<h2>ตรุษจีน เป็นหนึ่งในเทศกาลที่คนไทยให้ความสำคัญ และเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่มีการจับจ่ายใช้สอยมากในรอบปี เนื่องจากประเทศไทยมีประชากรเชื้อสายจีนจำนวนมาก ทำให้วัฒนธรรมจีนถูกหลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทยมาอย่างยาวนาน การเลือกซื้อของไหว้เจ้า ของไหว้บรรพบุรุษ รวมถึงการแก้ชง มีส่วนสำคัญทำให้การจับจ่ายของผู้คนในสังคมช่วงนี้คึกคักเป็นพิเศษ ตรุษจีนจึงเป็นโอกาสที่แบรนด์และธุรกิจสามารถสังเกตพฤติกรรมผู้บริโภคและดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภคได้จากการทำความเข้าใจ Customer Insight</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บริษัท ดาต้าเซ็ต จำกัด ได้ทำการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มการเลือกซื้ออาหารไหว้เจ้าในช่วงเทศกาลตรุษจีนของผู้บริโภคบนโซเชียลมีเดีย ผ่านเครื่องมือ DXT360 เพื่อฟังเสียงในสังคมออนไลน์ (Social listening) ในช่วงวันที่ 1 - 20 มกราคม 2568 พบข้อมูลที่น่าสนใจ ดังนี้ แนวโน้มพฤติกรรมการจับจ่ายเลือกซื้ออาหารไหว้เจ้า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จากการวิเคราะห์ข้อมูลบนโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับแนวโน้มพฤติกรรมการเลือกซื้ออาหารไหว้เจ้าของผู้บริโภคในช่วงเทศกาลตรุษจีน พบว่า การโปรโมตหรือการประชาสัมพันธ์ของร้านค้า มีการนำเสนอสินค้ารูปแบบ ‘เซ็ตเมนู’ หรือ ‘ชุดอาหาร’ มากที่สุด แต่ผู้บริโภคกลับให้ความสนใจ ‘อาหารและขนมพร้อมทาน’ มากกว่า โดยสามารถดึงดูดความสนใจจากความแปลกใหม่และหลากหลาย​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/01/rZjjzWUw9eVtssgYwqCz.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="rZjjzWUw9eVtssgYwqCz.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="720px,auto" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" origin-size="1024,768" style="width: 720px; height: auto;" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าแม้ร้านค้าจะพยายามโปรโมตสินค้าที่เตรียมพร้อมแบบชุด อำนวยความสะดวกต่อการนำไปไหว้ แต่ผู้บริโภคยังคงมองหาความสะดวกสบายที่สุดในการเลือกซื้อสินค้าสำเร็จรูปอย่างอาหารพร้อมทาน การประชาสัมพันธ์&nbsp; &nbsp; - เซ็ตเมนูหรือชุดอาหาร คือ ชุดไหว้มงคลคาวหวาน ที่จัดเป็นเซ็ตในรูปแบบต่างๆ เป็นสินค้าที่ร้านค้าทำการโปรโมตหรือประชาสัมพันธ์มากที่สุด (68%) ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ร้านค้าตระหนักถึงความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวกและรวดเร็วในการจัดเตรียมอาหารในช่วงเทศกาล&nbsp; &nbsp; - อาหารและขนมพร้อมทาน คือ อาหารปรุงสำเร็จ และขนมที่จัดโปรโมชันในช่วงเทศกาลตรุษจีนได้รับการโปรโมตหรือประชาสัมพันธ์รองลงมา (26%)&nbsp; &nbsp; - วัตถุดิบทำอาหาร คือ ของสดสำหรับนำไปประกอบอาหาร ได้รับการโปรโมทน้อยที่สุด (6%) ซึ่งอาจสะท้อนแนวโน้มพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคนี้หันไปเลือกซื้อสินค้าที่พร้อมใช้มากกว่าการทำอาหารเอง​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/01/XJhjsdYviHqdsnGhRVrz.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="720px,540px" data-align="center" data-file-name="XJhjsdYviHqdsnGhRVrz.jpg" data-file-size="0" origin-size="1024,768" data-origin="1024px,768px" style="width: 720px; height: 540px; transform: rotate(0deg);" data-index="1"></figure></div>​ ผู้บริโภค (Engagement)&nbsp; &nbsp; - อาหารและขนมพร้อมทาน ได้รับความสนใจสูงสุดจากผู้บริโภค (63%) ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการของผู้บริโภคที่มองหาความสะดวกในการไหว้เจ้าในรูปแบบที่พร้อมใช้&nbsp; &nbsp; - เซ็ตเมนูหรือชุดอาหาร ได้รับความสนใจรองลงมา (27%) ซึ่งแสดงว่าแม้จะได้รับการประชาสัมพันธ์จากร้านค้าอย่างหนัก แต่ผู้บริโภคอาจจะยังมองหาความสะดวกสบายและประหยัดเวลาจากอาหารที่พร้อมทาน&nbsp; &nbsp; - วัตถุดิบทำอาหาร มีการตอบสนองน้อยที่สุด (10%) ซึ่งบ่งบอกถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ต้องการความง่ายและไม่อยากใช้เวลามากในการเตรียมอาหารในช่วงเทศกาล ธุรกิจแก้ชงออนไลน์ ความเชื่อที่ปรับตัวสู่โลกดิจิทัล&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากคนไทยเชื้อสายจีนให้ความสำคัญกับการไหว้เจ้า และไหว้บรรพบุรุษแล้ว ยังนิยมการทำบุญเสริมดวงชะตา โดยเฉพาะในปีที่เรียกว่า ‘ปีชง’ ซึ่งเป็นความเชื่อทางโหราศาสตร์จีนว่าอาจมีผลกระทบต่อดวงชะตาของแต่ละคน การแก้ชงจึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของประเพณีที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยการไหว้ ‘เทพไท้ส่วยเอี๊ย’ ซึ่งเชื่อกันว่าจะช่วยลดเคราะห์และเสริมมงคลให้ชีวิต เป็นธรรมเนียมสืบทอดกันมานานในช่วงเทศกาลตรุษจีนของทุกปี​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/01/QbNNDsmnC4r3VEzSZN5T.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="QbNNDsmnC4r3VEzSZN5T.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="720px,auto" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" origin-size="1024,768" style="width: 720px; height: auto;" data-index="2"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จากข้อมูลในโซเชียลมีเดีย พบว่า ปัจจุบันในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน ประชาชนจำนวนไม่น้อยให้ความสนใจใช้บริการแก้ชงออนไลน์เพิ่มมากขึ้น สังเกตได้จาก Engagement การแก้ชงผ่านช่องทางออนไลน์ มีสัดส่วนถึง 34% โดยมีธุรกิจและบริการเกิดใหม่ที่น่าสนใจ เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมการทำบุญและการแก้ชงที่เปลี่ยนไปในปัจจุบัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;• แก้ชงออนไลน์ ตัวเลขมาจากโพสต์การรับบริจาค การรับจ้างบริการแก้ชง ทำบุญผ่านช่องทางออนไลน์ (30 Mentions, Engagements 4,805 ครั้ง)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;• แก้ชงที่วัด ตัวเลขมาจากโพสต์แนะนำสถานที่แก้ชง หรือวิธีแก้ชงแบบดั้งเดิมที่ต้องไปยังสถานที่จริง (379 Mentions, Engagements 9,510 ครั้ง) ตัวอย่างธุรกิจและบริการแก้ชงออนไลน์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปรากฏการณ์ที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งคือการเติบโตของธุรกิจแก้ชงและทำบุญออนไลน์ ซึ่งมีการเปิดให้บริการแพลตฟอร์มทำบุญออนไลน์มากขึ้น โดยการร่วมมือกับวัดและศาลเจ้า อาทิ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;• บริการทำบุญสร้างกุศล (แก้ชง) กับทางวัดโดยตรงผ่านระบบออนไลน์ ทาง LINE @lengnoeiyionline (เล่งเน่ยยี่ออนไลน์)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;• ศรัทธา.online: ธุรกิจให้บริการ รับขอพร แก้บน แก้ชงออนไลน์ ผ่าน Line Chatbot เพื่อตอบโจทย์ผู้มีจิตศรัทธาที่ไม่มีเวลาว่าง เดินทางลำบาก และรู้สึกกังวลใจ เมื่อพรที่ขอไว้เป็นจริงแต่ไม่ได้กลับไปแก้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;• บริการแก้ชงออนไลน์ผ่าน Zipevent : ผู้มีจิตศรัทธาสามารถเข้าร่วมทำพิธีผ่านทางออนไลน์ (Virtual Event) ณ ศาลเจ้าท่งเฮงตั๊ว ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี โดยฝากดวงกับเทพเจ้าไท้ส่วยเอี๊ย เพื่อสะเดาะเคราะห์ แก้ปีชง ให้แคล้วคลาดปลอดภัยกันถ้วนหน้า ซึ่งนอกจากจะแก้ชงแล้วก็ยังเป็นการเสริมดวงชะตา เสริมเฮง ต้อนรับปีใหม่อีกด้วย​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/01/jV81HXQ9bmajXMbgBcQz.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="jV81HXQ9bmajXMbgBcQz.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="720px,auto" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" origin-size="1024,768" style="width: 720px; height: auto;" data-index="3"></figure></div> 5 สถานที่แก้ชงยอดนิยมในโซเชียล&nbsp; &nbsp; 1. วัดมังกรกมลาวาส (วัดเล่งเน่ยยี่) เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม.&nbsp; &nbsp; 2. วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ (วัดเล่งเน่ยยี่ 2) อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี&nbsp; &nbsp; 3. ศาลเจ้าพ่อเสือ เขตพระนคร กทม.&nbsp; &nbsp; 4. วัดโพธิ์แมนคุณาราม เขตยานนาวา กทม.&nbsp; &nbsp; 5. วัดหัวลำโพง เขตบางรัก กทม. &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ธุรกิจแก้ชงออนไลน์มีแนวโน้มเติบโตอย่างน่าสนใจ โดยไม่เพียงตอบโจทย์ความสะดวกสบายของผู้บริโภคยุคดิจิทัล แต่ยังสะท้อนถึงการปรับตัวของธุรกิจที่เชื่อมโยงประเพณีดั้งเดิมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว อีกทั้งความสนใจของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นจากการนำเสนอข่าวและคอนเทนต์ที่เกี่ยวกับปีชงตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทำให้การแก้ชงพัฒนาเป็นทั้งรูปแบบดั้งเดิมที่ผู้คนเดินทางไปวัดหรือศาลเจ้า และบริการออนไลน์ที่ช่วยให้การรักษาความเชื่อและประเพณีเป็นเรื่องง่ายและทันสมัยมากขึ้น อินโฟกราฟิก: ดาต้าเซ็ต (Dataxet)ภาพปก:&nbsp;<a href="https://unsplash.com/photos/a-person-standing-next-to-a-display-of-colorful-lanterns-ITDp5AfhYf4" alt="Bacon3floors">Bacon3floors</a>&nbsp;on Unsplash​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/kresearch-chinese-tourism-2025-jan-2025" alt="วิจัยกสิกรฯ ชี้ปี 68 จีนเที่ยวไทยช่วงตรุษจีนอาจลดลง 17.5% ผลนักแสดงจีนหายตัว แต่ทั้งปียังเติบโต 11.4%">วิจัยกสิกรฯ ชี้ปี 68 จีนเที่ยวไทยช่วงตรุษจีนอาจลดลง 17.5% ผลนักแสดงจีนหายตัว แต่ทั้งปียังเติบโต 11.4%</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

มูไม่หยุดแม้วันตรุษจีน! ธุรกิจ ‘แก้ชงออนไลน์’ โตแรง สะท้อนวัฒนธรรมความเชื่อในยุคดิจิทัล

VISA แชร์ทิปใช้จ่ายปลอดภัย ระวัง 5 กลโกง 'มิจฉาชีพ' จ้องทำลายส่งท้ายปี

<h2>วีซ่าเผยช่วง 8 เดือนแรกปี 2567 พบว่า การใช้จ่ายในกลุ่ม Mass ปรับตัวลดลง โดยเฉพาะสินค้าฟุ่มเฟือย แต่การใช้จ่ายต่างชาติในไทยพบว่า บางกลุ่มใช้จ่ายมากขึ้นจากทริปที่มีระยะเวลายาวขึ้น ล่าสุด ร่วมมือกับ ททท. เร่งวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมนักท่องเที่ยว ดึงต่างชาติเที่ยวมากขึ้น ตั้งเป้าขยายจุดชำระเงินทั่วไทยโดยเฉพาะร้านค้าขนาดเล็กและกลางอีก 2-3 แสนร้านค้าในปี 2567 นี้ </h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายปุณณมาศ วิจิตรกุลวงศา ผู้จัดการวีซ่า ประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า ช่วง 8 เดือนแรกปี 2567 นี้ พบว่า ยอดการใช้จ่ายของคนไทยในกลุ่ม Mass ปรับตัวลดลง โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าที่ไม่จำเป็น ขณะที่ฐานบัตรผู้ใช้วีซ่าของไทยที่มีอยู่ราว 10 ล้านคน ในปีนี้ยังไม่เติบโตมากนัก มีเพียงฐานกลุ่มบนที่ยังเติบโตดี รวมถึงฝั่งยอดการใช้จ่ายของชาวต่างชาติในไทย พบว่า บางกลุ่มมียอดการใช้จ่ายมากขึ้นจากทริปที่มีระยะเวลายาวขึ้น เช่น สหรัฐ ที่มียอดใช้จ่ายหลักหลายหมื่นบาทต่อทริป ฯลฯ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ จากฐานข้อมูลของวีซ่าพบว่า ชาวต่างชาติที่เข้ามาใช้จ่ายในไทยสูงสุด 5 อันดับแรก&nbsp;ได้แก่ 1) สหรัฐ 2) สิงคโปร์ 3) จีน 4) สหราชอาณาจักร 5) ญี่ปุ่น (ส่วนคนไทยใช้จ่ายในต่างประเทศสูงสุดยังคงเป็นญี่ปุ่น) โดยกลุ่มลูกค้าต่างชาติยังมีการใช้จ่ายกระจุกตัวในหัวเมืองหลัก กว่า 70% ของยอดใช้จ่ายรวมเป็นการใช้จ่ายในกรุงเทพฯ ชลบุรี ภูเก็ต ส่วนเมืองรองยังมีสัดส่วนราว 20%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ดังนั้นเพื่อขยายฐานลูกค้าทั้งในไทยและต่างประเทศ ล่าสุด วีซ่าร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ผ่านการทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือยกระดับการท่องเที่ยวด้วยนวัตกรรมทางการเงิน โดยจะมีการสนับสนุนทั้งการวิเคราะห์ข้อมูลจากพฤติกรรมการใช้จ่าย และอื่นๆ เพื่อนำมาต่อยอดกลยุทธ์การตลาด ทำต่อยอดในการทำแคมเปญการท่องเที่ยว และขยายจุดรับชำระเงินแบบดิจิทัล (เช่น โครงการ STAR ขยายจุดรองรับการชำระเงินของวีซ่าในจังหวัดท่องเที่ยวหลัก รวมถึงฐานลูกค้าทั้งในไทยและต่างประเทศ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ ท่ามกลางการแข่งขันในระบบการชำระเงินที่สูงขึ้น เช่น การมี QR code พร้อมเพย์ที่ดูเหมือนจะไม่มีค่าธรรมเนียม ทำให้มีตัวเปรียบเทียบมากขึ้น ดังนั้นทางวีซ่าจึงต้องเร่งปรับตัวเพื่อให้เข้าถึงลูกค้ามากขึ้น ผ่านการขยายฐานจุดรับชำระเงินในเมืองรอง รวมถึงตั้งเป้าหมายในปี 2567 จะขยายในร้านค้าขนาดเล็กและกลางอีกราว 200,000-300,000 ร้านค้าทั่วไทย จากปัจจุบันมีจุดรับชำระเงินทั้งหมด 400,000 ร้านค้า (ส่วนใหญ่เป็นร้านค้าขนาดใหญ่) ภาพ: วีซ่า เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/it/what-companies-invest-in-data-centers-and-cloud-services-in-thailand" alt="'ไทย' ฮอตแค่ไหน สำหรับการลงทุน 'ดาต้าเซ็นเตอร์' และ 'คลาวด์'">'ไทย' ฮอตแค่ไหน สำหรับการลงทุน 'ดาต้าเซ็นเตอร์' และ 'คลาวด์'</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

วีซ่าเผยคนไทยกลุ่ม Mass ใช้จ่ายชะลอลง ปรับแผนปี 67 รุกเพิ่มจุดจ่ายเงินร้านเล็ก 2-3 แสนทั่วไทย

<h2>ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยว่า ปี 2029 การใช้จ่ายของผู้สูงอายุไทยแตะ 2.2 ล้านล้านบาท รับเทรนด์การเข้าสู่ Super-aged Society โดยไทยจะมีคนแก่กว่า 18 ล้านคน โดยมองว่าเป็นโอกาสทางธุรกิจในกลุ่ม สุขภาพ - ที่อยู่อาศัย - การบริการ แต่ในภาพรวมการแข่งขันอาจรุนแรง และต้นทุนอาจสูงขึ้นจากการขาดแคลนแรงงาน</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ปี 2029 คาดการณ์ว่ามูลค่าการใช้จ่ายของผู้สูงอายุไทยจะอยู่ที่ 2.2 ล้านล้านบาท โตเฉลี่ย 5.3% ต่อปี (CAGR 2024-2029) ตามจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น (ปี 2024 อยู่ที่ 1.7 ล้านล้านบาท) โดยในปี 2029 ไทยจะเข้าสู่สังคมสูงวัยขั้นสุดยอด (Super-aged Society) ซึ่งคาดว่าจะมีผู้สูงวัยในไทยราว 18 ล้านคน จากปัจจุบันที่อยู่ราว 14 ล้านคน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ธุรกิจที่คาดว่าจะได้อานิสงส์จากการขยายตัวของสังคมสูงวัย อาจแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก ดังนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1) ธุรกิจที่เน้นด้านสุขภาพ ได้แก่ ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม และธุรกิจการดูแลสุขภาพ โดยการใช้จ่ายใน 2 หมวดนี้มีสัดส่วนรวมกันกว่า 37% ของการใช้จ่ายทั้งหมดของผู้สูงอายุ ซึ่งสูงกว่าการใช้จ่ายในหมวดเดียวกันของช่วงวัยหรือ Generation อื่นๆ ราว 3% สอดคล้องไปกับผลสำรวจของศูนย์วิจัยกสิกรไทยที่พบว่าผู้สูงอายุไทยมีความสนใจซื้อสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพมากกว่าช่วงวัยอื่นๆ โดยคิดเป็นสัดส่วนราว 65% ของผู้สูงอายุที่ตอบแบบสำรวจทั้งหมด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่สินค้าและบริการที่น่าจะเป็นโอกาสในกลุ่มนี้ ได้แก่ ศูนย์โรคเฉพาะทาง ยาและเวชภัณฑ์ บริการดูแลผู้สูงอายุ (Nursing Home และ Care Giver) ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เป็นต้น โดยมีปัจจัยหนุนจากเทรนด์รักสุขภาพ ความเสี่ยงเจ็บป่วยต่างๆ โดยเฉพาะโรคติดต่อไม่เรื้อรังของผู้สูงอายุ สำหรับในหมวดอาหาร ได้แก่ อาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุและอาหารทางการแพทย์ แต่ทั้งนี้รูปแบบของอาหารควรเคี้ยวง่าย ย่อยง่าย มีขนาดที่พอเหมาะ และมีโภชนาการครบถ้วน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2) ธุรกิจอื่นๆ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้สูงอายุ คิดเป็นสัดส่วนราว 63% ของการใช้จ่ายทั้งหมดของผู้สูงอายุ ซึ่งการใช้จ่ายต่อครั้งจะมีมูลค่าสูง แต่มีความถี่ในการใช้จ่ายน้อยกว่าการบริโภคสินค้าในกลุ่มแรก (อาหารและสุขภาพ) อาทิ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ธุรกิจนวัตกรรมต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่ม Smart Home Devices เช่น ระบบสั่งการด้วยเสียง อุปกรณ์แจ้งเตือนเมื่อเกิดอุบัติเหตุในบ้าน กล้องติดตามการเคลื่อนไหว ไม้เท้าอัจฉริยะ เครื่องช่วยฟัง เป็นต้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง จากปัจจุบันผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ในบ้านเพียงลำพังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น รวมถึงความนิยมเลี้ยงสัตว์ของผู้สูงอายุเพื่อช่วยในการบำบัดรักษา (Pet Healing) ส่งผลให้สินค้าและบริการที่น่าจะได้ประโยชน์ เช่น อาหารสัตว์เลี้ยง อุปกรณ์เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง และบริการดูแลสัตว์เลี้ยง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ธุรกิจที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ&nbsp;ที่ปัจจุบันโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ ในปี 2023 ยังมีอยู่น้อยเพียง 728 แห่งทั่วประเทศ รองรับผู้สูงอายุที่ได้เพียงราว 19,490 คนเท่านั้น คาดว่าต่อไปจะเพิ่มมากขึ้น จากมาตรการหนุนให้ชาวต่างชาติมีอาศัยที่ไทย รวมถึงธุรกิจการปรับปรุงที่อยู่อาศัยน่าจะช่วยรองรับความต้องการของผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยได้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ธุรกิจบริการอื่นๆ เช่น บริการทางการเงิน โดยเฉพาะในกลุ่มสินเชื่อเพื่อผู้สูงอายุ และ Reverse Mortgage สำหรับผู้สูงอายุที่ต้องการเงินไว้ใช้หลังเกษียณ แต่ไม่มีลูกหลานดูแล รวมถึงบริการ Entertainment ต่างๆ สำหรับผู้สูงอายุทั้งรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์ อาทิ เกมช่วยบริหารสมองและช่วยป้องกันภาวะสมองเสื่อม (Dementia) และเกมช่วยฝึกความไวของสายตา เป็นต้น&nbsp; <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/07/tVSG7kk8odmWHkCx2fpP.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="tVSG7kk8odmWHkCx2fpP.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="720,579"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า แม้ตลาดผู้สูงอายุมีแนวโน้มน่าสนใจมากขึ้น แต่ธุรกิจอาจมีความเสี่ยงจาก 2 เรื่องหลัก ได้แก่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1. ตลาดแข่งขันรุนแรง เพื่อแย่งชิงลูกค้าที่มีศักยภาพ แม้ตลาดผู้สูงอายุจะมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้น แต่ในช่วง 2-3 ปีแรกของการเจาะตลาดผู้สูงอายุ ขนาดตลาดจะยังไม่ใหญ่มากตามจำนวนผู้สูงอายุไทยที่คาดว่าจะอยู่ที่ราว 23% ของจำนวนประชากรทั้งหมด และส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่มีรายได้น้อย ส่งผลต่อกำลังซื้อที่จำกัด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่ ผู้สูงอายุที่มีรายได้สูงส่วนใหญ่ พบว่ามักกระจุกตัวอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และภาคกลาง ทำให้ธุรกิจที่จะเข้ามาเป็นผู้เล่นในตลาดนี้อาจต้องเผชิญการแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดที่เข้มข้นจากคู่แข่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะจากจีน และญี่ปุ่น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากการปรับตัวของธุรกิจเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้สูงอายุแล้ว อีกหนึ่งประเด็นที่ต้องคำนึงถึง คือ การทำกลยุทธ์การตลาด (Marketing) ไปที่ลูก-หลาน ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเป็นผู้ตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการแทนผู้สูงอายุ โดยเน้นที่คุณภาพ/มาตรฐานของสินค้าและบริการ รวมถึงความคุ้มค่าด้านราคาเป็นหลัก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2. ธุรกิจมีต้นทุนในการปรับตัวรองรับสังคมสูงวัย&nbsp;ทั้งต้นทุนหลักที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยช่วงแรกของการเปลี่ยนผ่าน ธุรกิจจะมีต้นทุนส่วนเพิ่มจากการปรับไลน์การผลิต/พัฒนารูปแบบสินค้าให้ตอบโจทย์ผู้สูงอายุ เช่น สินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่มก็อาจต้องเพิ่มสารอาหารที่เหมาะสมกับวัยและโรคของผู้สูงอายุ ปรับบรรจุภัณฑ์ให้ใช้เปิด-ปิดง่าย เป็นต้น รวมถึงบางธุรกิจที่มีการใช้แรงงานเข้มข้น (Labor-intensive) ในภาคเกษตร การผลิต และการค้า ที่อาจต้องมีการนำเทคโนโลยีมาช่วยแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานที่จะรุนแรงในระยะข้างหน้า&nbsp; &nbsp; การปรับตัวเหล่านี้อาจกระทบผู้ประกอบการ SMEs ที่มีข้อจำกัดด้านเงินทุน ทั้งนี้ ปัจจุบันไทยมีจำนวนผู้ประกอบการ SMEs ทั้งหมดราว 3.18 ล้านราย โดยธุรกิจที่มีสัดส่วน SMEs สูง ได้แก่ ค้าส่ง/ค้าปลีก การผลิต ก่อสร้าง และธุรกิจการเกษตร คิดเป็นสัดส่วนรวมกันราว 63% ของจำนวน SMEs ทั้งหมด (รูปที่ 6) ทำให้ผู้ประกอบการ SMEs ในธุรกิจเหล่านี้มีแนวโน้มเผชิญแรงกดดันด้านต้นทุนเพิ่มขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แต่ในระยะข้างหน้า การปรับตัวรองรับสังคมสูงวัย โดยเฉพาะการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีต่างๆ ที่แม้จะใช้เงินลงทุนสูงในช่วงแรก แต่คาดว่าจะสร้างความคุ้มค่าในระยะกลาง-ยาวจากราคาเริ่มถูกลง เช่น ราคาหุ่นยนต์ (Robot Price) ที่ใช้ในอุตสาหกรรม (Robot Arms, Industrial Robots) จะลดลงเฉลี่ยปีละ 11% (CAGR 2017-2025) และการใช้ AI ในธุรกิจจะมีต้นทุนลดลงจากการแข่งขันกันพัฒนาโมเดล/ความสามารถใหม่ๆ โดยเฉพาะ Gen AI (ChatGPT, Gemini, Claude-3 ฯลฯ) ซึ่งคงจะช่วยผู้ประกอบการ SMEs ให้เข้าถึงเทคโนโลยีได้ง่ายขึ้น Photo by <a href="https://unsplash.com/@purzlbaum?utm_content=creditCopyText&amp;utm_medium=referral&amp;utm_source=unsplash">Claudio Schwarz</a> on <a href="https://unsplash.com/photos/man-in-red-shirt-and-black-pants-sitting-on-black-and-silver-wheel-chair-cw2bX6cQ8Zs?utm_content=creditCopyText&amp;utm_medium=referral&amp;utm_source=unsplash">Unsplash</a> เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/cimbt-th-economy-july-2024" alt="CIMBT มองเศรษฐกิจไทย ‘ซึมยาว’ ศักยภาพเหลือโต 3% มองเงินดิจิทัลช่วยแค่ระยะสั้น">CIMBT มองเศรษฐกิจไทย ‘ซึมยาว’ ศักยภาพเหลือโต 3% มองเงินดิจิทัลช่วยแค่ระยะสั้น</a><a href="https://www.forbesthailand.com/news/motoring/tta-mou-king-long" alt="TTA ของตระกูล ‘มหากิจศิริ’ จับมือค่ายรถจีน King Long เรียบร้อย บุกตลาด ‘กระบะไฟฟ้าเชิงพาณิชย์’ ในไทย"></a>​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events