เพราะเป็น ‘ความหรูหรา’ ที่เข้าถึงง่าย ดัน Specialty Coffee ไทยโตแกร่ง ปี 68 มูลค่าตลาด 30,000 ล้านบาท - Forbes Thailand

เพราะเป็น ‘ความหรูหรา’ ที่เข้าถึงง่าย ดัน Specialty Coffee ไทยโตแกร่ง ปี 68 มูลค่าตลาด 30,000 ล้านบาท

ทั้งที่ไม่ใช่พืชท้องถิ่น แต่เดินทางข้ามทวีปมาไกลจากอีกมุมหนึ่งของโลก กาแฟกลับได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยมาในหมู่คนไทย ด้วยบทบาททั้งในฐานะของเครื่องดื่มและฟืนเฟืองเล็กๆ อันทรงพลังในการขับเคลื่อนสังคม เพราะเหนือกว่ารสชาติ กาเฟอีน และสุนทรียภาพ กาแฟยังเปลี่ยนแปลงวิถีความเป็นอยู่ของเกษตรกร ชุมชน ผู้ประกอบการ ไปจนถึงผู้บริโภค โดยในปี 2568 ตลาดกาแฟไทยมีมูลค่าราว 65,000 ล้านบาท และยังมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง


    Forbes Thailand ชวนผู้อ่านมองย้อนไปช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา ต่อให้ไม่ได้เป็นคอกาแฟ หลายท่านคงสังเกตว่าคาเฟ่และร้านกาแฟในไทยมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งร้านเชน แฟรนไชส์ และร้านอิสระ มีแบรนด์กาแฟเข้ามาในท้องตลาดมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ไทยหรือแบรนด์ต่างประเทศก็ตาม เช่นเดียวรูปแบบผลิตภัณฑ์ที่มีให้เลือกสรรจนละลานตา ตั้งแต่กาแฟผงสำเร็จรูปบรรจุซอง กาแฟคั่วบด กาแฟแคปซูล ไปจนถึงเมล็ดกาแฟสำหรับผู้ที่อยากบดเอง

    ทั้งหมดที่กล่าวมานี้เพื่อให้เห็นภาพว่าตลาดกาแฟไทยเติบโตขึ้นมากแค่ไหน สำหรับบางคน (ซึ่งมีจำนวนไม่น้อย) กาแฟไม่ใช่แค่เครื่องดื่มกาเฟอีนสำหรับกระตุ้นความตื่นตัวเวลาทำงาน แต่ยังเป็นสุนทรียภาพเล็กๆ ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ในทุกวัน ก่อกำเนิดเป็นความหลงใหลให้ถลำลึกจนต้องแสวงหากาแฟพิเศษ (Specialty Coffee) ที่มีความพิถีพิถันตั้งแต่เริ่มต้นปลูก ผ่านกระบวนการต่างๆ ที่เต็มไปด้วยความละเอียดอ่อน จนได้บาริสตาร์ผู้เชี่ยวชาญรังสรรค์เป็นเมนูเครื่องดื่ม เสิร์ฟมาในถ้วยส่งกลิ่นหอมกรุ่นพร้อมให้ลิ้มลอง

    อีกหนึ่งประจักษ์พยานที่ขาดไม่ได้เลยคือเทศกาลกาแฟ Thailand Coffee Fest ที่ดำเนินมาจนครบรอบทศวรรษแล้ว โดยณัฎฐ์รดา คุณะวิวัฒนานนท์ นายกสมาคมกาแฟพิเศษไทย (SCATH) และช้างน้อย กุญชร ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท คลาวด์แอนด์กราวนด์ จำกัด (The Cloud) ผู้เป็นหัวเรือในการจัดงาน เปิดเผยว่า Thailand Coffee Fest มาไกลจากเมื่อ 10 มีก่อนมาก เช่นเดียวกับวงการกาแฟพิเศษไทยที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วจนกลายมาเป็น rising star ดวงสำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


เติบโตบนเทรนด์ small luxury และ healthy lifestyle

    กาแฟพิเศษแต่ละถ้วยล้วนมีเรื่องราวยากจะประเมินค่า ดังนั้นก่อนเล่าถึงจิตวิญญาณที่บรรจุอยู่ในทุกหยาดหยดของเครื่องดื่มกาแฟ Forbes Thailand จึงจะขอนำเสนอตัวเลขที่น่าสนใจเกี่ยวกับตลาดกาแฟไทยให้ผู้อ่านได้ตื่นเต้นกันสักเล็กน้อย เพราะยากจะปฏิเสธว่า ในหลายๆ ครั้ง ตัวเลขก็ทำให้มนุษย์สามารถจินตนาการถึงความยิ่งใหญ่ของสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้ง่ายขึ้น

    ณัฎฐ์รดา เผยว่า ปัจจุบันคนไทยดื่มกาแฟเฉลี่ยคนละ 1.7 แก้วต่อวัน และประเมินว่าในปี 2568 ภาพรวมมูลค่าตลาดกาแฟไทยอยู่ที่ 65,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นมูลค่าจากการขายเครื่องดื่มกาแฟเป็นแก้วราว 55%, จากการขายอุปกรณ์สำหรับชงกาแฟ 25% และจากการขายเมล็ดกาแฟ 20%

    และหากพิจารณามูลค่าตลาด 65,000 ล้านบาท จะพบว่าเป็นกาแฟพิเศษไทยมากถึง 30,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 46% ของมูลค่าตลาดกาแฟทั้งหมดในประเทศไทย นอกจากนี้ตลาดกาแฟพิเศษไทยมีการเติบโตต่อเนื่อง 10-15% ต่อปี สะท้อนความเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคที่มีความนิยมบริโภคกาแฟพิเศษมากขึ้น

    หากถามว่ามีปัจจัยใดบ้างที่คอยขับเคลื่อนการเติบโตของกาแฟพิเศษไทย?

    ช้างน้อยกล่าวถึง 2 ข้อ ข้อแรกคือเทรนด์ small luxury เมื่อคนยุคใหม่หันมาให้ของขวัญเป็นรางวัลตัวเองด้วยสินค้าหรือบริการที่มีราคาแพงขึ้นกว่าปกติ แต่ยังไม่เกินกำลังการใช้จ่าย เป็นความหรูหราเล็กๆ ที่สามารถเข้าถึงได้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งกาแฟพิเศษที่มีความพิถีพิถัน คุณภาพ และราคาสูงกว่ากาแฟทั่วไป ก็นับเป็น small luxury เช่นกัน ส่วนอีกข้อคือเทรนด์สุขภาพ เมื่อผู้คนหันมาดูแลตัวเลขและเลือกบริโภคสิ่งที่ดีต่อร่างกายมากขึ้น

    “หนึ่งคือกาแฟมันเป็น small luxury นะครับ ด้วยสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ อะไรที่มันเป็น luxury จริงๆ จะเข้าถึงยาก” กรรมการผู้จัดการ The Cloud อธิบาย “สองคือเทรนด์เรื่องสุขภาพ สำหรับคนดูแลสุขภาพและนับแคล กาแฟเป็นทางเลือกระหว่างวัน กาแฟ 0 แคลถ้าคุณไม่ได้เติมน้ำตาลครับ คุณสามารถจะ enjoy ชีวิตได้ และเริ่มต้นวันด้วยความ healthy ไม่รู้สึกผิดได้”


    ด้านนายกสมาคมกาแฟพิเศษไทย (SCATH) ก็ได้ให้เหตุผลอีกข้อ นั่นคือเรื่องของคนซึ่งพัฒนาไปเป็นวัฒนธรรม เธอกล่าวว่า “Coffee became culture. กาแฟกลายเป็นวัฒนธรรมขึ้นมา วัฒนธรรมเกิดจากชุมชน ทุกอย่างมันเกี่ยวข้องกับคนทั้งหมดเลย และกาแฟเป็นสิ่งที่เรารู้สึกเชื่อมโยงง่าย เพราะมันอยู่ในทุกวัน ถ้ามันมีอะไรที่แปลก อะไรที่แตกต่าง ดูน่าลอง คนอยากลอง”

    เมื่อคนๆ หนึ่งรักการดื่มกาแฟ และเมื่อเขาเห็นว่ามีกาแฟพิเศษที่แตกต่างอย่างน่าสนใจ จึงไม่รีรอที่จะลอง พอได้ลองจึงชื่นชอบ กอปรกับความพิเศษที่ตอบโจทย์ความต้องการ ทำให้พวกเขาพร้อมจ่ายเงินมากขึ้นเพื่อสิ่งที่ตัวเองมองว่าดีกว่า กลายเป็นแรงกระเพื่อมให้ตลาดกาแฟพิเศษไทยเติบโตต่อเนื่องนั่นเอง


มูลค่าเหนือราคา คือสิ่งแวดล้อม สังคม ชุมชน และผู้คน

    ณัฎฐ์รดายอมรับว่าการเติบโตอย่างรวดเร็วของตลาดกาแฟพิเศษไทยนับเป็นความภาคภูมิใจ แต่ในขณะเดียวกันก็มาพร้อมความท้าทายเรื่องของความยั่งยืน อาทิ ยุคสมัยนี้มีเกษตรกรรุ่นใหม่ที่หันมาสนใจผลิตเมล็ดกาแฟกันมากขึ้น แต่พวกเขาขาดประสบการณ์ทั้งเรื่องของการปลูกกาแฟและการบริหารจัดการ ทำให้อาจจะยังไม่ได้เช็กข้อมูลต่างๆ อย่างรอบคอบ กลายเป็นการลองผิดลองถูกที่มาพร้อมความเสี่ยงขาดทุน

    อย่างไรก็ตาม จุดแข็งที่ช่วยให้ตลาดกาแฟพิเศษไทยก้าวข้ามความท้าทายได้คือความใกล้ชิดระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภคกาแฟ สำหรับประเทศอื่นๆ ในโลกมักแบ่งเป็นประเทศผู้ผลิตกาแฟและประเทศผู้บริโภคกาแฟแยกจากกัน ทว่าประเทศไทยผู้ผลิตและผู้บริโภคมีความใกล้ชิดกันมากกว่าเพราะซัพพลายเชนที่สั้น ไร่กาแฟหลายแห่งก็เปิดให้เข้าเยี่ยมชมได้ นำมาสู่การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ มีการส่งต่อข้อมูลเพื่อการพัฒนา ตลอดจนโอบรับความคิดเห็นของผู้บริโภคมาปรับปรุงแก้ไข บรรเทาความเสี่ยงในขั้นตอนลองผิดลองถูกลง

    เทรนด์กาแฟพิเศษไทยยังไม่ใช่แค่เรื่องฉาบฉวย เพราะทั้งผู้ผลิต ผู้ประกอบการ และผู้บริโภคต่างก็เล็งเห็นความสำคัญของความยั่งยืน ทุกคนต่างตระหนักว่าสภาพภูมิรัฐศาสตร์ของไทยไม่เหมาะกับการผลิตกาแฟพิเศษในปริมาณมาก ส่งผลให้มีการสนับสนุนให้ผลักดันด้านคุณภาพมากกว่า ซึ่งการจะปลูกกาแฟคุณภาพเยี่ยมได้ ก็ต้องมีสภาพแวดล้อมที่ดี ดินดี ป่าดี จึงต้องมีการดูแลและฟื้นฟูธรรมชาติควบคู่ไปด้วยกัน

    อีกทั้ง เมื่อปลูกแล้วชีวิตของเกษตรกรก็ต้องดีด้วย มีรายได้ มีกินมีใช้ ลูกหลานไม่ต้องไปทำงานไกล คนรุ่นใหม่ในท้องถิ่นสามารถดำรงชีพได้ด้วยการสานต่อการผลิตกาแฟ


    นอกจากนี้ ในโลกของกาแฟพิเศษมีสิ่งที่เรียกว่า cupping score หรือการประเมินกาแฟพิเศษโดยชิมและให้คะแนนตามเกณฑ์ต่างๆ แต่ณัฎฐ์รดาและช้างน้อยชี้ว่ามูลค่าของกาแฟพิเศษแท้จริงครอบคลุมกว้างขวางกว่านั้น

    “ทุกชีวิตที่จับกาแฟแก้วนั้นต้องดีขึ้น ไม่ว่าจะป่าไม้ สังคม หรือกระทั่งคนขับรถมาส่งกาแฟ บาริสตาร์ที่ชงกาแฟ” ณัฎฐ์รดาพูดถึงคุณค่าที่ซ่อนอยู่ของกาแฟพิเศษซึ่งมีมากกว่าแค่คะแนนประเมินและตัวเลขเชิงพาณิชย์

    ยิ่งเมื่อมองไปยังค่านิยมของคนรุ่นใหม่ที่ให้คุณค่ากับการซื้อสินค้าและบริการต่างๆ อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ส่งผลต่อแนวคิดในการดื่มกาแฟ พวกเขาไม่เพียงมองหากาแฟคุณภาพ รสชาติดี และร้านที่มีบรรยากาศโดนใจ แต่ยังพิจารณาลึกถึงคุณค่าอื่นๆ ที่แฝงเร้นในกาแฟแต่ละแก้ว เช่น กาแฟที่มาจากชุมชนเกษตรกร กาแฟที่มีการเพาะปลูกอย่างยืน กาแฟที่ได้รับเครื่องหมายสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) เป็นต้น

    ชาวต่างชาติเองก็ให้ความสนใจกาแฟพิเศษไทยไม่น้อย ยกตัวอย่างงาน Thailand Coffee Fest 2024 ในปีที่ผ่านมา ซึ่งมีการจัดงานยาว 4 วัน ร้านค้าแวดวงกาแฟมาเปิด 394 ร้าน และผู้เข้าร่วมงาน 102,295 คน โดยมาจาก 58 ประเทศทั่วโลก ซึ่งคาดว่างาน Thailand Coffee Fest 2025 ในปีนี้จะมีผู้เข้าร่วมงานเพิ่มขึ้นประมาณ 10%

    ทีมผู้จัดงานยังเล่าด้วยความภาคภูมิใจว่า ในปีแรกที่จัดงาน พวกเขาอยากเชิญบาริสตาร์และไอคอนวงการกาแฟระดับโลกมาร่วมงาน ซึ่งสมัยนั้นยังมีงบไม่พอ แต่สำหรับปีนี้ พวกเขาเหล่านั้นหลายคนก็สมัครใจขอมาร่วมงานด้วยตัวเอง สะท้อนความสำเร็จของงาน Thailand Coffee Fest ที่นำพาแสงสปอตไลต์ให้ส่องมายังประเทศไทย ประกาศก้องแก่ชาวโลกว่าประเทศเล็กๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้ มีกาแฟคุณภาพไม่แพ้ชาติใดในโลก

    สุดท้ายนี้ ณัฎฐ์รดามองว่าหากได้รับการสนับสนุนอย่างเหมาะสม ผลักดันถูกทิศทาง ไทยก็มีโอกาสกลายเป็นศูนย์กลาง (Hub) ของกาแฟพิเศษในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก่อนขยับขยายสู่ระดับเอเชียในอนาคต และเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวันนั้น เธอขอเชิญชวนคนรักและสนใจกาแฟทุกคนเข้าร่วมชมงาน Thailand Coffee Fest 2025: Drink Better Coffee ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 10-13 กรกฎาคม 2568 นี้


ภาพ: Thailand Coffee Fest


เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ‘เอพี’ ย้ำภาพคอนโดเพื่อคนเมือง เผยโฉม ‘ASPIRE สุขุมวิท-พระราม 4’ มูลค่าโครงการ 4,600 ล้านบาท

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine