Dusit Central Park เผยโฉม ‘Roof Park’ สวนลอยฟ้าพื้นที่ 7 ไร่ คาดเปิดไตรมาส 3 นี้ - Forbes Thailand

Dusit Central Park เผยโฉม ‘Roof Park’ สวนลอยฟ้าพื้นที่ 7 ไร่ คาดเปิดไตรมาส 3 นี้

FORBES THAILAND / ADMIN
12 Jun 2025 | 03:15 PM
READ 279

Dusit Central Park เผยความคืบหน้าสวนลอยฟ้า Roof Park ก่อนเปิดในไตรมาสที่ 3 ชูความโดดเด่นทัศนียภาพร่มรื่นเขียวขจีของต้นไม้ โดยไล่ระดับความสูงจากชั้น 4 ต่อเนื่องถึงชั้น 7 เชื่อมต่อวิวทิวทัศน์สวนลุมพินีแบบ Extending Park View ขึ้นแท่นเป็นสวนลอยฟ้าใจกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย


    ศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “โครงการกำลังเตรียมเปิด Roof Park อย่างเป็นทางการในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ซึ่งต้องย้อนถึงวิสัยทัศน์ของผู้บริหารที่มีมุมมองความคิดที่ต้องการพัฒนาพื้นที่โดยไม่เพียงแค่คำนึงถึงธุรกิจเท่านั้น แต่มีความต้องการในการยกระดับพื้นที่เพื่อมอบความสุข สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีแก่สังคม ชาวไทย และชาวโลก ให้สามารถเข้ามาใช้เวลาในพื้นที่ดังกล่าวได้อย่างเพลิดเพลิน และรองรับความต้องการของชุมชนเพื่อสร้างความสุขร่วมกันอย่างแท้จริง

    “ทำให้เราได้ตัดสินใจสร้างสรรค์พื้นที่สีเขียวถึง 7 ไร่ (11,200 ตารางเมตร) ให้เป็นสวนลอยฟ้าขนาดใหญ่ภายในโครงการ Dusit Central Park เพื่อช่วยเสริมสร้างคุณภาพชีวิตของผู้คนในเมืองกรุงเทพฯ ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกของโครงการใจกลางเมืองที่สร้างสรรค์พื้นที่สีเขียวเช่นนี้

    “และแน่นอนว่าความสำคัญของการสร้างพื้นที่สีเขียวในกลางเมือง ไม่เพียงแต่จะมีส่วนช่วยสร้างให้โครงการมีความสวยงามเท่านั้น แต่ยังช่วยในด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมผ่านการส่งเสริมสุขภาพคนและคุณภาพเมือง ไปด้วยกัน ทั้งยังเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับ Dusit Central Park อย่างยั่งยืน

ศุภจี สุธรรมพันธุ์


    “นอกจากนี้ การพัฒนาพื้นที่สีเขียวดังกล่าวยังส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศใน 3 มิติ ทั้งมิติทางเศรษฐกิจผ่านการเป็นไฮไลต์ของโครงการที่ดึงดูดผู้คนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมไปถึงแขกของโรงแรม ลูกบ้าน ผู้ที่เข้ามาจับจ่ายใช้สอยภายในโครงการ หรือพนักงานในออฟฟิศ ให้เข้ามาพักผ่อนและรู้สึกสบายไปกับบรรยากาศที่สงบและเป็นธรรมชาติ และมิติทางด้านสังคมผ่านการสรรสร้างพื้นที่สีเขียวตอบแทนชุมชนที่ทุกคนสามารถเข้ามาใช้งานได้ตามไลฟ์สไตล์ของตนเอง และยังส่งเสริมให้ผู้คนเห็นคุณค่าของธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

    “และในมิติด้านระบบนิเวศเมืองผ่านการปลูกพันธุ์ไม้ที่ช่วยเพิ่มออกซิเจนให้เมือง ดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ ดักจับและลดฝุ่น PM10 และ PM2.5 และบริเวณพื้นที่น้ำตกที่กระจายตัวอยู่ตามจุดต่างๆ ภายใน Roof Park จะสามารถช่วยลดอุณหภูมิในพื้นที่พร้อมเพิ่มความชุ่มชื้นในอากาศ ทำให้อากาศสดชื่น เย็นสบาย และยังเติมเต็มระบบนิเวศให้สมบูรณ์โดยการเป็นที่อยู่แห่งใหม่ของแมลงที่เป็นประโยชน์ และสัตว์เล็กสัตว์น้อยได้เป็นอย่างดี นับเป็นการมองการณ์ไกลที่ตั้งใจจะตอบโจทย์ทั้งในด้านความยั่งยืนผ่านการสร้างระบบนิเวศเมืองที่มีคุณภาพสำหรับทุกคน ซึ่งเราจะเป็นสวนลอยฟ้าใจกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย (Thailand’s Largest Urban Roof Park)”

    ธัชพล สุนทราจารย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท Landscape Collaboration จำกัด ผู้ออกแบบภูมิสถาปัตยกรรมของ Roof Park โครงการ Dusit Central Park กล่าวว่า “โจทย์ของพื้นที่นี้ คือ ความท้าทายครั้งใหม่ เพราะเราต้องดีไซน์บริเวณ Terrace ของชั้น 4-7 ให้เชื่อมต่อกันให้มีลักษณะเป็นเนินสูงต่ำ หรือ Hill Zone ที่แลดูเสมือนภูเขาที่ต่อเนื่องกับสวนลุมพินีแบบไร้รอยต่อ มอบประสบการณ์ใหม่ระหว่างธรรมชาติและการใช้ชีวิตใจกลางเมือง พร้อมจัดวางพันธุ์ไม้ที่มีความสูงใหญ่หลายระดับ

ธัชพล สุนทราจารย์


    “และในด้านการพัฒนาและออกแบบการใช้งานของพื้นที่ เราใช้หลักการของแนวคิดอารยสถาปัตย์ (Universal Design) และผสานแนวคิดหลากหลาย ทั้ง 1) Inclusive Design for All เพื่อให้ Roof Park เป็นพื้นที่สีเขียวที่ออกแบบโดยคำนึงถึงรูปแบบการใช้ชีวิต เพื่อให้เกิดฟังก์ชั่นการใช้งานที่รองรับความต้องการที่หลากหลายของผู้ใช้งานจริง ทั้งบริเวณสำหรับกิจกรรม Active และ Passive รวมไปถึง พื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยง

    “2) การสานต่อมรดกอันงดงาม (Heritage & Legacy) ของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ ผ่านการใช้อัตลักษณ์ เช่น การสร้างน้ำตกที่ไหลมารวมกัน การเลี้ยงปลา การปลูกต้นลีลาวดี รวมไปถึงเส้นสายที่สวยงามและฟอร์มรูป “หกเหลี่ยม” ในการออกแบบมุมมองและภาพลักษณ์ในโซนต่างๆ ที่สะท้อนตัวตนของดุสิตธานีโดยสอดแทรกอยู่ในบริบทของสมัยใหม่อย่างลงตัว

    “และ 3) Urban Sanctuary & Ecosystem หรือการสร้างระบบนิเวศของตัวเมืองกรุงเทพฯ ที่มีความเฉพาะตัวไม่เหมือนที่อื่น ผ่านการสร้างความรู้สึกถึงความเชื่อมต่อไปยังสวนลุมพินี การคัดเลือกปลูกต้นไม้ประจำถิ่นและต้นไม้ไทยหายาก รวมไปถึงการหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีเพื่อไม่สร้างผลกระทบต่อสัตว์เล็กและแมลง

    “และด้วยแนวคิดเหล่านี้ ทำให้ Roof Park มีมาตรฐานที่โดดเด่นเทียบเคียงกับพื้นที่สวนสาธารณะระดับโลก เช่น Central Park ในมหานครนิวยอร์ก และ Hyde Park ในมหานครลอนดอน ซึ่งล้วนแต่เป็นสวนสาธารณะที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานของทุกคนในเมืองท่ามกลาง Prime Location ที่หาได้ยาก”

    “นอกจากนี้ การดีไซน์พื้นที่ยังได้คำนึงถึงมาตรฐานการรับรอง LEED ซึ่งเป็นมาตรฐานของอาคารสีเขียว โดยการใช้วัสดุธรรมชาติที่ทดแทนได้ อาทิ การสร้างทางเดินลาดด้วยไม้ที่เป็นวัสดุธรรมชาติที่มีความทนทานและสามารถทดแทนได้ และยังสร้างประสบการณ์ให้ผู้ใช้รู้สึกอบอุ่นเหมือนได้สัมผัสธรรมชาติจริงๆ การใช้หินในบางพื้นที่ และใช้วัสดุทดแทน อย่างกรวดและทรายขัดล้างแทนที่ซีเมนต์เบส เพื่อให้ได้สีสันความสวยงามตามธรรมชาติและทำให้พื้นผิวมีความน่าสนใจ

    และอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญ คือ งานโครงสร้าง ซึ่งได้ร่วมทำงานกับ Structure Engineer ที่ได้ออกแบบและวางรูปแบบโครงสร้างที่มีความซับซ้อนสูง เพื่อรองรับแพลตฟอร์มของอาคารทั้ง 4 องค์ประกอบ ทั้งโรงแรม ที่พักอาศัย ศูนย์การค้า และสำนักงาน ที่มีลักษณะและรูปแบบที่แตกต่างกัน เรามีการขึ้นโครงสร้างและคานของสวนในทุกขั้นตอนในเชิงสามมิติ ครบทุกโซน ทุกรายละเอียด เพื่อให้ง่ายต่อการ Joint ทุกชิ้นส่วนเข้าด้วยกัน สร้างความแข็งแรงให้โครงสร้างสามารถรองรับน้ำหนักได้มากและไม่รั่วซึม ทำให้พื้นที่ด้านบนสามารถรองรับได้ทั้งต้นไม้ขนาดใหญ่ น้ำตก และพื้นที่กิจกรรมต่างๆ”



ภาพ: Dusit Central Park



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : เรนวูด ปาร์ค เผย เบื้องหลังเมกะโปรเจกต์งบลงทุน 3 หมื่นล้าน ดึง ฤทธา, A49 และ PIA พัฒนาเมืองแบบยั่งยืนรองรับวิกฤต

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine