<h2>ท็อปส์ เดลี่ ธุรกิจภายใต้ เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล กรุ๊ป ในเครือเซ็นทรัล รีเทล สร้างปรากฏการณ์ครั้งใหญ่ให้กับวงการร้านสะดวกซื้อ เปิดตัว TOPS DAILY x TOPS WINE CELLAR ไฮบริดโมเดลใหม่ที่ผสาน 2 ความแข็งแกร่งจาก 2 แบรนด์ในเครือเซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล กรุ๊ป ได้แก่ ท็อปส์ เดลี่ มินิซูเปอร์มาร์เก็ต และท็อปส์ ไวน์ เซลล่าร์ สเปเชียลตี้สโตร์ สร้างนิยามความสะดวกสบายรูปแบบใหม่ให้กับลูกค้าด้วยการขยายไลน์จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พรีเมียมจาก 13 ประเทศทั่วโลก กว่า 700 รายการ นำร่องในเฟสแรก 13 สาขาในไพร์มโลเคชัน ได้แก่ ภูเก็ต เกาะสมุย เกาะพะงัน และพัทยาเป็นพื้นที่แรก พร้อมตั้งเป้าขยายเพิ่ม 20 - 25 สาขาในปี 2568</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สเตฟาน คูม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฟู้ด เซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า ธุรกิจร้านสะดวกซื้อในประเทศไทยยังคงมีอัตราการแข่งขันที่สูงจากอานิสงส์เทรนด์การบริโภคใหม่ๆ มาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย และการเติบโตขึ้นของภาคการท่องเที่ยว โดยมีการคาดการณ์ว่าในปี 2568 มูลค่าตลาดดังกล่าวมีแนวโน้มเติบโตสูงถึง 6.38 แสนล้านบาท (ที่มา: ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์) จึงได้เดินหน้าวางหมากกลยุทธ์สำคัญด้วยการสร้างความแตกต่างทางธุรกิจให้กับท็อปส์ เดลี่ เพื่อสู้สังเวียนธุรกิจร้านสะดวกซื้อที่มีการแข่งขันสูง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เราเล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจจากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ จากการคาดการณ์ของ ททท. จะมีนักท่องเที่ยวถึง 40 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวที่ 35.54 ล้านคน ซึ่งมาพร้อมดีมานด์สินค้ากลุ่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องถึง 13% ในพัทยาและภูเก็ต บวกกับจุดขายของแบรนด์ใมเครือของท็อปส์ที่มีอยู่ นำมาผสานเข้าด้วยกัน เกิดเป็นโมเดลธุรกิจใหม่ TOPS DAILY x TOPS WINE CELLAR นิยามใหม่ของร้านสะดวกซื้อไฮบริดโมเดล” สเตฟาน คูม กล่าว <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/03/cfuo83EDpFjHyriHf84k.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="cfuo83EDpFjHyriHf84k.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="0"></figure></div>​&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;TOPS DAILY x TOPS WINE CELLAR ผสานความแข็งแกร่งของแบรนด์ ท็อปส์ เดลี่ (TOPS DAILY) มินิซูเปอร์มาร์เก็ตที่มีจุดแข็งในเรื่องของสินค้าอุปโภค-บริโภคหลากหลายจากทุกมุมโลกเข้ากับสเปเชียลตี้ สโตร์อย่าง ท็อปส์ ไวน์ เซลล่าร์ (TOPS WINE CELLAR) ซึ่งมีความโดดเด่นด้านการคัดสรรไวน์ที่มีคุณภาพโดยทีมผู้เชี่ยวชาญการจัดซื้อไวน์ จำหน่ายไวน์ พรีเมียมและไวน์เอกสิทธิ์โดยตรงจากโรงบ่มไวน์ชั้นนำ ในราคาที่คุ้มค่า เพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์การช็อปปิ้งในร้านสะดวกซื้อในรูปแบบใหม่ที่แตกต่างและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ความต้องการของลูกค้าในพื้นที่แบบตรงจุด ครบจบในที่เดียว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้าน เมทินี พิศุทธิ์สินธพ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวเสริมว่า TOPS DAILY x TOPS WINE CELLAR คือไฮบริดโมเดลที่มีเอกลักษณ์เฉพาะและยังเป็นแบรนด์แรกในตลาดที่รวมร้านสะดวกซื้อและร้านขายไวน์เฉพาะทางเข้าด้วยกันเพื่อสร้างความสะดวกสบายพร้อมประสบการณ์ช็อปปิ้งที่สนุกและตอบโจทย์ให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น ตามแนวคิด Joy-venience Store ของท็อปส์ เดลี่ ซึ่งได้นำร่องเปิดตัวสาขาแรกที่ ท็อปส์ เดลี่ ลากูน่า วิลเลจ จ.ภูเก็ต โดยเปิดให้บริการเมื่อปลายปี 2567 ที่ผ่านมา​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/03/x9T5tBxMbfihcWgDQrrL.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="720px,480px" data-align="center" data-file-name="x9T5tBxMbfihcWgDQrrL.jpg" data-file-size="0" origin-size="720,480" data-origin="720px,480px" style="width: 720px; height: 480px;" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เราได้ขยายไลน์กลุ่มสินค้าแอลกอฮอล์เช่น เบียร์ ไวน์ และสุรา จาก 240 รายการ เพิ่มขึ้นเป็น 700 รายการ พร้อมทั้งจัดพื้นที่เป็นโซนพิเศษโดยเฉพาะ เพื่อให้ลูกค้าที่มาช็อปที่ท็อปส์ เดลี่ ได้รื่นรมย์กับสินค้าคุณภาพหลากหลายรายการและได้ดื่มด่ำกับเครื่องดื่มชั้นเลิศ จึงมั่นใจได้ว่าไฮบริดโมเดลนี้จะดึงความสนใจจากทั้งนักท่องเที่ยวและลูกค้าในพื้นที่ได้ สะท้อนจากความสำเร็จของสาขา ท็อปส์ เดลี่ ลากูน่า วิลเลจ ที่ช่วยกระตุ้นยอดขายต่อวันเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเห็นได้จากยอดขายเฉลี่ยต่อวันของท็อปส์ เดลี่ ลากูน่า วิลเลจ สูงกว่ายอดขายที่คาดการณ์ไว้ถึง 37% โดยมีฐานลูกค้าหลักเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติสูงถึง 60%” เมทินี อธิบาย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;TOPS DAILY x TOPS WINE CELLAR ร้านสะดวกซื้อไฮบริดโมเดลใหม่ โดดเด่นด้วย 3 ไฮไลต์ ที่พร้อมสร้างประสบการณ์การช็อปปิ้งที่เหนือกว่า ได้แก่&nbsp; &nbsp; 1. ครบ จบ ทุกความต้องการช็อป ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการสินค้าครบครันในที่เดียว ทั้งสินค้าอุปโภคบริโภคและเครื่องดื่มคุณภาพสูง ลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าได้หลากหลาย ตั้งแต่อาหารสด ของใช้ในครัวเรือน ไปจนถึงไวน์และเครื่องดื่มนำเข้าจากทั่วโลก&nbsp; &nbsp; 2. ครบครันสินค้าไวน์นำเข้าชั้นเลิศที่คัดสรรอย่างดี ซึ่ง TOPS DAILY x TOPS WINE CELLAR ถือเป็นสวรรค์สำหรับคนรักไวน์และนักสังสรรค์อย่างแท้จริง โดยนำเสนอไวน์พรีเมียมมากกว่า 300 รายการจาก 13 ประเทศ รวมทั้งไวน์พิเศษถึง 200 รายการ พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์ (Wine Specialist) ที่คอยให้คำแนะนำและช่วยเลือกไวน์ที่เหมาะกับความชอบของลูกค้า&nbsp; &nbsp; 3. ครบเครื่องด้วยบรรยากาศผ่อนคลาย เติมเต็มสุนทรียภาพด้วยพื้นที่ที่ให้ลูกค้าได้นั่งสังสรรค์และผ่อนคลายพร้อมเพลิดเพลินกับเครื่องดื่มหลากหลาย มอบประสบการณ์ที่เหนือระดับแห่งการช็อปให้กับลูกค้า​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/03/ekte3CyhJMUpwA3fQW1Q.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="ekte3CyhJMUpwA3fQW1Q.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="2"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปัจจุบันโมเดลไฮบริด TOPS DAILY x TOPS WINE CELLAR ได้ทดลองเปิดให้บริการเฟสแรกแล้วรวม 13 สาขา ในพื้นที่เมืองท่องเที่ยว อันได้แก่ ภูเก็ต เกาะสมุย เกาะพะงัน และพัทยา เพื่อทำความเข้าใจและศึกษาถึงการตอบรับของลูกค้าได้อย่างแท้จริงในแต่ละพื้นที่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“นอกจากการนำร้าน TOPS WINE CELLAR เข้ามาผนวกแล้ว ที่ท็อปส์ เดลี่ สาขาในยาง จ.ภูเก็ต ยังได้เพิ่มสีสันด้วยการผนึกร้าน The Baker Cafe เข้าด้วยกัน เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งและสร้างภาพลักษณ์ที่แตกต่างของ ท็อปส์ เดลี่ ให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น โดยคำนึงถึงไลฟ์ไสตล์และความต้องการของลูกค้าในแต่ละพื้นที่ ทั้งนี้เรามีเป้าหมายที่จะขยายโมเดลดังกล่าวเพิ่มขึ้น 20 - 25 สาขา ภายในปี 2568” เมทินี กล่าวสรุป ภาพ: ท็อปส์ เดลี่ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/pet-food-thailand-kresearch-mar-2025" alt="ทาสหมาแมวพร้อมเปย์! กสิกรฯ คาดตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงไทยปี 68 โต 12%">ทาสหมาแมวพร้อมเปย์! กสิกรฯ คาดตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงไทยปี 68 โต 12%</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

TOPS DAILY เปิดตัวโมเดลใหม่ รวม ‘ร้านสะดวกซื้อ-ร้านไวน์’ ไว้ในที่เดียว นำร่องทดลอง 13 สาขาในเมืองท่องเที่ยว

<h2>ท็อปส์ เดลี่ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล สร้างปรากฏการณ์ใหม่ในวงการร้านสะดวกซื้อ เปิดตัว Daily Smoothie ครั้งแรกกับเครื่องทำสมูทตี้อัตโนมัติในไทย มอบประสบการณ์ใหม่ให้ลูกค้าได้เพลิดเพลินกับการเลือกสมูทตี้ผลไม้แท้ 100% ด้วยตนเอง 3 รสชาติ 3 สไตล์ ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่มองหาทางเลือกเพื่อสุขภาพได้ง่ายขึ้น ในราคาที่เข้าถึงได้ นำร่องเปิดตัวในท็อปส์ เดลี่ 4 สาขา</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เมทินี พิศุทธิ์สินธพ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า “ปัจจุบันผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น จากปัจจัยด้านสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง สิ่งแวดล้อม โรคระบาด รวมถึงการดูแลรูปร่าง หน้าตา ผิวพรรณ ส่งผลให้เครื่องดื่มสมูทตี้จากผักและผลไม้สดได้รับความนิยมเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ด้วยรสชาติอร่อย ดื่มง่าย สดชื่น และอุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญอย่างวิตามินและแร่ธาตุ ท็อปส์ เดลี่ จึงเล็งเห็นโอกาสพัฒนาสินค้าและบริการให้ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภค”​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/02/mjUNX4z2NagxGZPyyxyn.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="mjUNX4z2NagxGZPyyxyn.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="0"><figcaption><div>เมทินี พิศุทธิ์สินธพ</div></figcaption></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ได้สำรวจเทรนด์และเทคโนโลยีจากร้านสะดวกซื้อทั่วโลกซึ่งพบว่า เครื่องทำสมูทตี้อัตโนมัติในร้านสะดวกซื้อเป็นนวัตกรรมที่แปลกใหม่และน่าสนใจ สร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ลูกค้า รวมถึงโอกาสในการทำตลาดให้กับท็อปส์ เดลี่ จึงได้นำมาต่อยอดเป็นเจ้าแรกในประเทศไทย เพื่อสร้างประสบการณ์ให้แก่ลูกค้าด้วยสมูทตี้ที่ดีต่อสุขภาพ รสชาติอร่อย พร้อมราคาที่เข้าถึงได้ นับเป็นการยกระดับร้านสะดวกซื้อที่จะส่งมอบความสนุกมากยิ่งขึ้นตามคอนเซ็ปต์ Joy-venience Store ของท็อปส์ เดลี่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับ Daily Smoothie จาก ท็อปส์ เดลี่ เป็น เครื่องทำสมูทตี้อัตโนมัติ ที่พร้อมเปิดประสบการณ์ให้ลูกค้าคนพิเศษได้เพลิดเพลินกับการเลือกเครื่องดื่มสมูทตี้ด้วยตนเอง เพียงกดปุ่มเดียวก็ได้สมูทตี้ผลไม้แท้ 100% ปั่นสดเนียนละเอียดภายในเวลาไม่กี่นาที พร้อมเติมความสดชื่นให้ทุกวันด้วย 3 เมนูสมูทตี้สุดเฟรชจาก Daily Smoothie ได้แก่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;• Tropical Sunshine Smoothie สดชื่นเต็มแม็กซ์กับสมูทตี้รสชาติเปรี้ยวหวานจากมะม่วง เสาวรส และสับปะรด ให้ความรู้สึกเหมือนได้จิบความสดใสของฤดูร้อน เหมาะสำหรับคนรักผลไม้เขตร้อนตัวจริง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;• Green Paradise Smoothie เฮลตี้แบบเต็มขั้นกับกีวี่ แอปเปิ้ลเขียว และสับปะรด รสหวานละมุน ดื่มง่าย ได้ประโยชน์ เหมาะสำหรับสายสุขภาพที่มองหาเครื่องดื่มดีๆ ตลอดวัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;• Berrylicious Smoothie สดชื่นไปกับความเปรี้ยวอมหวานของสตรอว์เบอร์รี่และบลูเบอร์รี่ ผสานความกลมกล่อมจากกล้วยหอม อร่อย ลงตัว อุดมไปด้วยวิตามินจากผลไม้ตระกูลเบอร์รี่​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/02/SU588TpK8EzUADMWt1be.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="SU588TpK8EzUADMWt1be.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="1"></figure></div>​<div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/02/1N76JFrudxExZ2aUxZQk.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="1N76JFrudxExZ2aUxZQk.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="2"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สัมผัสความสดชื่นแบบเต็มรสชาติไปกับ Daily Smoothie เครื่องทำสมูทตี้อัตโนมัติสุดล้ำ ที่พร้อมเสิร์ฟความอร่อยสดใหม่ในทุกแก้ว เลือกฟินได้กับสมูทตี้ 3 รสชาติ 3 สไตล์ ในราคาแก้วละ 65 บาท ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์สายเฮลตี้ได้แล้ววันนี้ ที่ท็อปส์ เดลี่ 4 สาขา ได้แก่ สาขา ดิ ออฟฟิศเซส แอท เซ็นทรัลเวิลด์, สาขาศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ, สาขากรุงเทพกรีฑา 32 และสำนักงานใหญ่ เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล (เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ ชั้น 17) และจะขยายเพิ่มเติมไปที่จังหวัดภูเก็ตในเร็วๆ นี้ ภาพ: ท็อปส์ เดลี่ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/marketing/suki-teenoi-profit-2024" alt="สุกี้หลักร้อย กำไรพันล้าน! ‘สุกี้ตี๋น้อย’ กำไรปี 67 ทะลุ 1,169 ล้านบาท">สุกี้หลักร้อย กำไรพันล้าน! ‘สุกี้ตี๋น้อย’ กำไรปี 67 ทะลุ 1,169 ล้านบาท</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

สายรักสุขภาพมีเฮ! ท็อปส์ เดลี่เปิดตัว Smoothie Daily เครื่องทำสมูทตี้อัตโนมัติครั้งแรกในไทย ราคาแก้วละ 65 บาท

<h2>Tops ค้าปลีกในกลุ่มเซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล ในเครือเซ็นทรัล รีเทล หรือ CRC ครบรอบ 28 ปีในไทยแล้ว ประกาศสร้างการเติบโตขยายสู่ 1,000 สาขาภายในปี 2570 ตั้งเป้าครองตำแหน่งซูเปอร์มาร์เก็ตเชนรายใหญ่ที่สุดในประเทศ</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สเตฟาน คูม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มเซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล กล่าวว่า เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ได้บุกเบิกธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ต ‘ท็อปส์’ มาตั้งแต่ 28 ปีก่อน โดยดำเนินธุรกิจด้วยการยึดลูกค้าเป็นหัวใจสำคัญในการเดินหน้าพัฒนาสินค้าและบริการอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงในทุกยุคสมัย จนสามารถสร้างการเติบโตของธุรกิจได้อย่างแข็งแกร่ง ได้รับความเชื่อมั่นและไว้วางใจจากผู้บริโภค​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/08/CR4BLeW4EcgSGxwzrnRp.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="CR4BLeW4EcgSGxwzrnRp.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับไฮไลต์ความสำเร็จที่ผ่านมาที่สะท้อนบทบาทผู้นำของธุรกิจ อาทิ ผู้นำเทรนด์ตลาดค้าปลีกกลุ่มฟู้ดรูปแบบใหม่ๆ และการจำหน่ายสินค้านำเข้าภายใต้เอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์ (First-in &amp; Exclusive), ผู้นำด้านการ เฟ้นหาสินค้าคุณภาพที่ครบครันที่สุด ผ่านการคัดสรรอย่างดีทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ รวมกว่า 50,000 รายการ (Truly World-Class)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ยังเป็นผู้นำด้านการพัฒนารูปแบบร้านในหลากหลายโมเดลและช่องทางการจำหน่าย (Omni-Channel Excellence) และยังเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกรายแรกของเมืองไทยที่พัฒนาระบบลอยัลตี้โปรแกรม (First Loyalty Program in Thailand) เพื่อเข้าถึงทุกความต้องการของลูกค้าและนำเสนอสิทธิประโยชน์ได้อย่างตรงใจ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ความสำเร็จของท็อปส์ สะท้อนผ่านผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ซึ่งมีปริมาณการใช้บริการที่ร้าน (Ticket Counts) เพิ่มขึ้น 11% และมีจำนวนลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะเดียวกันปีนี้ได้เดินหน้าขยายสาขาในแต่ละพื้นที่ เพื่อเข้าถึงลูกค้าอย่างครอบคลุม ซึ่งในสิ้นปีนี้ ท็อปส์ จะมีสาขาเปิดให้บริการครอบคลุมในทุกฟอร์แมตรวมกว่า 730 สาขา ได้แก่ ท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์ 20 สาขา, ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ตรวมมากกว่า 150 สาขา, ท็อปส์ เดลี่ อีกกว่า 520 สาขา, ท็อปส์ ไวน์ เซลล่าร์ มากกว่า 10 สาขา และ มัทสึคิโยะ อีก 25 สาขา อีกทั้งยังวางแผนขยายและ อัปเกรดสาขาอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยมากกว่า 100 สาขาต่อปี​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/08/fVCSSPokJuZ654mFtbK5.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="fVCSSPokJuZ654mFtbK5.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายสเตฟาน กล่าวต่อว่า “เราวางเป้าหมายการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยภายใน 4 ปี (พ.ศ. 2567-2570) เราตั้งเป้าสร้างธุรกิจให้เติบโตเฉลี่ย 8% ต่อปี (CAGR) เพื่อมุ่งสู่การเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตเชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศด้วยสาขามากกว่า 1,000 แห่ง ภายในปี พ.ศ. 2570&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ในการก้าวเข้าสู่ทศวรรษที่ 3 อย่างมั่นคง ท็อปส์ ได้ประกาศทิศทางการขับเคลื่อนธุรกิจและองค์กร ด้วยการกำหนดวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ “Truly World-Class Omni-Channel Lifestyle Food Retail” พร้อมวางแผนการลงทุนในปี 2567 ด้วยเม็ดเงินกว่า 1.6 พันล้านบาท ผ่าน 4 กลยุทธ์ทางธุรกิจที่สำคัญ หรือ T-O-P-S ได้แก่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;T - Truly World Class: เดินหน้ายกระดับประสบการณ์ลูกค้าที่เหนือกว่าและแตกต่าง ด้วยสินค้าคุณภาพ คัดสรรอย่างดี ทั้งในประเทศและต่างประเทศรวมกว่า 80 ประเทศ ทั่วโลก โดยคัดเลือกสินค้าจากแบรนด์ชั้นนำที่ได้รับการยอมรับและเป็นที่รู้จักทั่วโลกมากกว่า 210 แบรนด์มารวมไว้ในที่เดียว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับการสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยและกลุ่มเกษตรกรเพื่อพัฒนาสินค้าคุณภาพ พร้อมกิจกรรมการตลาดใหม่ๆ เพื่อโปรโมทสินค้าจากประเทศต่างๆ รวมถึงประเทศไทย ให้ลูกค้าได้ค้นพบประสบการณ์การซื้อสินค้าจากทั่วทุกมุมโลกได้ในที่เดียวที่ท็อปส์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;O - Omni-Channel: สร้างประสบการณ์ช้อปสะดวกแบบไร้รอยต่อ ผ่านช่องทางออมนิแชแนล ทั้งในรูปแบบร้านค้าแบบมี หน้าร้าน (Brick &amp; Mortar store) ที่เปิดให้บริการทั่วประเทศใน 46 จังหวัด รวมกว่า 700 แห่ง ควบคู่กับการพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ ทั้งการขนส่งผ่านแพลตฟอร์มเดลิเวอรีรายใหญ่ของประเทศ ท็อปส์ ออนไลน์ บริการผู้ช่วยช้อปส่วนตัว หรือ Personal Shopper รวมถึงการสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางอย่าง Tik Tok เป็นต้น​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/08/KnK5y9XcyaEqUDoWJiqr.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="KnK5y9XcyaEqUDoWJiqr.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;P - Pleasure: สร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งสินค้าที่ดีที่สุดกับ 14 กลุ่มสินค้า (14 Wonders) อาทิ สินค้าผักและผลไม้ (Fruits &amp; Vegs), ขนมขบเคี้ยว (Snackers) หลากหลายรายการ มีจำหน่ายเฉพาะที่ท็อปส์เท่านั้น, ไวน์และเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ (Wine &amp; Spirits) นำเข้าตรงจากแหล่งผลิตไวน์ชั้นดีจากทั่วโลก นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงสินค้า Own Brand และ เอ็กซ์คลูซีฟไอเท็ม Only at Tops รวมกว่า 300 รายการ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;S - Sustainability: ขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืนในทุกๆ มิติ เดินหน้าสานต่อโครงการ “Small Acts Together” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธ์ของท็อปส์ที่จะบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero) โดยสนับสนุนให้คู่ค้าและลูกค้าคนสำคัญเข้ามามีส่วนร่วมในการทำให้โลกน่าอยู่และยั่งยืน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ยกตัวอย่างเช่น โครงการช่วยเหลือเกษตรกรไทยผ่านตลาดจริงใจ Farmers’ Market กว่า 11,000 ครัวเรือน, การปรับใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตั้งเป้าลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากกว่า 40 ตัน คาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี, การส่งต่ออาหารส่วนเกินสู่ชุมชนรวม 6.2 ล้านมื้อ แปรรูปอาหารส่วนเกินเป็นผลิตภัณฑ์ขนมสำหรับสัตว์เลี้ยงรวม 10,085 ถุง, มีแผนขยายการใช้รถขนส่งพลังงานไฟฟ้า (EV Truck) รวม 29 คันภายในปีนี้ เป็นต้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ ในโอกาสฉลองครบรอบ 28 ปี ท็อปส์ ได้เปิดตัวแคมเปญ “สติกเกอร์ แปะปุ๊บลดปั๊บ ลดเลยตามใจคุณ” สำหรับลูกค้าสมาชิก The1 ซื้อสินค้าครบตามที่กำหนดรับสติกเกอร์ส่วนลดทันทีสูงสุด 20% ติดสติกเกอร์บนสินค้าที่ต้องการ รับส่วนลดแบบที่ตนเลือกได้เองทันที โดยแคมเปญเริ่มตั้งแต่วันที่ 21 สิงหาคม - 10 กันยายน 2567 ที่ ท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์, ท็อปส์ และ ท็อปส์ เดลี่ ทุกสาขาทั่วประเทศ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/marketing/cpram-bread-factory-in-chonburi" alt="‘ซีพีแรม’ ตั้งเป้าชิงแชร์ 1 ใน 5 ตลาดเบเกอรี่เมืองไทย 40,000 ล้าน ทุ่ม 2,000 ล้าน เปิดโรงงานขนมปังแผ่นที่ชลบุรี">‘ซีพีแรม’ ตั้งเป้าชิงแชร์ 1 ใน 5 ตลาดเบเกอรี่เมืองไทย 40,000 ล้าน ทุ่ม 2,000 ล้าน เปิดโรงงานขนมปังแผ่นที่ชลบุรี</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

Tops ลุยขยายสู่ 1,000 สาขาในอีก 3 ปี ตั้งเป้าเป็น ‘เชนซูเปอร์มาร์เก็ต’ รายใหญ่สุดในประเทศ

<h2>ท็อปส์ เดลี่ มินิซูเปอร์มาร์เก็ต เครือเซ็นทรัล รีเทล เขย่าวงการค้าปลีกยกใหม่ ก้าวสู่ new chapter เปิดตัวแฟรนไชส์โมเดล ชูลงทุนต่ำ-คืนทุนไว-กำไรดี-การันตีรายได้ หวังดึงนักลงทุนทุกรูปแบบร่วมเร่งโต</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จากผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ค้าปลีกทั่วประเทศของธนาคารแห่งประเทศไทยร่วมกับสมาคมค้าปลีกฯ ของภาพรวมตลอดปี 2566 พบว่ายังเป็นการฟื้นตัวแบบไม่สมดุลในลักษณะ K-Shaped แต่ธุรกิจที่เห็นการเริ่มฟื้นตัวแล้วได้แก่ กลุ่มห้างสรรพสินค้า-แฟชั่นความงาม-ไลฟ์สไตล์ ร้านสะดวกซื้อ และซูเปอร์มาร์เก็ต&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ท็อปส์ เดลี่ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล จึงประกาศเข้าสู่บทบาทใหม่ เดินหน้าลุยขยายธุรกิจผ่าน “โมเดลแฟรนไชส์” เพื่อให้เติบโตได้ในอัตราที่เร็วกว่าในอดีตและเข้าถึงลูกค้าในทำเลใหม่ๆ ได้เพิ่มขึ้นทั่วประเทศ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เมทินี พิศุทธิ์สินธพ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า โมเดลแฟรนไชส์ของท็อปส์ เดลี่ มินิซูเปอร์มาร์เก็ต ได้ปรับให้รองรับและเหมาะสมกับการลงทุนของผู้สนใจทุกระดับ มี 4 จุดแข็งที่แตกต่างจากรายอื่นอย่างชัดเจน คือ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1.ลงทุนต่ำ ด้วยงบเริ่มต้นเพียง 1.07 ล้านบาท และยังมีการันตีรายได้ 60,000 บาทต่อเดือน และสามารถคืนทุนไวภายในเวลา 2 ปี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2. เป็นแฟรนไชส์ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนที่มีเงินลงทุนน้อยจนถึงมาก เข้ามาร่วมธุรกิจได้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3. การันตีความสำเร็จด้วยศักยภาพอันแข็งแกร่งของ ท็อปส์ เดลี่ ที่มีอัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (same store sale growth) สูงกว่ารายอื่น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“นับตั้งแต่การปรับโฉมโมเดล ท็อปส์ เดลี่ สู่ Joy-venience Store ภายใต้แนวคิด Every Day for Everyone ศูนย์รวมแห่งความสุขที่พร้อมส่งมอบประสบการณ์ดีๆ ให้กับลูกค้าในทุกวัน พบว่าลูกค้าให้การตอบรับเป็นอย่างดี สะท้อนความสำเร็จผ่านอัตราการเติบโตของยอดขายที่สูงเป็นตัวเลข 2 หลัก” เมทินีกล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ ท็อปส์ เดลี่ ยังมีความโดดเด่นและแตกต่างด้วยสินค้าคุณภาพที่หลากหลายกว่า 6,000 SKU ครอบคลุมทั้งสินค้านำเข้า สินค้าเอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์ สินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน และสินค้า Eat now Eat later พร้อมรับประทานที่หลากหลายที่สุด ที่จะช่วยตอกย้ำศักยภาพของค้าปลีกกลุ่มฟู้ดชั้นนำ และช่วยสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้ที่สนใจร่วมลงทุนแฟรนไชส์ของท็อปส์เดลี่ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;4.ผู้ลงทุนแฟรนไชส์จะมีโอกาสร่วมเป็นพันธมิตรธุรกิจกับเซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล ผู้นำค้าปลีกกลุ่มฟู้ดของไทย ที่พร้อมสนับสนุนแฟรนไชส์ตลอดกระบวนการการดำเนินธุรกิจ ด้วยทีมเทรนนิ่งมืออาชีพและผู้บริหารที่มีประสบการณ์ค้าปลีกมามากว่า 20 ปี การบริการด้านระบบต่างๆ การตรวจสอบสินค้า IT ที่ปรึกษาเรื่องบัญชี ระบบการขนส่ง ตลอดจนโปรโมชั่นส่งเสริมการขายและการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด จนสามารถก้าวสู่ความสำเร็จตามเป้าหมาย​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/03/icNpgqdrw3NAUHma1ykL.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="icNpgqdrw3NAUHma1ykL.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="900,506"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้บริษัท ยังมีพันธมิตรด้านการเงิน คือ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME D Bank) สนับสนุนสินเชื่อด้วยเงื่อนไขพิเศษให้กับผู้สนใจลงทุนแฟรนไชส์ พร้อมให้คำปรึกษาวางแผนเรื่องการเงินและการลงทุน ตลอดจนการพิจารณาสินเชื่อเพื่อการลงทุนแฟรนไชส์ท็อปส์ เดลี่ โดยเฉพาะ ผ่านข้อเสนอวงเงินกู้สูงสุดกว่า 5 ล้านบาท ดอกเบี้ยเริ่มต้น MLR-1.25% ผ่อนชำระนานสูดสุดที่ 12 ปี และยังมีระยะเวลาปลอดชำระเงินต้นสูงสุดถึง 6 เดือน รวมถึงการพัฒนาร่วมกันกับท็อปส์ เดลี่ เพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ตอบโจทย์กับนักลงทุนในทุกๆ รูปแบบที่แตกต่างกันอย่างต่อเนื่อง &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แฟรนไชส์ ท็อปส์ เดลี่ แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-รูปแบบที่ 1 สำหรับผู้ที่มีกรรมสิทธิ หรือสิทธิครอบครองที่ดิน/อาคาร ขนาดมากกว่า 200 ตร.ม. เป็นระยะเวลามากกว่า 9 ปี ใช้เงินลงทุน 4-6 ล้านบาท การันตีรายได้ 150,000 บาทต่อเดือน เป็นเวลา 24 เดือนแรกของสัญญา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-รูปแบบที่ 2 สำหรับผู้ที่ไม่มีกรรมสิทธิ์ หรือสิทธิครอบครองที่ดิน แต่สนใจที่จะเข้าสวมสิทธิ์บริหารร้านท็อปส์ เดลี่ ที่กำลังเปิดดำเนินอยู่ ใช้เงินลงทุน 1.07 ล้านบาทขึ้นไป การันตีรายได้ 60,000 บาทต่อเดือน เป็นเวลา 24 เดือนแรกของสัญญา​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/03/2iqWXWhUTGXthnVZhSts.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="2iqWXWhUTGXthnVZhSts.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1" origin-size="900,506"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บริษัทตั้งเป้าว่าสัดส่วนสาขาของท็อปส์ เดลี่ ประมาณ 45% จากสาขาทั้งหมดจะมาจากแฟรนไชส์ในอนาคตเพิ่มขึ้นจากเดิม 30% ในปีที่ผ่านมา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“โอกาสของการลงทุนแฟรนไชส์ร้านค้าปลีกในไทยยังมีอีกมาก ในเกาหลี ร้านสะดวกซื้อ 1 สาขาตอบสนองลูกค้า 953 คน และ 2,240 คนสำหรับสาขาในญี่ปุ่น เปรียบเทียบกับเมืองไทย ที่ร้านสะดวกซื้อใน 1 สาขา รองรับลูกค้าถึง 4,428 คน” นางสาวเมทินีกล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“การหันมาลุยโมเดลแฟรนไชส์ เป็นการเดินหน้าสานต่อความสำเร็จ และเป็น Growth Engine ให้กับท็อปส์ อีกทั้งยังตอกย้ำความเป็นผู้นำร้านค้าปลีกซูเปอร์มาร์เก็ตในภาพรวม ที่มีโมเดลธุรกิจทุกฟอร์แมท ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทุกเซกเมนต์ เราหวังว่าการขยายแฟรนไชส์มากขึ้นของท็อปส์ เดลี่ จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสร้างเศรษฐกิจไทยให้แข็งแกร่ง สร้างความมั่นคงทางด้านการเงินให้กับคนไทย รวมถึงผู้ประกอบการทั้งรายเล็กรายใหญ่ ให้มีโอกาสได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของพันธมิตรทางธุรกิจในกลุ่จมเซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล ที่มีความเชี่ยวชาญและเป็นเบอร์ 1 ในธุรกิจค้าปลีกกลุ่มฟู้ดของไทย และร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างมั่นคงในอนาคต” เมทินีกล่าว​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/03/bepu1huet1e1oXeFwZTa.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="bepu1huet1e1oXeFwZTa.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2" origin-size="900,600"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เธอยังระบุอีกว่า การเปิดรับสมัครแฟรนไชส์ ท็อปส์ เดลี่ ในครั้งนี้ รองรับการขยายตัวของธุรกิจมินิซูเปอร์มาร์เก็ตในประเทศไทยที่ยังมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“การมีฐานข้อมูลจากเดอะวัน ทำให้ท็อปส์ เดลี่ มีความแข่งแกร่งและเข้าใจลูกค้าได้ดี แต่การมีพาร์ทเนอร์ที่เป็นคนในชุมชน เป็นเจ้าของท็อปส์ เดลี่ จะทำให้เป้าหมายที่จะทำให้ท็อปส์ เดลี่ กลายเป็นศูนย์กลาง หรือ ฮับ (Hub) ของคนในชุมชน เป็นไปได้เร็วขึ้น นี่ถือเป็นวิถีของการสร้างความเชื่อมโยงของท็อปส์ เดลี่ กับคนในชุมชนได้อย่างดี ทำให้ ท็อปส์ เดลี่ เข้าใกล้ชีวิตประจำวันของลูกค้ามากยิ่งขึ้น” เมทินี กล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ท็อปส์ก่อตั้งขึ้นในเมืองไทยในปี 2549 และเข้าถือหุ้นในแฟมิลี่มาร์ทในปี 2555 ตลอดเวลา 18 ปีในประเทศไทย ท็อปส์มีการพัฒนาสินค้าและคอนเซ็ปต์ร้านค้าใหม่ๆ ตลอดเวลา จำนวนสาขาของท็อปส์สาขา ณ สิ้นเดือนมกราคม 2567 มีทั้งสิ้น 673 สาขา แบ่งเป็น&nbsp; &nbsp; -Tops Food Hall 17 สาขา&nbsp; &nbsp; -Tops Fine Food 2 สาขา&nbsp; &nbsp; -Tops Premium 139 สาขา&nbsp; &nbsp; -Tops Daily 515 สาขา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยสาขาของท็อปส์เดลี่ 57% อยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ต่างจังหวัด 43% ประกอบด้วย ภาคใต้ 17% ภาคตะวันออก 12% ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 6% ภาคกลาง 5% ที่เหลือจะเป็นภาคตะวันตกและภาคเหนืออีก 3%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วนใหญ่สาขาของท็อปส์ เดลี่ จะเปิดในพื้นที่ชุมชนที่อยู่อาศัย 51% ร้านในปั๊มน้ำมัน 12% ตามสถานที่ท่องเที่ยวและโรงแรม 11% และประเภทอื่นๆ 26% เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/marketing/8-trend-food-business-from-crg" alt="CRG เผย 8 เทรนด์ธุรกิจอาหารน่าจับตา รับมือความท้าทายเศรษฐกิจปีนี้">CRG เผย 8 เทรนด์ธุรกิจอาหารน่าจับตา รับมือความท้าทายเศรษฐกิจปีนี้</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

“ท็อปส์ เดลี่” เขย่าวงการค้าปลีก เปิดตัวโมเดลแฟรนไชส์ ชูลงทุนต่ำ-คืนทุนไว-กำไรดี

<h2 class="p1">ท็อปส์ เดลี่ - แฟมิลี่มาร์ท ชูโมเดลคอนวีเนียนสโตร์ยุคใหม่ ร่วมมือ 3 ธุรกิจแฟรนไชส์ชื่อดัง เปิดบริการใหม่สะดวกซัก “เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ” รับไลฟ์สไตล์คนเมือง</h2>
สเตฟาน คูม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล กรุ๊ป ผู้บริหาร ท็อปส์ เดลี่ และ แฟมิลี่มาร์ท กล่าวว่า คอนวีเนียนสโตร์ยุคใหม่นอกจากชูจุดแข็งด้านร้านสะดวกซื้อที่มีสินค้าหลากหลาย จะต้องสามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น โดยเฉพาะการสร้างบรรยากาศและบริการภายในร้าน ทำให้นับจากนี้ ท็อปส์ เดลี่ และแฟมิลี่มาร์ท จะเป็นมากกว่าร้านสะดวกซื้อ แต่ต้องเป็น Third Place ที่ลูกค้าสามารถมาใช้บริการได้หลากหลายในเวลาเดียวกัน
โดยประเดิมเปิดตัวบริการสะดวกซัก “เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ” ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ด้านบริการที่จะมารองรับไลฟ์สไตล์ของคนในปัจจุบันที่ใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ ต้องการใช้เวลาอย่างคุ้มค่า รวมถึงกลุ่มคนที่ไม่ชอบซื้อทรัพย์สินขนาดใหญ่ที่ต้องลงทุนมาก ปลดล็อกข้อจำกัดเรื่องพื้นที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะผู้ที่อยู่คอนโดมิเนียม อะพาร์ตเมนต์ ประกอบกับการเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้เลือกเวลาใช้บริการได้ตามสะดวก
สำหรับการจับมือกับ 3 พาร์ทเนอร์ซึ่งถือเป็นผู้นำด้านธุรกิจสะดวกซัก 24 ชั่วโมง ได้แก่ Clean Pro Express (คลีนโปรเอ็กซเพรส), The M Soul Laundromate (เดอะ เอ็ม โซล ลอนโดรเมท) และ Otteri wash &amp; dry (อ๊อตเทริ วอช แอนด์ ดราย) ซึ่งมีจุดเด่นที่เครื่องซักผ้ามีความทันสมัย ใช้งานง่าย ประหยัดเงิน สะดวกรวดเร็ว ซักสะอาด อุปกรณ์ได้รับการฆ่าเชื้อ และมีพนักงานทำความสะอาดทุกวัน มีระบบรักษาความปลอดภัยด้วยกล้องวงจรปิด มีพื้นที่นั่งรอ และฟรี WiFi
<img class="alignnone size-full wp-image-26601" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/02/familymart02.jpg" alt="" width="720" height="480" />
ขณะเดียวกันระหว่างการรอ ลูกค้าสามาถใช้เวลากับการช็อปปิ้งสินค้า ดื่มกาแฟในร้านแฟมิลี่มาร์ทและท็อปส์ เดลี่ โดยปัจจุบันนำร่องเปิดให้บริการที่แฟมิลี่มาร์ท 4 สาขา ในกรุงเทพฯ และพัทยา ได้แก่ สาขาประชาราษฎร์บำเพ็ญ 11, รามอินทรา ซอย 34, พัทยาสราญชล ซอย 2, นาจอมเทียน ซอย 2
สำหรับค่าบริการซักและอบ เริ่มต้นที่ 40 บาท และในอนาคต ท็อปส์ เดลี่ และแฟมิลี่มาร์ท มีแผนขยายบริการเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ ซัก-อบจบที่เดียว ตลอด 24 ชม. เพิ่มอีกกว่า 20 สาขา ทั้งที่กรุงเทพฯ พัทยา สมุย ขอนแก่น เพื่อรองรับความต้องการและการขยายตัวของผู้บริโภค
ทั้งนี้ ภาพรวมของธุรกิจเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญยังมีความคึกคัก และคาดว่าจะมีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การใช้จุดแข็งในด้านทำเลของร้านค้าปลีกอย่างแฟมิลี่มาร์ท และท็อปส์ เดลี่ ทำให้ธุรกิจสะดวกซักสามารถขยายสาขาได้อย่างรวดเร็วในทำเลที่เหมาะสม ขณะเดียวกัน ร้านค้าปลีกก็จะได้ลูกค้าเพิ่มมากขึ้น ลูกค้าเองก็สามารถใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่า ถือเป็นโมเดลธุรกิจที่วินวินทุกฝ่าย
&nbsp;

อ่านเพิ่มเติม
<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/news/marketing/%e0%b8%a5%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b8%94%e0%b8%a3%e0%b8%b5%e0%b9%89%e0%b8%9a%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b9%8c-%e0%b8%aa%e0%b8%b0%e0%b8%94%e0%b8%a7%e0%b8%81%e0%b8%8b%e0%b8%b1%e0%b8%81.html">“ลอนดรี้บาร์” ร้านสะดวกซักมาเลเซียบุกตลาดไทย ตั้งเป้า 3 ปีขยาย 300 สาขา</a></li>
</ul>
&nbsp;

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events