‘มาเลเซีย’ แซง ‘ไทย’ ขึ้นเป็นตลาดรถยนต์รายใหญ่อันดับ 2 ของอาเซียน - Forbes Thailand

‘มาเลเซีย’ แซง ‘ไทย’ ขึ้นเป็นตลาดรถยนต์รายใหญ่อันดับ 2 ของอาเซียน

สำนักข่าว Nikkei Asia รายงาน มาเลเซียแซงหน้าประเทศไทย กลายเป็นตลาดรถยนต์รายใหญ่อันดับสองของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้ว รองจากอินโดนีเซีย เรียกได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในสมรภูมิประเทศผู้ผลิตรถยนต์ในเอเชีย


    Nikkei Asia รวบรวมข้อมูลยอดขายที่เผยแพร่โดยกลุ่มอุตสาหกรรมใน 3 ประเทศดังกล่าว รวมถึงฟิลิปปินส์และเวียดนาม และพบว่ายอดขายของมาเลเซียซึ่งครองอันดับ 3 มายาวนาน แซงหน้าไทย 3 ไตรมาสติดต่อกัน คือจนถึงเดือนมกราคม-มีนาคม 2024

    จากข้อมูลของสมาคมยานยนต์แห่งมาเลเซีย ยอดขายรถยนต์เพิ่มขึ้น 5% ในไตรมาสแรกจากปีก่อนหน้าเป็น 202,245 คัน เป็นการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากยอดขายรถยนต์ปี 2023 ที่ผ่านมา ที่เพิ่มขึ้น 11% หรือคิดเป็นเป็นจำนวน 799,731 คัน

    ปัจจัยสำคัญมาจากการยกเว้นภาษีการขายสำหรับรถยนต์ที่ผลิตในประเทศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลมาเลเซีย จนส่งผลให้แบรนด์รถยนต์ระดับชาติอย่าง Perodua และ Proton ครองส่วนแบ่งตลาดได้ถึงประมาณ 60%

    มาตรการยกเว้นภาษีเริ่มต้นขึ้นในช่วงปีที่มีการแพร่ระบาด หรือปี 2020 และแม้ว่าจะยุติลงในช่วงกลางปี 2022 แต่ยอดจองในช่วงยกเว้นภาษียังส่งมาหนุนตัวเลขในปี 2023 ด้วย ซึ่งสมาคมยานยนต์แห่งมาเลเซียระบุว่า “การเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่หลายรุ่น รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาที่แข่งขันได้สูง ช่วยกระตุ้นยอดขาย”

    Ivan Khoo ตัวแทนขายโตโยต้าในกรุงกัวลาลัมเปอร์ บอกกับ Nikkei Asia ว่ายอดขายในช่วงสองเดือนแรกของปี 2024 ดีกว่าที่คาดไว้ และ Vios เป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากมีราคาต่ำกว่า 100,000 ริงกิต (21,000 เหรียญสหรัฐ)

    “ผมเห็นว่าทั้งสองกลุ่มสำหรับ ICE ของโตโยต้า (เครื่องยนต์สันดาปภายใน) และรถยนต์ไฮบริด จะยังคงทำได้ดีต่อไป” Khoo กล่าว

    ในทางตรงกันข้าม ยอดขายในไทยกลับตกต่ำลง ทั้งที่ไทยเป็นที่รู้จักในชื่อ “ดีทรอยต์แห่งเอเชีย” สาเหตุเป็นเพราะไทยมีอุตสาหกรรมยานยนต์กระจุกตัว ประเทศไทยจึงครองอันดับ 2 มายาวนานจนกระทั่งยอดขายลดลง 25% ในไตรมาสแรกจากปีก่อนหน้า

    โดยยอดขายรถยนต์รายเดือนของประเทศไทยลดลงเมื่อเทียบเป็นรายปีตั้งแต่เดือนมิถุนายนปีที่แล้ว เนื่องจากสินเชื่อรถยนต์กลายเป็นหนี้เสียเพิ่มขึ้น ทำให้สถาบันการเงินเข้มปล่อยสินเชื่อ และการบริโภคที่ซบเซาลง นอกจากนี้ยังมีส่วนแบ่งของ EV เพิ่มขึ้นเนื่องจากการเข้ามาของผู้ผลิตในจีน

    ส่วนอินโดนีเซียยังขาดแรงหนุนเช่นกัน ยอดขายรถยนต์ในไตรมาสแรกลดลง 24% จากปีก่อนหน้า เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคลังเลในการซื้อ

    ยอดขายในปี 2023 อยู่ที่สูงกว่า 1 ล้านคัน ลดลง 4% จากปี 2022 และน้อยกว่าปีก่อนเกิดโรคระบาดหรือปี 2019 ถึง 30,000 คัน และยังต่ำกว่าเป้าหมาย 1.05 ล้านคันตามเป้าหมายของสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอินโดนีเซีย (ไกคินโด)

    ยอดขายรถยนต์ในเวียดนามลดลง 16% ในไตรมาสแรก โดยเศรษฐกิจในประเทศซบเซาตั้งแต่ปีที่แล้ว เนื่องจากการส่งออกที่ซบเซาและปัจจัยอื่นๆ โดยยอดขายรถยนต์ยังคงมีเปอร์เซ็นต์เป็นเลขสองหลักซึ่งต่ำกว่าระดับในปีที่แล้ว

    แม้ว่าความต้องการจะพุ่งสูงขึ้นในเดือนธันวาคม ก่อนที่การลดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสำหรับรถยนต์ที่ผลิตในประเทศจะหมดอายุ แต่ตัวเลขยอดขายกลับลดลงเมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์

    ในขณะเดียวกัน ตัวเลขในฟิลิปปินส์เพิ่มขึ้น 13% ในไตรมาสแรก ซึ่งสูงที่สุดในทั้งห้าประเทศ หลังจากที่อัตราเงินเฟ้อลดลงเหลือประมาณ 4% ในช่วงปลายปี 2023 และการใช้จ่ายของผู้บริโภคยังคงแข็งแกร่ง

    ในขณะที่ผู้ผลิตรถยนต์จากจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และประเทศอื่นๆ แข่งขันกันมากขึ้นในประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีชนชั้นกลางเพิ่มมากขึ้น เงินอุดหนุน และสภาวะเศรษฐกิจมหภาค คาดว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับยอดขายรถยนต์ในภูมิภาค

    สมาคมยานยนต์แห่งมาเลเซียคาดว่ายอดขายรถยนต์รวมจะลดลง 7.5% ในปีนี้ แม้ว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริดและแบตเตอรี่คาดว่าจะเติบโตก็ตาม

    “การใช้จ่ายของผู้บริโภคอาจชะลอตัวลงเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการหาเหตุผลเข้าข้างตนเองตามเป้าหมาย ค่าครองชีพที่สูง การดำเนินการตามข้อเสนอภาษีสินค้ามูลค่าสูง และอัตราภาษีบริการที่สูงขึ้นสำหรับบริการบางอย่าง รวมถึงการซ่อมแซมและบำรุงรักษายานยนต์” สมาคมกล่าว


แปลและเรียบเรียงจาก Malaysia overtakes Thailand as ASEAN's second-biggest auto market


Photo by Mohd Jon Ramlan on Unsplash



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : เล็งเปิดโชว์รูม XPENG และ ZEEKR สามทำเล ในไตรมาส 3/67

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine