จากวิศวกร NASA สู่ปรมาจารย์ด้านความเสี่ยง

<h2>ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผย เดือน ก.ย. ปี 2567 SET Index ปิดที่ 1,448.83 จุด เพิ่มขึ้น 6.6% จากสิ้นเดือนก่อนหน้า ถือว่าปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือน ส.ค. 2564 และยังเพิ่มขึ้น 2.3% จากสิ้นปี 66 โดยอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่าตลาด คือ ‘เทคโนโลยี-สินค้าอุปโภคบริโภค-กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร’</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เปิดเผยว่า ณ สิ้น ก.ย. 2567 SET Index ปิดที่ 1,448.83 จุด เพิ่มขึ้น 6.6% จากสิ้นเดือน ส.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2564 ขณะที่เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2566 SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.3% ซึ่งอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index ได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai ปรับมาอยู่ที่ 62,503 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.4% จากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า และปรับเพิ่มขึ้น 35.8% จากเดือนที่แล้ว ทำให้ 9 เดือนแรกของปี 2567 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน อยู่ที่ 46,481 ล้านบาท โดย Forward P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือน ก.ย. 2567 อยู่ที่ระดับ 15.8 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 13.0 เท่า และ Historical P/E อยู่ที่ระดับ 17.5 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 15.6 เท่า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ช่วงที่ผ่านมา ปัจจัยหลักที่นักลงทุนต่างติดตามคือ คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.5% เป็น 4.75% – 5.0% ถือเป็นการลดครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปี ซึ่งทำให้ความเสี่ยงต่อเป้าหมายการจ้างงานและเงินเฟ้ออยู่ในจุดสมดุล โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตอบรับเชิงบวกแสดงให้เห็นว่าผู้ลงทุนยังมั่นใจว่าเศรษฐกิจจะยังไม่เข้าสู่ภาวะ recession&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ หากพิจารณาข้อมูลในอดีตพบว่า หากธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยฯ จะเป็นผลดีต่อตลาดหุ้นในประเทศ Emerging Market เริ่มเห็นสัญญาณเงินลงทุนต่างชาติเคลื่อนย้ายมายังตลาดหุ้น ASEAN ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นส่วนใหญ่มีการปรับเพิ่มขึ้นมากในเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยเฉพาะดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ ตามลำดับ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในส่วนของภายในประเทศยังมีปัจจัยบวก อาทิ การเมืองไทยที่มีความชัดเจนมากขึ้นหลังมีการเลือกนายกรัฐมนตรีใหม่ ตัวเลขเศรษฐกิจไทยที่รายงานออกมาเข้มแข็งกว่าที่นักวิเคราะห์คาด รวมถึงมาตรการที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนผ่านการเพิ่มเม็ดเงินลงทุนของผู้ลงทุนสถาบันในประเทศ ทำให้ผู้ลงทุนต่างชาติพลิกกลับมาซื้อหุ้นไทยในเดือน ก.ย. สูงสุดในรอบ 22 เดือน ส่งผลให้เงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าอย่างรวดเร็ว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ดี หากพิจารณาจาก Sensitivity Analysis พบว่าหุ้นของบริษัทในกลุ่มส่งออกและท่องเที่ยวอาจได้รับผลกระทบเชิงลบต่อคาดการณ์กำไรในอนาคต ซึ่งตรงกันข้ามกับหุ้นของบริษัทในกลุ่ม domestic play และกลุ่มที่มีสัดส่วนนำเข้าเพื่อผลิตสูงที่อาจได้อานิสงส์จากต้นทุนที่ลดลง ขณะที่ SET Index ปรับเพิ่มขึ้นด้วยมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นในเดือนที่ผ่านมา เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/azay-unit-linked-oct-2024" alt="ตลาดประกัน Unit Linked ปี 67 ชะลอ แต่อลิอันซ์ อยุธยา รุกเพิ่ม 2 กองทุน คาดสิ้นปี 67 เบี้ยฯ โต 40%">ตลาดประกัน Unit Linked ปี 67 ชะลอ แต่อลิอันซ์ อยุธยา รุกเพิ่ม 2 กองทุน คาดสิ้นปี 67 เบี้ยฯ โต 40%</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ตลาดหุ้นไทยเดือน ก.ย. 67 ปิด 1,448.83 จุด เพิ่มขึ้น 6.6% เพิ่มสูงสุดนับจาก ส.ค. 64

<h2>Joe Gebbia หนึ่งในมหาเศรษฐีผู้ร่วมก่อตั้ง Airbnb ทยอยขายหุ้นบริษัททุกเดือน นับตั้งแต่ผู้ให้บริการที่พักแบบออนดีมานด์ในสหรัฐฯ เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในเดือนธันวาคม 2020 และหุ้นของบริษัทแตะระดับสูงสุดในช่วงครึ่งหลังของปีต่อมาเพียง 207 เหรียญสหรัฐฯ ก่อนที่จะปรับตัวลงกว่าร้อยละ 50 ในเวลาต่อมา เช่นเดียวกับหุ้นตัวอื่นๆ ในตลาดสหรัฐฯ </h2>
<figure><img class="wp-image-65066" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/06/1960x0-1.jpeg" alt="Joe Gebbia" width="720" height="479" /><figcaption> (ซ้าย-ขวา) ซีพีโอ Joe Gebbia, ซีทีโอ Nathan Blecharczyk และซีอีโอ Brian Chesky</figcaption></figure>
วันที่ 15 มิถุนายน 2021 Joe Gebbia ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ Airbnb และหัวหน้าหน่วยงานที่ไม่แสวงหากำไรของบริษัท ตัดสินใจขายหุ้นกว่า 5 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าราว 713 ล้านเหรียญ ก่อนที่จะเริ่มเทขายเรื่อยมาในอัตรา 200,000 ถึง 700,000 หุ้นต่อเดือน และล่าสุดในเดือนนี้คิดเป็นมูลค่าราวร้อยละ 8 ของสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท ซึ่ง Forbes ประเมินว่า Gebbia กวาดเงินกลับบ้านไปแล้วอย่างน้อย 450 ล้านเหรียญ อ้างอิงจากเอกสารที่ยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
เว้นแต่ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่ง Gebbia ได้ขายหุ้นไปกว่า 1.4 ล้านหุ้น รวมเป็นเงินก่อนหักภาษีที่ 215 ล้านเหรียญ ซึ่งยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า “แผนการซื้อขายของเขาในครั้งนี้เป็นรูปแบบใหม่หรือไม่” หลัง ก.ล.ต. เสนอกฎการเปิดเผยที่เข้มงวดยิ่งขึ้นเกี่ยวกับแผนการซื้อขายที่กำหนดไว้ล่วงหน้าในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว
“นอกเหนือจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ดูเหมือนว่าเขาจะทำตามกลยุทธ์การขายรายเดือนนี้เรื่อยมา” Daniel Taylor ศาสตราจารย์ภาควิชาบัญชีจาก The Wharton School of the University of Pennsylvania กล่าว “การขาย 200 ล้านเหรียญนั้น เราไม่อาจตัดสินว่าเป็นความตั้งใจของเขาหรือไม่ เพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงในนาทีสุดท้าย”
ด้าน Nathan Blecharczyk อีกหนึ่งผู้ร่วมก่อตั้ง ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์ของ Airbnb ขายหุ้นของบริษัทมูลค่า 482 ล้านเหรียญในช่วงครึ่งหลังของปี 2021 หรือประมาณร้อยละ 3.5 ของสัดส่วนการถือหุ้นของเขาซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการซื้อขายที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
ฉะนั้นในภาพรวมแล้ว ทั้ง Gebbia และ Blecharczyk ต่างขายหุ้นไปแล้วมูลค่ากว่า 1.2 พันล้านเหรียญตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายน 2021 ทว่าอาจจะต่างกันตรงที่ Blecharczyk ยังไม่ได้ขายหุ้นเลยในปีนี้
อย่างไรก็ดี ปัจจุบัน Gebbia มีสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทร้อยละ 9 ขณะที่ Blecharczyk ถือหุ้นร้อยละ 10 และแต่ละคนต่างควบคุมมากกว่าร้อยละ 20 ของสิทธิ์ในการออกเสียงภายในองค์กร
ล่าสุด Forbes ประเมินว่ามูลค่าทรัพย์สินของ Gebbia อยู่ที่ 6.5 พันล้านเหรียญ และ Blecharczyk อยู่ที่ 6.2 พันล้านเหรียญ ณ วันที่ 24 มิถุนายน 2022
<img class="alignnone wp-image-65073" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/06/airbnb-hero--1024x683.jpeg" alt="Joe Gebbia " width="720" height="480" />
ในทางตรงกันข้าม Brian Chesky ผู้ร่วมก่อตั้งคนที่ 3 ของ Airbnb ไม่ได้ขายหุ้นแม้แต่หุ้นเดียวในปีที่ผ่านมา หลังขายหุ้นครั้งสุดท้ายในวันที่บริษัทเข้าทำ IPO วันแรก กวาดเงินไปกว่า 30 ล้านเหรียญ ส่งผลให้ในปัจจุบัน Chesky ซึ่งมีสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 11 ในบริษัท มีมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 8.2 พันล้านเหรียญ
ทั้งนี้ ทางโฆษกของบริษัทไม่ตอบสนองต่อคำร้องขอความคิดเห็นจาก Forbes เกี่ยวกับสาเหตุการเทขายหุ้นจำนวนมากของ Gebbia และ Blecharczyk แต่มีความเป็นไปได้ว่าทั้งคู่อาจนำเงินไปลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพหลายแห่ง อาทิ Swimply ซึ่งให้บริการเช่าสระว่ายน้ำรายชั่วโมง หรือ Studio คลาสเรียนออนไลน์ 30 วันของนักร้อง Charlie Puth และกลุ่มอะแคปเปลลา Pentatonix (ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก Jeffrery Katzenberg ผู้ก่อตั้ง Quibi) ไปจนถึงธุรกิจแบรนด์เสื้อผ้าผู้ชายในกรุงลอนดอนอย่าง Vollabek
นอกจากนี้ ผู้ก่อตั้งทั้ง 3 คนยังได้ร่วมบริจาคเงินมากถึง 10 ล้านเหรียญ เพื่อสนับสนุนผู้ลี้ภัยที่อพยพจากยูเครน และล่าสุดในเดือนพฤษภาคม Gebbia ได้มอบหุ้นของบริษัทกว่า 2.2 ล้านเหรียญแก่นักเรียนในโอกาสจบการศึกษามัธยมปลายจาก Brookwood High School ขณะที่ในปีที่ผ่านมา เขาได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะบริจาคเงิน 700,000 เหรียญ เพื่อส่งเสริมแผนกศิลปะและทีมวิ่ง cross country ซึ่งเป็น 2 กิจกรรมที่เขาเคยเข้าร่วม
แม้ว่าราคาหุ้นของ Airbnb จะปรับตัวสูงขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ขณะที่ธุรกิจก็เริ่มกลับมาเติบโตด้วยดีตั้งแต่เลิกจ้างพนักงานเกือบ 2,000 คนในเดือนพฤษภาคม 2020 
ล่าสุดเมื่อเดือนที่แล้ว บริษัทเผยว่า ยอดการจองที่พักให้เช่าแบบ peer-to-peer ได้ทะลุระดับก่อนเกิดโรคระบาดเป็นที่เรียบร้อย ส่งผลให้ไตรมาสแรกของปี 2022 บริษัทมีรายรับเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 พันล้านเหรียญ หรือราวร้อยละ 40 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ผลขาดทุนสุทธิลดลงเหลือประมาณ 19 ล้านเหรียญจาก 1.17 พันล้านเหรียญ
แปลและเรียบเรียงโดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ These Airbnb Founders Have Sold More Than $1 Billion Worth Of Stock Combined In The Past Year เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/america/joe-gebbia-%e0%b8%9c%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b8%a3%e0%b9%88%e0%b8%a7%e0%b8%a1%e0%b8%81%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%95%e0%b8%b1%e0%b9%89%e0%b8%87-airbnb-%e0%b8%a1%e0%b8%ad%e0%b8%9a%e0%b8%ab%e0%b8%b8%e0%b9%89.html">Joe Gebbia ผู้ร่วมก่อตั้ง Airbnb มอบหุ้นกว่า 2.2 ล้านเหรียญฯ แก่นักเรียน โอกาสจบการศึกษามัธยมปลาย</a>
<div class="single-content-writer-box">
<div>

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a style="color: #003300;" href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

</div>
</div>

3 ผู้ร่วมก่อตั้ง Airbnb เทขายหุ้นรวมเป็นมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านเหรียญฯ ในปีเดียว

บทเรียน GAMESTOP จุดเริ่มต้นของฟองสบู่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ หรือไม่

<h2>กูรูการลงทุนชี้เศรษฐกิจโลกฟื้น เชียร์ลงทุนตลาดหุ้นสหรัฐฯ ญี่ปุ่น อินเดีย</h2>
ขายน้ำมันทำกำไร พร้อมเฝ้าระวังความเสี่ยง Brexit เลือกตั้งยุโรป ราคาน้ำมัน การลดอัดฉีดสภาพคล่องผ่าน QE หลังผ่านพ้นช่วงเศรษฐกิจโลกขยายตัวต่ำที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจโลกในปี 2551 ด้วยอัตรา 3% ในปีที่ผ่านมา ในปี 2560 คมศร ประกอบผล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ ทิสโก้ เชื่อว่า เศรษฐกิจโลกในปี 2560 จะมีการปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะเงินเฟ้อที่กลับมาเร่งตัวตามราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ฟื้นตัว ส่งผลต่อรูปแบบการใช้นโยบายเศรษฐกิจ ซึ่งเปลี่ยนจากการใช้นโยบายการเงิน เช่นการทำ QE และดอกเบี้ยติดลบ ไปสู่การกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยนโยบายการคลัง

สำหรับจุดเปลี่ยนสำคัญที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว คือ การชนะการเลือกตั้งของประธานาธิบดี Donald Trump และการครองเสียงข้างมากของพรรค Republican ในสภาคองเกรส ซึ่งจะทำให้เกิดการผลักดันมาตรการลดภาษี และการเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐ กลายเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมถึงเศรษฐกิจโลกในปี 2560

ขณะเดียวกันกูรูทิสโก้ ยังแนะนำการลงทุนในตลาดหุ้น ซึ่งได้รับประโยชน์จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดี Trump และตลาดหุ้นญี่ปุ่น จากค่าเงินเยนอ่อนค่าและการเติบโตอย่างต่อเนื่องของกำไรบริษัทจดทะเบียน รวมถึง Valuation ที่ยังถูกจึงเป็นโอกาสลงทุน

นอกจากนั้น ตลาดหุ้นอินเดีย ที่ปรับฐานจากผลกระทบของการยกเลิกการใช้ธนบัตร 500 และ 1,000 รูปี น่าจะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวเพียงระยะสั้นๆ แต่ศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจและกำไรของบริษัทจดทะเบียนในระยะยาวยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี พร้อมทั้งแนะนำให้ขายทำกำไรในน้ำมันที่ราคาปรับขึ้นมากและข่าวดีจากความตกลงลดปริมาณการผลิตได้ถูกประกาศออกมาหมดแล้ว รวมถึงทยอยสะสม ทองคำ เพื่อกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ยังมีความเสี่ยงที่ต้องจับตา ได้แก่
1) ความเสี่ยงทางการเมืองจากการเจรจา Brexit และการเลือกตั้งในยุโรปหลายประเทศ
2) ราคาน้ำมันที่อาจปรับตัวลดลงหากกลุ่ม OPEC ตัดสินใจกลับมาเพิ่มกำลังการผลิตในการประชุมปลายเดือน พ.ค. ที่จะถึงนี้
3) แนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น เช่นการปรับขึ้นดอกเบี้ยและการลดการอัดฉีดสภาพคล่องผ่าน QE ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นราวไตรมาส 4 ของปี

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events