SC Asset เตรียมรีแบรนด์ครั้งใหญ่ในรอบ 18 ปี คาดปี 68 ยอดขายแตะ 26,000 ล้าน หวังธปท. ผ่อนเกณฑ์ LTV

SC Asset เตรียมรีแบรนด์ครั้งใหญ่ในรอบ 18 ปี คาดปี 68 ยอดขายแตะ 26,000 ล้าน หวังธปท. ผ่อนเกณฑ์ LTV

SC Asset เตรียมรีแบรนด์ครั้งใหญ่ในรอบ 18 ปี เพื่อรับมือทุกความท้าทาย คาดว่าจะเริ่มเห็นความชัดเจนในครึ่งปีหลัง ส่วนแผนธุรกิจปี 2568 ตั้งเป้ายอดขายแตะ 26,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4%YoY และรายได้รวมจากทุกธุรกิจ 25,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11%YoY โดยมี Backlog 17,000 ล้านบาท นอกจากนี้ปี 69 เตรียมเร่งเครื่อง Engine 3 ปั้นธุรกิจใหม่เพิ่มรายได้ให้หลากหลาย


    นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC กล่าวว่า ครึ่งปีหลัง 2568 นี้ ทางบริษัทฯ เตรียมจะรีแบรนด์ครั้งใหญ่ในรอบ 18 ปี ทั้งโมเดลธุรกิจและโครงสร้างภายในเพื่อปรับตัวรับมือความท้าทายที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นการรีแบรนด์ครั้งแรกนับตั้งแต่เข้าทำงานที่บริษัทฯ

    ช่วงที่ผ่านมา SC Asset ปรับตัวมาหลายด้าน เพราะตลาดอสังหาริมทรัพย์มีอุปสรรคเข้ามารอบด้าน และเข้ามาพร้อมๆ กันโดยปี 2567 ที่ผ่านมาต้องเผชิญกับความผันผวนที่มากขึ้นจากนโยบายทรัมป์ ปัจจัยในประเทศเจอกับความเชื่อมั่นต่ำ, สถานการณ์หนี้ครัวเรือนสูงกำลังซื้อไม่แข็งแรง และอุปทานล้นโดยเฉพาะแนวราบอย่างบ้านเดี่ยวทำให้ทางบริษัทปรับตัวมาเน้นบ้านกลุ่มราคา 10 ล้านบาทที่เป็นพอร์ตหลักของบริษัท ต้องยอมรับความอสังหาฯ แนวราบยังต้องใช้เวลาอีก 2 - 3 ปีจึงจะกลับสู่ระดับปกติ

    ดังนั้น ปี 2568 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจทางการควรทำใน 3 เรื่อง ได้แก่ 

    1) กระตุ้นกำลังซื้อ จากปี 67 ที่มีมาตรการลดค่าโอนบ้านราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท แต่มองว่าปีนี้ควรมีมาตรการฯ แต่ไม่ควรจำกัดราคา

    2) ปัจจุบันมองว่าธนาคารมีความสามารถในการให้กู้ จึงควรหนุนเรื่องการกู้สินเชื่อให้คนเข้าถึงได้มากขึ้น และเห็นด้วยหากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะผ่อนคลายมาตรการ LTV (มาตรการกำหนดเงินดาวน์เมื่อกู้ซื้อบ้านหลังที่ 2 ขึ้นไป) ชั่วคราวใน 1-2 ปีนี้ เพราะมองว่าวัตถุประสงค์หลักที่ต้องการลดการเก็งกำไร แต่ปัจจุบันได้หายไปหมดแล้ว

    3) การดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ ทั้งด้านเงินทุน และการเข้ามาทำงาน เพระาไทยจะได้รับประโยชน์จากเงื่อนไขเม็ดเงินลงทุนขั้นต่ำ และภาษี แต่การเข้ามาซื้ออสังหาฯ อาจต้องมีการกำหนดเงื่อนไขต่างๆ อย่างรอบคอบ

    ทั้งนี้ แผนงานหลักของบริษัทฯ จึงต้องเน้นไปที่ปรับตัวทั้งการปรับโครงสร้างองค์กรให้คล่องตัวขึ้น ปรับโครงสร้างต้นทุนและค่าใช้จ่ายให้เหมาะสม รวมถึงการปรับพอร์ตของธุรกิจ โดย Engine 1 ธุรกิจอสังหาฯ บ้านและคอนโดฯ ยังเป็นเครื่องยนต์หลักที่สร้างรายได้ให้บริษัทราว 70% โดยตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่ราว 30,000 ล้านบาทต่อปี ทว่าจากอัตราการเกิดของไทยที่ต่ำลง อาจทำให้ความต้องการบ้านน้อยลงในอนาคต แต่เมื่อการท่องเที่ยวไทยและโลจิสติส์ยังขยายตัวจึงนำสู่การสร้าง Engine 2 อสังหาฯ ที่สร้างรายได้ประจำ โรงแรม คลังสินค้า อาคารสำนักงาน และอพาร์ตเมนต์ใน USA


    นอกจากนี้เพื่อสร้างสมดุลผ่านรายได้ใหม่ๆ ในปี 2569 จะเริ่มลงทุนใน Engine 3 จะเปิดตัวธุรกิจที่ใช้ประโยชน์จากฐานลูกค้าเดิมของ SC Asset โดยจะรวมบริการอสังหาฯ ของบริษัทฯ และ Utility Token ไว้ด้วยกัน ตอนนี้อยู่ระหว่างเตรียมบริษัทฯ บุคลากรอยู่ โดยใน 3-5 ปีนี้ ตั้งเป้าหมายว่ากำไร (EBITDA) จาก Engine 2 และ 3 ต้องไม่ต่ำ 25% จากปัจจุบันอยู่ที่ 20%

    ส่วนแผนธุรกิจของปี 2568 นี้ เชื่อว่าธุรกิจจะฟื้นตัว ท่ามกลางความท้าทายรอบด้านใกล้เคียงกับปี 68 โดยตั้งเป้าหมายยอดขาย 26,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% YoY และ รายได้รวมจากทุกกลุ่มธุรกิจ 25,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% YoY โดยเตรียมเม็ดเงินลงทุนราว 7,000 ล้านบาท ในธุรกิจหลากหลาย โดยปัจจุบันแต่ละ Engine มีรายละเอียดดังนี้

    Engine1 ปี 2568 จะมีโครงการรวม 96 โครงการ มูลค่ารวม 94,500 ล้านบาท เป็นโครงการใหม่ 15 โครงการ 28,000 ล้านบาท แบ่งเป็น

    - แนวราบ 12 โครงการ 18,000 ล้านบาท และเปิดตัวแบรนด์ใหม่ SONLE บ้านเดี่ยวสไตล์ Sophisticated Modern Tropical ราคาเริ่มต้น 200 ล้านบาท เริ่มต้น 1,300 ตรม. (มี 5 unit) และ บ้านเดี่ยวจากแบรนด์ Bangkok Boulevard

    - คอนโด 3 โครงการ 10,000 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ Reference และ COBE และจะมีแบรนด์ใหม่ทำเลถนนสุขุมวิท ใกล้รถไฟฟ้าพร้อมพงษ์ที่จะเปิดตัวปลายปี 68

    ทั้งนี้ ปี 2568 มี Backlog หรืองานในมือที่รอรับรู้รายได้ราว 17,000 ล้านบาท แบ่งเป็น แนวราบ 40% และอีก 60% เป็นคอนโด คาดว่าจะรับรู้ราว 40% ในปี 68 และทยอยรับรู้ในปีถัดๆ ไป

    Engine 2 คาดว่าปลายปี 2568 จะมีทั้งหมด 19 โครงการ จาก 4 ธุรกิจ ได้แก่ โรงแรมรวม 1,000 ห้อง, คลังสินค้าให้เช่ารวม 200,000 ตรม., อาคารสำนักงาน 120,000 ตรม. และอพาร์ตเมนต์เพื่อเช่าในสหรัฐอเมริกา 5 อาคาร

    นอกจากนี้จะ เปิดตัวโรงแรมใหม่ 2 ทำเล ในไตรมาส 2 ปีนี้ ได้แก่ KROMO, Curio Collection by Hilton ทำเลติดถนนสุขุมวิท ตรงข้ามห้าง EmSphere และ The Standard ในพัทยา ติดหาดนาจอมเทียน และคลังสินค้าเพื่อเช่า 3 โครงการใหม่ ในทำเล บางนา กม. 20 (78,000 ตรม.), แหลมฉบัง (46,000 ตรม.) และ นิคมอมตะ ชลบุรี (37,000 ตรม.)

โรงแรม The Standard ในพัทยา


    อย่างไรก็ตาม ยังคงแผนงานระยะกลางที่ตั้งเป้าหมายภายใน 3-5 ปี ว่ารายได้ยอดขายต่อปีต้องเกิน 30,000 ล้านบาท แต่ต้องมีสมดุลด้วย ซึ่งช่วงที่ผ่านมามีบางปีที่อสังหาฯ ยากลำบาก ดังนั้นอาจจะต้องดูในภาพรวม 5 ปีว่าจะมียอดขาย 150,000 ล้านบาท



ภาพ: SC Asset



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ซีบีอาร์อี เผย ท่องเที่ยวไทยฟื้น หนุนอสังหาฯ ปี 68 ธุรกิจโรงแรมและอุตสาหกรรมโตต่อเนื่อง

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine