<h2>กสิกรไทยเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ ‘K+ Go Inter’ บนแอปฯ K PLUS ตั้งเป้าหมายเป็นตัวช่วยเที่ยวต่างประเทศครบวงจร ทั้ง เช็กเรทแลกเงิน, ซื้อประกัน, ติดต่อธนาคาร ฯลฯ พร้อมสแกนจ่ายเงินได้ที่ประเทศจีนผ่าน Weixin Pay (เว่ยซิน เพย์) YunShanFu และ UnionPay QR</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แอปพลิเคชัน K PLUS ของธนาคารกสิกรไทยได้พัฒนาฟีเจอร์ใหม่ “K+ Go Inter” โดยรวบรวมบริการเที่ยวต่างประเทศทั้งหมดไว้ในฟีเจอร์นี้ พร้อมอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าตลอดการเดินทางครบวงจร ได้แก่ เช็กเรทแลกเงิน ซื้อประกันเดินทาง ใช้ K PLUS โทรฟรีเพื่อติดต่อ K-Contact Center แลก K Point ใช้บริการ K Point KLUB ที่สนามบินสุวรรณภูมิ จองทริปท่องเที่ยวกับ Gother เป็นต้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ K PLUS ยังสามารถใช้สแกนจ่ายที่ต่างประเทศได้สะดวก ฟรีค่าธรรมเนียม (ตรวจสอบการให้บริการแต่ละประเภทกับทางธนาคาร) โดยสามารถใช้ K PLUS สแกนจ่ายชำระเงินได้ทันที โดยไม่ต้องผูกบัตรหรือเติมเงิน และไม่ต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชันอื่นๆ เพิ่มเติม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ล่าสุด K PLUS พร้อมให้บริการในสาธารณรัฐประชาชนจีน ลูกค้าสามารถใช้ K PLUS สแกนจ่าย QR ได้ทั่วประเทศจีน เพียงมองหาสัญลักษณ์ Weixin Pay (เว่ยซิน เพย์) YunShanFu (หยุนฉานฟู) และ UnionPay QR ครอบคลุมร้านค้าทั่วจีน เช่น ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า นอกจากนี้ Weixin Pay (เว่ยซิน เพย์) ยังครอบคลุมไปถึงร้านค้าสตรีทฟู้ด และการเดินทางขนส่งสาธารณะ ทำให้ลูกค้า K PLUS สแกนจ่าย QR ได้สะดวก เหมือนสแกนจ่ายในประเทศไทย โดยระบบจะแสดงอัตราแลกเปลี่ยนบนหน้าจอให้อัตโนมัติก่อนยืนยันชำระเงินด้วย ภาพ: กสิกรไทย เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/travel/traveloka-survey-travel-redefined-apac-travellers-trend" alt="ผลสำรวจ Traveloka ชี้คนไทยชอบเที่ยวในประเทศ ทะเลและภูเขาคือจุดหมายยอดนิยม"></a><a href="https://forbesthailand.com/news/it/global/cloudflare-year-in-review-2024-thailand-and-global" alt="Cloudflare เผยรายงานประจำปี 2024 พบทั่วโลก “อินเทอร์เน็ตล่ม” กว่า 220 ครั้ง บ่อยขึ้นกว่าปีก่อนหน้า"></a><a href="https://forbesthailand.com/preview/74566" alt="กสิกรไทยคาดปี 68 'ธุรกิจร้านอาหาร-เครื่องดื่ม' ในไทยแตะ 6.5 แสนล้าน เติบโต 4.6% แต่จะแข่งขันแรงขึ้น">กสิกรไทยคาดปี 68 'ธุรกิจร้านอาหาร-เครื่องดื่ม' ในไทยแตะ 6.5 แสนล้าน เติบโต 4.6% แต่จะแข่งขันแรงขึ้น</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

กสิกรไทยเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ ‘K+ Go Inter’ บนแอปฯ K PLUS รวมทุกบริการเรื่องเที่ยวในที่เดียว

Stripe รุกอาเซียนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ยกระดับการค้าขายยุคดิจิทัล

<h2>Linktree ผู้ให้บริการ “link in bio” ยอดนิยมที่มีผู้ใช้มากกว่า 16 ล้านราย ได้ต่อยอดจากการเป็นตัวกลางที่รวบรวมลิงก์โซเชียลมีเดียหลากหลายแพลตฟอร์มไว้ในลิงก์เดียว สู่ความร่วมมือกับ PayPal ในการพัฒนา "Commerce Links” สำหรับการชำระเงินโดยตรงบน Linktree ทั่วโลก</h2>
<figure><img class="wp-image-49958" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/08/1_5FiyNDRM4db-uBudXFNFRg-e1586903196387-1024x698.jpg" alt="" width="720" height="491" /><figcaption> Alex Zaccaria ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ Linktree</figcaption></figure>

สตาร์ตอัพจากเมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย กล่าวว่า ครีเอเตอร์ในกว่า 200 ประเทศที่ PayPal ให้บริการอยู่สามารถชำระเงินผ่านเครื่องมือการทำธุรกรรมได้แล้ว

<a href="https://help.linktr.ee/en/support/solutions/articles/48001172633-what-are-commerce-links-">Commerce Links</a> ซึ่งเปิดตัวในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา อนุญาตให้ผู้ใช้ชำระเงินโดยตรงบนโปรไฟล์ Linktree โดยไม่ต้องเปิดเบราว์เซอร์หรือแท็บใหม่ 

การผนึกกำลังในครั้งนี้จึงช่วยให้ลูกค้า Linktree สามารถเชื่อมต่อบัญชี PayPal และรับการชำระเงินจากผู้ติดตามหรือลูกค้าผ่าน PayPal บัตรเดบิต หรือบัตรเครดิต และในทำนองเดียวกัน ผู้ใช้ Linktree ยังสามารถเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรม ได้อีกด้วย

“ในขณะที่เศรษฐกิจของครีเอเตอร์เติบโตขึ้น ครีเอเตอร์ต้องการวิธีใหม่ในการรวบรวมการชำระเงินและการสนับสนุนจากผู้ชมของพวกเขา โดยมีความซับซ้อนน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” Alex Zaccaria ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ Linktree กล่าวในแถลงการณ์ “เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ร่วมมือกับ PayPal เพื่อขยายโซลูชันของเราไปยังผู้ใช้ทั่วโลก และทำให้พวกเขาสามารถจัดการและสร้างรายได้จากระบบดิจิทัลของพวกเขาต่อไป”

<img class="alignnone wp-image-49959" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/08/cg7EJPdxZlNjkINmq7mBVK6W0NMwWRe9yQ-1024x717.png" alt="link in bio" width="720" height="504" />

ทั้งนี้ Commerce Links มีด้วยกันอยู่ 2 ประเภทที่ครีเอเตอร์สามารถใช้เพื่อรับการชำระเงินจากผู้ติดตามและลูกค้าของพวกเขา ได้แก่ “Support Me Link" ช่วยให้ผู้ใช้ Linktree สามารถเรียกเก็บเงินและรับเงินบริจาคจากผู้เข้าชมได้ ในขณะที่ “Request Links" ช่วยให้ลูกค้าและผู้ติดตามสามารถซื้อสินค้าและบริการจากครีเอเตอร์โดยตรงจากโปรไฟล์ Linktree ของพวกเขา

Linktree เผยว่า การทำงานร่วมกันกับ PayPal เกิดขึ้นหลังจากที่บริษัทประกาศเข้าซื้อกิจการ Songlink/Odesli แพลตฟอร์มรวบรวมลิงก์เพลงอัตโนมัติ ซึ่ง Linktree กำลังอยู่ระหว่างการผสาน Songlink/Odesli เข้ากับฟีเจอร์ “Music Link” ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ เพื่อให้สามารถแสดงชื่อเพลงหรืออัลบั้มเดียวกันโดยอัตโนมัติในบริการสตรีมเพลงทั้งหมดบนแพลตฟอร์มที่ต้องการได้

Linktree ก่อตั้งขึ้นในปี 2559 ปัจจุบันแข่งขันกับแพลตฟอร์ม "link in bio" หลายแห่ง อาทิเช่น Shorby, Linkin.bio และ Beacons โดยในเดือนมีนาคม Linktree ประกาศว่าสามารถระดมทุน 45 ล้านเหรียญในรอบ Series B นำโดย Index Ventures และ Coatue พร้อมกับนักลงทุนที่กลับมาให้การสนับสนุนอีกครั้งอย่าง AirTree Ventures และ Insight Partners

แปลและเรียบเรียงโดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ Linktree partners with PayPal to allow users globally to accept direct payments เผยแพร่บน Techcrunch.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/america/hyatt-hotels-corporation-ผู้ให้บริการรีสอร์ต.html">Hyatt Hotels Corporation ผู้ให้บริการรีสอร์ตหรูแบบครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในโลก</a>

Linktree จับมือ Paypal เปิดตัว “Commerce Links” รับชำระเงินทั่วโลก

<h2>ทรูมันนี่ปรับโฉมแอพพลิเคชั่น "ทรูมันนี่ วอลเล็ท" รุกหนักบริการ e-payment ชำระเงินผ่านกระเป๋าเงินของทรูมันนี่ได้หลากหลายขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ Fin Life พร้อมวางเป้าขยายบริการให้กู้ยืมเงิน-ประกันภัยภายในปี 2561 หวังดึงลูกค้าเงินกู้นอกระบบใช้บริการ</h2>
ปุณณมาศ วิจิตรกุลวงศา ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท แอสเซนด์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้ทรูมันนี่ ผู้ให้บริการ e-payment พร้อมเปิดตัวโฉมใหม่ของแอพพลิเคชั่น ทรูมันนี่ วอลเล็ท (TrueMoney Wallet) ที่มีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ ในการชำระเงินมากขึ้น จากเดิมสามารถใช้โอนเงินระหว่างบุคคล จ่ายบิลค่าสาธารณูปโภค เติมเงินมือถือ และชำระเงินผ่านร้านค้าออฟไลน์ เช่น เซเว่นอีเลฟเว่น ทรูคอฟฟี่

หลังจากนี้ผู้ใช้บริการจะสามารถใช้ทรูมันนี่ชำระเงินได้หลากหลายขึ้น เช่น โอนเงินให้บุคคลในต่างประเทศ ซื้อตั๋วเครื่องบิน จองโรงแรม สแกน QR code เพื่อชำระเงินในร้านค้าออฟไลน์อื่นๆ ที่จะร่วมเป็นพันธมิตรกับทรูมันนี่ในเร็วๆ นี้ ไปจนถึงการลงทุนในกองทุนรวมและกิจกรรมทางการเงินอื่นๆ

โดยทรูมันนี่เตรียมจัดโปรโมชันกระตุ้นตลาดผ่านเซเว่นอีเลฟเว่น สำหรับผู้ที่ชำระเงินที่เซเว่นอีเลฟเว่นด้วยทรูมันนี่ วอลเล็ทสามารถรับเงินคืน 5% เริ่มวันที่ 24 สิงหาคมนี้

<img style="width: 680px; height: 450px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/804caa688f1190ad8e4e6c860030696e.jpg" alt="" />

ปุณณมาศกล่าวว่า ทรูมันนี่ต้องการเป็นผู้ให้บริการการชำระเงินออนไลน์แบบครบถ้วนทุกความต้องการ ภายใต้คอนเซ็ปต์ Fin Life และต่อจากนี้จะขยายบริการทางการเงินให้ครบทั้ง 4 กลุ่มบริการที่ตั้งเป้าหมายไว้ คือ 1.การชำระเงินออนไลน์ 2.การให้กู้ยืมเงิน 3.การลงทุน และ 4.ธุรกิจประกัน

โดยในปี 2561 บริษัทจะเปิดตัวบริการให้กู้ยืมเงินและธุรกิจประกัน สำหรับการให้กู้ยืมเงิน จะดำเนินการผ่านใบอนุญาตของแอสเซนด์ นาโนซึ่งมีการให้กู้ยืมแบบแฟคตอริ่งอยู่แล้ว แต่การให้กู้ยืมผ่านทรูมันนี่ วอลเล็ทจะเป็นลักษณะเดียวกับสินเชื่อส่วนบุคคลของธนาคาร

อย่างไรก็ตาม ทรูมันนี่ต้องการจะเป็นพันธมิตรกับธนาคารพาณิชย์มากกว่าแข่งขันกัน เนื่องจากทรูมันนี่จะสร้างระบบจัดเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า (Data Analytics) และจัดเป็นเครดิตเรตติ้งสำหรับให้ธนาคารใช้ในการพิจารณา

"ลูกค้าที่อยู่ห่างไกลหรือเข้าไม่ถึงระบบธนาคาร เขาอาจไม่เคยมีประวัติกับธนาคารมาก่อนทำให้ธนาคารปล่อยสินเชื่อให้ไม่ได้ แต่ถ้ากลุ่มนี้ใช้บริการกับทรูมันนี่ เราก็จะมีข้อมูลการใช้จ่ายเงินของเขาซึ่งสามารถวิเคราะห์ส่งให้ธนาคารพิจารณาได้ หรือถ้าธนาคารไม่พร้อมอนุมัติทรูมันนี่ก็สามารถให้กู้ยืมเงินเองได้  สิ่งนี้จะช่วยลดปัญหาการกู้เงินนอกระบบของคนไทยซึ่งคิดอัตราดอกเบี้ยสูงมากถึง 25-40% ต่อเดือน" ปุณณมาศกล่าว ทั้งนี้ ในรายละเอียดวงเงินหรืออัตราดอกเบี้ยของทรูมันนี่ยังอยู่ระหว่างหารือร่วมกับ ANT Financial ในเครือ Alibaba ซึ่งเป็นหุ้นส่วนธุรกิจ

<img style="width: 680px; height: 450px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/b072c3a14fb14b5b333d595545700689.jpg" alt="" />

ด้าน ธุรกิจประกัน ปุณณมาศมองว่าจะเป็นการต่อยอดการใช้จ่ายเงินในชีวิตประจำวัน ซึ่งสอดคล้องกับการชำระเงินออนไลน์ที่เป็นจุดเริ่มต้นของทรูมันนี่ ดังนั้นจะเป็นประกันภัยที่ซื้อเป็นรายครั้ง เช่น ประกันภัยรถยนต์ ประกันภัยการเดินทาง ประกันภัยการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ เป็นต้น

เป้าหมายจากกลยุทธ์ปี 2560-61 ของทรูมันนี่ คาดว่าจะผลักดันยอดผู้ใช้งานที่มีการเคลื่อนไหว (active user) ของไทย จากขณะนี้ 3 ล้านราย ขึ้นเป็น 4 ล้านรายภายในสิ้นปีนี้ และ 8 ล้านรายภายในสิ้นปี 2561 ยอดการทำธุรกรรมจากปัจจุบัน 200-300 บาท/ครั้ง/คน ความถี่เฉลี่ย 7 ครั้ง/เดือน/คน คาดว่าอาจจะลดลงในอนาคตเพราะจะมีผู้ใช้งานรายใหม่เข้ามามาก แต่จะพยายามดึงลูกค้าให้ใช้งานต่อเนื่องให้มากที่สุดเพื่อกลับมามีความถี่การใช้งานสูงอีกครั้ง

"ปีนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของสังคมไร้เงินสด ปัจจุบันคนไทยยังใช้ระบบไร้เงินสดเพียง 20% และส่วนใหญ่เป็นการใช้บัตรเครดิต แต่เชื่อว่าต่อไปจะมีพัฒนาการแบบก้าวกระโดด โดยเฉพาะในสังคมเมือง เป็นไปได้ที่จะเห็นการใช้จ่ายแบบไร้เงินสดเพิ่มเป็น 70-80%" ปุณณมาศกล่าวปิดท้าย

&nbsp;

Forbes in Details

- จากการวิเคราะห์ของแอสเซนด์ กรุ๊ป คาดว่ามีผู้ใช้ e-wallet ทุกระบบรวมกันประมาณ 7-8 ล้านราย และหากวัดจากยอดการดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นผ่าน Google Play และ iTunes แอพฯ ทรูมันนี่ วอลเล็ทและ Kbank เป็น 2 แอพฯที่มีการดาวน์โหลดสูงสุด
- ทรูมันนี่ วอลเล็ทล่าสุดได้รับเลือกเป็นช่องทางชำระเงินใน App Store, Apple Music และ iTunes จากปกติจะชำระได้ผ่านบัตรเครดิต/เดบิตเท่านั้น
- การทำธุรกรรมที่นิยมมากที่สุดในแอพฯทรูมันนี่ วอลเล็ทคือการโอนเงินระหว่างบุคคล ซึ่งถูกนำไปใช้ในการซื้อขายสินค้าออนไลน์ โดยต่อไปบริษัทมองว่าสามารถนำไปใช้ในการจ่ายค่าบริการส่วนบุคคลอย่าง แท็กซี่ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ได้ด้วย

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events