“เฮลท์ลีด” เร่งเครื่องธุรกิจต้นน้ำ จับมือพันธมิตร เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ "สเปรย์พ่นจมูก เบซูโตะ เคลียร์" ผ่านการทดสอบยับยั้งเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ อาร์เอสวี รวมถึงไวรัสก่อโรคโควิด-19 ได้มากกว่า 99.9% ผลิตจากสารสกัดธรรมชาติ สร้างมูลค่าเพิ่มจากวัสดุเหลือใช้ คาดยอดขายปีแรก 100 ล้าน เอ็มโอยูรัสเซีย – จีน รุกตลาดต่างประเทศ
ภก.ธัชพล ชลวัฒนสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฮลท์ลีด จำกัด (มหาชน) HL ธุรกิจค้าปลีกร้านขายยา ในรูปแบบ Chain Drug Store ภายใต้แบรนด์ร้านขายยา iCare, Pharmax, vitaminclub และ Super Drug เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ "สเปรย์พ่นจมูก เบซูโตะ เคลียร์" Besuto QLEARS NASAL SPRAY โดยเป็นนวัตกรรมจากคณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมมือกับศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) บริษัท ควอนตัม ไบโอเทค จำกัด ในการศึกษากระบวนการไบโอไฟเนอรีของเปลือกมะนาว ซึ่งเป็นวัสดุเหลือใช้จากการทำอาหาร มาผลิตให้ได้สารลิโมนีนคุณภาพสูง มาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ สเปรย์พ่นจมูก เบซูโตะ เคลียร์ ซึ่งเป็นธุรกิจต้นน้ำที่สร้างมูลค่าเพิ่มสูง
ปัจจุบัน ประเทศไทยชูยุทธศาสตร์ในการพัฒนาเศรษฐกิจ BCG มาเป็นฐานในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ โดยมีมูลค่ารวมกว่า 3.4 ล้านล้านบาท ผลิตภัณฑ์สเปรย์พ่นจมูก เบซูโตะ เคลียร์ เรียกว่าเป็นกระบวนการไบโอไฟเนอรี ที่ดึงมูลค่าจากวัสดุเหลือใช้จากการเกษตร อาหาร ภายใต้กระบวนการสกัดเพื่อให้ได้สารที่มีมูลค่าสูง ซึ่งการผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ ถือว่าสร้างมูลค่าได้สูงสุดในห่วงโซ่ของการผลิต
เอ็มโอยูรัสเซีย-จีนรุกตลาดส่งออก
ภก.ธัชพล กล่าวว่า เชื่อมั่นว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบโจทย์ได้ดีในสถานการณ์ปัจจุบันที่ยังมีการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 อยู่ และประชาชนหันมาดูแลสุขภาพกันมากยิ่งขึ้น โดย สเปรย์พ่นจมูก เบซูโตะเคลียร์ เป็นสารสกัดจากธรรมชาติ 100% สามารถใช้อย่างต่อเนื่องได้ทุกวันอย่างปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียง
นอกจากนี้ บริษัทได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) กับ Ketonic Pharm LLC. (RUSSIA) ซึ่งเป็นร้านขายยาที่มีกว่า 2,500 สาขา ในประเทศรัสเซีย และ TECHLINK WORLD (BEIJING) Co., Ltd. โดยอยู่ระหว่างการขอขึ้นทะเบียนกับคณะกรรมการอาหารและยาของแต่ละประเทศ โดยผลิตภัณฑ์ชนิดนี้จัดอยู่ในประเภทเครื่องมือแพทย์ ที่มีจดสิทธิบัตรเรียบร้อยแล้ว
ภก.ธัชพล กล่าวว่า มีแผนจะขยายผลิตภัณฑ์จากงานวิจัยดังกล่าวนี้ไปสู่กลุ่มยาและเวชภัณฑ์ต่อไป เพราะถือเป็นธุรกิจต้นน้ำที่สร้างมูลค่าเพิ่มสูง โดยบริษัทจะมุ่งขยายธุรกิจด้านนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มสัดส่วนธุรกิจต้นน้ำ ซึ่งปัจจุบันยังมีส่วนน้อยเมื่อเทียบกับธุรกิจร้านขายยา สำหรับปีนี้ บริษัทคาดว่าจะมีรายได้รวมจะเติบโตมากกว่าร้อยละ 20 จากปีก่อนที่มีรายได้ 1,216 ล้านบาท ตามเป้าหมายที่วางไว้ หรือมีรายได้ประมาณ 1,400 ล้านบาท
สำหรับรายได้ในช่วง 6 เดือนแรกของเฮลท์ลีด ในปีนี้อยู่ที่ 740 ล้านบาท คิดเป็นเติบโตร้อยละ 33 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 มีแนวโน้มดีต่อเนื่อง โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทฯมีแผนเปิดสาขาใหม่อีก 2 สาขาในพื้นที่เขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งจะส่งผลให้ปีนี้บริษัทฯ มีร้านขายยารวมทั้งสิ้น 36 สาขา จากปัจจุบันมีอยู่ 34 สาขา
อ่านเพิ่มเติม: นดล ไชยเจริญ แห่งธีร กรุ๊ป มุ่งยกระดับอุตสาหกรรมกัญชาไทยสู่สากล
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine