แม้ปี 2568 ตลาดการท่องเที่ยวของประเทศไทยต้องเผชิญปัญหารุมเร้า แต่ Agoda เชื่อมั่นว่าอนาคตยังคงสดใส หลายจุดหมายปลายทางยังอยู่ในใจนักท่องเที่ยว และได้การจัดอีเวนต์เป็นแรงหนุน นอกจากนี้คนไทยยังเที่ยวในประเทศมากขึ้น เทรนด์ที่กำลังเติบโตอย่างโดดเด่นคือการท่องเที่ยวเมืองรองเพื่อค้นหา hidden gem และได้ใกล้ชิดธรรมชาติ
Omri Morgenshtern ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อโกด้า กล่าวว่า แม้ปี 2568 ที่ผ่านมา ภาพรวมการท่องเที่ยวของประเทศไทยจะไม่ได้สวยหรูแบบที่คาดไว้ เพราะมีหลายเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบ ไม่ว่าจะเป็นการลักพาตัวนักแสดงชาวจีน ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ตลอดจนการควบคุมการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้จำนวนนักท่องลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ยุคหลังโควิด-19
“ปัญหาต่างๆ อย่างละนิดละหน่อยที่มารวมกันย่อมส่งผลต่อนักท่องเที่ยว ที่สำคัญตลาดท่องเที่ยวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังมีตัวเลือกให้นักท่องเที่ยวไปไหนก็ได้ และการเลือกไปนั่นไม่ได้ขึ้นกับเหตุผล แต่ขึ้นกับโปรโมชั่น และข่าวสารที่ถูกรายงานในระดับโลก จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการท่องเที่ยวของไทยไม่โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างที่เคยเป็น นอกจากนี้ เวียดนามยังเป็นคู่แข่งสำคัญที่ตามมาติดๆ”
อย่างไรก็ตาม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของอโกด้าเชื่อว่า อนาคตการท่องเที่ยวของไทยยังคงสดใสอยู่ และไทยยังอยู่ในสถานะที่ได้เปรียบ เพราะเป็นประเทศใหญ่ มีจุดหมายปลายทางมากมายที่อยู่ในใจนักท่องเที่ยว
ที่สำคัญรัฐบาลไทยค่อนข้างมีความคิดสร้างสรรค์ และเมื่อมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นก็ปรับตัวได้เร็ว ที่เห็นได้ชัดคือการพยายามปรับปรุงมาตรการความปลอดภัย ตัวอย่างที่ดี เช่น โครงการ Trusted Thailand เพื่อสร้างความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยว ซึ่งไม่ใช่แค่การติดตั้ง CCTV แต่รวมถึงการขนส่ง การเดินทาง และโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ
นอกจากนี้ ไทยยังมีอีเวนต์ และการจัดงานใหญ่ แม้ไม่ได้ส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยตรง แต่เป็นการกระตุ้นให้เกิดการเดินทาง ยกตัวอย่างเช่น เทศกาลดนตรี Tomorrowland ที่จะจัดในเอเชียเป็นครั้งแรก ซึ่งกิจกรรมของไทยในลักษณะนี้กำลังมีมากขึ้นเรื่อยๆ
ปัจจุบัน ภูมิรัฐศาสตร์โลกตึงเครียดมาก ดังนั้น การกระจายความเสี่ยง หรือแยกไข่ไว้หลายตระกร้าจะทำให้เกิดความหลากหลาย ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ไม่ควรพึ่งนักท่องเที่ยวจากประเทศใดประเทศหนึ่งเป็นจำนวนมากๆ
ทั้งนี้ การจะเพิ่มสัดส่วนนักท่องเที่ยวสักประเทศหนึ่ง ไม่ได้ทำแค่ชั่วข้ามคืน แต่ต้องทำงานและลงทุนล่วงหน้านานหลายปี ที่เห็นได้ชัดคือประเทศไทยยกเลิกการจำกัดวีซ่าให้นักท่องเที่ยวชาวอินเดียเมื่อ 18 เดือนที่แล้ว ส่งผลให้นักท่องเที่ยวชาวอินเดียเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ

“ประเทศไทย มีสัดส่วนนักท่องเทียวต่างชาติที่หยืดหยุ่นพอสมควร ไม่พึ่งประเทศใดประเทศหนึ่งมากไป สิ่งที่รัฐบาลไทยและคนไทยทำได้ดีคือการคิดล่วงหน้าและทำ ส่งผลให้ภาคธุรกิจท่องเที่ยวของไทยค่อนข้างเเข็งแรง” Omri กล่าว
ทั้งนี้ ผลสำรวจที่อ้างอิงจากอันดับการจองและการค้นหาที่พักบนแพลตฟอร์มอโกด้า พบว่า 5 อันดับประเทศที่เดินทางเข้าไทยมากที่สุด ได้แก่ มาเลเซีย จีน เกาหลีใต้ อินเดีย และญี่ปุ่น ส่วน 3 อันดับประเทศที่เดินทางเข้าไทยที่มาแรงที่สุดเมื่อเทียบกับปี 2567 ได้แก่ เนเธอร์แลนด์ (+78%) อิสราเอล (+76%) และอินโดนีเซีย (+43%) ตามลำดับ
ขณะที่ 5 อันดับจุดหมายปลายทางในประเทศไทย จากการจัดอันดับจากนักเดินทางทุกสัญชาติ ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต พัทยา เชียงใหม่ และหาดใหญ่ (สำรวจก่อนเหตุการณ์น้ำท่วม) ส่วน 5 อันดับจุดหมายปลายทางในประเทศไทย ที่จัดอันดับจากนักเดินทางที่ไม่ใช่ชาวเอเชีย ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต พัทยา เกาะสมุย และกระบี่ ตามลำดับ
ไทยเที่ยวไทยมากขึ้น เมืองรองโตเด่น
อรรคพร รอดคง ผู้อำนวยการประจำประเทศไทยของอโกด้า เผยข้อมูลว่า การท่องเที่ยวภายในประเทศไทยกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมากในหมู่นักเดินทางชาวไทย โดยมีถึง 2 ใน 3 หรือคิดเป็น 66% ที่วางแผนเดินทางภายในประเทศมากขึ้น เพิ่มขึ้นจาก 30% ในปีที่แล้ว
โดยจุดหมายปลายทางที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักเริ่มดึงดูดความสนใจของนักเดินทางชาวไทยมากขึ้น จากการสำรวจพบว่า เหตุผลที่นักเดินทางชาวไทยเลือกจุดหมายปลายทางเหล่านี้แทนจุดหมายยอดนิยม ได้แก่ ราคาเข้าถึงได้และมีโปรโมชั่นจูงใจ 40%, สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย มีรีวิวให้ศึกษา และมีบริการสนับสนุนการเดินทางต่างๆ 41% และ 34% ระบุว่าได้ใกล้ชิดธรรมชาติและมีกิจกรรมกลางแจ้ง
“คนไทยเที่ยวเมืองรองมากขึ้น เทรนด์การเติบโตนี้เป็นเพราะเมืองรองน่าสนใจด้าน และมีรีวิวต่างๆ ที่มากขึ้น ทำให้คนไทยได้มองหา hidden gem หรือมุมน่ารักๆ ในเมืองที่อาจจะไม่ได้นึกถึง และได้สัมผัสกับธรรมชาติแบบใกล้ชิด”
นอกจากนี้ นักเดินทางชาวไทยยังชื่นชอบข้อเสนอที่คุ้มค่าสำหรับการจองที่พัก โดย 44% วางแผนใช้จ่ายไม่เกิน 1,600 บาทต่อคืน อีก 40% วางแผนใช้งบระหว่าง 1,601-3,200 บาทต่อคืน และมีเพียง 3% ที่ตั้งงบไว้มากกว่า 3,200 บาทต่อคืน
ผลสำรวจยังระบุอีกว่า นักเดินทางชาวไทยวางแผนเดินทางท่องเที่ยวระยะสั้น ๆ เพียง 1-3 วันต่อทริป ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากวันหยุดราชการประจำปีหลายวัน โดย 50% ระบุว่าจะเดินทางกับครอบครัว และ 30% เลือกเดินทางกับคู่สมรสหรือแฟน
“ปีนี้คนไทยวางแผนเที่ยวในระยะเวลาสั้นๆ กับครอบครัวและคนรักตามช่วงวันหยุด โดยวางแผนเที่ยวไม่เกิน 1-3 วัน เพราะง่ายและไม่ต้องหยุดงานเยอะ เราจึงเห็นทริประยะสั้นเติบโตขึ้น”
ทั้งนี้ นักเดินทางชาวไทยเป็นอันดับหนึ่งในเอเชียที่เลือกการพักผ่อนเป็นแรงจูงใจหลักในการท่องเที่ยว โดยมีถึง 73% ที่ระบุว่าการพักผ่อนคือเหตุผลสำคัญที่สุด รองลงมาคือการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 30%มและประสบการณ์ด้านอาหาร 20%
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : อินไซต์ Trip.Best ของ Trip.Com ปีนี้คนไทยเลิฟ ‘เที่ยวจีน’ มาก! ‘เซี่ยงไฮ้’ จุดหมายปลายทางอันดับ 1 ส่วน ‘ฉงชิ่ง’ มาแรง เติบโตเร็วสุด
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine

