AWC เผยไตรมาส 3/68 แกร่ง กำไรสุทธิ 1,148 ล้านบาท โต 0.8%YoY ชี้ ‘Jurassic World: The Experience’ ช่วยดัน เปิด 3 เดือนกวาดยอดขายบัตรกว่า 2 แสนใบ

AWC เผยไตรมาส 3/68 แกร่ง กำไรสุทธิ 1,148 ล้านบาท โต 0.8%YoY ชี้ ‘Jurassic World: The Experience’ ช่วยดัน เปิด 3 เดือนกวาดยอดขายบัตรกว่า 2 แสนใบ

FORBES THAILAND / ADMIN
13 Nov 2025 | 02:01 PM
READ 367

AWC เผยผลประกอบการไตรมาส 3/2568 เติบโตแข็งแกร่ง รายได้รวม 5,193 ล้านบาท เติบโต 7.2% (YoY) กำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA) 2,509 ล้านบาท เติบโต 9.5% (YoY) และกำไรสุทธิ 1,148 ล้านบาท เติบโต 0.8% (YoY) ชี้ “Jurassic World: The Experience” ที่เพิ่งเปิดที่เอเชียทีคสุดปัง ดันรายได้กลุ่มธุรกิจศูนย์การค้าเติบโตก้าวกระโดด 44.0% (YoY) กวาดยอดขายบัตรเข้าชมมากกว่า 200,000 ใบ ภายใน 3 เดือนแรก ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าเอเชียทีคตลอดทั้งวัน หนุนอัตราการเช่าพื้นที่และรายได้ค่าเช่าเพิ่มขึ้นก้าวกระโดดกว่า 26.3% (YoY)


    วัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568 เติบโตแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง จากพอร์ตอสังหาริมทรัพย์คุณภาพสูงที่มีความสมดุล โดยมีรายได้รวม 5,193 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.2% (YoY) มีกำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA) 2,509 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.5% (YoY) และกำไรสุทธิ 1,148 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.8% (YoY) สะท้อนศักยภาพการบริหารจัดการเชิงกลยุทธ์ที่ประสิทธิภาพ ภายใต้โครงสร้างทางการเงินที่แข็งแกร่ง และพอร์ตโฟลิโอที่สมดุลระหว่างกลุ่มธุรกิจหลัก พร้อมขยายพอร์ตอสังหาริมทรัพย์คุณภาพสูง รวมมูลค่าทรัพย์สินถาวร 215,550 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.4% (YoY)

    ปัจจัยสำคัญมาจากความสำเร็จจากการสร้างประสบการณ์ความสุขในรูปแบบพิเศษครั้งแรกของโลก “Jurassic World: The Experience” ที่โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น แลนด์มาร์กใหม่ระดับโลกที่สร้างประสบการณ์เสมือนจริงแบบอิมเมอร์ซีฟ พร้อม Hatch Dome โลกแห่งการเรียนรู้ยุคใหม่ด้านความยั่งยืนให้แก่เยาวชน โดยมียอดจำหน่ายบัตรเข้าชมมากกว่า 200,000 ใบ ในช่วง 3 เดือนแรกหลังเปิดให้บริการ หนุนรายได้ของกลุ่มคอมเมอร์เชียลเติบโตโดดเด่น

    ขณะที่กลุ่มโรงแรมและการบริการ ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการเติบโตของโรงแรมในกลุ่มรีสอร์ตระดับลักชัวรี่ ด้วยความร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลกในการดึงดูดฐานลูกค้าคุณภาพกว่า 710 ล้านคนจากทั่วโลก ด้านกลุ่มอาคารสำนักงานเติบโตจากกลยุทธ์การตลาดเชิงรุกด้วยแนวคิด AWC’s Lifestyle Destination ที่สร้างมูลค่าเพิ่มและขยายฐานผู้เช่าอย่างต่อเนื่อง

    พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนกลยุทธ์ Sustainable Growth-Led Strategy เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว ผ่านการเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินคุณภาพทั้งจาก Organic Growth และ Inorganic Growth โดยการเปิดโครงการใหม่และแปลงทรัพย์สินที่อยู่ระหว่างการพัฒนา (Developing) เป็นทรัพย์สินดำเนินงาน (Operating)


    โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทมีทรัพย์สินดำเนินงานเพิ่มเข้าสู่พอร์ตโฟลิโอคุณภาพ ได้แก่ โรงแรม มีเลีย พัทยา โฮเต็ล ประเทศไทย โรงแรม จุบีลี เพรสทีจน์ รัชดาภิเษก โรงแรม พัทยา แมริออท รีสอร์ต แอนด์ สปา และ Jurassic World: The Experience คิดเป็นทรัพย์สินดำเนินงานเพิ่มขึ้นกว่าหนึ่งหมื่นล้านบาท ช่วยสร้างกระแสเงินสดเพิ่มเติมให้แก่บริษัท ภายใต้โครงสร้างทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 0.91 เท่า ดีกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม สะท้อนความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนและการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ

    โดยกลุ่มธุรกิจคอมเมอร์เชียลมีการเติบโตอย่างโดดเด่น มีรายได้ 2,260 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.6% (YoY) และกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน (อิบิทดา) อยู่ที่ 1,864 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.1% (YoY) หากไม่รวมกำไรจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน รายได้ของกลุ่มธุรกิจคอมเมอร์เชียลเพิ่มขึ้น 24.1% (YoY) และกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน (อิบิทดา) เพิ่มขึ้น 24.8% (YoY) เป็นผลมาจากรายได้ของกลุ่มธุรกิจศูนย์การค้าที่เติบโตก้าวกระโดด 44.0% (YoY)

    แรงหนุนสำคัญมาจากความสำเร็จของการเปิด “Jurassic World: The Experience” ผ่านความร่วมมือกับทั้งพันธมิตรระดับโลกและพันธมิตรหน่วยงานของรัฐบาล สร้างปรากฏการณ์ความสนุกตื่นเต้นระดับโลกผ่านประสบการณ์อิมเมอร์ซีฟ ควบคู่กับการสร้างแหล่งการเรียนรู้ด้านความยั่งยืนผ่านมรดกทางธรณีวิทยาของประเทศไทย นำเสนอไดโนเสาร์สายพันธุ์บินได้พันธุ์ใหม่ของโลก “การูแดปเทอรัส” ที่ค้นพบในประเทศไทยเป็นครั้งแรกของโลก รวมถึงสายพันธุ์อื่นๆ ที่พบได้เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น ที่โครงการ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น

    ซึ่งสามารถจำหน่ายบัตรเข้าชมได้มากกว่า 200,000 ใบภายใน 3 เดือนแรก ส่งผลให้โครงการเอเชียทีคมีรายได้ค่าเช่าเพิ่มขึ้น 26.3% (YoY) และอัตราการเช่าพื้นที่แตะ 85% เพิ่มขึ้น 15% (YoY) รวมทั้งความสำเร็จของแนวคิด AWC’s Lifestyle Destination ที่มุ่งพัฒนาศูนย์การค้าให้เป็นจุดหมายปลายทางแห่งไลฟ์สไตล์ที่ร่วมยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า ทำให้กลุ่มธุรกิจศูนย์การค้ามีอัตราการเช่าพื้นที่เพิ่มขึ้น 9.5% (YoY) สอดคล้องกับรายได้ค่าเช่าของศูนย์การค้าที่เพิ่มขึ้น 15.3% (YoY)


    ในขณะที่ กลุ่มธุรกิจอาคารสำนักงาน สร้างรายได้โตโดดเด่น 14.8% (YoY) และรายได้ค่าเช่าที่เพิ่มขึ้น 7.9% (YoY) จากกลยุทธ์การปรับโฉมและพัฒนาอาคารคุณภาพ โดยเฉพาะอาคาร “เอ็มไพร์” ด้วยกลยุทธ์ “The Empire Reimagined” ผสานการทำงาน สุขภาพ อาหาร ศิลปะ และบริการต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน โดยเฉพาะความพิเศษที่ “The Empire Residence” ด้วยพื้นที่ Co-Living มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกอันทันสมัย ไม่เหมือนที่ไหนในอุตสาหกรรมอาคารสำนักงาน รวมถึงจุดหมายปลายทางด้านอาหารระดับโลกที่ เอ-ญ่า รูฟทอป แอท ดิ เอ็มไพร์ ควบคู่กับการรับรู้ผลการดำเนินงานของอาคารสำนักงานใหม่ “จูบิลี่ เพรสทีจ ทาวน์เวอร์” ใจกลางรัชดา ทำเลศักยภาพที่กำลังเติบโตอย่างมีคุณภาพ


    กลุ่มธุรกิจโรงแรมเติบโตแข็งแกร่ง โดยในไตรมาส 3 ปี 2568 กลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ สร้างรายได้จากทรัพย์สินที่เปิดดำเนินงานปกติ 2,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า จากการรับรู้รายได้ของทรัพย์สินใหม่ เช่น โรงแรม มีเลีย พัทยา โฮเต็ล ประเทศไทย โรงแรม จุบีลี เพรสทีจน์ รัชดาภิเษก และการรับรู้รายได้เต็มไตรมาสของโรงแรม พัทยา แมริออท รีสอร์ต แอนด์ สปา และรายได้ของโรงแรมในกลุ่มรีสอร์ตระดับลักชัวรี่ และโรงแรมอื่นๆ นอกกรุงเทพฯ ที่มีการเติบโต 1.7% (YoY) และ 3.9% (YoY) ตามลำดับ

    โดยเฉพาะในจุดหมายปลายทางยอดนิยมอย่างเกาะสมุย ที่มีการเติบโตของรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPAR) เติบโตถึง 7.1% (YoY) จากรายได้เฉลี่ยต่อวัน (ADR) ที่เพิ่มขึ้น ด้วยความร่วมมือผ่านเครือข่ายพันธมิตรระดับโลก พร้อมทั้งการมีทรัพย์สินคุณภาพสูง ทำให้สามารถเจาะกลุ่มลูกค้าคุณภาพสูง (เช่น ยุโรป สหรัฐอเมริกา ตะวันออกกลาง และโอเชียเนีย) ได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ในช่วง 9 เดือนแรกปี 2568 บริษัทมีการเติบโตของรายได้ค่าห้องพักจากกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพกลุ่มนี้ 14% (YoY) สูงกว่าการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มนี้ที่เดินทางเข้าประเทศไทยที่ 11% (YoY)

    นอกจากนี้ ด้วยการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพควบคู่กับการบริหารต้นทุน ทำให้โรงแรมของบริษัทสามารถสร้างอัตรากำไรขั้นต้นในระดับที่สูง อาทิ โรงแรม มีเลีย เกาะสมุย, ไทยแลนด์ มีอัตราส่วนกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 57% บันยันทรี สมุย มีอัตราส่วนกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 50% และวนาเบลล์ เอ ลักซ์ชูรี คอลเลคชั่น รีสอร์ท เกาะสมุย มีอัตราส่วนกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 48%

    สำหรับโรงแรมที่เปิดดำเนินงานใหม่ในปีนี้ มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยโรงแรม มีเลีย พัทยา โฮเต็ล ประเทศไทย สามารถเร่งสร้างกำไรจากการดำเนินงานเป็นบวกได้อย่างรวดเร็วภายใน 2 ไตรมาส นับจากเปิดดำเนินงาน ในขณะที่โรงแรม พัทยา แมริออท รีสอร์ต แอนด์ สปา สามารถดึงดูดกลุ่มลูกค้าคุณภาพได้ต่อเนื่อง โดยมีรายได้เฉลี่ยต่อวัน (Average Daily Rate : ADR) ในไตรมาส 3 ปี 2568 อยู่ที่ 5,100 บาทต่อคืน ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของคู่แข่งขันในตลาด (Compset) พัทยาที่ 3,300 บาทต่อคืน


    การเติบโตของกลุ่มธุรกิจโรงแรมในไตรมาสนี้ สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของพอร์ตที่สมดุล ครอบคลุมทั้งโรงแรมในเมืองและจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวระดับโลก โดยเฉพาะโรงแรมในกลุ่มรีสอร์ตระดับลักชัวรี่ ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพสูงอย่างต่อเนื่อง พร้อมรับแรงหนุนจากฤดูกาลท่องเที่ยวในช่วงปลายปี ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตในไตรมาส 4

    บริษัทยังคงมุ่งเดินหน้าสำหรับการเติบโตอย่างยั่งยืนควบคู่ไปกับการสนับสนุนประเทศไทยสู่การเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก ผ่านการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เชื่อมโยงเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และชุมชนเข้าด้วยกัน ภายใต้แนวทาง Sustainable Growth-Led Strategy ที่เน้นการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในทุกมิติ ภายใต้พันธกิจ “Building Better Future for All” AWC ขับเคลื่อนองค์กรด้วยกรอบแนวคิด 3BETTERs – Better Planet, Better People, Better Prosperity เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ

    โดยในปีนี้ บริษัทได้ดำเนินการพัฒนาโครงการในปัจจุบันให้สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างยั่งยืน โดยในกลุ่มอาคารสำนักงาน มีการพัฒนาระบบต่างๆ อาทิ อุปกรณ์ดูแลคุณภาพอากาศภายในอาคาร รวมทั้งปรับปรุงดูแลสุขภาวะผู้ใช้อาคาร ทำให้อาคารสำนักงานของบริษัทได้รับรองมาตรฐานระดับสากล

    โดยอาคาร 'เอ็มไพร์' อินเตอร์ลิ้งค์ ทาวเวอร์ บางนา และอาคาร 208 แบงค๊อก ได้รับการรับรองมาตรฐาน WELL Core Platinum ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในประเทศถึง 3 โครงการ สะท้อนความมุ่งมั่นในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์บนแนวทางด้านความยั่งยืน เพื่อยกระดับสุขภาวะให้แก่ผู้ใช้อาคาร สำนักงานใจกลาง CBD ของกรุงเทพฯ สู่มาตรฐานความยั่งยืนระดับโลก

    บริษัทยังเดินหน้าขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยธุรกิจโรงแรมและการบริการของ AWC ได้รับแรงหนุนจากช่วงไฮซีซั่นที่กำลังมาถึง โดยยอดจองห้องพักล่วงหน้าของพอร์ตโฟลิโอโรงแรมเพิ่มขึ้น 13% (YoY) โดยเฉพาะในจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวคุณภาพสูง เช่น จังหวัดเชียงใหม่เพิ่มขึ้น 17% (YoY) จังหวัดกระบี่เพิ่มขึ้น 11% (YoY) หัวหินและเกาะสมุย 8% (YoY) สะท้อนถึงศักยภาพของประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก

    พร้อมกันนี้ AWC ยังร่วมสนับสนุนมาตรการภาครัฐ “เที่ยวดีมีคืน 2568” เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ ควบคู่กับการสร้างประสบการณ์น่าตื่นเต้นใหม่อย่างต่อเนื่องที่เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น ด้วยการเตรียมเปิดเครื่องเล่น SkyFlyers ที่มีความสูงเทียบเท่าตึก 30 ชั้นหรือประมาณ 140 เมตร มอบประสบการณ์เสมือนไดโนเสาร์สายพันธุ์บินได้พันธุ์ใหม่ของโลก “การูแดปเทอรัส” ที่ค้นพบในประเทศไทยและเป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

    โดยจะพาผู้เล่นสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่ในโครงการเอเชียทีค ได้เห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยา ในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ และเดินหน้าสร้างการเติบโต ต่อเนื่องด้วยการเตรียมเปิดโรงแรมแฟร์มอนท์ แบงคอก สุขุมวิท และโครงการลานนาทีค กาแล เฟส 1 ที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตอสังหาริมทรัพย์



ภาพ: AWC



​​เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : 'เชียงใหม่ แมริออท โฮเทล' เปิดตัว ห้อง 'พลายบอลรูม' จอ LED 360 องศา แห่งแรกในไทย พร้อมเป็น Destination 'MICE' ของภาคเหนือ

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine