วสกร โมรากุล ปั้นสูตรต่างเสิร์ฟเมนู PETPAL

วสกร โมรากุล ปั้นสูตรต่างเสิร์ฟเมนู PETPAL

กว่าทศวรรษของแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงสัญชาติไทยที่สามารถขยายธุรกิจในต่างแดน ด้วยความมุ่งมั่นค้นหาตลาดใหม่ที่มีโอกาสก้าวขึ้นเป็นหัวแถวสร้างความแตกต่างตอบโจทย์ทุกมิติ พร้อมพัฒนาสูตรเติมเต็มดีมานด์หลากหลาย และขยายกำลังการผลิตรับเทรนด์ Pet Humanization


    กระแสการดูแลสัตว์เลี้ยงเสมือนสมาชิกในครอบครัวสร้างความเชื่อมั่นให้พี่น้องครอบครัวโมรากุลตัดสินใจวางเดิมพันเงินลงทุนในธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง Human Grade Concept ด้วยการยกระดับคุณภาพสารอาหาร โภชนาการ และคุณประโยชน์เทียบเท่าอาหารมนุษย์ โดยเฉพาะการผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยงชนิดแห้ง (Dry) ซึ่งได้รับการคาดการณ์อัตราการเติบโตสูงกว่าอาหารสัตว์เลี้ยงชนิดเปียกในช่วงปี 2567 ถึง 2572 (ข้อมูลของ Euromonitor) เนื่องจากตอบโจทย์ความสะดวกในการเก็บรักษาที่ยาวนาน และความคุ้มค่าแง่ต้นทุนเปรียบเทียบกับอาหารเปียก

    “หลังจบปริญญาตรีแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและทำงานเป็นแพทย์ใช้ทุนที่จังหวัดศรีสะเกษและสุพรรณบุรีประมาณ 1 ปี คุณแม่ไม่สบาย เราทำเรื่องใช้เงินทุนและกลับมาดูแลคุณแม่ในช่วงที่น้องชายเรียนจบเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เราจึงเริ่มมองหาธุรกิจที่มีโอกาสอย่างเทรนด์สัตว์เลี้ยง ซึ่งยุคนั้นคู่แข่งไม่มากและแบรนด์ใหญ่ยังไม่ค่อยเจาะตลาด niche รวมถึงโภชนาการที่สามารถพัฒนาสูตรใช้สารอาหารเดียวกับคนได้ โดยเรายังเติมลูกเล่นสร้างความแตกต่างจากแบรนด์ทั่วไปให้เราแข่งขันได้”

    วสกร โมรากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท เพ็ทพัล โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PETPAL กล่าวถึงการเบนเข็มเส้นทางจากแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป (General Practitioner หรือ GP) สู่เจ้าของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงร่วมกับน้องชายคือ วัฒนา โมรากุล ซึ่งสำเร็จการศึกษาเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนั่งเก้าอี้ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีการเงิน (CFO) โดยยังมี ณิชชา พลสุวัตถิ์ ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้อง ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฎิบัติการ (COO) ด้วยความมั่นใจในแนวโน้มความนิยมเลี้ยงสัตว์ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะประเทศไทยที่คาดการณ์อัตราเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ปี 2568 ถึง 2572 สูงกว่าสหรัฐอเมริกา จีน ทวีปยุโรป ทวีปเอเชีย

วสกร โมรากุล และ วัฒนา โมรากุล


    “เราจับมือทำงานกันแบบทุ่มสุดตัวจากเงินขายของออนไลน์และเงินเก็บของพี่ชายที่เป็นหมอ ซึ่งช่วงแรกทีมงานหลักเรามีประมาณ 20 คนและค่อยๆ ขยายหน้าบ้านหลังบ้านทำงานคู่กัน โดยพี่ชายดูแลการบริหารจัดการหน้าบ้าน operation ต่างๆ ส่วนผมดูเรื่องการเงิน การจัดการสภาพคล่อง ซึ่งการทำงานเราปรึกษากันตลอดตั้งแต่การพิมพ์แบรนด์ลงบนถุงที่เป็นการลงทุนจำนวนมาก ถ้าพลาดจะทำอย่างไรต่อ หรือการเปิดตลาดต่างประเทศ เราช่วยกันคิดและตัดสินใจให้ความเห็นตรงกัน” วัฒนาเล่าถึงการเริ่มต้นธุรกิจจากการว่าจ้างโรงงานผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงภายนอกแบรนด์ Boom เปิดตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะภูมิภาคตะวันออกกลางในปี 2556

    ขณะที่พัฒนาการทางธุรกิจสำคัญเริ่มต้นหลังจากบริษัทเริ่มต้นลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตของตัวเองแห่งแรกในอำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี ซึ่งมีกำลังการผลิต 12,000 ตันต่อปี เพื่อควบคุมคุณภาพการผลิตและรองรับการเติบโตทางธุรกิจในระยะยาว ทั้งผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงชนิดแห้งแบบเม็ดสำหรับแมวและสุนัขภายใต้แบรนด์ของบริษัท และผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของลูกค้า (Original Design Manufacturer หรือ ODM) โดยสามารถเพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องเป็น 36,000 ตันต่อปีในปัจจุบัน รวมถึงขยายธุรกิจครอบคลุมในประเทศและต่างประเทศกว่า 20 ประเทศทั่วโลก เช่น มาเลเซีย บรูไน ฟิลิปปินส์ เมียนมา อินเดีย เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย ไนจีเรีย เป็นต้น

    “เรามองว่าเราไม่ถนัดตลาดในไทยที่เน้นการวิ่งเข้าหาร้านค้า ขณะที่ตลาดต่างประเทศสมัยนั้นมี marketplace ประเทศต่างๆเป็นช่องทางให้เราได้โพสต์แนะนำสินค้า โดยตลาดแรกที่เราได้เป็นตลาดตะวันออกกลาง ซึ่งมีผู้เล่นน้อย เพราะเข้าใจว่าเขามีแต่แมว ส่วนใหญ่จึงส่งแต่อาหารแมว ทำให้เราเติบโตได้รวดเร็วจากการส่งอาหารสุนัขและใช้แพคเกจสีเขียวสร้างความแตกต่าง โดยเรายังเปลี่ยนจากจ้างผลิตเป็นลงทุนเครื่องจักรและปรับปรุงโรงงานผลิตสินค้าส่งออกประเทศอื่นๆ ซึ่งเราเน้นการพัฒนาสูตรของตัวเอง และสร้างความเข้าใจให้ลูกค้าเห็นความแตกต่าง พร้อมเก็บความต้องการลูกค้านำมาคิดค้นสูตรที่ตอบโจทย์ โดยแต่ละสูตรไม่สามารถตอบโจทย์ได้ทุกคน requirement ของแต่ละประเทศต่างกัน เราจึงแยกแบรนด์ต่างๆให้ชัดเจน”



    สำหรับผลิตภัณฑ์ของบริษัทในปัจจุบันแบ่งเป็นอาหารสัตว์เลี้ยงชนิดแห้งแบบเม็ดสำหรับแมวและสุนัขภายใต้แบรนด์ของตนเอง ซึ่งมีความหลากหลายครอบคลุมกลุ่มตลาดในทุกระดับ ประกอบด้วย กลุ่มผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมี่ยม (Premium Grade) สำหรับลูกค้าที่ให้ความสำคัญกับอาหารสัตว์เลี้ยงมีที่ผลิตจากวัตถุดิบคุณภาพและมีคุณค่าทางโภชนาการที่สูง ได้แก่ อาหารแมวและสุนัขแบรนด์ Boom Gold และอาหารแมวแบรนด์ Animeals

    ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์ระดับมาตรฐาน (Standard Grade) สำหรับลูกค้าที่ต้องการอาหารสัตว์เลี้ยงคุณภาพในราคาย่อมเยาว์ ได้แก่ อาหารแมวและสุนัขแบรนด์ Boom อาหารสุนัขแบรนด์ MYPETS รวมถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์ระดับประหยัด (Economy Grade) ซึ่งตอบสนองความต้องการตลาดที่มีการแข่งขันด้านราคาสูง โดยยังคงคุณค่าทางโภชนาการขั้นพื้นฐานสำหรับสัตว์เลี้ยง ได้แก่ อาหารแมวและสุนัขแบรนด์ Smillie

    “เมื่อก่อนอาหารสุนัขของเรามียอดขาย 70% แมว 30% แต่ปัจจุบันแมวเพิ่มขึ้นเป็น 70% โดยเฉพาะหลังโควิด -19 คนเลี้ยงแมวมากขึ้น ซึ่งอนาคตเรายังมองสัดส่วนประมาณนี้ ประกอบกับลูกค้าของเราหลายประเทศเลี้ยงแมวเป็นหลัก ทำให้อาหารแมวยิ่งเติบโตกว่า โดยสินค้าหลักของเราแบ่งเป็น Economy Grade, Standard Grade และ Premium Grade ซึ่งรายได้หลักของเรามาจากกลุ่ม Standard โดยเฉพาะแบรนด์ Boom ขายดีทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเราต้องการผลักดันทุกแบรนด์ในชื่อและแพคเกจเดียวกันทุกประเทศ เพราะแต่ละแบรนด์มีลูกค้าต่างกัน”

    นอกจากนั้น บริษัทยังให้บริการรับจ้างผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงภายใต้เครื่องหมายการค้าของลูกค้าครบวงจร (One stop Service) ตั้งแต่การร่วมคิดค้นและพัฒนาสูตรอาหารจนถึงการจัดการการขนส่งสินค้าให้แก่ลูกค้า ด้วยทีมงานวิจัยและพัฒนาที่มีความเชี่ยวชาญด้านโภชนาการสัตว์เลี้ยงให้คำปรึกษาและร่วมพัฒนาสูตรอาหารเฉพาะสำหรับกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกใช้วัตถุดิบได้หลากหลาย รวมถึงระดับของสินค้าครอบคลุมระดับมาตรฐานถึงระดับพรีเมียม เพื่อให้เหมาะกับแผนการตลาดและระดับราคาของแต่ละแบรนด์


    ขณะที่บริษัทสามารถผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงตามสูตรที่กำหนดไว้ ด้วยกระบวนการผลิตที่ได้รับรองมาตรฐานระดับสากล ทั้งด้านความปลอดภัย คุณภาพ และประสิทธิภาพของการผลิต ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมวัตถุดิบ การผสมสูตร การขึ้น รูปเม็ดอาหาร การอบแห้งและบรรจุผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ได้อาหารสัตว์ที่มีคุณภาพสม่ำเสมอ พร้อมทั้งบริการขึ้นทะเบียนอาหารสัตว์เลี้ยงให้แก่ลูกค้าในประเทศ และบริการให้ความช่วยเหลือในการจัดเตรียม เอกสารเพื่อขึ้นทะเบียนอาหารสัตว์เลี้ยงสำหรับลูกค้าต่างประเทศ

    “เราให้บริการ ODM ครบวงจรตั้งแต่เริ่มต้นให้คำปรึกษาเกี่ยวกับสูตร ออกแบบแพคเกจ ดีไซน์แต่ละแบบให้ตอบโจทย์ การโปรดักชั่น transportation เราส่งได้หมดทุกรูปแบบ เรื่องการจัดเตรียมเอกสาร ร่างข้อมูลต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การขึ้นทะเบียนอาหารสัตว์เลี้ยงกับกรมปศุสัตว์ หรือการขึ้นทะเบียนอาหารสัตว์ในต่างประเทศ เรามีทีมต่างประเทศดำเนินการให้หมดทุกอย่างสำหรับเจ้าของกิจการใหม่สามารถเริ่มต้นธุรกิจได้อย่างราบรื่น”


เดินเครื่องเสริมแกร่งแบรนด์

    แม้ในปัจจุบันบริษัทจะสามารถสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แต่วสกรยังเล็งเห็นโอกาสขยายธุรกิจตอบสนองความต้องการที่หลากหลายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้วยมูลค่าตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงทั่วโลกที่สูงเกือบ 1.3 แสนล้านเหรียญในปี 2567 และ Fortune Business Insights ยังคาดการณ์การเติบโตถึง 1.9 แสนล้านเหรียญภายในปี 2575 โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ประมาณ 5.52% ต่อปี

    “สัดส่วนรายได้จากสินค้าแบรนด์ของเราอยู่ที่ประมาณ 24% ส่วนที่เหลือเป็น ODM เราพยายามสร้างแบรนด์ของเราให้มีสัดส่วนเพิ่มเป็น 50% ซึ่งแผนระยะแรกเราต้องทำให้แบรนด์ติดตลาดในประเทศก่อนจึงกระจายไปต่างประเทศ โดย Boom และ Smillie ในปัจจุบันติดตลาดระดับหนึ่ง ยอดขายเข้ามาเรื่อยๆ ทำให้เราสนใจปั้นแบรนด์ Animeals มากกว่า เพราะเทรนด์เริ่มเปลี่ยนไปด้าน Functional มากขึ้น โดย Animeals ออกแบบให้ตอบโจทย์ตรงนั้น”

    วสกรกล่าวถึงกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจสร้างความแตกต่างในตลาดที่มีการแข่งขันสูง ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มากกว่าคุณภาพ แต่ยังต้องสามารถตอบสนองความต้องการเฉพาะทางและคุณสมบัติพิเศษที่สอดคล้องกับการใช้ชีวิตของสัตว์เลี้ยงยุคปัจจุบัน โดยบริษัทร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านสัตวแพทย์และโภชนาการสัตว์พัฒนาอาหารสัตว์เลี้ยงสูตร Functional เพื่อสุนัขและแมวที่แพ้ง่าย และช่วยป้องกันโรค เช่น อาหารสัตว์ป้องกันโรคไต อาหารสัตว์ป้องกันภาวะน้ำหนักเกิน

    ขณะเดียวกันยังเดินหน้าขยายตลาดสู่โอกาสใหม่ในช่องทางที่มีศักยภาพในการเติบโต โดยเน้นประเทศที่ยังไม่มีผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงในประเทศหรือมีจำนวนน้อย รวมถึงทำการตลาดประเทศที่มีความต้องการเฉพาะ เช่น การขายสินค้าที่ได้รับมาตรฐาน HALAL ให้ลูกค้าในประเทศตะวันออกกลาง พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการขยายตลาดในประเทศและสร้างการรับรู้แบรนด์ทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง


    นอกจากนั้น บริษัทยังกำหนดกลยุทธ์ยกระดับผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงสู่แบรนด์สินค้าระดับสากล โดยให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาสินค้าอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการรับรองมาตรฐานคุณภาพในประเทศและต่างประเทศ พร้อมกลยุทธ์สร้างความร่วมมือในรูปแบบพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ (Strategic Partner) สร้างการเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน และกลยุทธ์ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ครอบคลุมออฟไลน์และออนไลน์ เช่น การขยายตลาดออนไลน์ด้วย Affiliate การสร้าง brand awareness ผ่าน influence, KOC, KOL เป็นต้น

    “ที่ผ่านมาเราขยายกำลังการผลิตตามเงินทุนที่เรามี ทำให้กำลังการผลิตเรา 3-4 เดือนเต็มตลอดและเสียโอกาสจากการซัพพลายลูกค้าช้า ขณะที่ตลาดเติบโตสูง การเติบโตของเราต้องก้าวกระโดดและสร้างทุกอย่างให้มาตรฐานสูงขึ้น ซึ่งหลักๆการระดมทุนของเราจะนำไปใช้เพิ่มกำลังการผลิตอีก 12,000 ตันต่อปี และเราต้องการสร้างโรงงานใหม่ในพื้นที่ใกล้เคียงสระบุรีให้สามารถดูแลได้ทั้ง 2 โรงงาน รวมถึงการเพิ่มสินค้าใหม่ ใช้หมุนเวียนในกิจการ และชำระเงินกู้ โดยเทรนด์ Pet Humanization ช่วงนี้น่าจะเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าตลาด”

    วสกรกล่าวถึงแผนการนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ซึ่งช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้านเงินทุนการขยายกำลังการผลิตจาก 36,000 ตัน ซึ่งมีอัตราการใช้กำลังการผลิต (Utilization Rate) 70% ในปี 2567 เพิ่มเป็น 48.000 ตันต่อปีในปี 2570 โดยเฉพาะการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบแห้งในพื้นที่ใกล้เคียงกับโรงงานแห่งแรกที่จังหวัดสระบุรี การเพิ่มประสิทธิภาพสายการผลิต และแผนขยายโครงสร้างพื้นฐานสนับสนุนการผลิต ด้วยการลงทุนพัฒนาส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น การขยายพื้นที่จัดเก็บวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูป รวมถึงการเสริมระบบไฟฟ้าและสาธารณูปโภคที่จำเป็น เพื่อให้สามารถรองรับกระบวนการผลิตได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพในระยะยาว

    ขณะที่บริษัทยังมีแผนการลงทุนระบบการจัดการเพื่อยกระดับมาตรฐานการผลิตสู่ระดับสากล เช่น การพัฒนามาตรฐาน FSSC 22000 การพัฒนาห้องปฏิบัติการแลปจุลชีพและแลปเคมี การลงทุนขยายพื้นที่คลังสินค้าและการบริหารจัดการสินค้าคงคลัง เพื่อรองรับคำสั่งซื้อตามแผนการผลิตและกำลังการผลิตที่สูงขึ้น รวมถึงโครงการพัฒนาสินค้าสัตว์เลี้ยงแบบ Freeze Dried พร้อมเพิ่มมูลค่าแบรนด์และผลิตภัณฑ์ขยายฐานลูกค้ากลุ่มตลาดใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

    “นโยบายเราเน้นเฉพาะสิ่งที่เราถนัดและมั่นใจอย่างอาหารสุนัขและแมว ส่วนอนาคตเรามีแผนเพิ่มความหลากหลายสินค้า อย่างปัจจุบันเราเริ่มมีทรายแมว และกำลังจะมีกลุ่มอาหาร Freeze Dried และกลุ่ม Snack แต่ธุรกิจหลักยังเป็นตัวเดิม รวมถึงทีม R&D ยังพัฒนาอาหาร Functional เช่น สูตรแพ้ง่าย สูตร Renal Care ซึ่งอยู่ระหว่างการขึ้นทะเบียนและเตรียมจำหน่ายในอนาคต โดยเรายังให้ความสำคัญกับการพัฒนามาตรฐานการผลิตและการบริการให้ลูกค้าเชื่อมั่นในคุณภาพของเรา เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยเป้าหมายการเป็นแบรนด์ไทยที่มีตัวตนในระดับสากล ทั้งภาพความเป็นมาตรฐานของแบรนด์สินค้าและภาพลักษณ์บริษัทที่แข็งแรงน่าเชื่อถือ”

    วสกรย้ำความมั่นใจในความได้เปรียบในการแข่งขันด้านคุณภาพของผลิตภัณฑ์จากกระบวนการผลิตที่ได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากลและการให้บริการครบวงจรสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการขนาดเล็กถึงขนาดกลาง และผู้ประกอบการรายใหม่ ด้วยความเชี่ยวชาญของทีมวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์และผู้บริหารที่มีประสบการณ์ยาวนานในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยง รวมถึงกลุ่มลูกค้าของบริษัทที่กระจายหลายประเทศและการทำการตลาดที่หลากหลาย ทำให้บริษัทมีข้อมูลเชิงลึกทั้งผู้ประกอบการจาก ODM และลูกค้าแบรนด์ของบริษัท ซึ่งสามารถนำมาพัฒนาปรับปรุงวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับแนวโน้มตลาดที่เปลี่ยนแปลงได้

    “ตลาดที่เติบโตต้องมีผู้เล่นใหม่เข้ามาตลอด ซึ่งเรามั่นใจในจุดแข็งแต่ละแบรนด์ของเรามีสูตรที่เฉพาะเจาะจงกับกลุ่มลูกค้านั้นๆ เพราะเราออกแบบตั้งแต่แรกให้โฟกัสกลุ่มลูกค้าต่างกัน และการขาย ODM ยังทำให้เรามีลูกค้าหลากหลายสามารถนำข้อมูลเชิงลึกไปพัฒนาปรับปรุงสูตรให้ตอบโจทย์ได้ โดยเรามองคีย์สำคัญในการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องเกิดจากการเติบโตของตลาดในช่วงที่ผ่านมาและความเข้าใจลูกค้าของเรา ทั้งการเก็บข้อมูลและวิธีการขายที่ทำความเข้าใจกับสิ่งที่ลูกค้าต้องการ รวมถึงการหาตลาดใหม่ๆ และเข้าไปยึดหัวหาดได้ก่อนคนอื่น สุดท้ายเรื่องการรักษาคุณภาพในระยะยาว เพราะธุรกิจนี้ยากตรงที่คนซื้อไม่ได้กิน เราต้องถูกใจทั้งคนซื้อและน้องๆ ถ้าเปลี่ยนนิดเดียว น้องไม่กิน แบรนด์จบทันที ซึ่งเรามั่นใจในการควบคุมคุณภาพของเราจากการส่งออกไปต่างประเทศ เราตรวจผ่านหมด ไม่เคยมีปัญหา” วสกรกล่าว


    ขณะเดียวกันสองพี่น้องยังให้ความสำคัญกับการสร้างองค์กรรุ่นใหม่ที่มุ่งเน้นการผสมผสานความหลากหลายและความเท่าเทียม โดยสนับสนุนการพัฒนาทักษะความรู้รอบด้านและเปิดโอกาสให้ทีมงานสามารถแสดงความคิดเห็น รวมถึงการลงมือปฏิบัติลองถูกลองผิดได้อย่างอิสระเพื่อส่งเสริมความรู้สึกมีส่วนร่วมสร้างการเติบโตพร้อมกับองค์กร

    วัฒนากล่าวปิดท้ายหลักการบริหาร “เราเน้นให้พนักงานรู้สึกมีความเป็น ownership เติบโตไปด้วยกัน ไม่ว่าเขาจะตำแหน่งไหน เขาเป็นฟันเฟืองที่สำคัญ ถ้ามีปัญหาสามารถพูดคุยช่วยกันแก้ไขได้ เราเป็นบริษัทสมัยใหม่ที่ไม่ได้วางทิศทางให้ทุกคนต้องเดินตาม แต่เราสนับสนุนให้ทุกคนแสดงไอเดียและรับฟัง ซึ่งเขาสามารถเห็นต่างได้ discussion กัน และเลือกอันไหนดีที่สุด พลาดได้ไม่มีปัญหา แต่ต้องเรียนรู้จากสิ่งที่ผิดพลาด โดยเราต้องให้ความจริงใจกับพนักงานก่อน ทำให้เขามองมุมเดียวกับเราและรู้สึกว่าทุกความสำเร็จของบริษัทมีเขาเป็นส่วนหนึ่งด้วย”



ภาพ: วรัชญ์ แพทยานันท์


เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : นิธิศ ชัยจรูญรัตน์ เจน 2 JRP กับโรดแมปธุรกิจโตยั่งยืน

อ่านเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนตุลาคม 2568 ในรูปแบบ e-magazine