<h2>ธุรกิจท่องเที่ยวกลับมาคึกคักชัดเจน ผู้ประกอบการโรงแรมและท่องเที่ยวต่างเดินเกมรุกเต็มกำลัง “ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป” เชนโรงแรมสัญชาติไทยเดินหน้าเปิดตัวโรงแรมใหม่หลายทำเลทั้งในไทยและต่างประเทศ</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แผนรุกธุรกิจโรงแรมที่พักของ “ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป” ทยอยเปิดตัวชัดเจนหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ด้วยการเข้าบริหารโรงแรมในทำเลต่างๆ พร้อมกิจกรรมสร้างการรับรู้สู่ตลาดออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้ประกาศแผนเปิดตัว 3 โรงแรมใหม่ในประเทศมาเลเซีย ซึ่งจะทำให้ออนิกซ์ มีเชนโรงแรมในมาเลเซีย 7 แห่ง เพิ่มจากเดิมที่มีอยู่ 4 แห่ง เนื่องจากมองว่ามาเลเซียเป็นอีกประเทศที่มีโอกาสเติบโตสูง และเป็นทำเลสำคัญหนึ่งในเอเชียแปซิฟิก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โรงแรมใหม่ 3 แห่ง ที่ออนิกซ์กรุ๊ปประกาศเปิดตัวได้แก่ โอโซ่ เมดินี (OZO Medini), ชามา เมดินี (Shama Medini) และชามา ซัวซานา ยะโฮร์ บาห์รู (Shama Suasana Johor Bahru) ซึ่งทั้งสามแห่งจะเปิดบริการใน 2567 และส่งผลให้ออนิกซ์ มีโรงแรมที่เปิดบริการในมาเลเซียรวมทั้งสิ้น 7 แห่งภายในสิ้นปี 2567&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;และมาเลเซียถือเป็นประเทศแรกนอกประเทศไทย ที่มีแบรนด์ภายใต้เครือออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ครบทั้ง 3 แบรนด์ ทั้ง อมารี (Amari) โอโซ่ (OZO) และชามา (Shama) นอกจากนี้ยังนับเป็นครั้งแรกของการเปิดตัวแบรนด์ชามา (Shama) ในมาเลเซียอีกด้วย เป้า 50 แห่งในเซาท์อีสเอเชีย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ยุทธชัย จรณะจิตต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป เผยว่า ที่ผ่านมาออนิกซ์ได้รับความไว้วางใจจากบริษัทชั้นนำที่มีชื่อเสียงขนาดใหญ่ให้เข้าบริหารโรงแรม 4 แห่ง ที่มีความโดดเด่นอย่างมากในประเทศมาเลเชีย ภายใต้แบรนด์ อมารี (Amari) และ โอโซ่ (OZO) ซึ่งประกอบด้วย อมารี ยะโฮร์ บาห์รู (Amari Johor Bahru) โรงแรมที่เป็นที่รู้จักอย่างดี ตั้งอยู่ใจกลางย่านธุรกิจที่รายล้อมไปด้วยร้านอาหาร แหล่งช้อปปิ้ง ความบันเทิง และศูนย์ประชุมนานาชาติ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โรงแรมโอโซ่ จอร์จทาวน์ ปีนัง (OZO George Town Penang) โรงแรมที่มีชีวิตชีวาตั้งอยู่ใกล้เมืองมรดกโลกและสนามบินนานาชาติ โรงแรมอมารี สไปซ์ ปีนัง (Amari SPICE Penang) และโรงแรมอมารี กัวลาลัมเปอร์ (Amari Kuala Lumpur) ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อไม่นาน​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/01/k1ei4GmkPKxBwXoHz48g.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="k1ei4GmkPKxBwXoHz48g.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="764,900"><figcaption><div>ยุทธชัย จรณะจิตต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป</div></figcaption></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“การเปิดตัวโรงแรมแห่งใหม่ในมาเลเซียครั้งนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธ์การเติบโตของออนิกซ์ เพื่อขับเคลื่อนการขยายตัวที่สำคัญในธุรกิจโรงแรม รีสอร์ต และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” ผู้บริหารออนิกซ์ ย้ำและว่าแผนงานดังกล่าวเป็นความพยายามที่จะบรรลุวิสัยทัศน์โดยรวมในการเป็น “The Best Medium-sized Hospitality Management Company in Southeast Asia” โดยตั้งเป้าการบริหารโรงแรม รีสอร์ต และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์จาก 44 แห่งในปัจจุบัน ให้ได้มากกว่า 50 แห่งภายในปี 2025 และเพิ่มเป็น 70 แห่งภายในปี 2028&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับโรงแรม 4 แห่งที่เปิดให้บริการในมาเลเซีย ประกอบด้วย อมารี สไปซ์ ปีนัง (Amari SPICE Penang) เปิดให้บริการในปี 2022 ตั้งอยู่ติดกับศูนย์การประชุม SPICE Convention Centre และ SPICE Arena ซึ่งเป็นคอมเพล็กซ์สำหรับจัดกิจกรรม MICE ที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์แบบไฮบริดแห่งแรกของโลก และอยู่ห่างจากสนามบินนานาชาติปีนังเพียง 5 กม. เป็นโรงแรมสไตล์ร่วมสมัย 453 ห้อง ถือเป็นโรงแรมใหญ่ที่สุดในปีนังในแง่ของจำนวนห้องพัก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โรงแรมนี้เป็นสถานที่ที่เหมาะทั้งสำหรับการเข้าพักเพื่อการพักผ่อนและการประชุมทางธุรกิจ สามารถรองรับนักเดินทางในกลุ่ม MICE ได้อย่างครบครัน ด้วยสถานที่จัดงานและกิจกรรมที่หลากหลาย ซึ่งรองรับผู้เข้าร่วมประชุมได้ 250 คน ณ ห้องบอลรูม Jadeite ที่มีความสวยงามตระการตา รวมถึงศูนย์การประชุม SPICE Convention Center ซึ่งตั้งอยู่ติดกับโรงแรม เป็นสถานที่จัดงานสังสรรค์ที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกรองรับผู้เข้าร่วมได้มากถึง 8,000 คน และเมื่อเร็วๆ นี้ อมารี สไปซ์ ปีนัง ได้รับรางวัล "Best MICE Hotel" ของประเทศมาเลเซีย ในงานประกาศผลรางวัล HAPA เจาะท่องเที่ยว-สัมมนา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โรงแรมอมารี กัวลาลัมเปอร์ (Amari Kuala Lumpur) ตั้งอยู่ย่านใจกลาง KL Eco City ซึ่งเป็นย่านธุรกิจและความบันเทิงที่มีชีวิตชีวา ในทำเลที่สะดวกสบายอยู่ใกล้กับ Mid Valley Megamall รายล้อมไปด้วยสำนักงานของบริษัทจากนานาชาติ เช่น Mercu 2 &amp; 3, Aspire Tower, The Garden North Tower และ South Tower, Centrepoint และ Menara IGB และใช้เวลาเดินทางเพียง 45 นาทีจากสนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ (KLIA) พร้อมรองรับกิจกรรมพิเศษต่างๆ ที่สามารถจัดขึ้นที่ห้อง Veria Ballroom ซึ่งรองรับแขกผู้เข้าร่วมงานได้ถึง 200 คน และยังมีพื้นที่จัดงานต่างๆ อีกมากมายสำหรับการพบปะสังสรรค์ การสร้างเครือข่าย และนิทรรศการ รวมถึงห้องรับรองทางธุรกิจที่ทันสมัย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โรงแรมอมารี ยะโฮร์ บาห์รู (Amari Johor Bahru) ตั้งอยู่ในทำเลที่สมบูรณ์แบบใจกลางย่านศูนย์กลางธุรกิจของยะโฮร์บาห์รู ติดกับศูนย์การประชุม Persada Convention Centre และใกล้กับจุดผ่านแดนสิงคโปร์ รองรับนักเดินทางกลุ่ม MICE ด้วยห้องประชุมที่หลากหลาย ตั้งแต่ห้อง Lido &amp; Rex ที่รองรับได้ 220 คน สามารถจัดการประชุม สัมมนา และงานกาล่าดินเนอร์ ไปจนถึงห้อง Amari Sky 3 ห้อง ซึ่งเหมาะสำหรับการพบปะสังสรรค์อย่างใกล้ชิดและการประชุมเชิงกลยุทธ์ พื้นที่ Sky Banquet ที่สามารถรองรับแขกได้ 150 คน พร้อมยกระดับงานเลี้ยงอาหารค่ำและงานเลี้ยงต้อนรับขององค์กร และห้อง Ideas Room ที่จะกระตุ้นความรู้สึกและจุดประกายจินตนาการ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โรงแรมโอโซ่ จอร์จทาวน์ ปีนัง (OZO George Town Penang) ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองมรดกโลกขององค์การยูเนสโกในปีนัง มอบความสะดวกสบายทันสมัยและการดื่มด่ำไปกับวัฒนธรรมและประสบการณ์ที่น่าจดจำของปีนัง โดยมีห้องพักและห้องสวีทที่ได้รับการออกแบบอย่างมีสไตล์เพื่อการพักผ่อนอันเงียบสงบ ในขณะที่มีห้องอาหารเปิดให้บริการตลอดทั้งวัน พร้อมสร้างความพึงพอใจให้แขกผู้มาเยือนด้วยเมนูอาหารอันสร้างสรรค์มากมาย นอกจากนี้ยังมีสระว่ายน้ำกลางแจ้งให้ผู้เข้าพักได้ผ่อนคลาย หรือเพิ่มความกระปรี้กระเปร่าที่สปาก่อนที่จะออกไปสำรวจความมีชีวิตชีวาที่น่าค้นหาและมรดกทางวัฒฯธรรมที่มั่งคั่งของปีนัง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ แบรนด์โอโซ่ ถือได้ว่าเป็นแบรนด์ที่มีชีวิตชีวาและร่วมสมัยของออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ถูกออกแบบมาเพื่อนักเดินทางยุคใหม่ ที่มองหาที่พักที่ทันสมัยและเรียบง่าย ให้ความสำคัญกับความสะดวกสบาย การเชื่อมต่อ และกลิ่นอายของความน่าค้นหาของท้องถิ่น โดยแบรนด์โรงแรมและที่พักในเครือออนิกซ์ มีทั้ง โรงแรม รีสอร์ต เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ภายใต้แบรนด์ อมารี (Amari) โอโซ่ (OZO) ชามา (Shama) และโอเรียนเต็ล เรสซิเดนซ์ (Oriental Residence) นอกจากไทยและมาเลเซีย ออนิกซ์มีผลงานเป็นที่ยอมรับในหลากหลายประเทศในเอเชียแปซิฟิค เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/property/dusit-thani-grand-opening-new-brand-dusit-princess-in-phatthalung" alt="'กลุ่มดุสิตธานี' ขยายธุรกิจในไทยต่อเนื่อง เปิดตัวโรงแรม 'ดุสิตปริ๊นเซส พัทลุง' แห่งแรกในภาคใต้">'กลุ่มดุสิตธานี' ขยายธุรกิจในไทยต่อเนื่อง เปิดตัวโรงแรม 'ดุสิตปริ๊นเซส พัทลุง' แห่งแรกในภาคใต้</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

“ออนิกซ์” สยายปีกเซาท์อีสเอเชีย นำร่องเปิด 3 แบรนด์โรงแรมใหม่ในมาเลย์

<h2>กลุ่มออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ สบช่องโควิด-19 คลาย ต่างชาติย้ายฐาน-ท่องเที่ยวไทยเริ่มฟื้นดันแบรนด์ “ชามา” รุกเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ มุ่งเป้าหมายขึ้นแท่นผู้นำ เปิดเพิ่มอะพาร์ตเมนต์เพิ่มอีก 9 แห่งจากปัจจุบัน ภายในปี 2568 พร้อมเผย 3 กลยุทธ์หลักเปิดรับพันธมิตร </h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ยุทธชัย จรณะจิตต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจเซอร์วิส อะพาร์ตเมนต์ ว่ามีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย แต่ละประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการจำกัดการเดินทาง ส่งผลให้นักธุรกิจต่างประเทศย้ายฐานเข้ามาพำนักในประเทศไทยมากขึ้น เนื่องจากอาเซียนมีความพร้อมในการเป็นศูนย์กลางของธุรกิจในภูมิภาค&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“แม้ในช่วงโควิด-19 ระบาด แต่ธุรกิจเซอร์วิส อะพาร์ตเมนต์ ในภาพรวมของตลาดทั่วโลกกลับได้รับผลกระทบน้อย โดยยังเติบโตได้ต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 20% ในส่วนประเทศไทยปัจจุบันมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยสูงกว่า 50% โดยเฉพาะกับกลุ่มตลาดบนที่เป็นนักธุรกิจที่เดินทางเข้ามาทำงานและพำนักในประเทศไทย ซึ่งที่พักแบบเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์จะตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี” ยุทธชัย กล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับธุรกิจเซอร์วิส อะพาร์ตเมนต์ ภายใต้แบรนด์ “ชามา” (Shama) กลุ่มออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ ได้ซื้อกิจการจากบริษัทในฮ่องกงมาตั้งแต่ปี 2553 และขยายธุรกิจมาอย่างต่อเนื่องทั้งในไทยและอีกหลายประเทศ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปัจจุบัน ชามา เปิดให้บริการในประเทศไทยแล้ว 6 แห่ง ได้แก่ 1.ชามา สุขุมวิท กรุงเทพฯ 2.ชามา เลควิว อโศก กรุงเทพฯ 3.ชามา สุขุมวิท 39 กรุงเทพฯ 4.ชามา เย็นอากาศ กรุงเทพฯ 5.ชามา เพชรบุรี 47 กรุงเทพฯ และ 6.ชามา เอกมัย กรุงเทพฯ รวมทั้งยังมีอีก 10 แห่งในฮ่องกงและจีน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“กลุ่มออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ เล็งเห็นโอกาสการขยายธุรกิจในไทยรองรับกลุ่มนักธุรกิจต่างชาติที่เข้ามาพำนักระยะยาวเพื่อทำงาน รวมถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งต่างชาติและชาวไทยที่ต้องการพักในระยะสั้น 5-14 วัน ที่ให้ความสำคัญกับทำเลที่พักอาศัย สิ่งอำนวยความสะดวก คุณภาพ บริการและความปลอดภัย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยที่พักที่มีแบรนด์เป็นที่รู้จักจะมีความได้เปรียบในจุดนี้ แต่ตลาดในประเทศไทยส่วนใหญ่จะยังไม่มีแบรนด์ นี่จึงเป็นโอกาสอีกทั้งมองว่ากรุงเทพฯ ยังมีหลายทำเลที่มีศักยภาพในการทำเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ เช่น อารีย์ พระโขนง เอกมัย อ่อนนุช พระราม 3 เป็นต้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ซึ่ง “ชามา” มีแผนจะเปิดสาขาเพิ่มในไทยอีก 9 แห่ง จาก 6 แห่งในปัจจุบัน ให้เป็น 15 แห่งภายในปี 2568 และยังมองการลงทุนต่างประเทศต่อเนื่อง อาทิ มาเลเซีย ขณะเดียวกัน มีแผนที่จะขยายการร่วมลงทุนกับพันธมิตรที่สนใจ เนื่องจากธุรกิจเซอร์วิส อะพาร์ตเมนต์ มีจุดเด่นที่ต้นทุนบริหารจัดการค่อนข้างต่ำทำให้มี Gross Operation Profit ระดับ 60-70% จึงเป็นโอกาสสำหรับนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องการปรับปรุงและเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์เพื่อสร้างรายได้ที่มากขึ้น รองรับโอกาสทางธุรกิจที่กำลังฟื้นตัว”​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/11/tRS5SJ9Vn5FpxxmXMTRR.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="tRS5SJ9Vn5FpxxmXMTRR.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div>&nbsp;&nbsp;&nbsp; ยุทธชัย กล่าวว่า กลุ่มออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ พร้อมเปิดรับพันธมิตรและนักลงทุนที่สนใจทำธุรกิจเซอร์วิส อะพาร์ตเมนต์ ภายใต้แบรนด์ “ชามา” โดยจะให้คำปรึกษาในทุกขั้นตอน ตั้งแต่ออกแบบ ก่อสร้าง ตกแต่งสถานที่ จนถึงการบริหารจัดการงานบริการ วางแผนการตลาด จัดหาฝึกอบรมพนักงาน และเชื่อมต่อด้านการตลาดร่วมกับเครือข่ายธุรกิจที่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน ซึ่งปัจจุบัน “ชามา” มีการบริหารจัดการ 3 รูปแบบ คือ1.กลุ่มออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ ลงทุนเองทั้งหมด 2.กลุ่มออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ บริหารร่วมกับผู้ที่ต้องการลงทุนในตลาดเซอร์วิส อะพาร์ตเมนต์ (สร้างใหม่) และ 3.กลุ่มออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ บริหารร่วมกับเจ้าของเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์เดิมที่ต้องการรีแบรนด์ หรือ ปรับปรุงสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ ทั้งนี้ กลุ่มออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ เป็นบริษัทในเครืออิตัลไทย ดำเนินธุรกิจด้านบริหารจัดการโรงแรม เซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ และสปาชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกประกอบด้วย 3 แบรนด์หลัก คือ อมารี โอโซ่ และชามา ที่มีสาขาครอบคลุมทั้งในประเทศไทย มาเลเซีย จีน ฮ่องกง มัลดีฟส์ บังกลาเทศ และสปป.ลาวอ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89-%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%A2-" alt="ปีแห่งการแก้หนี้ “บสย.” อนุมัติค้ำ 1.28 แสนล้านบาท">ปีแห่งการแก้หนี้ “บสย.” อนุมัติค้ำ 1.28 แสนล้านบาท</a> <hr class="__se__solid">​ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine

กลุ่มออนิกซ์ฯ ดันแบรนด์ ”ชามา” สู่ผู้นำเซอร์วิส อะพาร์ตเมนต์

ยุทธชัย จรณะจิตต์ CPR กลุ่มโรงแรม รอ “วัคซีน” ฟื้นท่องเที่ยว-เศรษฐกิจ

ยุทธชัย จรณะจิตต์ บาลานซ์ความต่าง “อิตัลไทย” ยกระดับก่อสร้าง-ไลฟ์สไตล์

&ldquo;ความหลากหลายของกลุ่มอิตัลไทยคือจุดแข็งของเรา&rdquo; ยุทธชัย จรณะจิตต์ กล่าวในการเปิดงาน &lsquo;Infinite Opportunities&rsquo; วาระครบรอบ 60 ปีของกลุ่มอิตัลไทย พร้อมผู้บริหารระดับสูงในเครือ อาทิ สกล เหล่าสุวรรณ ประธานกรรมการ บริษัท อิตัลไทยวิศวกรรม จำกัด, Peter Henry ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป, จารุวรรณ สัจจวุธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อิตัลไทยออสติตาลิตี้ จำกัด, ฮาโรลด์ โอลายา รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท อมารี เอ็ซเทท จำกัด, วรพงศ์ สุขธีรอนันตชัย กรรมผู้จัดการ ศูนย์การค้าริเวอร์ซิตี้ 
 
งานเอ็กซ์โปฉลองครบรอบ 60 ปีของกลุ่มบริษัทอิตัลไทย จัดในธีมงาน &lsquo;Infinite Opportunities&rsquo; พร้อมทั้งจัดแสดงสินค้าและบริการของบริษัทต่างๆ จาก 2 กลุ่มธุรกิจที่ ยุทธชัยอธิบายว่าเป็นขา 2 ข้างที่ค้ำยันซึ่งกันและกัน คือ &lsquo;กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลและรับเหมาก่อสร้างแบบครบวงจร&rsquo; ที่ลงทุนในโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน และด้าน &lsquo;กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมบริการและไลฟ์สไตล์&rsquo; จากภาคการท่องเที่ยวของไทยซึ่งสามารถแข่งขันได้กับทั่วโลก 
 
&ldquo;เรามีเครื่องจักรกลหนักมากกว่า 30 รายการ มาจัดแสดงในงาน รวมไปถึงบริการด้านไลฟ์สไตล์ต่างๆ มากมาย ที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมบริการและไลฟ์สไตล์ ทำให้งานเอ็กซ์โปครั้งนี้เป็นการจัดแสดงสินค้าและบริการของธุรกิจในกลุ่มบริษัทอิตัลไทยที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เราเคยจัดมาในประวัติศาสตร์ของเรา โดยเราหวังว่างานเอ็กซ์โปครั้งนี้จะทำให้ผู้เข้าชมงานได้สัมผัสกับความหลากหลายและครอบคลุมของธุรกิจของเรา ดังที่เรากำลังเดินเครื่องเต็มที่ขยายการลงทุนเพื่อรองรับโอกาสที่เกิดจากการเปิดตลาด AEC&rdquo; ยุทธชัย กล่าว 
 
ปี 2558 กับเม็ดลงทุนตามแพลน 5 ปี 
 
เม็ดเงินจำนวน 3,000 ล้านบาท ในการลงทุนในปี 2558 นี้ ถูกกระจายการลงทุนไปยังกลุ่มธุรกิจทั้ง 2 โดยโครงการล่าสุดในกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลและรับเหมาก่อสร้างแบบครบวงจร บริษัท อิตัลไทยอุตสาหกรรม จำกัด ที่ให้บริการเครื่องจักรกลหนัก 3 แบรนด์หลัก Volvo, Tadano, SDLG โดยโครงการล่าสุดในกลุ่มธุรกิจนี้ คือการจัดตั้งหน่วยบริการให้เช่ารถขุดขนาด 20 ตัน ซึ่งมีรถขุดไว้ให้บริการจำนวน 30 คัน ใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 140 ล้านบาท โดยให้บริการลูกค้าแบบแพ็กเกจให้เช่าพร้อมบริการสนับสนุนการปฏิบัติงานอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมทีมช่างซ่อมบำรุง บริการชิ้นส่วนอะไหล่ 
 
&ldquo;การนำเสนอบริการใหม่ที่ครบวงจรนี้ จะช่วยให้ผู้รับเหมาสามารถลดเงินลงทุนในขั้นเริ่มต้นได้ และลดภาระการดูแลสภาพคล่องทางการเงินของโครงการ ตลอดจนช่วยให้ผู้รับเหมาซึ่งเป็นลูกค้าของเราไม่ต้องลงไปจัดการกับการควบคุมเครื่องจักรกลด้วยตัวเอง&rdquo; นายยุทธชัย กล่าว 
&nbsp; 
สำหรับ บริษัท อิตัลไทยวิศวกรรม จำกัด ไตรมาสแรกของปี 2558 ได้เซ็นสัญญาการก่อสร้างโครงการพลังงานทดแทนมูลค่า 4,900 ล้านบาท ซึ่งจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งสิ้น 177 เมกะวัตต์ จากการลงทุนใน 2 ส่วน แบ่งเป็นกำลังการผลิตจาก ฟาร์มกังหันลม (wind farms) 90 เมกะวัตต์ เป็นการร่วมลงทุนกับ บมจ. ผลิตไฟฟ้า หรือ EGGO และ บมจ. อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ วิศวการ หรือ IFEC และลงทุนในการผลิตไฟฟ้าจาก โซลาร์ฟาร์ม (solar farm) 87 เมกะวัตต์ ร่วมกับ บริษัท ยันฮีโซล่า เพาเวอร์ จำกัด และ กลุ่มบี.กริม 
 
&ldquo;เรามั่นใจว่าปีหน้าเราจะไปได้ดี เพราะเรามี reference ที่ยาวนานและทีมงานที่มุ่งมั่นและมีทีมเวิร์คที่ดี เรามั่นใจว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าเราจะได้ตามเป้า 8,000 ล้านบาท ในปี 2562&rdquo; สกล เหล่าสุวรรณ ประธานกรรมการ บริษัท อิตัลไทยวิศวกรรม จำกัด 
 
ในส่วนกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมบริการและไลฟ์สไตล์ ซึ่งประกอบไปด้วย ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป, บริษัท อิตัลไทยออสติตาลิตี้ จำกัด, บริษัท อมารี เอ็ซเทท จำกัด, ศูนย์การค้าริเวอร์ซิตี้ โดยในกลุ่มการลงทุนนี้มีจำนวนงบการลงทุนโดยประมาณ 7,000 ล้านบาทในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า พร้อมกับตั้งเป้าหมายดันยอดขายให้เติบโตเพิ่มขึ้นจาก 5,700 ล้านบาทในปี 2557 ให้เป็น 10,200 ล้านบาทในปี 2562 
 
โดย ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ถือเป็นธงนำในกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมบริการและไลฟ์สไตล์ เปิดเกมรุกไปยังต่างประเทศยังกลุ่มประเทศมหาสมุทรอินเดีย เพื่อเปิดให้บริการโรงแรมอย่างน้อย 10 แห่ง ภายในปี 2565 ได้แก่ อินเดีย ศรีลังกา และมัลดีฟส์ ซึ่งเป็นไปตามแผนงานที่ชัดเจนตามเป้าหมายที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้ให้บริการโรงแรมชั้นนำในภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก 
 
โดยไฮไลท์สำคัญในปี 2559 ของ ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป คือการเริ่มก่อสร้างในโครงการใหญ่ถึง 2 โครงการ คือแบรนด์ Amari 1 แห่งภายในโครงการ World Trade Center-Noida ใน New Delhi อินเดีย และอีกโครงการสำคัญ Amari Residences ในเขต Gujarat International Finance Tec-City (GIFT) ใกล้กับ Ahmedabad ในรัฐ Gujarat ทางตะวันตกของอินเดีย สร้างโดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ GIFT World Trade Centre และรวมไปถึง โครงการการบริหารโรงแรม 2 โครงการในมาเลเซีย ภายใต้แบรนด์โรงแรม OZO และ แบรนด์เซอร์วิสอาพาร์ทเมนต์ shama ตั้งอยู่ใน UMCity Medini Lakeside ที่จะพร้อมบริการในปี 2561 
 
บริษัท อิตัลไทยออสติตาลิตี้ จำกัด ที่ดูแลบริหารธุรกิจแฟรนไชส์ ชาTWG โดยกำหนดเป้าหมายเป็น 2 เท่าในระยะเวลา 5 ปี และน้ำแร่ Perrier ทั้งยังเป็นผู้นำเข้าไวน์ทั้งจากโลกเก่าและโลกใหม่ 
 
พร้อมกันนี้ยังปรับภาพลักษณ์ River City Bangkok อีกกลุ่มธุรกิจของอิตัลไทย โดยรีแบรนด์ดิ้งใหม่ทั้งหมดเพื่อเป็นแหล่งจำหน่ายสินค้าประเภทศิลปะและของโบราณชั้นนำในกรุงเทพ และเตรียมตัวเป็นศูนย์การประมูลงานศิลปะและวัตถุโบราณในอนาคต

60 ปี กลุ่มบริษัทอิตัลไทย กับแผนธุรกิจและเป้าหมายที่ชัดเจน

<h2>Forbes Thailand Forum ปี 2015 ในหัวข้อ "The Next Tycoons" ในวันที่ 16 มีนาคม 2558 เวลา 14.00-17.30 น. ที่ ห้องเวิลด์ บอลรูม ชั้น 23 โรงแรม เซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัล เวิลด์ ผ่านไปด้วยความสำเร็จ ได้รับการตอบรับจากผู้บริหาร เจ้าของกิจการ และผู้อ่าน Forbes Thailand เป็นอย่างดียิ่ง</h2>
ผู้บริหารและเจ้าของกิจการระดับนำของประเทศไทย บนเวทีทั้ง 2 ช่วงได้แก่
<ul>
 	<li>Panel 1: The Grooming the Next Tycoons ประกอบด้วย Harald and Caroline Link จากกลุ่มบี.กริม และ พรสิทธิ์ และ สุริยน ศรีอรทัยกุล จากกลุ่มบิวตี้เจมส์ ที่มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์การส่งต่อและสืบต่อธุรกิจจากรุ่นสู่รุ่น</li>
 	<li>Panel 2 :Enhancing a Fortune ประกอบด้วย รัตนา สถิรมน แห่งกลุ่มสามมิตรมอเตอร์ส, ยุทธชัย จรณะจิตต์ แห่งกลุ่มอิตัลไทย, รุ่งฉัตร บุญรัตน์ แห่งกลุ่มมาลีสามพราน และ ธนรัชต์ พสวงศ์ แห่งกลุ่มฮั่วเซ่งเฮง ที่มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์การทำงานธุรกิจครอบครัวได้อย่างลึกซึ้ง</li>
</ul>
ผู้บริหารทุกท่านต่างร่วมแสดงวิสัยทัศน์ แบ่งปันประสบการณ์ และร่วมสร้างแรงบันดาลใจให้แขกผู้มีเกียรติ ที่จะสร้างความแรงบาลใจให้กับนักธุรกิจและผู้บริหารเตรียมส่งต่อธุรกิจ หรือทั้งนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่เตรียมสืบต่อธุรกิจ ภายหลังจากการเสวนา ตบท้ายด้วยการชิมไวน์และวิสกี้โดยได้รับการสนับสนุนจาก Italasia และ Chivas

Forbes Thailand ขอขอบคุณ และได้รับการสนับสนุนอย่างดีจาก Priority โดยธนาคารเกียรตินาคิน, สยามพิวรรธน์, DTAC และ บริษัท เพอร์นอต ริคาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด ที่ให้การสนับสนุนการจัดงานครั้งนี้จนสำเร็จลุล่วงด้วยดี พร้อมทั้งแขกผู้มีเกียรติ และสื่อมวลชน ที่ให้ความสนใจเข้าร่วมงานในครั้งนี้

Forbes Thailand Forum 2015 : The Next Tycoons

นิตยสาร Forbes Thailand สานต่อความสำเร็จ จัดงาน Forbes Thailand Forum 2015 : The Next Tycoons ร่วมไขเคล็ดลับการบริหารธุรกิจจากกูรูตัวจริงของเมืองไทย โดย Panel 2: Enhancing A Fortune ได้รับเกียรติจากผู้บริหารจาก 4 กลุ่มธุรกิจได้แก่ บริการ, ทองคำ, ชิ้นส่วนรถยนต์ และ น้ำผลไม้ ในความแตกต่างของธุรกิจกลับมีสิ่งหนึ่งที่เหล่าผู้บริหารต้องก้าวข้าม คือประสบการณ์ในการรับช่วงการขับเคลื่อนธุรกิจของครอบครัว ในงานช่วงที่ 2 มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ รัตนา สถิรมน แห่งกลุ่มสามมิตรมอเตอร์ส ยุทธชัย จรณะจิตต์ แห่งกลุ่มอิตัลไทย, รุ่งฉัตร บุญรัตน์ แห่งกลุ่มมาลีสามพราน และ ธนรัชต์ พสวงศ์ แห่งกลุ่มฮั่วเซ่งเฮง 
<div id="stcpDiv" style="position: absolute; top: -1999px; left: -1988px;">
	ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส</div>
<div id="stcpDiv" style="position: absolute; top: -1999px; left: -1988px;">
	ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส</div>
&nbsp;<img class="img-responsive" class="img-responsive" alt="" class="img-responsive" src="/uploads/userfiles/images/The%20Next%20Tycoons%202015/Panal%202/IMG_5873%20copy-2(1).jpg" /> 
รัตนา สถิรมน รองกรรมการผู้จัดการสายงานธุรกิจต่างประเทศ บริษัท สามมิตรมอเตอร์สแมนูแฟคเจอริง จำกัด (มหาชน) 
 
การขึ้นบริหารงานร่วมกับพี่น้อง 5 คน ของ รัตนา สถิรมน ในฐานะรุ่นที่ 3 ความท้าทายแรกคือการลบคำสบประมาทที่ว่าจะเป็นการบริหารรุ่นสุดท้ายของสามมิตร จากความความกดดันกลายเป็นกลจักรสำคัญที่นำพาบริษัทสามมิตรมอเตอร์สผลิตชิ้น ส่วนรถยนต์ รถบรรทุก และรถหัวลาก จนกระทั่งเป็นเบอร์ 1 ใน ประชาคม AEC และนำพาองค์กรก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมเครื่องจักรกลการเกษตร พลังงาน รวมไปถึงก๊าซธรรมชาติ โดยมีเป้าหมายใหญ่คือการก้าวไปสู่ระดับโลก 
&nbsp; 
สิ่งหนึ่งจากคำสอนของรุ่นก่อนที่ รัตนา นำมาเป็นหนึ่งแนวทางการทำงานคือความสำคัญในการพัฒนาและการวิจัย &ldquo;เห็นคุณปู่และคุณพ่อพูดถึงการทำงานในเรื่องของการพัฒนาและการวิจัย เพราะฉะนั้นสิ่งที่ต้องคิดมันไม่ใช่แค่เรื่องของวันนี้หรือพรุ่งนี้ แต่ต้องมองไป 5-10 ปี ข้างหน้า เป็นเรื่องโชคดีที่ประเทศไทยเป็น hub ในเรื่องของ automotive งานที่ได้จากลูกค้าจึงเป็นในลักษณะ long-term ซึ่งนั่นทำให้องค์กรหยุดพัฒนาไม่ได้&rdquo; 
&nbsp; 
ด้วยเป้าหมายและภารกิจการก้าวสู่ระดับโลกเป็นแรงขับเคลื่อนให้ รัตนา และพี่น้องร่วมกันทำงานอย่างทุ่มเทด้วยความรักและสายใยในครอบครัวโดยเธอได้กล่าวไว้บางช่วงของงานว่า &ldquo;สิ่งที่เราทำ มันไม่ได้ถูกบังคับ เรายินดีที่จะทำ เพราะเรารู้ว่าคนก่อนหน้าเราเค้าเหนื่อย ไม่ใช่แค่เค้าพูดว่าเค้าเหนื่อยนะ แต่เราเห็นเค้าทำจริงๆ แล้วเค้าเหนื่อย....แล้วเราได้โตมาถึงวันนี้ได้เนี่ย เป็นเพราะว่าพ่อแม่เราเหนื่อย อันนี้คือเรื่องของความรัก&rdquo; 
<hr />
&nbsp;<img class="img-responsive" class="img-responsive" alt="" class="img-responsive" src="/uploads/userfiles/images/The%20Next%20Tycoons%202015/Panal%202/IMG_5887%20copy31-2.jpg" /> 
ยุทธชัย จรณะจิตต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มอิตัลไทย 
&nbsp; 
ยุทธชัย จรณะจิตต์ ทายาทหนุ่มแห่งกลุ่มธุรกิจอิตัลไทย ซึ่งเข้ามารับตำแหน่งในอาณาจักรธุรกิจหมื่นล้านที่ทำธุรกิจหลากหลาย ด้วยเริ่มต้นทำงานด้วยอายุเพียง 24 ต้นๆ ก่อนดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารในปัจจุบัน 
&nbsp; 
"ตัวผมเองถูกจับใส่เข้าไปในบริษัท ณ ตอนนั้น มันไม่มีสูตรสำเร็จ มันมีคำเดียวก็คือ ต้องทำให้ได้ ซึ่งเราเข้าไปตอนนั้น เราก็ต้องไปเรียนรู้ ไปรู้จักคน ว่าเขาทำยังไงคิดยังไง และเราจะได้ใจเขายังไง ซึ่งมันใช้เวลา และปีนี้เป็นปีที่ 21 แล้วที่ผมนั่งอยู่ในบริษัทนี้&rdquo; ยุทธชัย กล่าวย้อนถึงการเข้ามารับตำแหน่งตั้งแต่ในวัย 24 ปี 
&nbsp; 
โดย ปัจจุบันกลุ่มธุรกิจอิตัลไทย มีธุรกิจหลากหลาย อาทิ กลุ่มธุรกิจเครื่องจักรกล, กลุ่มธุรกิจบริการด้านวิศวกรรม, กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมบริการและอสังหาริมทรัพย์ และ กลุ่มธุรกิจอาหารและธุรกิจค้าปลีก ที่มีความหลากหลายโดย ยุทธชัย กล่าวถึงการทำงานไว้ว่า &ldquo;ธุรกิจเรามันขึ้นอยู่กับคน เพราะมันเป็น service industry เรามีหลายธุรกิจ บางธุรกิจแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะอยู่ด้วยกันได้ ตัวผมเองจึงต้องเรียนรู้อยู่ตลอดเวลาในการปรับเปลี่ยนแผนของธุรกิจให้มันไป ด้วยกันได้ ซึ่งการที่จะ run องค์กรที่ใหญ่และหลากหลายขยนาดนี้ มันต้องใช้ dynamic มากพอสมควร ไม่ใช่เราให้งานเขาไปแล้วทำอยู่ 12 เดือน แล้วค่อยมาคุยกัน ผมมองว่าทุกธุรกิจโดยเฉพาะ service จะ sensitive มากต่อการเปลี่ยนแปลง การแข่งขันและคู่แข่งก็มีสูงมาก ซึ่งคำที่ผมจะตอบคือ มันไม่มีสูตรสำเร็จ มันมีคำเดียว คือต้องทำให้ได้&rdquo; 
<hr />
<img class="img-responsive" class="img-responsive" alt="" class="img-responsive" src="/uploads/userfiles/images/The%20Next%20Tycoons%202015/Panal%202/IMG_5917%20copy-2.jpg" /> 
รุ่งฉัตร บุญรัตน์ กรรมการและรองผู้จัดการใหญ่ สายการขายและการตลาด บมจ.มาลีสามพราน 
 
รุ่งฉัตร บุญรัตน์ ผู้บริหารที่อายุน้อยที่สุดบนเวที จากกลุ่มมาลีสามพราน ผู้บริหารซึ่งอายุน้อยที่สุดบนเวทีแต่มีเป้าหมายแบบทางการเงินแบบคูณสองกับ โจทย์ การสร้างยอดขาย ที่ 5,000 ล้านต่อปี สู่ 10,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปี 
&nbsp; 
การนั่งบริหารงานต่อจากรุ่นก่อน ความสำเร็จด่านแรกของคือบริหารงานบริษัทด้วยวัยวุฒิและประสบการณ์ที่เริ่มต้น &ldquo;การใช้หลักการและเหตุผล&rdquo; จึงเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นและมิตรภาพของการทำงานได้ดี 
&nbsp; 
&ldquo;ต้องบอกว่าความเป็นผู้หญิงในตอนที่เข้ามานั้นได้เปรียบ เราเข้าไปแบบนักทูต เรายกมือไหว้พนักงานทุกคน ทุกคนมีประสบการณ์มากๆ แต่ละคนอายุไม่ต่ำกว่า 50 ปี เราเข้าไปตอนนั้น เกือบจะเด็กที่สุดในบริษัท ทั้งบริษัทมีเด็กกว่าเราแค่ 2 คน เราเข้าไปแบบไม่มีประสบการณ์ เพราะฉะนั้นเราจึงเลือกใช้เหตุและผล ในการพูดกับพนักงาน ใช้วิธีการตั้งคำถาม บางอย่างที่พนักงานทำอะไรที่เราคิดว่ามันไม่เหมาะสม เราจะใช้วิธีตั้งคำถาม ว่าเพราะอะไรถึงทำแบบนี้ แล้วเราก็จะให้ alternative ให้เขาเห็นว่ามันก็ยังมีอีกหลาย way นะที่สามารถทำได้ และพนักงานในบริษัท 50% อยู่กับบริษัทมาเกิน 20 ปี เขาก็อาจจะยึดติดกับสิ่งที่เขาเคยทำ และเป็นสิ่งที่เขาทำแล้วเคยประสบความสำเร็จ อย่างตอนที่เราเข้ามา ยอดขาย 3,000 ล้านบาท&rdquo; 
&nbsp; 
ซึ่งภายในหลังจากการบริหารงาน รุ่งฉัตรได้ปรับภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์มาลีให้เป็นสาวสุขภาพ และเป็นการปรับภาพลักษณ์จากแก่นขององค์กร โดยมีการเปิดรับทุกความคิดของพนักงาน และหลังจากที่เธอเข้ามาบริหารงาน ยอดขายได้เพิ่มขึ้นจาก 3,000 ล้านบาท มาเป็น 5,000 ล้านบาทต่อปี 
<hr />
<img class="img-responsive" class="img-responsive" alt="" class="img-responsive" src="/uploads/userfiles/images/The%20Next%20Tycoons%202015/Panal%202/IMG_5925%20copy-2.jpg" /> 
ธนรัชต์ พสวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จํากัด 
&nbsp; 
ธนรัชต์ พสวงศ์ ทายาทรุ่นที่ 3 ที่เข้ามารับช่วงต่อด้วยวัย 30 ต้นๆ ด้วยความท้าทายเพราะในช่วงระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจทองมีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก &ldquo;ผมเข้ามาเป็น generation 3 ถูกท้าทายโดยทฤษฎีอยู่แล้วว่าถ้าทำพังก็รุ่นเรา&rdquo; ธนรัชต์ กล่าว 
&nbsp; 
การเข้ามารับช่วงต่อของเขาเหมือนเป็นการเริ่มนับ 1 เพราะครอบครัวไม่เคยบังคับว่าจะต้องมาสืบสานกิจการต่อ หลังเรียนจบปริญญาโทเขาจึงต้องเริ่มเรียนรู้ธุรกิจของครอบครัวอย่างจริงจัง โดยมีโจทย์ใหญ่คือ &ldquo;ความเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค&rdquo; ที่ทำให้คนในองค์กรทำงานร่วมกันและปรับตัวร่วมกันกับความเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค 
&nbsp; 
&ldquo;ปัจจุบัน 70% ของการซื้อขายอยู่บนแพลตฟอร์มโมบายและแท็บเล็ต เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้การพัฒนาองค์กรและการระมัดระวังความปลอดภัยก็ เปลี่ยนไปด้วย จากเดิมที่ต้องระวังคนที่จะมาโกงในเรื่องของผลิตภัณฑ์ ผมก็ต้องมาระวังในเรื่องของระบบไอที เรื่องของแฮ็กเกอร์ และผู้ที่พยายามจะเอาชนะระบบอยู่ตลอดเวลา&rdquo; ธนรัชต์ กล่าวย้ำถึงการเปลี่ยนแปลง 
&nbsp; 
และ เมื่อธุรกิจทองคำไม่ได้เป็นเพียงแค่การเปิดร้านทองอยู่ในเยาวราชอีกต่อไป Gold Futures และระบบออนไลน์ ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจทองคำไปตลอดกาลซึ่งเป็นความท้าทาย และเป็นความยากอย่างยิ่งที่คนในกลุ่มธุรกิจนี้ต้องปรับตัว 
 
 
นี่คือความท้าทายที่ The Next Tycoons ทั้ง 4 มาร่วมบอกเล่าประสบการณ์จากเวที&nbsp; Forbes Thailand Forum 2015 : The Next Tycoons ร่วมไขเคล็ดลับการบริหารธุรกิจจากกูรูตัวจริงของเมืองไทย Panel 2: Enhancing A Fortune | ติดตาม รายงานพิเศษฉบับเต็ม Forbes Thailand ฉบับเดือนเมษายน 2558

Forbes Thailand Forum 2015 Panel 2: Enhancing A Fortune

<h2>กลุ่มอิตัลไทยแผ่ขยายอาณาจักรธุรกิจของตัวเองออกไปยังอาเซียน และเอเชียอย่างมุ่งมั่นเอาจริงเอาจัง โดยการนำทัพของผู้บริหารหนุ่มวัย 34 ปี ทายาทรุ่นที่ 3 ภายหลังปรับโครงสร้างและภาพลักษณ์องค์กรเมื่อปลายปีที่ผ่านมา</h2>
กว่า 6 ทศวรรษของกลุ่มอิตัลไทย เริ่มตั้งแต่ พ.ศ.2498 เมื่อชัยยุทธ กรรณสูต จับมือกับ Georgio Berlingieri ได้เติบใหญ่มาสู่ทายาทรุ่นที่ 3 ใต้การนำของยุทธชัย จรณะจิตต์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทอิตัลไทย ที่มาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงในรหัส RACE - Racing to New Heights

ผู้บริหารหนุ่มย้ำว่าเขากำลังสร้างวัฒนธรรมขององค์กร สร้างดีเอ็นเอ RACE อยากให้คนอิตัลไทยแข่งขันกับตัวเอง ก่อนก้าวสู่การแข่งขันในระดับสากล อิตัลไทยมีพื้นฐานของธุรกิจไทยและกิจการครอบครัว แต่เราต้องสร้างระบบระเบียบการบริหารให้แตกต่างและชัดเจน

การยกเครื่องหรือรีแบรนด์ดิ้งคราวนี้เพื่อตอกย้ำให้เห็นความแตกต่างระหว่างกลุ่มอิตัลไทยกับอิตาเลียนไทย โดยอิตาเลียนไทยคือบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่มูลค่านับพันล้าน ส่วนอิตัลไทยเป็นผู้ให้บริการทางการค้า และด้านวิศวกรรม รวมทั้งอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล อสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจร้านอาหาร-ค้าปลีก

“วันนี้เราสามารถเปลี่ยนภาพความเป็นอิตัลไทย และรวมแต่ละธุรกิจให้อยู่ภายใต้ร่มเดียวกัน จากเดิมที่ค่อนข้างกระจัดกระจายพอสมควร พร้อมสร้างการรับรู้ความแตกต่างระหว่างอิตัลไทยและอิตาเลียนไทยให้ชัดเจน”

ทายาทรุ่นที่ 3 ย้ำถึงอนาคตของอิตัลไทยว่า ต้องการให้กลุ่มอิตัลไทยเป็นบริษัทที่มั่นคงและก้าวไกลไปในระดับอาเซียน ด้วยฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งและฐานคนที่มีคุณภาพ เริ่มต้นจากเป็นผู้นำในกลุ่มเพื่อนบ้านแถบอาเซียนก่อน มองการเติบโตเป็น horizontal มากกว่า vertical เพื่อให้บริการจัดการได้อย่างทั่วถึง และเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป

“เราสามารถทำให้อิตัลไทยมีภาพของความกระตือรือร้น active และการผสมผสานทีมงานคนไทยกับคนต่างประเทศ จากเดิมบริษัทมี backbone หรือกระดูกที่แข็งแรงอยู่แล้ว เราเพียงทำให้เครื่องร้อนขึ้น ด้วยการหาคนมีความรู้ความสามารถเข้ามาขับเคลื่อนกลุ่มบริษัท”

ยุทธชัยเชื่อว่าความสำเร็จทางธุรกิจต้องเดินหน้าต่อยอดอย่างต่อเนื่อง เพราะถ้าเชื่อว่าสำเร็จแล้ว ย่อมหมายถึงการสิ้นสุดและหยุดพัฒนา
<div>

<hr />

อ่าน “ยุทธชัย จรณะจิตต์ กับภารกิจ rebrand อิตัลไทย” ฉบับเต็มได้ใน Forbes Thailand ฉบับ JUNE 2013

</div>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events