Forbes Thailand มีโอกาสได้พูดคุยแบบเจาะประเด็นลึกถึงแนวทางการสู้วิกฤติอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งหลังปี 2568 กับ ปัทมา ปิยะมณีพร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) โดยเธอบอกว่า ภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลกและประเทศไทยเองยังคงซบเซาส่งผลกระทบต่อเนื่องมายังธุรกิจจากเดิมที่เคยมีรายได้สูงสุดจากการขายบ้านหรือทาวเฮ้าส์ได้มากถึง 50,000 ล้านบาท ณ ปัจจุบันรายได้จากการขายอสังหาฯ ดังกล่าวมีการปรับตัวลดลงไม่บูมเหมือนในอดีต ทางบริษัทเองจึงต้องเร่งปรับพอร์ตเปลี่ยนเกมกลยุทธ์ในรูปแบบ 'The Strategic Rebound' ที่เน้นการลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงในหลายๆ ด้าน...
"ที่่ผ่านมาเรากระจายการลงทุนไปยังตลาดต่างประเทศอย่างสิงคโปร์ร่วมกับทาง Capital land ซึ่งถือเป็นพาร์ทเนอร์หลักที่ความเชี่ยวชาญและแข็งแกร่ง โดยธุรกิจส่วนใหญ่ที่เราร่วมลงทุนไปแล้วกว่า 10,000 ล้านบาทนั้น จะเน้นในเรื่องของธุรกิจด้านสุขภาพ, อสังหาฯ, คลังสินค้า และโรงแรม" ปัทมา กล่าว
ทั้งนี้ ณ ปัจจุบัน 'พฤกษา โฮลดิ้ง' มีรายได้มาจากธุรกิจหลัก 5 ประเภท ได้แก่
1. ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่เน้นขาย คอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว และทาวน์เฮาส์
2. ธุรกิจ Health care โดยขยายธุรกิจสู่บริการด้านสุขภาพผ่านโรงพยาบาลและคลินิก เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน
3. ธุรกิจพรีคาสท์และก่อสร้าง ทางบริษัทได้แยกหน่วยธุรกิจนี้ออกมาเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยเน้นการผลิตชิ้นส่วนพรีคาสท์และบริการด้านการก่อสร้างโดยเฉพาะ
4. ธุรกิจจากรายได้ประจำ (Recurring Income): รูปแบบต่างๆ เช่น ค่าเช่า หรือรายได้จากบริการสุขภาพ เพื่อลดความผันผวนและสร้างความมั่นคงให้กับธุรกิจในระยะยาว
5. นวัตกรรมบ้านและสุขภาพอัจฉริยะ เพื่อสร้างความแตกต่างและตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่

ปรับ Segment เจาะกลุ่มลูกค้า Mid-High
ในส่วนของธุรกิจหลักอย่างการขายอสังหาริมทรัพย์ 'พฤกษา โฮลดิ้ง' มีการขยับ Segment ขึ้นมาขายบ้านราคาโดยเฉลี่ย 7 ล้านบาทต่อหลัง เพื่อเจาะตลาดในกลุ่มลูกค้าระดับ Mid-High มากขึ้น หลังจากปีที่ผ่านมาได้กระแสตอบรับจากยอดโอนขายบ้านได้มากขึ้นจากเดิมในราคาเฉลี่ยต่อหลังราวๆ 4 ล้านบาท
ด้านตลาดกลุ่มลูกค้าระดับ High-End ปัทมายังบอกด้วยว่า จะมีการปัดฝุ่นเอาแบรนด์ The Reserve มาทำเป็นโครงการใหม่ในรูปแบบ 'วิลล่า Luxury สุดหรูในเมือง' ที่มีจำนวน 20 ยูนิต ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 5 ไร่ ในซอยสุขุมวิท 89 ซึ่งไม่ไกลจากรถไฟฟ้า BTS สถานีบางจาก
"เรามีจุดแข็งในเรื่องของทำเลที่ดีมีศักยภาพ และยังมีธุรกิจก่อสร้างที่เข้ามาช่วยรองรับเรื่องในเรื่องของต้นทุนค่าวัสดุต่อเนื่องไปถึงแรงงานต่างๆ โครงการนี้เรามั่นใจว่าจะเป็นทำเลทองที่หลายๆ คนมองหา และน่าจะประสบความสำเร็จได้จากการตั้งราคาขายไว้ที่ราวๆ 50-60 ล้านบาทต่อขนาดพื้นที่ 300 ตร.ม."

ตอบโจทย์เทรนด์คนยุคใหม่ เน้นเช่ามากกว่าซื้อ
นอกเหนือจากกลุ่มลูกค้าระดับ High-End พฤกษา โฮลดิ้ง ยังเล็งเห็นพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยต่อเนื่องไปถึงการยื่นกู้แบงก์ไม่ผ่าน จึงได้อยอดโมเดลเป็นธุรกิจใหม่อย่าง พฤกษา พาส (Pruksa Pass) โซลูชันการให้เช่าซื้อ “เช่าก่อน ซื้อทีหลัง” โดยเงินค่าเช่าบางส่วนสามารถนำไปเป็นเงินดาวน์ได้เมื่อซื้อบ้านจริง และยังมีการเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำ (Recurring Income) ผ่านแบรนด์ไอเพลิน (iPlearn) ธุรกิจให้เช่าที่อยู่อาศัยรองรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ อย่าง นักศึกษา พนักงานจบใหม่ และพนักงานโรงงานที่อยู่อาศัยในย่านรังสิต ในราคาเพียง 5,000 บาทต่อเดืิอน โดยคาดว่าจะให้ผลตอบแทนค่าเช่าได้ถึง 6-8% ต่อปี หลังจากเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้
'สังคมผู้สูงวัย' เร่งปักหมุดขยายโรงพยาบาลเฉพาะทาง
หลังจากช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา โรงพยาบาลในเครืออย่าง วิมุตและวิมุต-เทพธารินทร์ ถือเป็นอีก 1 กลุ่มธุรกิจหลักที่ช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้แก่พฤกษาจากการทำรายได้อยู่ที่ 1,044 ล้านบาท ทำกำไร Ebitda 88 ล้านบาท จากจำนวนผู้ป่วยนอก (OPD) ที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับผู้ป่วยใน (IPD) มีมากขึ้นหลังจากเปิดศูนย์สุขภาพปอดแห่งใหม่
ทั้งนี้ ผู้บริหารของพฤกษายังบอกด้วยว่า มีการเดินหน้าขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ในการพัฒนาโรงพยาบาลใหม่ 2 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลวิมุต ออร์โธปิดิกส์ ทองหล่อ รพ.เฉพาะทางด้านที่เน้นดูแลเรื่องกระดูกและข้อใช้งบลงทุนประมาณ 1,200 ล้านบาท รวมทั้งโรงพยาบาลวิมุต สุขุมวิท ที่คาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2570 และ 2571 ตามลำดับ พร้อมคาดการณ์รายได้ปี 2568 ของกลุ่มธุรกิจ Health care ด้านสุขภาพนี้จะเติบโตได้ถึง 2,400 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการบริหารบุคลากรภายในองค์กรนั้น รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) บอกว่า ปัจจุบันมีพนักงานทั้งหมดในเครือบริษัทราว 1,500 คน มีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 35-48 ปี ล่าสุดเราได้มีการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์พร้อมสนับสนุนพนักงานให้มีคุณภาพดียิ่งขึ้นในทุกด้านกว่าเดิม ผ่านแนวคิด 5 แกนหลัก ดังนี้
1. พัฒนาศักยภาพอย่างดี = ลงทุนกับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ผ่านหลักสูตรการอบรมทั้งภายในและภายนอกที่คัดสรรมาอย่างดี, E-Learning กว่า 2,500 หลักสูตร ให้เรียนฟรีได้ทุกที่ทุกเวลา,
2. สร้างโอกาสก้าวหน้าอย่างดี = ส่งเสริมให้พนักงานมีแนวคิดแบบ Ownership Mindset สนับสนุนการโปรโมตภายในสายงานด้วยเส้นทางอาชีพ (Career Path) ที่ชัดเจน เปิดโอกาสหมุนเวียนงาน (Job Rotation) เพื่อเรียนรู้และพัฒนาทักษะรอบด้าน และเติบโตข้ามสาย ข้ามบริษัทในเครือได้
3. ดูแลชีวิตรอบด้านอย่างดี = นอกจากสวัสดิการพื้นฐานที่จัดเต็ม ที่นี่นับเป็นบริษัทเดียวในประเทศไทย ที่มอบรางวัลปีใหม่เป็นบ้านและคอนโดมิเนียม ให้พนักงานได้ลุ้นทุกปี นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพกายและสุขภาพใจของพนักงานและครอบครัว เป็นต้น
4. เคารพและเข้าใจความหลากหลายอย่างดี = พฤกษาเคารพอัตลักษณ์และการแสดงออกทางเพศโดยแต่งกายได้อิสระ ใช้ห้องน้ำตามเพศสภาพได้ตามความสบายใจ และยังมีของขวัญพิธีมงคลสมรสสำหรับพนักงานทุกเพศ มีสิทธิในการลาป่วยเพื่อผ่าตัดแปลงเพศได้
5. ส่งต่อคุณค่าแบรนด์อย่างดี... เพราะพนักงานทุกคนคือภาพสะท้อนตัวตนขององค์กร เราจึงใส่ใจและผลักดันให้ทุกเสียงจากภายในมีพลัง ผ่านโครงการ Live well Stay well Club ที่เปิดพื้นที่ให้พนักงานใช้โซเชียลมีเดียส่วนตัว แชร์เรื่องราวดีๆ ส่งต่อภาพลักษณ์แบรนด์ พร้อมแลกของรางวัลสุดปัง อาทิ บริการดูแลสุขภาพ-ความงาม / บัตรกำนัลร้านโปรด / บัตรโดยสารรถไฟฟ้า / บริการทำความสะอาดบ้าน และของที่ระลึกสุดพิเศษจากบริษัทในเครือ โดยปัจจุบันโครงการดังกล่าวมีพนักงานเข้าร่วมแล้วมากกว่า 1,200 คน


ภาพ : บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : CIMBT เปิดกลยุทธ์ ‘Forward30’ สู่การเป็น Niche Bank ปักธงรายได้ธุรกิจฯ - กลุ่มเวลธ์ โต 2 เท่า
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine