เรื่องของความแซบนัวในอาหาร หรือการใช้เครื่องปรุงรสประเภทต่างๆ ให้อาหารออกมารสชาติกลมกล่อม เรียกได้ว่าแม้เมืองไทยเราไม่แพ้ชาติใดในโลก แต่ประเทศเพื่อนบ้านอย่าง สปป.ลาว เองก็ใช้เครื่องปรุงรสเสริมความนัวกันอยู่เหมือนกัน นั่นทำให้ ‘อายิโนะโมะโต๊ะ’ ที่ก่อนหน้านี้ส่งหลายแบรนด์ในเครือรวมถึง ‘รสดี’ เข้าไปขายในลาวอยู่แล้ว แต่ล่าสุดกับความเคลื่อนไหวใหม่ คือผลิต ‘รสดี’ รสชาติเฉพาะที่ตั้งใจให้ถูกปากชาวลาว และขายแค่ในลาวเท่านั้น
เพราะใครๆ ก็อยากกินของอร่อย ทำให้การปรุงรสชาติอาหารให้แซบนัวกลมกล่อมน่าจะเป็นเรื่องธรรมดาสามัญที่เกิดขึ้นทั่วโลก ส่งผลให้ “ธุรกิจเครื่องปรุงรส” เป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
ข้อมูลจาก Krungthai Compass บอกว่าตลาดธุรกิจเครื่องปรุงรสในไทยปี 2566 มียอดขายในประเทศกว่า 5.64 หมื่นล้านบาท ไม่เพียงเท่านั้น ไทยยังเราส่งออกไปต่างประเทศคิดเป็นยอดขายกว่า 4.44 หมื่นล้านบาท ทั้งยังประมาณการว่าในปี 2567 จะมีการเติบโต 7.5% สำหรับยอดขายในประเทศ และเติบโต 15% สำหรับยอดส่งออก

ตลาดส่งออกหลักเครื่องปรุงรสของไทยคือ อาเซียน ที่ครองสัดส่วนถึง 36.9% รองลงมาคือสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น นั่นทำให้ ‘อาเซียน’ คือตลาดสำคัญอันดับต้นๆ ของตลาดเครื่องปรุงรสก็ว่าได้
หนึ่งในผู้เล่นรายสำคัญในตลาดผงปรุงรส ซึ่งเป็นเครื่องปรุงรสประเภทหนึ่ง ก็คือ ‘อายิโนะโมะโต๊ะ’ ที่อยู่คู่ครัวไทยมาอย่างยาวนาน โดยตัวเลขในปี 2566 ผงชูรสแบรนด์ อายิโนะโมะโต๊ะ ครองมาร์เก็ตแชร์อันดับหนึ่งในไทยที่สัดส่วน 93.3% จากมูลค่าตลาดรวม 15,000 ล้านบาท
ไม่ใช่แค่ผงชูรสเท่านั้น แต่โปรดักต์อื่นๆ ของอายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) ก็ครองมาร์เก็ตแชร์อันดับหนึ่งด้วยเช่นกัน โดย ‘รสดี’ ครองสัดส่วน 89.5% ในตลาดผงปรุงรสมูลค่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งนอกจากประสบความสำเร็จในไทยแล้ว รู้หรือไม่ว่าอายิโนะโมะโต๊ะนั้นส่งโปรดักต์ในเครือไปขายในประเทศเพื่อนบ้านอย่าง สปป.ลาว มาหลายปีแล้ว
โดนสินค้าที่อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) ส่งไปขายในลาว ครอบคลุมตั้งแต่
-กลุ่ม MSG ผงชูรส อายิโนะโมะโต๊ะ, อายิโนะโมะโต๊ะ พลัส
-กลุ่มผงปรุงรส รสดีหมู
-กลุ่มผงปรุงรสอื่น ๆ เช่น รสดีเมนู รสดีน้ำซุปก๋วยเตี๋ยว รสดีหมูก้อน
-กลุ่มผลิตภัณฑ์กาแฟ ได้แก่ กาแฟกระป๋อง Birdy และ กาแฟ Birdy3in1
-กลุ่มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ยำยำ
โดยสินค้าที่ขายดีที่สุดหลักๆ ได้แก่ กลุ่ม ยำยำ, ผงชูรส อายิโนะโมะโต๊ะ และ กาแฟ Birdy3in1
แต่ที่น่าสนใจคือ ล่าสุดอายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) เพิ่งเปิดตัวใหม่โปรดักต์ใหม่ที่ขายในลาวโดยเฉพาะ คือ “รสดี กลิ่นหมูเข้มข้น X2” ซึ่งเป็นโปรดักต์แรกที่พัฒนามาเพื่อจำหน่ายในประเทศลาวกับรสชาติที่ถูกปากคนลาวโดยเฉพาะ

ถามว่าทำไมต้องทำรสดีเพื่อคนลาวโดยเฉพาะ?
Forbes Thailand มองว่าแนวโน้มการเติบโตในตลาดต่างประเทศน่าจะมีส่วนสำคัญที่ทำให้ผู้ผลิตตัดสินใจออกโปรดักต์เพื่อคนประเทศนั้นๆ โดยเฉพาะ ยิ่งตลาดอาเซียนที่เป็นตลาดส่งออกหลัก ก็ยิ่งมีความสำคัญมาก
ขณะที่อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) บอกว่าหลังจากประสบความสำเร็จในการส่งออกรสดีไปยังประเทศลาว กับยอดขายเติบโตเฉลี่ยปีละ 9% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา รสดีจึงได้พัฒนา “รสดี กลิ่นหมูเข้มข้น X2” กลิ่นหอมกระทะแบบที่คนลาวชื่นชอบ เพื่อเจาะตลาดลาวโดยเฉพาะ ซึ่งให้กลิ่นหมูเข้มข้น 2 เท่า พร้อมกลิ่นเครื่องเทศที่ลงตัว เหมาะทั้งกับเมนูซุปและผัด เจาะกลุ่มแม่บ้านลาวอายุ 27-45 ปี ที่ต้องการรสชาติที่อร่อยจัดจ้านแบบไม่ต้องลองผิดลองถูก
โดยข้อมูลจาก Cultural Atlas ระบุว่า คนลาวนิยมอยู่อาศัยกันเป็นครอบครัวใหญ่ ทำอาหารในปริมาณมาก และให้ความสำคัญกับเครื่องปรุงที่ใช้งานง่าย รสชาติดี และถูกปากทุกวัย “รสดี กลิ่นหมูเข้มข้น X2” จึงจะช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับตลาดในประเทศลาว

โดยได้เปิดตัวสินค้าอย่างเต็มรูปแบบในวันที่ 17 พฤษภาคมที่ผ่านมา พร้อมกิจกรรมโชว์ทำอาหาร ทดลองชิม และแคมเปญลุ้นโชค มูลค่ารวมกว่า 700 ล้านกีบ และสื่อสารรอบด้านตั้งแต่ออฟไลน์-ออนไลน์
การเดินหน้าผลิตสินค้าเฉพาะเพื่อรุกตลาดเพื่อนบ้าน เป็น 1 ใน 3 กลยุทธ์หลักของรสดีในปีนี้ ซึ่งได้แก่
1) สร้างความสุขจากการทำอาหารและใส่ใจความต้องการของผู้บริโภค ด้วยการเปิดตัว ‘รสดี®มายด์’ ผงปรุงรส รสหมู ที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ให้สนุกกับการทำอาหารในสไตล์ตัวเอง ลดเกลือลง 15% เมื่อเทียบกับสูตรออริจินอล แต่ยังคงความหอมและรสชาติอร่อยกลมกล่อม

2) ผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างความยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อม กับ ‘ซุปก๋วยเตี๋ยวรสดี แบบน้ำ สูตรซุปกระดูกหมูเคี่ยวนาน’ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์สไตล์รักษ์โลกสำหรับผู้ประกอบการและร้านอาหาร กับจุดเด่นที่ใช้ “กะหล่ำปลีบดทั้งหัว” ช่วยลดการสูญเสียของวัตถุดิบ เพื่อการลดปริมาณอาหารขยะ
และ 3) ขยายความกินดีมีสุขสู่เพื่อนบ้าน ด้วยการส่ง ‘รสดี กลิ่นหมูเข้มข้น X2’ รุกสู่ประเทศลาว โดยตั้งเป้าเป็นผู้นำตลาดผงปรุงรสในระดับอาเซียน เพื่อให้ “รสดี” เป็นโซลูชันทางอาหารที่ตอบโจทย์ความต้องการและเป็นผู้ช่วยคู่ครัว เติมเต็มทั้งในด้านสุขภาพ โภชนาการ และไลฟ์สไตล์ โดยตั้งเป้าเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับวัฒนธรรมการบริโภคในแต่ละประเทศในระยะยาว เพื่ออนาคตของการกินดีมีสุขอย่างแท้จริง
ทัตสึยะ อุเอยามะ ผู้จัดการหน่วยงาน Household Business บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในยุคที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสุขภาพ ความง่ายในการทำอาหาร และความยั่งยืน เครื่องปรุงรสจึงควรตอบโจทย์มากกว่าการสร้างความอร่อยในมื้ออาหาร เพื่อตอกย้ำความเป็นเจ้าตลาดของแบรนด์ ‘รสดี’ ผงปรุงรสอันดับหนึ่งที่อยู่คู่ครัวไทยมายาวนานกว่า 40 ปี เราจึงเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์จากอินไซต์ของคนรักการทำอาหาร ในการสร้างความกินดีมีสุขผ่านการประยุกต์ใช้ AminoScience ความเชี่ยวชาญของบริษัทฯ ให้ครอบคลุม 3 มิติ ได้แก่ รสชาติอาหาร โภชนาการที่ดีต่อสุขภาพ และสิ่งแวดล้อม เพื่อส่งมอบรสอูมามิอร่อยกลมกล่อมคู่ครัวไทยและครองใจผู้บริโภค”

ภาพ: อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย)
ออกแบบภาพปก: ธัญวดี นิรุตติศาสตร์
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : จากผงชูรสเบอร์หนึ่งไทย ‘อายิโนะโมะโต๊ะ’ กำลังลุยธุรกิจใหม่ ‘อาหารเสริม-แอปดูแลสุขภาพ’
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine