ล็อกผลตอบแทน สร้างโอกาสเพิ่มเสถียรภาพให้กับพอร์ตผู้ลงทุน รับตลาดผันผวนด้วยตราสารหนี้ชั้นดี จากบริษัทชั้นนำทั่วโลก - Forbes Thailand

ล็อกผลตอบแทน สร้างโอกาสเพิ่มเสถียรภาพให้กับพอร์ตผู้ลงทุน รับตลาดผันผวนด้วยตราสารหนี้ชั้นดี จากบริษัทชั้นนำทั่วโลก

    ปี 2023 ถือเป็นปีที่ท้าทายสำหรับนักลงทุน เพราะนอกจากต้องเผชิญกับสภาวะความผันผวนของตลาด ยังมีสารพัดความเสี่ยงถาโถมเข้ามาไม่หยุด ล่าสุดรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (World Economic Outlook) ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจ (GDP) ทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 3.0% ในปีนี้และปีหน้า ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์เดิมเมื่อเดือนเมษายน แต่ยังคงน้อยกว่าค่ามาตรฐานในอดีต โดยลดลงจาก 3.5% ในปีที่แล้ว และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 3.8% พร้อมกันนี้ยังประเมินประเทศเศรษฐกิจหลักอย่างสหรัฐฯ และจีน โดยคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะขยายตัว 1.8% และ 1% ในปีนี้และปีหน้าตามลำดับ ส่วนเศรษฐกิจจีนคาดว่าจะขยายตัว 5.2% ในปีนี้ และชะลอตัวสู่ระดับ 4.5% ในปี 2024

    ทั้งนี้ UOB มองว่า ปัจจุบันเราอยู่ในวัฏจักรของเศรษฐกิจชะลอตัว แต่ยังไม่เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย (recession) ขณะที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจและกำไรบริษัทเริ่มชะลอตัว และนโยบายการเงินยังเข้มงวด ดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับสูงเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อ ด้านตลาดแรงงานในสหรัฐฯยังคงแข็งแกร่ง ซึ่งเป็นแรงหนุนให้กับภาคบริการและการบริโภค แต่ในภาคการค้าและการผลิตแสดงสัญญาณการชะลอตัวลง โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการขั้นต้น เดือนสิงหาคมของสหรัฐฯ ลงมาอยู่ที่ระดับ 50.4 ลดลงจากเดือนกรกฎาคมที่ระดับ 52.0 และนับเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน ซึ่งหากดัชนี PMI อยู่ต่ำกว่าระดับ 50 จะบ่งชี้ว่าภาคธุรกิจของสหรัฐฯ อยู่ในภาวะหดตัว ผลกระทบของเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากการขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง และมาตรฐานการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้นของภาคธนาคาร ทำให้ความเสี่ยงที่โลกจะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยเพิ่มขึ้นในปี 2024

​    คำถามคือ ในสถานการณ์ตลาดผันผวนเช่นนี้ สินทรัพย์ไหนที่เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจของนักลงทุน

​    สินทรัพย์ที่ UOB Privilege Banking แนะนำให้ลงทุนเพื่อกระจายหรือลดความเสี่ยงในภาวะที่เศรษฐกิจเริ่มชะลอตัวลง คือ ตราสารหนี้ที่ได้รับการจัดอันดับเป็น Investment Grade (กลุ่มระดับลงทุน) ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีเรทติ้งในระดับที่น่าลงทุน เริ่มตั้งแต่ AAA ซึ่งมีอันดับความน่าเชื่อถือสูงสุด ความเสี่ยงต่ำสุด มีความสามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด ไล่ลงมาจนถึงระดับ BBB มีอันดับความน่าเชื่อถือปานกลาง มีความสามารถในการชำระหนี้ได้ในเกณฑ์ปานกลาง และอย่างน้อยนักลงทุนก็ยังได้รับผลตอบแทนที่สามารถเอาชนะเงินเฟ้อได้ เนื่องจากในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัวหรือหดตัว สินทรัพย์กลุ่มตราสารหนี้มักจะทำผลตอบแทนได้ดีกว่าหุ้น

    จากภาพนี้จะเห็นสถิติตั้งแต่ปี 2533 ถึงปัจจุบัน พบว่าในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัวตราสารหนี้จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 4% มากกว่าหุ้นที่ให้ผลตอบแทนติดลบ 11% ดังนั้นการลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพที่มีปัจจัยพื้นฐานดี จึงเหมือนเป็นการเสริมเกราะพอร์ตการลงทุน เพราะมีความเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ต่ำ และสามารถสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอตลอดเส้นทางการลงทุน บวกกับมุมมองที่มีต่อภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นอยู่ในช่วงใกล้สิ้นสุดลง และอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ที่ปรับตัวสูงขึ้นในปัจจุบันเป็นระดับที่น่าสนใจในการเข้าลงทุนเพื่อล็อกอัตราผลตอบแทนนี้ไว้

    อย่างไรก็ตาม การลงทุนตราสารหนี้ที่ได้รับการจัดอันดับเป็น Investment Grade นั้นมีทางเลือกที่หลากหลาย เช่น การลงทุนผ่านตราสารหนี้ในประเทศ, ลงทุนผ่านกองทุนรวม หรือลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศโดยตรง ในส่วนของการลงทุนต่างประเทศนั้น Offshore Bond หรือ หุ้นกู้ต่างประเทศ ถือเป็นอีกช่องทางที่จะช่วยเปิดโอกาสโลกของการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศให้หลากหลายมากขึ้น โดย UOB Privilege Banking ได้คัดเลือกตราสารหนี้ Investment Grade จากบริษัทชั้นนำทั่วโลก ซึ่งประกอบด้วยหลากหลายประเภทธุรกิจเพื่อให้ลูกค้าได้เลือกลงทุน

    ขอยกตัวอย่าง 5 ตราสารหนี้เด่นระดับ Investment Grade จากบริษัทชั้นนำทั่วโลก ดังนี้

    1. Citigroup Inc. (Bond Name: C 4.45 09/29/27) Citigroup Inc. ผู้ให้บริการทางการเงินที่หลากหลาย ครอบคลุมตั้งแต่บริการด้านสินเชื่อจนถึงวาณิชธนกิจ และบริการจัดการเงินสดให้แก่ลูกค้า ผู้บริโภค และลูกค้าองค์กรทั่วโลก

    2. ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (Bond Name: BBLTB 4.3 06/15/27) ธนาคารกรุงเทพ หรือ BBL เป็นผู้ให้บริการทางการเงินรวมถึงการค้า, สินเชื่อเพื่อผู้บริโภค, บัตรเครดิต, การจำนอง, บริการทางการเงินระหว่างประเทศ วาณิชธนกิจ และหลักทรัพย์

3. Bank of America Corporation (Bond Name: BAC 4.183 11/25/27) Bank of America Corporation เป็น Holding Company ที่ส่งมอบบริการทางการเงินที่ครบครันให้กับลูกค้าทั่วโลก ครอบคลุมตั้งแต่บริการบัญชีออมทรัพย์ เงินฝาก สินเชื่อที่อยู่อาศัยและการก่อสร้าง บริหารเงินสดและความมั่งคั่ง บัตรเงินฝาก เงินลงทุน สินเชื่อและบัตรเดบิต ประกัน โทรศัพท์มือถือ และธนาคารออนไลน์

    4. Amazon.com Inc. (Bond Name: AMZN 3 04/13/25) Amazon เป็นผู้ค้าปลีกออนไลน์ที่ให้บริการหลากหลาย สินค้าของบริษัท ได้แก่ หนังสือ ดนตรี คอมพิวเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีกมากมาย โดย Amazon เสนอบริการช็อปปิ้งส่วนบุคคลบนเว็บไซต์ ชำระเงินด้วยบัตรเครดิตและจัดส่งตรงถึงมือลูกค้า นอกจากนี้ Amazon ยังให้บริการแพลตฟอร์มคลาวด์ทั่วโลก

    5. Apple Inc. (Bond Name: AAPL 3.2 05/13/25) Apple บริษัทยักษ์ใหญ่ที่เป็นที่รู้จักทั่วโลก ให้บริการออกแบบ ผลิต และจำหน่ายสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล แท็บเล็ต อุปกรณ์สวมใส่ รวมถึงจำหน่ายอุปกรณ์เสริมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องนอกจากนี้ ยังให้บริการการชำระเงิน Digital Content คลาวด์ และการโฆษณา โดยลูกค้าของ Apple ส่วนใหญ่เป็นผู้บริโภคธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง การศึกษา องค์กร และตลาดของรัฐบาลทั่วโลก

    อย่างไรก็ตามการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน โดยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทุนได้ที่ UOB Privilege Banking โทร. 0 2081 0999 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.uob.co.th/privilegebanking