'ศิลาวดี พูล สปา รีสอร์ท เกาะสมุย' ทุ่มงบ 300 ล้านบาท เปิดพูลวิลล่าใหม่ 18 หลัง มั่นใจตอบโจทย์เทรนด์การท่องเที่ยวยุคใหม่และกลุ่มนักท่องเที่ยวแบบบิ๊กกรุ๊ป คาดหลังก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในปี 2027 จะหนุนรายได้เพิ่มแตะ 500 ล้านบาท
'เกาะสมุย' หนึ่งใน Destination ยอดฮิตของเหล่านักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ด้วยธรรมชาติที่สวยงามดึงดูดใจจึงทำให้เกาะแห่งนี้รายล้อมไปด้วยเชนโรงแรมและรีสอร์ทมากมาย แต่ถ้าพูดถึง ลักชัวรี่รีสอร์ทชั้นนำสัญชาติไทยบนเกาะสมุยที่บริหารโดยคนไทย ชื่อแรกๆ ที่อยู่ท็อปลิสต์ของนักท่องเที่ยว จะต้องมีชื่อของ 'ศิลาวดี พูล สปา รีสอร์ท' (Silavadee Pool Spa Resort) ที่อยู่คู่กับเกาะสมุยมายาวนานจนเข้าสู่ปีที่ 17 ติดโผอยู่ด้วยแน่นอน
ล่าสุดทาง ศิลาวดี กำลังจะเดินหมากเกมรุกครั้งสำคัญ ด้วยการทุ่มงบร่วม 300 ล้านบาท เปิดตัวพูลวิลล่าเฟสใหม่ที่มาพร้อมสเปซที่กว้างขวางขึ้น ตอบโจทย์เทรนด์การท่องเที่ยวยุคปัจจุบันที่นิยมเดินทางเป็นครอบครัวใหญ่หรือมาพักผ่อนกับกลุ่มเพื่อนหลายๆ คน พร้อมกันนี้ ยังได้รีโนเวทห้องอาหาร สปา และ ฟิตเนส อัปลุคให้ทันสมัย พร้อมรองรับดีมานด์นักท่องเที่ยวในเกาะสมุยที่ยังมีความต้องการอยู่เป็นจำนวนมาก
แม้กลุ่มลูกค้าหลักของเกาะสมุยจะเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติถึง 90% แต่ศิลาวดี พูล สปา รีสอร์ท กลับเลือกที่จะรักษาสัดส่วนของฐานลูกค้าไว้ที่ ต่างชาติ 80% คนไทย 20% และยังเตรียมต่อยอดอินไซต์ลูกค้า สู่การขยายอาณาจักรศิลาวดี พูล สปา รีสอร์ท อีกด้วย
ชลลดา สุนทรวสุ ประธานกรรมการผู้บริหาร ศิลาวดี พูล สปา รีสอร์ท กล่าวว่า หลังจากสถานการณ์ Covid-19 คลี่คลาย ส่งผลให้เกิดเทรนด์การทำงานจากที่ไหนก็ได้ ทำให้อัตราการเข้าพักของนักท่องเที่ยวนานขึ้นจาก 3 คืน เป็น 5-7 คืน และอีกเทรนด์ที่เห็นได้ชัดเจน ก็คือ นักท่องเที่ยวยุคนี้ ไม่ได้มีแต่กลุ่มคู่รัก แต่นิยมเดินทางเป็นครอบครัวใหญ่หรือมากันเป็นกลุ่มเพื่อนมากขึ้น นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ ศิลาวดี พูล สปา รีสอร์ท ตัดสินใจทุ่มงบประมาณ 300 ล้านบาท ในปี 2568 นี้ เพื่อสร้างพูลวิลล่า เฟสใหม่ อีก 18 หลัง ด้วยห้องพักขนาด 2, 3 และ 4 ห้องนอน บนพื้นที่ 3 ไร่ ในการรองรับดีมานด์ของกลุ่มนักท่องเที่ยวดังกล่าว

สัมผัสความเป็นธรรมชาติ ควบคู่กับ ความทันสมัย
คอนเซ็ปต์หลักของศิลาวดียังคงเน้นแนวคิด Back to the nature ใกล้ชิดกับธรรมชาติ แต่ทว่าจะเพิ่มเติมความ Modern ทันสมัยเข้าไป พร้อมตีความนิยามของลักซ์ชัวรี่ใหม่ ซึ่งหมายถึง การมีพื้นที่ความเป็นส่วนตัวและความสะดวกสบายมากขึ้นกว่าเดิม ด้วยการสร้างพูลวิลล่าที่มีสเปซใหญ่ขึ้น และมีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้าไปตอบโจทย์ในห้องพักเพื่อให้ลูกค้าได้ดื่มด่ำธรรมชาติสร้างความผ่อนคลายและเงียบสงบ
“เพียงเดินออกมายังระเบียงก็จะได้สัมผัสกับเสน่ห์ของความเป็นธรรมชาติที่เราพยายามรักษาไว้ เรามีสระส่วนตัวในพูลวิลล่าที่ออกแบบให้มีความยาว 12 เมตร สามารถดื่มด่ำกับความเป็นส่วนตัวในการว่ายน้ำได้โดยไม่ต้องมาใช้สระส่วนกลาง นอกจากนี้ เรายังรีโนเวทร้านอาหาร The Height ซึ่งเป็นร้านอาหารที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน โดดเด่นด้วยเมนูอาหารไทยและอาหารใต้ต้นตำรับที่สะท้อนรสแท้ของวัตถุดิบท้องถิ่น ปรับปรุงฟิตเนสให้กว้างขวาง มีอุปกรณ์ทันสมัย และสปาที่ได้รับการตกแต่งใหม่อย่างพิถีพิถัน เพิ่มห้องทรีตเมนต์ โดยทั้งหมดนี้ คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2027”


ปัจจุบัน ศิลาวดี พูล สปา รีสอร์ท เกาะสมุย” ประกอบด้วยห้องพักทั้งสิ้น 80 ห้อง แบ่งเป็นห้องพักประเภทดีลักซ์ขนาด 50 ตารางเมตร จำนวน 36 ห้อง พูลวิลล่าจำนวน 40 หลัง และพูลวิลล่าสวีท จำนวน 4 หลัง ซึ่งหลังจากการเปิดตัวเฟสใหม่ ทางผู้บริหารของศิลาวดี บอกว่า “จะช่วยสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจมากขึ้น จากเดิมที่มีการเติบโตต่อเนื่องปีละ 12-15% และน่าจะดันรายได้ให้เพิ่มขึ้นแตะ 500 ล้านบาท”
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจาก อัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) ที่เติบโตในระดับ 80% และมีลูกค้าที่กลับมาใช้บริการซ้ำเป็นจำนวนมาก ในตลอดระยะเวลา 17 ปีที่ผ่านมานั้น ทาง ศิลาวดี พูล สปา รีสอร์ท ยังให้ความสำคัญในเรื่องของ Sustainability โดยสามารถคว้ารางวัลการันตี มาตรฐาน ISO 22000:2018 ในด้านระบบบริหารความปลอดภัยของอาหาร และยังเป็นโรงแรมแห่งแรกในเกาะสมุยที่ได้รับการรับรองระดับ Gold จาก Travelife ซึ่งสะท้อนถึงความเป็นผู้นำด้านการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบและยั่งยืน


“เราสนับสนุนสินค้าของชุมชน ทั้งในส่วนของวัตถุดิบสำหรับทำอาหาร หรือ อย่างกาละแม ที่เราให้บริการแขกในห้องพัก รวมทั้งเครื่องจักรสานต่างๆ เราก็เลือกใช้ของที่ผลิตและจำหน่ายจากชุมชนในท้องถิ่น สำหรับเป้าหมายในระยะยาว คือ การเป็นเชนโรงแรมของคนไทยที่เป็นที่รู้จักในระดับโลก และเราเล็งเห็นโอกาสที่จะขยายไปยังหัวเมืองอื่นๆ ที่ครอบครัวมีที่ดินอยู่แล้ว เช่น เชียงใหม่ และ เขาใหญ่ ในอนาคต” ชลลดากล่าวทิ้งท้าย
ภาพ : ศิลาวดี พูล สปา รีสอร์ท
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : บีสตาร์ท เฮฟเว่น‘ มองไกล! เร่งปักหมุด ‘ในทอน ภูเก็ต’ สร้างอาณาจักรบนพื้นที่ 80 ไร่ ปั้นเป็น ’Mini Laguna’ ภายใน 5 ปี
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine