การพลิกโฉมกิจการเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญสู่ร้านสะดวกซักตอบโจทย์การใช้งานเชิงพาณิชย์ ด้วยความเชี่ยวชาญของผู้ร่วมก่อตั้งผนึกกำลังเดินหน้าขยายธุรกิจมากกว่า 500 สาขาในประเทศไทย พร้อมยกระดับมาตรฐานการให้บริการร้านสะอาดซักครบวงจรสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
การซักผ้าในร้านสะดวกซักที่สะดวก รวดเร็ว และช่วยประหยัดเวลาดูแลเสื้อผ้าในช่วงฤดูฝนสามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคให้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเข้าใช้บริการในร้านสะดวกซักมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ระบุถึงการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของอุตสาหกรรมร้านสะดวกซักในประเทศไทยช่วง 5 ปีที่ผ่านมาจากมูลค่าตลาด 3 พันล้านบาทในปี 2563 เป็น1 หมื่นล้านบาทในปี 2565 โดย Alliance Laundry Systems (ALS) ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องซักผ้าและอบผ้าระดับโลกได้คาดการณ์มูลค่าตลาดรวมธุรกิจร้านสะดวกซักในประเทศไทยสูง 1.35 หมื่นล้านบาทในปี 2567
นอกจากนั้น ความนิยมการใช้บริการร้านสะดวกซักและโอกาสการเติบโตทางธุรกิจยังมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญ ได้แก่ การขยายตัวของสังคมเมือง การขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ช่วยกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว รวมถึงแนวโน้มการอยู่อาศัยของครอบครัวรุ่นใหม่ และพฤติกรรมผู้บริโภคให้ความสำคัญกับผู้ประกอบการที่ใส่ใจเรื่องของสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เลือกใช้บริการร้านสะดวกซักเป็นทางเลือกลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากเครื่องซักผ้ารุ่นใหม่ใช้เทคโนโลยีประหยัดพลังงาน ลดการใช้ทรัพยากร และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“บ้านของคุณนิด (ชิษณุพันธ์ ตั้งเฉลิมกุล) ทำธุรกิจสิ่งทอและอะพาร์ตเมนต์แถวนิคมบางปูประมาณ 800 ห้อง ซึ่งมีเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ 50-60 เครื่อง รายได้ค่อนข้างดี แต่มักจะมีปัญหาเครื่องเสียเป็นประจำ จนกระทั่งเจอแบรนด์มาเลเซียที่เปิดร้านสะดวกซักหลักพันสาขาในต่างประเทศ เขาจึงบินไปดูที่มาเลเซียและลองซื้อแฟรนไชส์เปิด 5 ร้าน โดยผมอยู่บ้านใกล้กับคุณนิด เราเรียนวิศวกรรมเครื่องกลที่ธรรมศาสตร์ด้วยกัน ซึ่งหลังเรียนจบผมต่อโทคณิตศาสตร์ประกันภัยที่สกอตแลนด์และกลับมาทำงานด้านประกันในไทย 6 ปี โดยระหว่างนั้นผมและคุณนิดยังคุยกันมาเรื่อยๆ ทำให้ผมเห็นโอกาสในธุรกิจนี้จึงร่วมกับภรรยา (อุไรวรรณ อ่อนเจริญ) ทดลองเปิด 2 ร้าน ซึ่งปัญหาที่เจอจากการให้แบรนด์บริหาร เช่น เรื่องความสะอาด การทุจริตเก็บเงิน เครื่องเสียไม่ได้ซ่อม หรือ call center 24 ชั่วโมงแต่ไม่มีคนรับสาย ทำให้ลูกค้าลดลงเรื่อยๆ เราจึงตัดสินใจสร้างแบรนด์เอง”

กวิน กลองกระโทก ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลอนดรี้ ยู จำกัด (มหาชน) หรือ WASH กล่าวถึงการเริ่มต้นธุรกิจจากปัญหาการใช้งานเครื่องซักผ้าแบบหยอดเหรียญชำรุดบ่อย เพราะเครื่องซักอบผ้ามาตรฐานครัวเรือนไม่ตอบโจทย์การใช้งานเชิงพาณิชย์ และการซื้อแฟรนไชส์จากต่างประเทศมาดำเนินธุรกิจก็มีข้อจำกัดหลายด้าน เช่น ความคล่องตัว การบริหารคุณภาพและมาตรฐานการให้บริการ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากเจ้าของแฟรนไชส์ในการดำเนินงานตามมาตรฐานการให้บริการของแต่ละแบรนด์
ดังนั้น กวินจึงตัดสินใจเบนเข็มเส้นทางการทำงานจากธุรกิจประกันชีวิตและประกันภัยสู่การเริ่มต้นจัดตั้งบริษัทร้านสะดวกซักครบวงจรแบรนด์ WashXpress สาขาแรกที่คลอง 3 จังหวัดปทุมธานี ในปี 2561
ชูคอนเซ็ปต์ “สะอาด สะดวก สบาย”
พัฒนาการทางธุรกิจร้านสะดวกซักครบวงจรสามารถขยายสาขารวม 516 แห่งในปี 2567 ซึ่งแบ่งเป็นสาขาที่บริษัทเป็นเจ้าของ 436 สาขา และแฟรนไชส์ 80 สาขา ครอบคลุม 20 จังหวัด ทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จนถึงภูมิภาคต่างๆ เช่น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก ด้วยแนวคิดสะอาด สะดวก และสบาย ภายใต้วิสัยทัศน์ “ให้การซักผ้าเป็นเรื่องง่ายสำหรับชุมชน” พร้อมส่งมอบประสบการณ์ซักผ้าเหนือระดับทุกมิติ เพื่อมุ่งสู่ผู้นำธุรกิจให้บริการร้านสะอาดซักครบวงจรที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมขับเคลื่อนสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
“เราขยายสาขาเฉลี่ย 20% ต่อปี และรายได้เติบโตขึ้นทุกปีเฉลี่ย 30% ซึ่งเราเริ่มจากกรุงเทพฯ และปริมณฑล หลังจากนั้นจึงขยายไปโซนตะวันออก ชลบุรี ระยอง พัทยา เนื่องจากโจทย์ของเราต้องการสร้างแบรนด์เป็นสาขาของเราเองจึงเน้นทำเลที่สามารถบริหารจัดการหรือแก้ปัญหาได้รวดเร็ว โดยเรายังขยายไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือในจังหวัดนครราชสีมาซึ่งเป็นบ้านเกิดของคุณพ่อคุณแม่ และเปิดหัวเมืองหลัก เช่น ลพบุรี ขอนแก่น มหาสารคาม อุดรธานี โดยวางแผนขยายทั่วประเทศตามหลักการของ WashXpress เราขยายทีละจังหวัดประมาณ 5-10 สาขาพร้อมกัน เพราะเราเป็นธุรกิจบริการแบบไม่มีคนให้บริการ ความท้าทายจึงอยู่ที่การบริหารจัดการร้านให้ได้ตามมาตรฐานที่วางไว้”
กวินกล่าวถึงการให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการสาขาผ่านผู้จัดการสาขา ดูแลการปฏิบัติการในแต่ละสาขา และมีผู้จัดการเขตซึ่งทำหน้าที่สนับสนุน ควบคุม และติดตามผลการปฏิบัติการของสาขาต่างๆ ในพื้นที่ใกล้เคียง และผู้จัดการภาคในการทำหน้าที่ควบคุมและติดตามผลการปฏิบัติงานของสาขาในแต่ละภูมิภาค รวมถึงการเพิ่มสาขายังทำเลยุทธศาสตร์สำคัญจากการพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น ความหนาแน่นของประชากรในพื้นที่ กลุ่มเป้าหมายของลูกค้าในพื้นที่ สภาพแวดล้อมการแข่งขัน การเข้าถึงบริการสาธารณูปโภค พร้อมประมาณการต้นทุนการเปิดสาขาทั้งการก่อสร้าง อุปกรณ์เครื่องจักร และค่าใช้จ่ายอื่นๆ
