<h2>OR เผยสัดส่วนปริมาณการใช้น้ำมันเครื่องบินในประเทศไทยฟื้นกว่า 90% ของช่วงก่อน COVID-19 หวังครึ่งปีหลังฟื้นตัวขึ้นอีก และรับผลดีจากมาตรการรัฐที่กระตุ้นการท่องเที่ยว ย้ำแผนปี 2567 เตรียมเปิดปั๊ม Non oil 4-5 จุด</h2><h2> </h2>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยว่า ปริมาณการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน (Jet A-1) ของสายการบินในประเทศไทย ปรับเพิ่มขึ้นราว 90% เมื่อเทียบกับช่วงก่อน COVID-19 และคาดว่าครึ่งปีหลังนี้จะมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเพราะได้รับผลดีจากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของรัฐที่ออกมาจะเพิ่มปริมาณการบิน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ทาง OR ยังมีแผนงานด้าน น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF) ปัจจุบันมีการลงนามในข้อตกลงในการใช้ SAF ร่วมกับ 3 สายการบิน ได้แก่ บมจ. บางกอกแอร์เวย์ (BA) บมจ. การบินไทย (THAI) และไทยเวียตเจ็ท แต่ในด้านภาพรวมปริมาณความต้องการ SAF ยังขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการสายการบิน จึงยังไม่สามารถระบุได้ในปัจจุบัน แต่มั่นในว่าทางบริษัทจะสามารถจัดหาและนำเข้าเพื่อรองรับความต้องการได้ทั้งหมด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม การนำเข้า SAF จะมาจากธุรกิจการค้าระหว่างประเทศภายใต้กลุ่ม ปตท. ตอนนี้นำเข้าตามความต้องการของสายการบิน นอกจากนี้ยังมีแผนเตรียมผลิต SAF เอง ผ่านโรงกลั่นน้ำมันอากาศยานเพื่อความยั่งยืน (SAF) จะทำผ่าน บมจ. พีทีที โกลบอล เคมิคอล หรือ GC คาดว่าจะเริ่มมีความชัดเจน ต้นปี 2568 โดยมั่นใจได้ว่าคุณภาพน้ำมันของบริษัทเป็นไปตามมาตรการระดับสากล ดังนั้นการผลิต SAF จะได้รับมาตรฐานระดับโลกเช่นกัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ แผนงานหลักของ OR ในครึ่งปีหลังยังได้เตรียมงบในการผลักดันโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ จะเปิดสถานีบริการในรูปแบบ Non oil หรือสถานีบริการไฟฟ้าที่ไม่ได้ให้บริการน้ำมันราว 4- 5 จุดในปี 2567 โดยต้องมาจากความต้องการของแต่ละพื้นที่ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/travel/%E0%B8%BAba-or-saf-june-2024" alt="บางกอกแอร์เวย์ส จับมือ OR เริ่มใช้ ‘SAF’ เชื้อเพลิงสีเขียว ประเดิมเที่ยวบินสมุย">บางกอกแอร์เวย์ส จับมือ OR เริ่มใช้ ‘SAF’ เชื้อเพลิงสีเขียว ประเดิมเที่ยวบินสมุย</a><a href="https://www.forbesthailand.com/news/property/sansiri-q-1-2024-sales-12-billion-sold-out-12-projects" alt="แสนสิริโชว์ Q1/67 ยอดขาย 1.2 หมื่นล้าน Sold Out รวด 12 โครงการ โกยยอดโอนทะลัก 9,700 ล้านบาท"></a><a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/abacus-digital-ptg-panthai-coffee" alt="อบาคัส ดิจิทัล จับมือ PTG เปิดให้คนขอสินเชื่อผ่านร้านกาแฟพันธุ์ไทย"></a><a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/bot-uob-fix-problem" alt="แบงก์ชาติสั่ง UOB เร่งแก้ปัญหา กรณีประชาชนเจอผลกระทบหลังถ่ายโอนข้อมูลจากซิตี้แบงก์"></a>​​​<a href="https://web.facebook.com/ForbesThailandMagazine/?_rdc=1&amp;_rdr" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>​​

OR เผยปริมาณการใช้น้ำมันเครื่องบินในไทยฟื้นกว่า 90% เทียบช่วงก่อน COVID-19 เตรียมเปิดปั๊ม Non oil 4-5 จุดปีนี้

<h2>OR ร่วมกับ ไทย เวียตเจ็ท นำน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) มาใช้บนเส้นทางบินทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศของเวียตเจ็ทไทยแลนด์ เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2567 เป็นต้นไป</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR และ นายวรเนติ หล้าพระบาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย เวียตเจ็ท แอร์ จอยท์ สต๊อค (ไทย เวียตเจ็ท) ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) เรื่อง การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel: SAF) สำหรับเที่ยวบินปฐมฤกษ์ และความร่วมมือในอนาคต ณ ห้องประชุม Multiverse ชั้น 10 ศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ อาคารซี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายดิษทัต กล่าวว่า ความร่วมมือกับ ไทย เวียตเจ็ท ครั้งนี้ เป็นการนำน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน หรือ SAF ซึ่งเป็นน้ำมันที่มีคุณสมบัติทางเคมีที่คล้ายคลึงกับน้ำมันเจ็ท ผลิตจากน้ำมันทำอาหารที่ใช้แล้ว หรือที่เรียกว่า UCO (Used Cooking Oil) โดย SAF สามารถผสมเข้าไปกับน้ำมันเจ็ทเพื่อให้ใช้ในเครื่องบินได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนหรือปรับปรุงเครื่องยนต์ ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในการนำพลังงานสะอาดมาใช้ในอุตสาหกรรมการบิน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ OR และไทย เวียตเจ็ท จะร่วมมือกันพัฒนาพลังงานทางเลือกและเทคโนโลยีใหม่ๆ สำหรับใช้กับอากาศยานในอนาคต ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืนในอุตสาหกรรมการบินต่อไป​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/06/QVouFXiKsTQP4cLeSKWg.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="QVouFXiKsTQP4cLeSKWg.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายวรเนติ เปิดเผยว่า สายการบินเวียตเจ็ทไทยแลนด์ยังดำเนินโครงการ Fly Green อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 เพื่อสร้างความตระหนักเกี่ยวกับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมในทุกมิติ โดยเน้นการมีส่วนร่วมจากผู้โดยสารและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในทุกภาคส่วน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;และในเดือนกรกฎาคม 2567 ไทย เวียตเจ็ท จะนำน้ำมัน SAF ผสมกับน้ำมัน Jet A1 เพื่อใช้ในเที่ยวบินปฐมฤกษ์จากประเทศไทยไปยังดานัง ประเทศเวียดนาม ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำเป้าหมายอย่างเป็นรูปธรรมของโครงการนี้ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการเตรียมความพร้อมที่จะสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคการบิน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ แม้ว่าน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF) จะมีต้นทุนสูงกว่าน้ำมันเชื้อเพลิงธรรมดาหลายเท่า แต่น้ำมัน SAF สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึงร้อยละ 80 เมื่อเทียบกับน้ำมันเชื้อเพลิงธรรมดา โดยสามารถผสมกับน้ำมันเชื้อเพลิงธรรมดาในการการปฏิบัติการบินของอากาศยานได้อย่างปลอดภัยและราบรื่น เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/csr-sustainability/mercedes-benz-urban-mining" alt="เมอร์เซเดส-เบนซ์ ลุยโปรเจกต์ ‘Urban Mining’ นำชิ้นส่วนรถเดิมมารีไซเคิล ผลิตรถใหม่">เมอร์เซเดส-เบนซ์ ลุยโปรเจกต์ ‘Urban Mining’ นำชิ้นส่วนรถเดิมมารีไซเคิล ผลิตรถใหม่</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

OR จับมือ ไทยเวียตเจ็ท ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง SAF ในเที่ยวบินปฐมฤกษ์ เริ่ม ก.ค.นี้

ไทยเวียตเจ็ท เผยผลงานไตรมาส 2/66 พุ่ง 103.63% สยายปีกมุ่งหน้าสู่ครึ่งหลังของปีอย่างมั่นคง 

&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Robinhood (โรบินฮู้ด) แอปเพื่อคนตัวเล็กที่ยั่งยืน จับมือ สายการบินไทยเวียตเจ็ท (Thai Vietjet) สายการบินสัญชาติไทยที่มีเครือข่ายเส้นทางบินครอบคลุมทั้งภายในประเทศและภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เพิ่มช่องทางการให้บริการจองตั๋วเครื่องบินไทยเวียตเจ็ทบนแอปฯ Robinhood พร้อมส่งแคมเปญพิเศษ “Robinhood Travel x Thai Vietjet” มอบความสดชื่นในทุกเส้นทางสำหรับลูกค้า Robinhood 3,000 ท่านแรก เพียงจองตั๋วเครื่องบินไทยเวียตเจ็ทผ่าน Robinhood Travel ตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม 2566 เป็นต้นไป รับฟรี เครื่องดื่มหลากหลายเมนูยอดฮิตจาก Sky Café บนเที่ยวบินของไทยเวียตเจ็ท อาทิ ลาเต้, โกโก้, ชานม-บราวน์ชูการ์, ชาไทย-บราวน์ชูการ์, ชาเขียว-บราวน์ชูการ์ และอื่นๆ อีกมากมาย เพียงแสดงคูปองอิเล็กทรอนิกส์ (E-Voucher) ต่อพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเพื่อรับเครื่องดื่มสุดฟินตลอดการเดินทางได้ง่ายๆ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Robinhood หวังเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือครั้งนี้ จะมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในภาพรวมที่มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องจากแรงส่งของภาคการท่องเที่ยว พร้อมเดินหน้าพัฒนาบริการใหม่ๆ และประสบการณ์สุดพิเศษอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อตอบโจทย์ชีวิตประจำวันของผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์ม Robinhood กว่า 3.7 ล้านคน โดยมี ศรัณย์ ชินสุวพลา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด และปิ่นยศ พิบูลสงคราม ผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ สายการบินไทยเวียตเจ็ท ร่วมเปิดตัวแคมเปญ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ Robinhood Call Center โทร. 02 777 7564

Robinhood จับมือ Thai Vietjet เสิร์ฟความสดชื่นในทุกเส้นทาง ด้วยเครื่องดื่มฟรีเฉพาะลูกค้า Robinhood Travel

<h2>ไทยเวียตเจ็ท ขยายเที่ยวบินต่างประเทศ ประเดิมกัมพูชา เวียดนาม สิงคโปร์ ปลุกตลาดท่องเที่ยวและการเดินทาง หลังโอไมครอนกระทบน้อย หลายประเทศเริ่มเปิดเดินทาง หวังกระตุ้นบรรยากาศการเดินทาง หนุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย เร่งฟื้นเศรษฐกิจประเทศ ชงการบินพลเรือนเก็บค่าธรรมเนียมน้ำมันรับมือสงครามรัสเซีย-ยูเครนยืดเยื้อ</h2>
<img class="alignnone size-full wp-image-60053" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/03/วรเนติ-หล้าพระบาง_0301.jpg" alt="" width="650" height="433" />

วรเนติ หล้าพระบาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยเวียตเจ็ท เปิดเผยว่า สายการบินเวียตเจ็ทเปิดการเดินทางในเส้นทางต่างประเทศอีกครั้ง เริ่มที่พนมเปญ เวียดนาม และสิงคโปร์ หลังจากสถานการณ์การระบาดของโควิดสายพันธุ์โอไมครอนส่งผลกระทบไม่มากนัก แม้อัตราการติดเชื้อจะสูง ทำให้หลายประเทศเริ่มเปิดการเดินทาง และผ่อนคลายกฎการเดินทางโดยไม่ต้องกักตัว ถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อธุรกิจท่องเที่ยวทั่วโลก

“ปัจจุบันหลายประเทศเริ่มเปิดการเดินทางท่องเที่ยว และวางยุทธศาสตร์ในการชิงนักท่องเที่ยว อย่างสิงคโปร์ เวียดนาม ประกาศผ่อนคลายกฎการเดินทางเข้าประเทศ แม้แต่ไต้หวัน ประกาศลดวันกักตัว รวมถึงเกาหลี ญี่ปุ่น คาดว่าไม่กี่เดือนข้างหน้า จะเห็นการผ่อนคลายกฎ ระเบียบในการเดินทาง เหลือแต่ไทยที่ยังต้องมีการกักตัว” วรเนติกล่าว

ทั้งนี้ ไทยเวียตเจ็ทจะเพิ่มเครื่องบินอีก 4–8 ลำเพื่อรองรับการให้บริการเที่ยวบินต่างประเทศ ซึ่งนอกจากจะเปิดให้บริการเที่ยวบินพนมเปญ เวียดนาม สิงคโปร์ ในเดือนมีนาคมถึงเมษายนนี้ มีแผนจะเปิดให้บริการเที่ยวบินเมืองฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น คาดว่าจะเป็นเดือนกรกฎาคมรวมทั้งมีแผนขยายเที่ยวบินในอาเซียน เอเชียเหนือ จีน เกาหลี ญี่ปุ่น และอินเดีย เป็นต้น
<h3>ไทยเวียตเจ็ทชูยุทธศาสตร์เชิงรุก</h3>
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยเวียตเจ็ท เปิดเผยว่า ไทยเวียตเจ็ท ถือเป็นสายการบินเพียงไม่กี่แห่งในโลกนี้ที่ขยายฝูงบินในช่วงสถานการณ์โควิด ซึ่งเป็นไปตามยุทธศาสตร์เชิงรุกอย่างระมัดระวัง โดยเพิ่มเครื่องบินจาก 11 ลำ เป็น 16 ลำ ซึ่งช่วงก่อนโควิด ไทยเวียตเจ็ทให้บริการชาร์เตอร์ไฟลท์จากจีนเป็นหลัก ช่วงโควิดเปิดให้บริการสายการบินในประเทศรวม 10 เส้นทาง ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี จากเป็นผู้ให้บริการอันดับ 5–6 ขึ้นมาเป็นอันดับ 2 และบางเส้นทางขึ้นเป็นผู้นำตลาดอันดับ 1

สำหรับสายการบินไทยเวียตเจ็ท เป็นธุรกิจสายการบินของไทย ที่ซื้อแฟรนไชส์จากเวียตเจ็ท ประเทศเวียดนาม เพื่อดำเนินธุรกิจนำนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศไทย เริ่มดำเนินธุรกิจโดยการให้บริการชาร์เตอร์ไฟลท์นำนักท่องเที่ยวจีนมาประเทศไทย แต่หลังจากเกิดการระบาดของโควิด-19 ได้ปรับมาให้บริการเที่ยวบินภายในประเทศ ทำให้สามารถขยายส่วนแบ่งตลาดได้เพิ่มขึ้น พร้อมเพิ่มเครื่องบินและพนักงานอีกร้อยละ 35 เพื่อรองรับการให้บริการที่เพิ่มขึ้น ปัจจุบันมีพนักงานราว 900 คน

“ขณะที่สายการบินอื่น เขาเน้นการชะลอธุรกิจ เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่ปกติ แต่กลยุทธ์ของเราเน้นการขยายอย่างระมัดระวัง เพราะทั้งการระบาดของโควิด และราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ยังเป็นปัจจัยที่มากระทบ ดังนั้นในแง่ผลกำไร ยังไม่ดีนัก แต่เราเน้นการเติบโตเป็นหลัก ขยายส่วนแบ่งการตลาด การสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง ซึ่งในส่วนของรายได้สำหรับปีนี้คาดว่าจะเติบโตไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว” วรเนติกล่าว

นอกจากนี้ จากการที่ไทยเวียตเจ็ทเป็นสายการบินขนาดเล็ก การได้รับผลกระทบน้อยกว่าสายการบินขนาดใหญ่ ขณะที่มีโอกาสในการเติบโตสูง จากช่วงก่อนโควิดมีผู้โดยสารประมาณ 3 ล้านคน ปัจจุบันมีผู้โดยสารประมาณ 5 ล้านคน ซึ่งเป็นฐานลูกค้าที่ดีที่จะขยายเที่ยวบินไปต่างประเทศ ซึ่งปีที่ผ่านมาสัดส่วนเที่ยวบินต่างประเทศอยู่ที่ร้อยละ 5 ปีนี้คาดว่าจะเพิ่มสัดส่วนเป็นร้อยละ 30 ของจำนวนผู้โดยสารทั้งหมด และภายใน 5 ปี คาดว่าจำนวนผู้โดยสารเที่ยวบินต่างประเทศจะเพิ่มเป็นร้อยละ 70 และจะทำให้บริษัทมีอัตราการเติบโตร้อยละ 20-30 ต่อปี
<h3>หนุนปลดล็อกสงกรานต์ฟื้นท่องเที่ยว</h3>
วรเนติ กล่าวว่า หากนักท่องเที่ยวจีนสามารถเดินทางได้ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ ธุรกิจท่องเที่ยวไทยจะกลับมาฟื้นตัว และยิ่งในช่วงสงกรานต์ปีนี้ภาครัฐให้จัดงานได้แบบมีมาตรการควบคุม เชื่อว่าจะเป็นสัญญาณที่ดีต่อธุรกิจท่องเทียวในประเทศ ซึ่งไทยเวียตเจ็ทพร้อมจะสนับสนุนมาตรการของภาครัฐในการฟื้นฟูธุรกิจท่องเที่ยวให้กลับมา โดยมีการลงนามบันทึกความร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในการโปรโมตท่องเที่ยวในประเทศกัมพูชา เวียดนาม

“ธุรกิจสายการบิน เป็นธุรกิจต้นน้ำ หากสายการบินเดินหน้าได้ จะมีธุรกิจปลายน้ำรออยู่ เช่น โรงแรม ท่องเที่ยว ร้านอาหาร เราหวังว่าการขยายสายการบินในต่างประเทศ จะสามารถนำพานักท่องเที่ยวเข้ามาเพื่อกระตุ้นให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวฟื้นตัว และทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้เร็วขึ้น” วรเนติกล่าว

สำหรับปัจจัยเสี่ยงเรื่องสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนในขณะนี้ ส่งผลกระทบต่อต้นทุนเชื้อเพลิง ซึ่งทางสมาคมสายการบินได้ยื่นเรื่องต่อกรมการบินพลเรือนให้แยกการคิดค่าธรรมเนียมน้ำมันอ

อกจากราคาตั๋ว เพื่อแสดงให้ผู้บริโภคเห็นชัดเจนถึงต้นทุนที่เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับภาษีสนามบิน แต่ทั้งนี้กรมการบินพลเรือนยังไม่อนุมัติ ทั้งนี้ต้องจับตาดูต่อไปว่าสถานการณ์สงครามที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมากน้อยเพียงใด

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/money-adwise-%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2.html">“Money Adwise” มองโอกาสสร้างแผนการเงินการลงทุน</a>

<hr />
<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events