เส้นทางธุรกิจท้องถิ่นเบเกอรี่ในตำนาน “เค้กฝอยทอง” ของศรีฟ้าโฟรเซนฟู้ด 38 ปี โดยนักต่อสู้ผู้บุกเบิกธุรกิจที่เริ่มต้นจากศูนย์และยึดมั่นธรรมาภิบาลเข้าตายักษ์ใหญ่ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เคาะประตูพร้อมโอกาสธุรกิจครั้งใหญ่ จับมือร่วมทุนตั้ง บริษัท อาร์ต ออฟ เบคกิ้ง จำกัด โรงงานผลิตเบเกอรี่มาตรฐานโลก
“เขาเลือกเราเพราะ integrity ความซื่อสัตย์ และ passion ความมุ่งมั่นที่เรามีตลอด 38 ปีที่ผ่านมา และในวันนี้ Europastry จากสเปนยักษ์เบเกอรี่ผู้เคร่งครัดกับจรรยาบรรณธุรกิจและการเงินที่โปร่งใสร่วมทุน MINOR ก่อตั้ง Art of Baking (AOB) ปักหมุดไทยขยายตลาดในภูมิภาคอาเซียน”
วิเชียร เจนตระกูลโรจน์ ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีฟ้าโฟรเซนฟู้ด จำกัด เริ่มต้นเรื่องราวกับ Forbes Thailand ถึงการร่วมทุนกับ Europastry ว่า ทาง Europastry มีแผนจะขยายธุรกิจเข้ามาในอาเซียน ได้เข้ามาคุยกับบริษัทเมื่อปี 2567 และส่งตัวแทนเข้ามาดูทั้ง KPMG และ Deloitte มาสำรวจบริษัทเบเกอรี่หลายแห่งในประเทศไทยว่ามีใครน่าสนใจบ้างจนมาตกลงที่ บริษัท อาร์ต ออฟ เบคกิ้ง จำกัด ที่เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างศรีฟ้าฯ กับไมเนอร์ฯ เพราะเห็นว่ามีทั้งเทคโนโลยีการผลิตเบเกอรี่และมีโครงสร้างธุรกิจที่มีธรรมาภิบาล มีมาตรฐานสากล ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้มั่นใจ
หลังจากที่ผู้บริหาร Europastry มาคุยกับทางบริษัทวิเชียรเล่าว่า ตอนเจรจาการร่วมลงทุนก็คุยกันว่าจะเข้ามาลงทุนเพื่อที่จะทำอะไร ซึ่งทาง Europastry มีแผนที่จะขยายโรงงานในประเทศไทยบนพื้นที่โรงงานของ บริษัท อาร์ต ออฟ เบคกิ้ง จำกัด (AOB) ที่จังหวัดสมุทรสาคร ทีมงาน AOB เห็นว่าเป็นประโยชน์เพราะไม่ได้มาแค่เงินทุน แต่มาพร้อมกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมซึ่งจะทำให้พัฒนาได้มากขึ้นไปอีก ถือเป็นโอกาสที่จะได้เรียนรู้องค์ความรู้ใหม่ๆ จากผู้ผลิตเบเกอรี่ระดับอินเตอร์ และที่สำคัญได้ใช้โรงงานที่ไทยเป็นฐานการผลิตสำหรับขยายตลาดไปในภูมิภาคเอเชีย
“โรงงานในไทยจะเป็นโรงงานแรกของ Europastry ในเอเชีย และใช้เป็นฐานในการผลิตเบเกอรี่ในภูมิภาคนี้ โดยที่เขามองว่าตลาดเบเกอรี่มีอัตราการเติบโตสูง ถึงแม้คนเอเชียจะทานข้าว แต่ด้วยวิถีชีวิตในปัจจุบันการบริโภคขนมปังมีแนวโน้มที่สูงขึ้นจึงเป็นโอกาสในการขยายธุรกิจของเขาในภูมิภาคนี้”
จากรายงานของ Euromonitor, สมาคมผู้ประกอบการเบเกอรี่ไทย, ศูนย์วิจัยกสิกรไทย, NielsenIQ Thailand และ Mordor Intelligence ระบุว่า ภาพรวมตลาดเบเกอรี่ในประเทศไทยมีมูลค่าประมาณ 48,400 ล้านบาทในปี 2567 เติบโต 7% จากปี 2566 ขณะที่ Mordor Intelligence คาดการณ์ตลาดเบเกอรี่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าในปี 2568 จะมีมูลค่าตลาดเบเกอรี่ 177.16 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เติบโต 9% จากมูลค่าตลาดเบเกอรี่ที่ 161.73 ล้านเหรียญในปี 2567 และคาดว่าจะอยู่ที่ 268.98 ล้านเหรียญในปี 2573 โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 8% ต่อปี
จากเบเกอรี่ท้องถิ่นสู่โรงงานระดับอินเตอร์
วิเชียรย้อนกลับไปตอนที่เริ่มก่อตั้ง บริษัท ศรีฟ้าโฟรเซนฟู้ด จำกัด ในปี 2529 ว่า เขาเริ่มต้นการทำธุรกิจเบเกอรี่จากความหลงใหลและมุ่งมั่นที่ต้องการเป็นเจ้าของร้านเบเกอรี่ในจังหวัดบ้านเกิดที่กาญจนบุรี โดยเริ่มไปเรียนการทำเบเกอรี่ในปี 2525 ที่โรงเรียนสอนทำขนมอบสด UFM พอเรียนจบก็ไปสมัครงานในร้านเบเกอรี่ในกรุงเทพฯ จนปี 2529 ก็กลับมาเปิดร้านศรีฟ้าเบเกอรี่ที่ตลาดท่าเรือ อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี
“จากนั้นก็ขยายสาขาไปในทำเลอื่นๆ ในจังหวัดกาญจนบุรีแล้วขยายต่อไปที่จังหวัดราชบุรีและนครปฐม แล้วก็เปิดร้านขายของฝากศรีฟ้า จนกระทั่งในปี 2549 ผมเริ่มลงทุนสร้างโรงงานใหม่เพื่อขยายกำลังการผลิตเค้กแช่แข็ง เค้กสำเร็จรูป ผลิตขนมปัง ผลิตทองม้วน และกลุ่มขนมอบ โดยในส่วนของทองม้วนและขนมอบใช้แบรนด์สุธีราซึ่งเป็นแบรนด์ของเราเอง
“ตอนนั้นคือเราทำร้านขายของฝาก เราก็เลยคิดทำขนมไทยอบอย่างทองม้วน ตอนนั้นขนมทองม้วนก็เป็นขนมไทยบ้านๆ เราคิดว่าสามารถที่จะยกระดับขนมขึ้นมาได้ โดยตั้งเป็นโรงงานผลิตขนมทองม้วนขึ้นมา ตอนที่บอกใครๆ ว่าจะทำโรงงานผลิตขนมทองม้วน
คนก็จะบอกว่าบ้า ขนมทองม้วนใครๆ ก็ทำได้ ไม่ต้องมาซื้อของเรา แต่ผมคิดว่าไม่ ผมมองว่าขนมทองม้วนสามารถผลิตในเชิงอุตสาหกรรมและทำขายเป็นของฝากที่ขายได้ทั่วประเทศ ผมก็ตัดสินใจทำ ในที่สุดก็เป็นที่รู้จักมากขึ้น” วิเชียรย้อนไปถึงการเริ่มต้นทำธุรกิจจากเงินทุนหลักพันบาทจนกลายเป็นธุรกิจหลักร้อยล้านบาท
ปัจจุบันทองม้วนภายใต้แบรนด์ “สุธีรา” เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมสูงทั้งในและต่างประเทศ โดยเป็นผลิตภัณฑ์ของกลุ่มที่ส่งออกมากที่สุดประมาณ 90% มูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท โดยส่งไปที่เครือจักรภพแห่งอังกฤษ จีน ออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง และสหรัฐฯ เนื่องจากทองม้วนเป็นขนมไทยดั้งเดิมที่ได้รับการยอมรับจากต่างชาติในแบบของ Taste of Thailand หรือรสชาติของอาหารไทย
“จากการขยายงานอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งในปี 2559 ลูกชายผมน้องอาร์ต (พีรวัส เจนตระกูลโรจน์) ได้มีโอกาสพบกับคุณ Heinecke หลังจากที่เขาทานขนมของศรีฟ้าเบเกอรี่คุณ Heinecke ก็ถามว่า ขนมอร่อยทำไมไม่ขยายโรงงาน ลูกชายผมบอกว่า เราอยากสร้างแต่ไม่มีตังค์ มาหุ้นกันไหม”
จากจุดเริ่มต้นตอนนั้นก็มีทีมงานติดต่อมาแล้วก็เริ่มมีการพูดคุยกันว่าจะร่วมทุนกันอย่างไร โดยวิเชียรเล่าว่า สิ่งที่เขาคิดตอนนั้นคือ ทางไมเนอร์ฯ เป็นกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ถ้ามีโอกาสได้ร่วมทุนกันก็จะมีโอกาสในการพัฒนาศักยภาพของธุรกิจ จะได้เรียนรู้ว่าต้องทำอย่างไรให้ธุรกิจเติบโตได้ตามมาตรฐานสากล
หลังจากที่ลงนามสัญญาร่วมทุนปี 2560 วิเชียรเล่าว่า มีการสั่งเครื่องจักรจากยุโรป แต่กว่าที่เครื่องจักรจะส่งมาถึงคือปี 2562 เครื่องจักรมาถึงก็เจอกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 พอดี
“เครื่องจักรมาแต่ติดตั้งไม่ได้เพราะทีมติดตั้งเขาเดินทางมาไม่ได้ เราก็ต้องติดตั้งเองค่อยๆ เรียนรู้ พอติดตั้งเสร็จก็ทดสอบระบบ สรุปรวมเลยกลายเป็นว่าโควิดทำให้เราดี ไม่ต้องรีบผลิต ไม่เกิดความเสียหาย เพราะโรงงานยังไม่ต้องผลิต ยังไม่ต้องสั่งวัตถุดิบมาสต็อกไว้ พอสถานการณ์คลี่คลายโรงงานก็สามารถผลิตได้เต็มกำลังการผลิต มีต้นทุนที่ถูกลงเพราะเป็นสายการผลิตแบบอัตโนมัติ และที่สำคัญเราสามารถสั่งวัตถุดิบผ่านทาง MINOR พอคำสั่งซื้อเป็นลอตใหญ่ราคาก็ถูกลงไปอีกทำให้บริษัทมียอดขายและรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง”
โดยในปี 2567 บริษัท อาร์ต ออฟ เบคกิ้ง จำกัด มีรายได้รวม 658.40 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 104.55 ล้านบาท เติบโต 27% และ 79% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับรายได้รวม 517.78 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 58.29 ล้านบาทในปี 2566
พร้อมเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ
ปี 2569 หลังจากที่ร่วมทุนกับกลุ่มไมเนอร์ฯ วิเชียรเล่าว่า เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก เพราะนอกจากจะได้เทคโนโลยีในกระบวนการผลิตต่างๆ แล้ว ยังเรียนรู้เรื่องของการปรับปรุงโครงสร้างองค์กรให้มีความโปร่งใส โดยเฉพาะระบบบัญชีที่ใช้มาตรฐานเดียวกับกิจการที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีการปรับปรุงโครงสร้างธุรกิจให้มีระบบการตรวจสอบตามหลักธรรมาภิบาล และมีความพร้อมที่จะเข้าไปเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
“เราเตรียมความพร้อมที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ปี 2569 เพื่อนำเงินทุนมาใช้ในการขยายงานซึ่งเป็นแผนที่เราวางไว้ แต่ถ้าเราได้เงินทุนจากที่อื่นมาใช้สำหรับการลงทุนได้เราก็อาจไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ อย่างการร่วมทุนกับสเปนก็เป็นโอกาสที่ทำให้เราขยายงานได้ การเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็อาจจะไม่จำเป็น แต่ถ้าเรามีแผนที่จะขยายการลงทุนเพิ่มอีก เราก็อาจจะเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ อีก โดยเราทำตัวเราให้มีความพร้อม ทั้งเรื่องของการบริหารงาน ระบบบัญชี และระบบตรวจสอบต่างๆ”
นอกจากแผนการร่วมทุนกับกลุ่ม Europastry ในส่วนของ บริษัท อาร์ต ออฟ เบคกิ้ง จำกัด และแผนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ของ บริษัท ศรีฟ้าโฟรเซนฟู้ด จำกัด แล้ว กลุ่มศรีฟ้าฯ ยังมีแผนขยายธุรกิจแฟรนไชส์ของร้านศรีฟ้าเบเกอรี่ โดยในปีนี้มีแผนที่จะเปิดแฟรนไชส์ 40 สาขาทั่วประเทศ
“การที่ผมเปิดธุรกิจแฟรนไชส์ของร้านศรีฟ้าเบเกอรี่เพราะเราอยากให้โอกาสสร้างอาชีพกับผู้คน และธุรกิจนี้ก็มีอัตราการเติบโตสูง ผมเริ่มธุรกิจจากหลักพันบาทจนมาถึงวันนี้ผมว่าสิ่งสำคัญคือ การให้โอกาสกับคนที่จะสร้างอนาคตไปพร้อมกับศรีฟ้าเบเกอรี่”
ภาพ: วรัชญ์ แพทยานันท์ และศรีฟ้าโฟรเซนฟู้ด
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ธนดล พิทยานุวัฒน์ IdeasLabs ถอดรหัสสปีด MarTech