เวียตเจ็ทไทยแลนด์ เผยปีนี้นักท่องเที่ยวจีนวูบ 40% ปรับกลยุทธ์โฟกัสตลาดอินเดียแทน พร้อมกางแผนกลยุทธ์ปี 2568-2571 สร้างการเติบโตยั่งยืน ตั้งแต่รับเครื่องบินโบอิ้ง 737-8 เพิ่มอีก 50 ลำ รองรับเส้นทางบินใหม่ๆ ปีนี้ได้เห็นแน่บินตรงจากกรุงเทพฯ สู่โตเกียว โอซาก้า และอินชอน ตั้งเป้ารายได้ทะยานสู่ 40,000 ล้านบาทในอีก 4-5 ปีข้างหน้า
วรเนติ หล้าพระบาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เวียตเจ็ทไทยแลนด์ กล่าวว่า ปี 2567 ที่ผ่านมา เวียตเจ็ทไทยแลนด์มีผลการการดำเนินงานในระดับที่ดีประมาณหนึ่ง สามารถกลับมาทำกำไรได้เป็นปีแรกหลังจากพ้นช่วงโควิด โดยให้บริการผู้โดยสารกว่า 6.7 ล้านคน เป็นเที่ยวบินในประเทศ 4.2 ล้านคน และระหว่างประเทศ 2.5 ล้านคน
“ปี 2568 เป็นปีที่ไม่ได้สบายนัก แต่ยังโอเค เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนหายไป ซึ่งไม่ใช่แค่เวียตเจ็ทไทยแลนด์เท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ แต่ภาคการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบกันหมด อย่างไรก็ตาม แม้บ้านเราจะมีความน่าสนใจลดลงบ้าง แต่ในระยะกลาง-ระยะยาว ประเทศไทยยังคงน่าสนใจสำหรับคนจีนอยู่”

วรเนติ เผยอีกว่า แม้ภาพรวมปีนี้นักท่องเที่ยวจีนหายไปบ้าง แต่ก็มีการเติบโตจากนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่น เช่น เอเชียตอนเหนืออย่างไต้หวันและญี่ปุ่น และเวียดนาม ที่เติบโตราว 6-7% ที่น่าสนใจคือ ‘อินเดีย’ ที่มีดีมานด์เพิ่มสูงขึ้น เวียตเจ็ทไทยแลนด์จึงเปิดเส้นทางไปอินเดียเพิ่มอีก 1 เส้นทางในปีนี้ และปลายปีจะเปิดเพิ่มอีก 2 เส้นทาง โดยคาดว่าปีนี้นักเดินทางชาวอินเดียจะเติบโต 3 เท่า
“ในแง่ของผลประกอบการ ครึ่งปีแรกของปี 2568 อยู่ที่ประมาณ 7,500 ล้านบาท ภาพรวมสิ้นปีน่าจะใกล้เคียงกับปีที่แล้ว เช่นเดียวกับจำนวนผู้โดยสารที่น่าจะอยู่ที่ 6.7-6.8 ล้านคน สาเหตุสำคัญเพราะเราไม่มีเครื่องบินเพิ่ม ซึ่งเรากำลังรอฝูงใหม่อยู่ โดยเปลี่ยนจากเครื่องบินแอร์บัสเป็นโบอิ้ง ซึ่งลำแรกจะเริ่มเข้ามาเดือนตุลาคม ทำให้สิ้นปีนี้เราจะมีเครื่องบิน 23 ลำ และขยายเป็น 50 ลำภายในปี 2571 เรียกว่าเป็นการขยายฝูงบินครั้งใหญ่” วรเนติ กล่าว

การขยายฝูงบินตามแผนของเวียตเจ็ทไทยแลนด์ เป็นการดำเนินงานเพื่อมารองรับการขยายเส้นทางบินใหม่ๆ ในอนาคต โดยปัจจุบันเวียตเจ็ทไทยแลนด์ให้บริการเส้นทางบินครอบคลุมทั้งในประเทศ ภูมิภาคอินโดจีน เอเชียเหนือ อินเดีย และออสเตรเลีย
“อินเดียจะเป็นตลาดใหญ่ที่เราโฟกัส โดยปีนี้จะเปิดเส้นทางบินใหม่ 2 เส้นทาง และจะเปิดอีก 2 เส้นทางในปีหน้า นอกจากนี้จะเปิดเส้นทางไปเวียดนามอีกเส้นทาง หลังจากประสบความสำเร็จของเส้นทางไปฟูก๊วก ส่วนในประเทศไทยจะเปิดเส้นทางใหม่อีก 1 เส้นทางไปจังหวัดในภาคใต้” วรเนติกล่าว ก่อนจะย้ำว่า อีก 5 ปีข้างหน้าจะเป็นช่วงที่เวียตเจ็ทไทยแลนด์เติบโตได้อีกมาก โดยตั้งเป้ารายได้ทะยานสู่ 40,000 ล้านบาทในอีก 4-5 ปีข้างหน้า และคาดว่าจะเกิดการจ้างงาน 4,000-5,000 ตำแหน่ง จากปัจจุบันมีพนักงานอยู่ 1,300 คน

ปิ่นยศ พิบูลสงคราม รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการพาณิชย์ เสริมว่า ตลอดปีที่ผ่านมา เวียตเจ็ทไทยแลนด์สามารถสร้างการเติบโตของผู้โดยสารได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยจุดแข็งด้านราคาที่เข้าถึงง่าย และตอบสนองความต้องการของนักเดินทางยุคใหม่
“เวียตเจ็ทไทยแลนด์สามารถรักษาอัตราการเติบโตของผู้โดยสารได้อย่างต่อเนื่อง แม้ต้องเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดสายการบินราคา รวมถึงนักท่องเที่ยวจีนที่หายไปถึง 40% และคาดว่าปีนี้จะยังไม่กลับมา อย่างไรก็ตาม จุดแข็งของเราคือการมอบบริการคุณภาพในราคาที่เข้าถึงได้ ทำให้เรามีฐานลูกค้าที่เหนียวแน่นและสามารถขยายตลาดใหม่ได้อย่างมั่นคง”

ในปีนี้ เวียตเจ็ทไทยแลนด์เตรียมเปิดเส้นทางใหม่ รวมถึงเส้นทางกรุงเทพฯ–โซล (เดือนตุลาคม) กรุงเทพฯ–โกลกาตา ในเดือนพฤศจิกายน กรุงเทพฯ–โตเกียว (นาริตะ) ในเดือนธันวาคม กรุงเทพฯ–โอซาก้า (คันไซ) ในเดือนธันวาคม และกรุงเทพฯ–อาห์เมดาบัด ในเดือนธันวาคม เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นในตลาดเกาหลี ญี่ปุ่น และอินเดีย ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้เวียตเจ็ทไทยยังเตรียมมอบประสบการณ์การบินที่น่าประทับใจด้วยการให้บริการด้านความบันเทิงบนเที่ยวบิน (In-Flight Entertainment) กล่าวคือผู้โดยสารสามารถดูหนังฟังเพลงได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ผ่านแอปพลิเคชั่นของเวียตเจ็ท

“ที่สำคัญไม่แพ้กัน สายการบินเวียตเจ็ทไทยแลนด์ยังคงพัฒนาความตรงต่อเวลาอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันก้าวขึ้นสู่อันดับ 4 ของสายการบินในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ความสำเร็จครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเราในการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพและการมอบบริการที่เป็นเลิศแก่ผู้โดยสาร”
ด้าน สญาดา เบญจกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ กล่าวว่า เวียตเจ็ทไทยแลนด์ให้ความสำคัญกับการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจ ที่ไม่เพียงการสร้างความเติบโตเชิงเศรษฐกิจ แต่ยังต้องการสร้างสมดุลกับสิ่งแวดล้อมและสังคม พร้อมทั้งเป็นแรงผลักดันในการสนับสนุนการท่องเที่ยว
“เวียตเจ็ทไทยแลนด์ให้ความสำคัญกับการสร้างภาพลักษณ์องค์กรที่โปร่งใสและมีความรับผิดชอบต่อสังคม เราเดินหน้าจัดกิจกรรมอนุรักษ์ธรรมชาติและกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ทั้งโครงการด้านสิ่งแวดล้อม การศึกษา และการสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น รวมถึงร่วมมือกับภาครัฐและภาคเอกชนในการส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งทั้งหมดสอดคล้องกับนโยบาย ‘Fly Green’ ที่มุ่งลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมกันนี้สายการบินฯ ยังมุ่งเน้นการสร้างวัฒนธรรมองค์กรสีเขียวและส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการดูแลโลกอย่างยั่งยืนไปพร้อมกัน”

นอกจากนี้เวียตเจ็ทไทยแลนด์ประกาศตอกย้ำพันธกิจด้านความยั่งยืน โดยเดินหน้าศึกษาและส่งเสริมการใช้ Sustainable Aviation Fuel (SAF) ควบคู่กับการนำเครื่องบินรุ่นใหม่ที่ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น A321neo และ Boeing 737-8 ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ถึง 15–20% เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม
เวียตเจ็ทไทยแลนด์วางเป้าหมายก้าวสู่การเป็นสายการบินที่มีเครือข่ายครอบคลุมภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เชื่อมต่อเมืองรองของไทยกับตลาดต่างประเทศโดยตรง เสริมบทบาทของไทยในฐานะฮับการบินและท่องเที่ยว พร้อมต่อยอดโอกาสทางเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค รวมทั้งพัฒนาความร่วมมือกับภาครัฐและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจท้องถิ่น
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : อโกด้า เผย จีน มาเลเซีย เกาหลีใต้ เที่ยวไทยครึ่งปีแรก 2568 มากสุด และ 'หาดใหญ่' คนนิยมเที่ยวมากขึ้น ติด Top 3 ของเอเชีย 2 ปีซ้อน
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine