กลุ่มออนิกซ์ฯ ดันแบรนด์ ”ชามา” สู่ผู้นำเซอร์วิส อะพาร์ตเมนต์ - Forbes Thailand

กลุ่มออนิกซ์ฯ ดันแบรนด์ ”ชามา” สู่ผู้นำเซอร์วิส อะพาร์ตเมนต์

กลุ่มออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ สบช่องโควิด-19 คลาย ต่างชาติย้ายฐาน-ท่องเที่ยวไทยเริ่มฟื้นดันแบรนด์ “ชามา” รุกเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ มุ่งเป้าหมายขึ้นแท่นผู้นำ เปิดเพิ่มอะพาร์ตเมนต์เพิ่มอีก 9 แห่งจากปัจจุบัน ภายในปี 2568 พร้อมเผย 3 กลยุทธ์หลักเปิดรับพันธมิตร


    ยุทธชัย จรณะจิตต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจเซอร์วิส อะพาร์ตเมนต์ ว่ามีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย แต่ละประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการจำกัดการเดินทาง ส่งผลให้นักธุรกิจต่างประเทศย้ายฐานเข้ามาพำนักในประเทศไทยมากขึ้น เนื่องจากอาเซียนมีความพร้อมในการเป็นศูนย์กลางของธุรกิจในภูมิภาค

    “แม้ในช่วงโควิด-19 ระบาด แต่ธุรกิจเซอร์วิส อะพาร์ตเมนต์ ในภาพรวมของตลาดทั่วโลกกลับได้รับผลกระทบน้อย โดยยังเติบโตได้ต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 20% ในส่วนประเทศไทยปัจจุบันมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยสูงกว่า 50% โดยเฉพาะกับกลุ่มตลาดบนที่เป็นนักธุรกิจที่เดินทางเข้ามาทำงานและพำนักในประเทศไทย ซึ่งที่พักแบบเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์จะตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี” ยุทธชัย กล่าว

    สำหรับธุรกิจเซอร์วิส อะพาร์ตเมนต์ ภายใต้แบรนด์ “ชามา” (Shama) กลุ่มออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ ได้ซื้อกิจการจากบริษัทในฮ่องกงมาตั้งแต่ปี 2553 และขยายธุรกิจมาอย่างต่อเนื่องทั้งในไทยและอีกหลายประเทศ

    ปัจจุบัน ชามา เปิดให้บริการในประเทศไทยแล้ว 6 แห่ง ได้แก่ 1.ชามา สุขุมวิท กรุงเทพฯ 2.ชามา เลควิว อโศก กรุงเทพฯ 3.ชามา สุขุมวิท 39 กรุงเทพฯ 4.ชามา เย็นอากาศ กรุงเทพฯ 5.ชามา เพชรบุรี 47 กรุงเทพฯ และ 6.ชามา เอกมัย กรุงเทพฯ รวมทั้งยังมีอีก 10 แห่งในฮ่องกงและจีน

    “กลุ่มออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ เล็งเห็นโอกาสการขยายธุรกิจในไทยรองรับกลุ่มนักธุรกิจต่างชาติที่เข้ามาพำนักระยะยาวเพื่อทำงาน รวมถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งต่างชาติและชาวไทยที่ต้องการพักในระยะสั้น 5-14 วัน ที่ให้ความสำคัญกับทำเลที่พักอาศัย สิ่งอำนวยความสะดวก คุณภาพ บริการและความปลอดภัย

    โดยที่พักที่มีแบรนด์เป็นที่รู้จักจะมีความได้เปรียบในจุดนี้ แต่ตลาดในประเทศไทยส่วนใหญ่จะยังไม่มีแบรนด์ นี่จึงเป็นโอกาสอีกทั้งมองว่ากรุงเทพฯ ยังมีหลายทำเลที่มีศักยภาพในการทำเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ เช่น อารีย์ พระโขนง เอกมัย อ่อนนุช พระราม 3 เป็นต้น

    ซึ่ง “ชามา” มีแผนจะเปิดสาขาเพิ่มในไทยอีก 9 แห่ง จาก 6 แห่งในปัจจุบัน ให้เป็น 15 แห่งภายในปี 2568 และยังมองการลงทุนต่างประเทศต่อเนื่อง อาทิ มาเลเซีย ขณะเดียวกัน มีแผนที่จะขยายการร่วมลงทุนกับพันธมิตรที่สนใจ เนื่องจากธุรกิจเซอร์วิส อะพาร์ตเมนต์ มีจุดเด่นที่ต้นทุนบริหารจัดการค่อนข้างต่ำทำให้มี Gross Operation Profit ระดับ 60-70% จึงเป็นโอกาสสำหรับนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องการปรับปรุงและเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์เพื่อสร้างรายได้ที่มากขึ้น รองรับโอกาสทางธุรกิจที่กำลังฟื้นตัว”

    ยุทธชัย กล่าวว่า กลุ่มออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ พร้อมเปิดรับพันธมิตรและนักลงทุนที่สนใจทำธุรกิจเซอร์วิส อะพาร์ตเมนต์ ภายใต้แบรนด์ “ชามา” โดยจะให้คำปรึกษาในทุกขั้นตอน ตั้งแต่ออกแบบ ก่อสร้าง ตกแต่งสถานที่ จนถึงการบริหารจัดการงานบริการ วางแผนการตลาด จัดหาฝึกอบรมพนักงาน และเชื่อมต่อด้านการตลาดร่วมกับเครือข่ายธุรกิจที่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน ซึ่งปัจจุบัน “ชามา” มีการบริหารจัดการ 3 รูปแบบ คือ

1.กลุ่มออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ ลงทุนเองทั้งหมด 2.กลุ่มออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ บริหารร่วมกับผู้ที่ต้องการลงทุนในตลาดเซอร์วิส อะพาร์ตเมนต์ (สร้างใหม่) และ 3.กลุ่มออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ บริหารร่วมกับเจ้าของเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์เดิมที่ต้องการรีแบรนด์ หรือ ปรับปรุงสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ


ทั้งนี้ กลุ่มออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ เป็นบริษัทในเครืออิตัลไทย ดำเนินธุรกิจด้านบริหารจัดการโรงแรม เซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ และสปาชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกประกอบด้วย 3 แบรนด์หลัก คือ อมารี โอโซ่ และชามา ที่มีสาขาครอบคลุมทั้งในประเทศไทย มาเลเซีย จีน ฮ่องกง มัลดีฟส์ บังกลาเทศ และสปป.ลาว

อ่านเพิ่มเติม: ปีแห่งการแก้หนี้ “บสย.” อนุมัติค้ำ 1.28 แสนล้านบาท


​ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine