พชร จิราธิวัฒน์ ทายาทเครือเซ็นทรัลผู้ก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงตั้งแต่วัยมัธยมปลายและกลายเป็นไอคอนของเด็กวัยรุ่น มุ่งสู่เส้นทางธุรกิจพันล้านกับ “โปเตโต้ คอร์เนอร์” ภายใต้มาดสุดกวนนั้น เขามีความคิดเชิงสังคมที่เผ็ดร้อนซ่อนอยู่
ความเจ็บปวดในธุรกิจบันเทิง
พชรเกริ่นถึงวงการบันเทิงว่าเรตติ้งละครโทรทัศน์กำลังลดลง ส่วนวงการภาพยนตร์ไทยก็มีภาพยนตร์ที่มุ่งหมายสื่อประเด็นที่ยิ่งใหญ่ลดลงทุกที “entertainment business คำถามแรกคือ มันประกอบด้วยสองคำใช่ไหม ต้องมีสินค้าก่อนแล้วทำธุรกิจจากมัน แต่ประเทศเรามองกลับด้าน เรามองเป็น business entertainment คิดก่อนว่าจะหาเงินอย่างไร” พชรกล่าวอย่างเผ็ดร้อน “สมมติว่า ‘เฮ้ย เราต้องทำเงินร้อยล้าน’ ทำอะไรดีให้ได้ร้อยล้านโดยไม่แคร์ด้วยว่ามันดีหรือไม่ดี กลายเป็นว่าเรามองหนังหรือละครเป็นแค่เครื่องมือหนึ่งในการเรียกสปอนเซอร์ แต่ไม่ได้มองเป็นสื่อเชิงศิลปะ” เขาเองยอมรับว่าตนเองเป็นคนหนึ่งที่เสียศรัทธากับวงการบันเทิง แต่เพราะยังไม่หมดไฟทำให้ยังคงท้าทายตัวเองกับบทบาทใหม่ๆ ดาราหนุ่มกำลังเครื่องติดกับมุมมองที่เขาเห็นในวงการบันเทิงไทย เขากล่าวต่อถึงอีกหนึ่งอาชีพที่รักคือการเป็นนักดนตรี
“ผมเคยเห็นตัวเลขดาวน์โหลดใน iTunes ของบางวงแล้วค่อนข้างเศร้าใจ รายได้เขาแค่ซื้อบิ๊กแมคยังไม่ได้เลย” เขากล่าวว่าศิลปินไทยบางรายประสบความสำเร็จและอยู่ได้ด้วยการขายเพลง แต่เป็นส่วนน้อย ส่วนใหญ่แล้วต้องลดต้นทุนสู้กับสถานการณ์ ทำให้ใช้ดนตรีที่สร้างขึ้นในคอมพิวเตอร์ทดแทนการอัดเสียง งานเพลงจึงลดคุณภาพลง และนักดนตรีถูกบีบให้เขียนเพลงสำหรับเล่นในผับเพื่อเรียกรายได้จากการออกงานอีเวนต์
พชรเคยเป็นมือกีตาร์และคีย์บอร์ดในวง Rooftop และ White Rose แต่ปัจจุบันเขาบินข้ามทวีปไปรับทำสกอร์เพลงประกอบโฆษณาและสารคดีที่ประเทศอังกฤษแทน ซึ่งสาเหตุหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงมาจากความ ‘หมดหวัง’ ดังกล่าว
“ผมว่าที่ทำอยู่ตอนนี้โอเคแล้ว” พชรกล่าวถึงเส้นทางนักดนตรีของตัวเอง “ไม่ใช่ว่าไม่อยากเล่นสดแล้วนะชอบ แต่ไม่อยากจะเอาตัวเองไปอยู่ในร้านเหล้า ไปเล่นแล้วคนดูเมาหมดเลย เหมือนเราไปสนับสนุนอะไรก็ไม่รู้”
เฟรนช์ฟรายส์พันล้าน
อาชีพสายศิลปะของเขากำลังอยู่ท่ามกลางพายุใหญ่ที่พัดกระหน่ำ แต่เส้นทางในวงการธุรกิจของเขาเพิ่งจะเริ่มต้น พชรร่วมกับ ชยภัทร ทองเจริญ เพื่อนสนิทที่รู้จักกันมาตั้งแต่วัยอนุบาล ก่อตั้ง บริษัท ร็อคส์ พีซี จำกัด บุกอุตสาหกรรมอาหารด้วยการซื้อแบรนด์ โปเตโต้ คอร์เนอร์ ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดต้นกำเนิดจากประเทศฟิลิปปินส์ซึ่งมีสินค้าหลักเป็นเฟรนช์ฟรายส์ปรุงรสเข้ามาเปิดในประเทศไทย
“ตอนนี้เราเป็นแบรนด์ที่โตเร็วที่สุดในประเทศไทยในวงการอาหาร” พชรกล้ากล่าวเช่นนั้นเพราะโปเตโต้ คอร์เนอร์ที่เปิดสาขาแรกเมื่อปี 2559 จนถึง ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2561 ก็ขยายไปแล้ว 20 สาขาทั่วประเทศ สร้างยอดขายสิ้นปี 2560 ที่ 90 ล้านบาท
หลายคนปรามาสว่าพชรอาศัยเพียงความโด่งดังของเขาและทรัพยากรของครอบครัวเป็นทุน แต่พชรยืนยันว่าเขาและเพื่อนเป็นผู้ลงมือลงแรงเอง โดยชยภัทรซึ่งปัจจุบันนั่งตำแหน่งกรรมการผู้จัดการเป็นผู้ค้นพบแบรนด์โปเตโต้ คอร์เนอร์สมัยเป็นนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เขาเดินทางไปฟิลิปปินส์เพื่อแข่งขันโต้วาที และเมื่อเห็นว่าเฟรนช์ฟรายส์ยี่ห้อนี้มีคนต่อแถวยาวแถมมีรสชาติดีจึงสนใจนำเข้า


แต่อย่างไรก็ตาม การเติบโตในครอบครัวนักธุรกิจก็ทำให้พชรได้ซึมซับบทเรียนธุรกิจมาตลอด โดยตัวเขาเองเคยถูกส่งไปฝึกงานเป็นแคชเชียร์และพนักงานจัดสต๊อกสินค้าที่เซ็นทรัล ชิดลมตั้งแต่อายุ 15 ปี
“พ่อผมเขาจะสอนว่า human asset คือสิ่งสำคัญ เพราะมันคือ frontline ที่เจอกับลูกค้า ลูกค้าจะรู้สึกดีหรือไม่ดีกับของของเราอยู่ที่พนักงานล้วนๆ ดังนั้นเราต้องทำ human asset ให้แข็งแรงก่อน ซึ่งจะแข็งแรงได้ผู้บริหารต้องเข้าใจความคิดและความเป็นอยู่ของพนักงาน ผมจึงถูกส่งไปฝึกงานในห้างฯ” พชรกล่าว
พชรบอกกับเราว่า ทั้งสามเส้นทางชีวิตที่เดินอยู่จะยังไม่ละทิ้งเส้นทางไหนเพราะทุกทางที่ทำคือสิ่งที่รัก
ภาพ: อรรคพล คำภูแสน

