ผู้หญิงไทยมีจิตวิญญาณผู้ประกอบการสูง มุ่งมั่นทำตามความฝัน แสวงหาอิสรภาพทางการเงิน ปรับสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน รวมถึงต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับสังคม พวกเธอยังพร้อมเปิดรับการนำเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้ แต่ยังต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการ โดยเฉพาะปัญหาเกี่ยวกับความมั่นใจในตัวเอง ซึ่งพบได้มากในกลุ่มคนรุ่นใหม่
ผลจากการศึกษาใหม่ของมาสเตอร์การ์ดเผยให้เห็นว่า คนไทยเกือบครึ่งหนึ่ง (49%) มองตนเองเป็นผู้ประกอบการ โดยเมื่อจำแนกตัวเลข 49% ตามช่วงอายุจะพบว่ากลุ่มคนรุ่น Millennials มีสัดส่วนสูงที่สุดที่ 56% ตามมาด้วย Baby Boomers ที่ 44% ในขณะที่ Gen X และ Gen Z มีสัดส่วนเท่ากันอยู่ที่ 40%
และหากโฟกัสไปยังผู้หญิงโดยเฉพาะ จะพบว่าผู้หญิงไทย 81% เคยพิจารณาที่จะเริ่มต้นธุรกิจของตนเองซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 51% อย่างเห็นได้ชัด
แรงผลักดันของการเป็นผู้ประกอบการนี้ไม่ได้จำกัดแค่ธุรกิจที่เป็นทางการเท่านั้น ผู้หญิงไทย 59% ทำงานหรือทำธุรกิจเสริมเพื่อหารายได้พิเศษ ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกซึ่งอยู่ที่ 41% ปัจจัยนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวและแสวงหาโอกาสใหม่ๆ ของผู้หญิงไทย
ผู้ประกอบการหญิงไทยไม่เพียงมีความทะเยอทะยาน แต่ยังเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีมากกว่าผู้ชายในบางเรื่องด้วย โดย 73% ของผู้หญิงที่เป็นเจ้าของธุรกิจใช้ AI ในการดำเนินงานเป็นประจำ เมื่อเทียบกับผู้ชายที่มีเพียง 43% ซึ่งจำนวน 85% ของผู้หญิงกลุ่มนี้มองว่า AI มีส่วนช่วยประหยัดเวลาและต้นทุนให้กับพวกเธอได้อย่างมาก
ความมุ่งมั่นขับเคลื่อนผู้ประกอบการหญิงไทย
เหตุผลหลัก 3 ข้อที่กระตุ้นให้ผู้ประกอบการหญิงไทยริเริ่มทำธุรกิจ ได้แก่ การเห็นโอกาสในตลาดที่ยังไม่มีใครทำ (54%) รองลงมาคือการทำตามความฝันของตนเองที่ได้วาดเอาไว้ (50%) และความรู้สึกว่าช่วงชีวิตในตอนนี้พร้อมแล้วสำหรับการเป็นเจ้าของธุรกิจ (42%)
ผู้หญิงรุ่นใหม่กล้าเสี่ยงในธุรกิจมากกว่ารุ่นก่อนหน้า ผลการศึกษาของมาสเตอร์การ์ดพบว่าผู้หญิง Gen Z มักจะมีความกล้าเสี่ยงมากกว่า โดยมีเพียง 27% ที่กลัวความล้มเหลวเมื่ออยากเริ่มต้นทำธุรกิจ ในขณะที่ Gen X มีความกลัวถึง 41% และ Baby Boomers มีความกลัวมากที่สุดถึง 54%
ผู้หญิงไทยยังมีทัศนคติเชิงบวกมากกว่าผู้ชายเมื่อคำนึงถึงอนาคตของธุรกิจที่ทำอยู่ โดยผู้ประกอบการหญิงกว่า 83% เชื่อว่าธุรกิจจะมีรายได้เติบโตขึ้นจากเดิมในอีก 5 ปีข้างหน้า ในขณะที่ผู้ชายเชื่อแบบเดียวกันเพียง 78%
3 อุตสาหกรรมยอดนิยมที่ผู้หญิงไทยอยากเริ่มต้นธุรกิจ ได้แก่
• อาหารและเครื่องดื่ม (31%)
• ขายของออนไลน์ (28%)
• ค้าส่ง ค้าปลีก และแฟรนไชส์ (25%)
อุปสรรคที่ผู้ประกอบการหญิงไทยต้องเผชิญ
แม้ผู้หญิงไทยจะมีความตระหนักรู้ด้านเทคโนโลยีสูงและมีใจรักและความมุ่งมั่นในการเป็นผู้ประกอบการ แต่พวกเธอยังต้องเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน โดยปัญหาใหญ่ที่สุดคือความมั่นใจในตัวเอง จากการสำรวจพบว่า 31% ของผู้หญิงที่อยากริเริ่มทำธุรกิจมักจะมีความลังเล และมักคิดว่า “การเป็นผู้ประกอบการไม่ใช่เรื่องสำหรับคนอย่างฉัน” กลุ่มผู้หญิง Gen Z เผชิญปัญหานี้รุนแรงกว่าใครโดยมีมากถึง 43%
ผู้หญิงยังมีแนวโน้มขาดความมั่นใจมากกว่าผู้ชาย และ 40% ของผู้หญิง Gen Z เผชิญปัญหานี้อยู่ ซึ่งสูงกว่าผู้หญิง Millennials ที่มีเพียง 28%
อุปสรรถัดมาคือปัญหาครอบครัว ผู้ประกอบการหญิงต้องแบกรับความรับผิดชอบในการดูแลลูกและญาติผู้ใหญ่มากกว่าผู้ชายถึง 2 เท่า นอกจากหน้าที่ในบ้านแล้ว ผู้ประกอบการหญิงยังต้องเจอกับอุปสรรคอื่นๆ ทั้งปัญหาการเข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุนเพื่อทำธุรกิจ (46%) ตามด้วยความไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นวางแผนธุรกิจอย่างไร (38%) และการขาดเครือข่ายผู้ประกอบการให้พูดคุยและปรึกษา (31%)
ความช่วยเหลือที่จำเป็น
การรับมือกับความท้าทายเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนเฉพาะด้านที่ช่วยเสริมสร้างทั้งทักษะและความมั่นใจ ผลการศึกษาของมาร์สเตอร์การ์ดชี้ให้เห็นว่าปัจจัยสนับสนุนที่ผู้หญิงไทยต้องการมากที่สุดเพื่อเพิ่มความมั่นใจในการเริ่มธุรกิจ คือการเข้าถึงเงินทุนสนับสนุนที่ง่ายขึ้น (37%) ควบคู่ไปกับการการฝึกอบรมด้าน AI (37%) และการมีเวลาที่สามารถอุทิศให้กับการพัฒนาธุรกิจได้โดยเฉพาะ (36%)
สำหรับผู้หญิงที่เป็นผู้ประกอบการ พวกเธอก็มีความต้องการที่แตกต่างจากผู้ชายเช่นกัน
• 42% ของผู้ประกอบการหญิง ต้องการคำแนะนำเกี่ยวกับการใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกิจ ซึ่งถือว่ามากกว่าผู้ชายเกือบ 2 เท่า
• 33% ของผู้ประกอบการหญิง ต้องการเข้าร่วมโครงการที่มีระบบพี่เลี้ยงด้านการทำธุรกิจ (Mentorship) และร้อยละ 35 ต้องการความช่วยเหลือในการวางแผนธุรกิจ
วินนี่ วอง ผู้จัดการประจำประเทศไทยและเมียนมา มาสเตอร์การ์ด กล่าวว่า “ผู้หญิงไทยมีจิตวิญญาณและความมุ่งมั่นในการเป็นผู้ประกอบการที่โดดเด่น และเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจและนวัตกรรมของประเทศ อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงจำนวนมากยังต้องเผชิญกับอุปสรรคที่อาจทำให้พวกเธอสูญเสียโอกาสที่จะประสบความสำเร็จ เพราะเมื่อความฝันไม่ได้รับการสนับสนุนที่เพียงพอ ก็ยากจะต่อยอดเป็นความสำเร็จได้”
ทั้งนี้ มาสเตอร์การ์ดริเริ่มโครงการสนับสนุนผู้ประกอบการมาตั้งแต่ปี 2020 โดยใช้โซลูชันที่ช่วยผลักดันการเติบโตทางธุรกิจ ปัจจุบันมาสเตอร์การ์ดได้ช่วยสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็กมาแล้วกว่า 50 ล้านรายทั่วโลก ซึ่งรวมถึงผู้ประกอบการผู้หญิงกว่า 37 ล้านราย
ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมถึงประเทศไทย มาสเตอร์การ์ดผนึกกำลังกับธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (Asian Development Bank: ADB) ในการผลักดันวงเงินสินเชื่อรวมมูลค่ากว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 34,200 ล้านบาท) เพื่อสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็กในภูมิภาค พร้อมมอบเงินทุนค้ำประกันความเสี่ยงจำนวน 5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 171 ล้านบาท) โดยกำหนดให้เงินทุนจาก ADB อย่างน้อยครึ่งหนึ่ง (50%) ถูกจัดสรรให้กับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือ MSMEs ที่มีผู้หญิงเป็นเจ้าของหรือเป็นผู้นำ และธุรกิจที่สนับสนุนอุตสาหกรรมการเงินเพื่อสิ่งแวดล้อม
ภาพ: มาสเตอร์การ์ด
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : “ขอได้ไหม ผู้นำที่จริงใจ” ผลสำรวจพบพนักงาน 68% ตัดสินใจลาออกเพราะผู้บริหารไม่รักษาสัญญา กระทบความไว้วางใจ
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine