ปี 2568 อาจไม่ใช่ปีที่ดีนักสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย เพราะตลอด 6 เดือนที่ผ่านมานี้ ความท้าทายสารพัดต่างประดังเข้ามาไม่ขาดสาย กลายเป็นแรงกดดันต่อธุรกิจขนาดใหญ่ไปจนถึงขนาดย่อม ส่งสัญญาณให้ทั้งภาครัฐและเอกชนต้องเร่งมือแก้ไขอย่างจริงจัง ก่อนจะสูญรายได้มหาศาลเพราะตอนนี้มนต์เสน่ห์ของไทยอาจไม่สามารถมัดใจนักท่องเที่ยวได้อีกต่อไป โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน
หลายคนอาจมีภาพจำถึงนักท่องเที่ยวจีนที่ไม่ค่อยน่าประทับใจนัก แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนกลุ่มนี้ทรงอิทธิพลต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นอย่างมาก ไม่ต่างจากเชื้อเพลิงที่คอยขับเคลื่อนธุรกิจโรงแรม ทัวร์ ห้างสรรพสินค้า ไปจนร้านอาหาร
ในปี 2562 ก่อนโควิด-19 แพร่ระบาด จำนวนนักท่องเที่ยวจีนมาเยือนไทยถึง 11 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนราว 28% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด และสร้างรายได้ต่อปี 5.3 แสนล้านบาท ทว่าในปี 2567 ที่ผ่านมา จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่มาเยือนเหลือเพียง 7 ล้านคน ทางศูนย์วิจัยกสิกรไทยวิเคราะห์สาเหตุหลัก 3 ข้อ ได้แก่ 1) เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลง 2) การแข่งขันด้านการท่องเที่ยวที่รุนแรงขึ้น และ 3) พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไป
ในปีที่ผ่านมา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เคยประกาศตั้งเป้าหมายว่านักท่องเที่ยวจีนมาเยือนไทยจะแตะ 9 ล้านคนในปี 2568 ก่อนจะปรับลดมาอยู่ที่ 7 ล้านคน สาเหตุหนึ่งอาจเพราะช่วงครึ่งแรกของปีนี้มีทั้งข่าวการลักพาตัวนักแสดงชาวจีน แผ่นดินไหว ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ตลอดจนปัจจัยด้านราคาสินค้าและบริการต่างๆ ที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้นักท่องเที่ยวจีนหายหน้าหายตาไปจากไทย โดยสมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว (ATTA) มองว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่มาเยือนไทยในปี 2568 ทั้งสิ้นอาจไม่ถึง 5 ล้านคนด้วยซ้ำ
แล้วนักท่องเที่ยวจีนหายไปไหน?
คำตอบอยู่ไม่ไกล เป็นหนึ่งในประเทศอาเซียนที่เจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็วตลอดหลายปีที่ผ่านมา นั่นก็คือเวียดนาม
ฝั่งประเทศไทยภาพรวม 5 เดือนแรกของปี 2568 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาราว 14 ล้านคน ลดลง 2.7% YoY โดยเป็นชาวจีนราว 1.9 ล้านคน ลดลงราว 32% YoY ในขณะที่สื่อเวียดนามรายงานว่าในช่วงเวลาเดียวกันนี้ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติหลั่งไหลเข้าเวียดนามกว่า 9.2 ล้านคน เติบโต 21.3% YoY โดยเป็นนักท่องเที่ยวจีน 2.3 ล้านคน จุดหมายปลายทางยอดนิยมเป็นเมืองริมชายฝั่งอย่างดานังและญาจาง
“นี่อาจเป็นครั้งแรกที่ไทยถูกแซงหน้าโดยคู่แข่งรายอื่นจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยกัน” Eric Zhu และ George Ferguson นักวิเคราะห์จาก Bloomberg Intelligence แสดงความคิดเห็น

สำหรับปัจจัยสนับสนุนให้นักท่องเที่ยวจีนเบนเข็มทิศไปยังเวียดนาม ได้แก่ ความปลอดภัย ค่าครองชีพต่ำ บริการด้านการท่องเที่ยวราคาเข้าถึงได้ สถานที่ท่องเที่ยวสวยงาม วัฒนธรรมน่าสนใจ และอาหารที่หลากหลาย อีกทั้งเวียดนามยังอยู่ติดกับจีน ทำให้การเดินทางไปมาระหว่างกันสะดวกและประหยัดกว่าบินข้ามมาไทย เรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนก็มีผลเช่นกัน เพราะเงินหยวนอ่อนค่าลงสวนทางเงินบาทในปีที่ผ่านมา แต่กลับแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินดงเวียดนาม
ความต้องการของนักท่องเที่ยวจีนเปลี่ยนไป
ปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ททท. ได้มีการเดินหน้าแคมเปญ ‘สวัสดี-หนีห่าว’ เพื่อคลายความกังวลของชาวจีน ชี้แจงว่าไทยมีความปลอดภัย และดึงดูดให้พวกเขามาท่องเที่ยว ทั้งยังเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ไทย-จีนครบรอบ 50 ปี แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผลตอบรับที่ดีนัก
Gary Bowerman นักวิเคราะห์เทรนด์และพฤติกรรมการท่องเที่ยวกล่าวว่า ถ้าลองไปคุยกับนักท่องเที่ยวจีน จะพบว่า ไทยยังเป็นประเทศที่พวกเขาชื่นชอบและรู้สึกผูกพัน แต่ในหลายแง่มุมกลับรู้สึกว่าไม่ใช่จุดหมายปลายทางที่ดึงดูดใจเหมือนช่วง 10 ปีก่อนหน้า
ชัดเจนว่าพฤติกรรมและความต้องการของนักท่องเที่ยวจีนเปลี่ยนไปแล้ว หลายคนมองหาจุดหมายปลายทางที่แตกต่างพร้อมประสบการณ์สุดพิเศษที่หาที่ไหนไม่ได้ แพลนทัวร์แบบเดิมๆ กับสินค้าและบริการราคาประหยัดอาจไม่ใช่กลยุทธ์ที่เหมาะสมอีกต่อไป โดยเฉพาะนักท่องเที่ยว generation ใหม่
Chai Boon Sian กรรมการผู้จัดการและรองประธานฝ่ายการตลาดต่างประเทศ Trip.com เผยกับสำนักข่าว The Business Times ว่า ปัจจุบันนักท่องเที่ยวจีนอายุน้อยกำลังมองหาทริปเดินทางที่สั้นกว่า ประหยัดกว่า และอัดแน่นด้วยประสบการณ์มากกว่า
“แทนที่จะไปดูเมอร์ไลออนหรือเปโตรนาสทาวเวอร์ เราเห็นชาวจีนเริ่มพุ่งความสนใจไปยังสถานที่ที่ได้รับความนิยมน้อยกว่า” Chai กล่าว และยกตัวอย่างกัมพูชา บรูไน เมืองเซมปอร์น่าของมาเลเซีย และเกาะฟูโกว๊กของเวียดนามที่มีดีมานด์เพิ่มขึ้น
ไทยปรับกลยุทธ์ ดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพสูง
จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลงทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยต้องมองหาโอกาสใหม่ๆ โดยในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาชาวจีนมาเยือนไทยลดลงก็จริง แต่นักท่องเที่ยวจากยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง และโอเชียเนียกลับมาเยือนไทยเพิ่มขึ้น เปอร์เซ็นต์เติบโตเป็นเลข 2 หลัก ซึ่งนักท่องเที่ยวเหล่านี้มีแนวโน้มเป็นนักท่องเที่ยวคุณภาพสูง (Quality Tourist) ที่มีกำลังซื้อและพร้อมจ่ายมากกว่า

ข้อมูลสถิติเหล่านี้สะท้อนโอกาสในการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากแดนไกลให้มาเยือนไทยมากขึ้นทดแทนนักท่องเที่ยวจีนที่เสียไป ซึ่งททท.ก็ขานรับผ่านการปรับกลยุทธ์ที่มองหาความสมดุลจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกมากขึ้น ประชาสัมพันธ์จุดหมายปลายทางน่าสนใจทั้งในเมืองหลักและเมืองรองที่คนยังไม่ค่อยรู้จัก ตลอดจนผนึกกำลังทำโปรโมชั่นร่วมกับสายการบินฝั่งตะวันตก เพื่อปรับโครงสร้างตลาดการท่องเที่ยวไทยให้ ‘เน้นมูลค่าเหนือปริมาณ’ (Value over Volume) อย่างยั่งยืน
ที่ผ่านมา ไทยมีภาพจำในฐานะจุดหมายปลายทางราคาประหยัด ทว่าตอนนี้ เรากำลังดำเนินการปรับภาพลักษณ์ใหม่ และอาจต้องขอบคุณซีรีส์ The White Lotus 3 ที่ช่วยเบิกทางให้ชาวต่างชาติเห็นว่า ไทยก็มีความโดดเด่นด้านการท่องเที่ยวระดับลักชัวรี่ (Luxury Travel) เช่นกัน
“มุมมองความเข้าใจเกี่ยวกับประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางราคาประหยัดค่อยๆ ล้าสมัยไปเรื่อยๆ” Ian Di Tullio ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์ Minor Hotels กล่าว พร้อมชี้ว่าตอนนี้ไทยกำลังก้าวขึ้นเป็นผู้นำการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ศิลปะ และอาหารในระดับโลก
อีกทั้ง ข้อมูลจากแพลตฟอร์มท่องเที่ยว Traveloka ที่เปิดเผย 100 อันดับจุดหมายปลายทางด้านอาหารและเครื่องดื่มในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พบว่า กว่า 60% อยู่ในกรุงเทพฯ โดยนักท่องเที่ยวสนใจประสบการณ์หรูหรา ดินเนอร์บนเรือสำราญ และร้านอาหารบนรูฟท็อปเพื่อชื่นชมวิวทิวทัศน์สุดวิเศษมากที่สุด
อย่างไรก็ตาม Jack Board จากสำนักข่าว CNA วิเคราะห์ว่า การปรับกลยุทธ์และเปลี่ยนภาพจำของชาวโลกที่่มีต่อการท่องเที่ยวไทยนับเป็นความท้าทายอย่างใหญ่หลวง เพราะเป็นสิ่งคาดเดาได้ยาก และการท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็มีการแข่งขันเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ในการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
ไม่เพียงเท่านั้น Hannah Pearson ผู้อำนวยการบริษัทวิจัยการท่องเที่ยว Pear Anderson เผยว่ามาเลเซียและเวียดนามเองก็ตั้งเป้าดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มเดียวกับไทย รวมถึงมีการออกนโยบายเกี่ยวกับวีซ่าและโปรโมตการท่องเที่ยวตลอดหลายปีที่ผ่านมาเช่นกัน
“เกมเปลี่ยนตั้งแต่โควิด-19 เป็นต้นมา เมื่อประเทศหนึ่งเสียผลประโยชน์ กลายเป็นโอกาสของอีกประเทศหนึ่ง” Pearson กล่าว ซึ่งนั่นหมายความว่าไทยต้องพยายามมากกว่าเดิมเพื่อพื้นฟู และสร้างการเติบโตให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวในอนาคต
ที่มา:
Chinese tourists crown Vietnam, sideline Thailand
Why Chinese visitors keep flocking to Vietnam
Vietnam sees record tourists with 21% surge in first 5 months of 2025
Why is Thai tourism stuttering and will its renewed focus on ‘quality over quantity’ work?
Photo by Denis Volkov, Marco D'Abramo and Antonio Araujo on Unsplash
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : กสิกรไทยชี้ครึ่งปีหลัง 68 ไทยเที่ยวไทยโตชะลอลงจากช่วงแรกแม้มี ‘เที่ยวไทยคนละครึ่ง’
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine