ประเด็นเรียกร้องความชอบธรรมของทายาทดุสิตธานีเริ่มคลี่คลาย โดยบอร์ดดุสิตธานีมีมติแต่งตั้ง ชนินทธ์ โทณวณิก นั่งตำแหน่ง กรุ๊ปซีอีโอ แทนศุภจีที่ลาออกไปรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ย้ำงานการเมืองแค่ชั่วคราว หลังสิ้นสุดภารกิจพร้อมกลับมาบริหารดุสิตเหมือนเดิม
บ่ายวันที่ 12 กันยายน กลุ่มดุสิตธานีได้เปิดแถลงข่าวทิศทางแนวโน้มดุสิตธานีและก้าวย่างใหม่ หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงงผู้บริหาร โดย ศุภจี สุธรรมพันธุ์ กรุ๊ปซีอีโอ ดุสิตธานี ได้ลาออกเพื่อไปรับภารกิจด้านการเมืองในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยล่าสุดคณะกรรมการดุสิตธานีได้มีมติแต่งตั้ง “ชนินทธ์ โทณวณิก” รักษาการประธานกรรมการ ควบตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม (กรุ๊ปซีอีโอ) มีผลตั้งแต่วันนี้ (12 กันยายน 2568) เป็นต้นไป
“การเปลี่ยนแปลงนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของดุสิตธานี และด้วยระยะเวลารัฐบาลที่ประกาศไว้ว่าจะบริหาร 4 เดือน แล้วยุบสภาเลือกตั้งใหม่ ทางดุสิตธานียินดีต้อนรับการกลับมาของคุณศุภจี” ชนินทธ์ กล่าวย้ำพร้อมยืนยันหนักแน่นว่า ยังรอต้อนรับการกลับมาของศุภจีในอนาคตอันใกล้
ด้านศุภจีกล่าวว่า การรับตำแหน่งทางการเมืองครั้งนี้จะเป็นการใช้ความรู้ความสามารถไปช่วยในการบริหารเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งแม้ว่าจะมีเวลาเพียง 4 เดือน แต่มั่นใจว่าจะสามารถผลักดัน สร้างความเปลี่ยนแปลงเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ ตามแนวทางการทำงานของตน ซึ่งจะเน้นการวางรากฐานให้แข็งแกร่ง เพื่อก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง และมั่นใจว่าประสบการณ์ที่ทำงานกับบริษัทขนาดใหญ่ทั้งในและต่างประเทศจะช่วยให้ภารกิจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เดินหน้าช่วยเหลือประชาชนและประเทศได้
ในส่วนของดุสิตธานี ศุภจีเผยว่าร่วมงานมาเป็นเวลา 10 ปี ได้ทำหลายสิ่งและได้วางรากฐานที่แข็งแรง มั่นใจว่าดุสิตธานีจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2569 จะเห็นความเปลี่ยนแปลงทางด้านการเงินชัดเจน จากการรับรู้รายได้ของโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ในส่วนคอนโดมิเนียม ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้จากยอดโอนกว่า 16,000 ล้านบาทในปี 2569 และมั่นใจว่าจะกลับมามีกำไร สามารถล้างขาดทุนได้หมด เชื่อว่าการเติบโตของดุสิตธานีจะเห็นภาพชัดเจนมากในปี 2569 จากนั้นรายได้จะปรับสู่ฐานปกติ ด้วยรายได้ประมาณ 8,000-9,000 ล้านบาท
“ที่จริงในปี 2567 รายได้ที่ทำได้ถึง 11,024 ล้านบาท ถือเป็นนิวเรคคอร์ด แต่เนื่องจากยังอยู่ในช่วงของการพัฒนาลงทุนพัฒนาโครงการใหญ่ จึงยังมีตัวเลขขาดทุนอยู่ แต่มั่นใจว่ารายได้จะเติบโตตามเป้าหมายแน่นอน” ศุภจี กล่าว
ดังนั้นแม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารก็มั่นใจว่าจะไม่กระทบการดำเนินงานของกลุ่มดุสิตธานี เนื่องจากที่ผ่านมาดุสิตธานี ได้ผ่านการวางรากฐานอย่างแข็งแกร่ง และพร้อมที่จะเติบโตอย่างมั่นคงภายใต้บริบทใหม่
และเพื่อให้การดำเนินงานของบริษัทฯ เป็นไปอย่างต่อเนื่องและมั่นคง โดยคณะกรรมการบริษัทฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2568 ได้มีมติเห็นชอบแต่งตั้ง ชนินทธ์ โทณวณิก รักษาการประธานกรรมการ เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม ควบอีกหนึ่งตำแหน่ง เพื่อให้การบริหารจัดการและนโยบายต่างๆ ในระยะเปลี่ยนผ่านสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่น
ชนินทธ์ เปิดเผยว่าในฐานะองค์กรที่ดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับความรับผิดชอบต่อสังคมและประเทศชาติ ดุสิตธานีรู้สึกเป็นเกียรติและภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่คุณศุภจีได้รับโอกาสอันสำคัญนี้ ซึ่งจะเป็นการอุทิศตนเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติในช่วงรอยต่อที่สำคัญของบ้านเมือง
“บริษัทขอขอบคุณคุณศุภจี สำหรับความทุ่มเท ความเป็นผู้นำ และวิสัยทัศน์ที่ได้หล่อหลอมองค์กรตลอดที่ผ่านมา จนภารกิจในการวางรากฐานให้กลุ่มดุสิตธานีพร้อมที่จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง สามารถสำเร็จลุล่วงด้วยดี
“ในขณะที่ภาพรวมทางเศรษฐกิจของประเทศในช่วงเวลานี้ต้องการผู้ที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาเป็นแรงขับเคลื่อน ซึ่งนับเป็นเรื่องเร่งด่วน ภายใต้เงื่อนเวลาที่จำกัด กลุ่มดุสิตธานีจึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่คุณศุภจีจะได้ใช้ความรู้ความสามารถทำงานรับใช้ชาติและประชาชนซึ่งเป็นช่วงเวลาสั้นๆ และหากภารกิจของชาติเสร็จสิ้นเป็นเรียบร้อย กลุ่มดุสิตธานีก็พร้อมจะต้อนรับคุณศุภจีกลับมาเสมอ พร้อมแสดงความยินดีและอวยพรให้คุณศุภจีประสบความสำเร็จอย่างสูงในภารกิจอันทรงเกียรตินี้ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนอย่างยั่งยืน”
สำหรับการดำเนินงานของกลุ่มดุสิตธานีหลังจากนี้จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากแผนงานเดิมที่ได้ถูกวางรากฐานไว้อย่างมั่นคงตลอดระยะเวลาเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรงแรม ธุรกิจการศึกษา ธุรกิจอาหาร และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงโครงการ “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” มูลค่ากว่า 46,000 ล้านบาท ที่จะเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งตามเป้าหมายเดิมที่วางไว้ ด้วยทีมบุคลากรที่มีคุณภาพของกลุ่มดุสิตธานีที่ยังคงทุ่มเททำงานอย่างเต็มกำลังเหมือนที่ผ่านมา ดังนั้น ขอให้ผู้ลงทุน ลูกค้า คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ รวมถึงทุกส่วนที่เกี่ยวข้องมั่นใจและเชื่อมั่นในสิ่งที่ดุสิตธานีดำเนินการมาโดยตลอด
“อยากให้ทุกคนมั่นใจว่า สิ่งที่ถูกส่งต่อและวางไว้บนมือของผู้บริหารและพนักงานของกลุ่มดุสิตธานีหลังจากนี้คือการเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของดุสิตธานี บนรากฐานที่มั่นคง ที่ดิฉันและทีมดุสิตธานีทุกคนร่วมกันสร้างไว้ และนี่คือสิ่งที่เราพยายามทำมาตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา นั่นคือ ไม่ว่าจะเผชิญกับปัจจัยท้าทาย หรือความเปลี่ยนแปลงใดๆ ก็ยังเชื่อมั่นได้ว่าทั้งโครงสร้างองค์กร โครงสร้างธุรกิจ และโครงสร้างทางการเงินของกลุ่มดุสิตธานี จะรองรับกับทุกความเปลี่ยนแปลงนั้นได้เป็นอย่างมั่นคง
“ดิฉันเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า ดุสิตธานีจะสามารถยืนหยัดได้อย่างแข็งแกร่งในฐานะแบรนด์ไทยในระดับโลกได้อย่างยั่งยืน” ศุภจีกล่าว
นอกเหนือจากการแถลงข่าวแล้ว ในวันนี้ดุสิตธานีได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทวันที่ 12 กันยายน 2568 ได้มีมติสำคัญ 5 ข้อดังนี้
1. รับทราบการลาออกของนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ในตำแหน่งกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 12 กันยายน 2568 เนื่องจากติดภารกิจอื่นที่ต้องอุทิศตนในการทำงานเต็มเวลา
2. อนุมัติการแต่งตั้ง นายชนินทธ์ โทณวณิก ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม แทนนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ที่ลาออกจากตำาแหน่
3. อนุมัติการแต่งตั้ง นายภควัต โกวิทวัฒนพงศ์ ดำรงตำแหน่งกรรมการ แทน นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ที่ลาออกจากตำแหน่ง
4. อนุมัติการแต่งตั้ง นายสมประสงค์ บุญยะชัย ดำรงตำหน่งกรรมการอิสระ แทน นางนวลพรรณล่ำซำที่ลาออกจากตำแหน่ง
5. อนุมัติการเปลี่ยนแปลงอำนากรรมการที่จะกระทำแทนบริษัทจากเดิม “ชื่อและจำนวนกรรมการ ซึ่งมีอำนาจลงลายมือชื่อแทนบริษัท คือ นายชนินทธ์ โทณวณิก นางสินี เธียรประสิทธิ์ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ กรรมการ 2 ใน 3 คนนี้ ลงลายมือชื่อร่วมกัน และประทับตราสำคัญของบริษัท” เปลี่ยนเป็น “ชื่อและจำนวนกรรมการ ซึ่งมีอำนาจลงลายมือชื่อแทนบริษัท คือ นายชนินทธ์ โทณวณิก นางสินี เธียรประสิทธิ์ นายภควัต โกวิทวัฒนพงศ์ กรรมการ 2 ใน 3 คนนี้ลงลายมือชื่อร่วมกัน และประทับตราสำคัญของบริษัท
ทั้งนี้ หากดูจากมติการประชุมคณะกรรมการดุสิตธานีล่าสุดที่วางบทบาทให้ชนินทธ์เป็นหนึ่งในสามกรรมการที่มีมีอำนาจลงนาม ถือเป็นการคงอำนาจบริหารของกรุ๊ปซีอีโอตามเดิม ซึ่งก่อนหน้านี้มีกรณีจะปลดอำนาจของชนินทธ์ ซึ่งบรรจุอยู่ในวาระการประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 26 กันยายนที่จะถึงนี้ จึงยังต้องรอความชัดเจนจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นอีกครั้งหนึ่ง
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ‘ชนินทธ์ โทณวณิก’ แถลงด่วน! ปมบอร์ด DUSIT จ่อถอดจากกรรมการ ชี้ไม่ได้ต่อสู้ส่วนตัวกับใคร แต่ปกป้องไม่ให้ ‘คนนอกครอบครัว’ ยึดกิจการ
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine