว่า 8 ปีที่ทำมานี้มันไม่เหมือนเดิม เป็นความแปลกใหม่ที่ยังคงรู้สึกได้ถึงความตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลา” แน่นอนเส้นทางเดินของ WatchBox ยังอีกยาวไกล ตราบใดที่ผู้คนยังให้ความสนใจและเห็นมูลค่าในนาฬิกาแบรนด์ดังเป็นของสะสมล้ำค่าที่ราคาเพิ่มพูนตลอดเวลา"


FORBES FACTS


    ㆍ ปัจจุบัน Tay Liam Wee มีบ้านที่ฮ่องก่ง ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ที่ฮ่องกงกับภรรยา และเดินทางไปมาระหว่างฮ่องกง-สหรัฐฯ ทั้งเพื่อกีฬากอล์ฟและธุรกิจ WatchBox

    ㆍ Tay Liam Wee ได้รับการเสนอชื่อให้เป็น Ernst and Young Entrepreneur of the Year ของสิงคโปร์ในปี 2547 และยังได้เป็น Singapore Tourism Board Entrepreneur of the Year ในปี 2548

    ㆍTay Liam Wee มีส่วนสำคัญในการเปลี่ยน Sincere Watch ซึ่งเป็นบริษัทของครอบครัวทำธุรกิจจำหน่ายนาฬิกาแบบดั้งเดิมให้กลายเป็นสินค้าหรูหราทั่วเอเชีย

    ㆍ นอกจากเป็นนักธุรกิจ Tay Liam Wee ยังเป็นนักกอล์ฟตัวยง เขายังคงเล่นกอล์ฟเป็นประจำสลับกับเทนนิสซึ่งเป็นอีกหนึ่งกีฬาโปรดเช่นกัน


อ่านเพิ่มเติม : SCB ส่ง "บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ อีซี่" เอาใจคนรักการออม รับดอกเบี้ยสูง 1.50% ต่อปี

    คลิกอ่านฉบับเต็มและบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนมิถุนายน 2566 ในรูปแบบ e-magazine