ขณะเดียวกันยังชูคอนเซ็ปต์ “สะอาด สะดวก และสบาย” ด้วยการพัฒนาความสะอาดที่ครอบคลุมทั้งเสื้อผ้า เครื่องซักอบผ้าให้บริการ และความสะอาดของพื้นที่ร้าน โดยเลือกใช้เครื่องซักผ้าและอบผ้ามาตรฐานอุตสาหกรรมระดับสากลแบรนด์ Speed Queen ซึ่งผลิตโดย ALS ผู้ผลิตเครื่องซักผ้าชั้นนำระดับโลกที่มีประสบการณ์ยาวนาน 116 ปี และกำหนดผู้รับผิดชอบการดูแลรักษาความสะอาดอย่างน้อย 1 คนต่อสาขาสำหรับดูแลรักษาความสะอาดของเครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้า และพื้นที่โดยรวมของร้านตามคู่มือมาตรฐานการให้บริการของบริษัท

รุกขยายบริการครบวงจร
ก้าวต่อไปของบริษัทพร้อมเดินหน้ายกระดับเป็นร้านสะอาดซักมหาชนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเพื่อลงทุนขยายสาขาให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น และพัฒนาการให้บริการครบวงจรเพิ่มเติมนอกเหนือจากบริการตนเอง ได้แก่ ซัก อบ พับ, ซัก อบ รีด การรับจ้างซัก อบ รีดในปริมาณมากสำหรับลูกค้ากลุ่มธุรกิจองค์กร (B2B) บริการซัก อบ รีด พร้อมรับส่งผ้าถึงมือลูกค้าเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ที่เน้นความรวดเร็วและสะดวกสบาย รวมถึงการจำหน่ายแพ็กเกจการซักผ้าแบบเหมาจ่ายหรือการให้บริการในรูปแบบสมาชิก (subscription model) หรือผลิตภัณฑ์และโปรโมชั่นใหม่ๆ ที่สามารถตอบโจทย์พฤติกรรมการใช้งานของลูกค้า เป็นต้น
“การเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ช่วยให้เราสามารถขยายสาขาได้เร็วขึ้นและมั่นคงมากขึ้น รวมถึงทำให้ทีมงานที่มีความสามารถต้องการเข้ามาร่วมงานกับเรามากขึ้น ซึ่งเรามองว่าจำนวนสาขาของเราในปัจจุบันยังมีช่องว่างและโอกาสอีกมาก โดยเรายังอยู่ในช่วงทดลองบริการหลายรูปแบบให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีและราคาคุ้มค่าซึ่งเป็นความแตกต่างของเราที่สามารถทำได้ เพราะโมเดลธุรกิจการขยายสาขาของตัวเองเป็นหลักทำให้เพิ่มบริการเข้าไปในร้านได้ง่าย”
กวินกล่าวถึงการทดลองเปิดให้บริการซัก อบ พับ ในร้านสะดวกซัก WashXpress ตั้งแต่ปี 2565 และเพิ่มบริการให้ครอบคลุมจำนวนสาขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2566 และ 2567 โดยลูกค้าสามารถนำผ้ามาฝากไว้ที่สาขาที่เปิดให้บริการและพนักงานของบริษัทจะดำเนินการซัก อบ พับ ให้พร้อมรับกลับ ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสะดวกและประหยัดเวลาการใช้บริการ โดยลูกค้าสามารถแจ้งพนักงานเกี่ยวกับการตั้งค่าของการซักผ้าตามความต้องการได้ เช่น ขนาดของเครื่องซัก อุณหภูมิของน้ำ ขนาดเครื่องอบ อุณหภูมิของการอบผ้า ระยะเวลาการอบผ้า
นอกจากนี้ บริษัทยังเริ่มทดลองเปิดให้บริการซัก อบ รีดในร้านสะดวกซัก WashXpress ในปี 2567 เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการรับบริการซักผ้า อบผ้า และรีดผ้า ซึ่งบริษัทมีแผนขยายการให้บริการซัก อบ รีดไปยังสาขาอื่นเพิ่มเติมในปี 2568 โดยการให้บริการจะครอบคลุมผ้าหลากหลายประเภท เช่น ปลอกหมอน ผ้าห่ม ผ้านวม ผ้าปูเตียง ผ้าเช็ดตัว และเสื้อผ้าประเภทต่างๆ พนักงานจะดำเนินการซัก อบ และรีดผ้าให้ลูกค้าสามารถรับผ้ากลับไปในวันเดียวกัน
ภาพ: วรัชญ์ แพทยานันท์ และ WashXpress
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ธนดล พิทยานุวัฒน์ IdeasLabs ถอดรหัสสปีด MarTech