AOT อวดพื้นที่ทำเลทอง 28,800 ล้าน หวังดึงเอกชนลงทุนปั้นศูนย์กลางเศรษฐกิจใหม่รอบสนามบิน 6 แห่งทั่วประเทศ

<h2>​บอร์ด AOT แต่งตั้ง 'ปวีณา จริยฐิติพงศ์' ลูกหม้อของบริษัท นั่งแท่นรักษาการ MD แทน 'กีรติ กิจมานะวัฒน์' ที่ยื่นลาออก โดยปวีณาถือเป็นผู้บริหารหญิงคนแรกที่มีอายุน้อยสุดที่ได้นั่งในตำแหน่งนี้</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จากกระแสข่าวการยื่นหนังสือลาออกของ นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) หรือ AOT เมื่อวานนี้ (วันพุธที่ 23 เมษายน 2568) ที่ประชุมคณะกรรมการ หรือ บอร์ด AOT ซึ่งมี นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวง เป็นประธานกรรมการการประชุม ได้พิจารณารับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว โดยการลาออกของนายกีรติจะมีผลนับตั้งแต่วันที่ 24 เมษายน 2568&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะเดียวกันในที่ประชุมบอร์ดยังได้มีมติแต่งตั้ง น.ส.ปวีณา จริยฐิติพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานวิศวกรรมและการก่อสร้าง ทอท. ให้เป็นผู้รักษาการในตำแหน่งดังกล่าวแทนนายกีรติ และจะดำเนินการตามระเบียบในการสรรหา ผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่ง MD หรือ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่คนใหม่ ภายใน 90 วัน ตามระเบียบของบริษัทต่อไป&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ในส่วนของ นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ ได้เข้ารับตำแหน่ง MD ของ AOT เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2566 ภายใต้สัญญาจ้าง 4 ปี ซึ่งได้รับการสรรหาในยุครัฐบาลชุดก่อน และแม้ว่าในช่วงรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน จะมีการทำงานร่วมกันได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการผลักดันให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิกลับสู่การเป็นหนึ่งใน 20 สนามบินที่ดีที่สุดในโลกภายใน 5 ปี ซึ่งล่าสุด Skytrax จัดอันดับให้สุวรรณภูมิอยู่ที่ 39 ในปี 2568 ขยับขึ้นจากอันดับ 58 ในปี 2567​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/04/LwHVbDU2CF3aDCPycQZ6.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="LwHVbDU2CF3aDCPycQZ6.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div>​&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม แม้การยื่นลาออกของนายกีรติจะแจ้งเหตุผลว่ามีความจำเป็นต้องดูแลบิดาและมารดา ซึ่งเจ็บป่วยด้วยโรคชรา แต่ก็ยังมีหลายส่วนคาดการณ์ว่า ปัจจัยสำคัญที่น่าจะนำไปสู่การลาออกของนายกีรติ อาจเกี่ยวข้องกับประเด็นการร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. ในเรื่องความไม่โปร่งใสในการประมูลจัดซื้อจัดจ้างต่างๆ อาทิ การล้มประมูลบำรุงรักษาระบบบำบัดน้ำเสียที่สนามบินภูเก็ต รวมถึงข้อกล่าวหาเรื่องการเอื้อประโยชน์ในการจัดจ้างบริษัทที่ปรึกษา และประเด็นผลประโยชน์ที่ถูกกล่าวหาว่ายังคงเชื่อมโยงกับขั้วการเมืองเก่า เป็นต้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับข้อมูลของ น.ส.ปวีณา จริยฐิติพงศ์ ปัจจุบันมีอายุ 46 ปี โดยก่อนที่จะมารับตำแหน่งรักษาการ MD ผู้หญิงและมีอายุน้อยที่สุดในตำแหน่งสำคัญเช่นนี้ เธอถือเป็นลูกหม้อของบริษัทและยังทำงานอยู่ในตำแหน่งรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานวิศวกรรมและการก่อสร้าง AOT ซึ่งถือเป็นสายงานที่มีความสำคัญเพราะมีหน้าที่หลักในการบริหารจัดการทรัพย์สินของ AOT นั่นเอง​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/04/g9USQQ48ujBcKwFmzPHz.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="g9USQQ48ujBcKwFmzPHz.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div> ประวัติการศึกษา / การอบรมหลักสูตรกรรมการ- ปริญญาเอก สาขาวิศวกรรมโยธาและสิ่งแวดล้อม Civil Engineering and Modern Science มหาวิทยาลัยโอคายามา ประเทศญี่ปุ่น- ปริญญาโท สาขาวิศวกรรมโยธาและบริหารระบบ Social System Management มหาวิทยาลัยฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น- ปริญญาตรี สาขาวิศวกรรมโยธา สาขาโครงสร้าง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์- หลักสูตรที่จัดโดย สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD)- หลักสูตร Director Certification Program (DCP) รุ่น 339/2023- หลักสูตร Financial Statements for Directors (FSD) รุ่น 49/2023​ประสบการณ์การทำงาน- ปี 2566 - ปัจจุบันกรรมการ บมจ.บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ- ปี 2566 - ปัจจุบันกรรมการ บจก.ฟอร์ท เอ็มอาร์โอ เซอร์วิส- ปี 2566 - ปัจจุบันรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานวิศวกรรมและการก่อสร้าง) บมจ.ท่าอากาศยานไทย- ปี 2559 - ปัจจุบันกรรมการวิชาการสาขาวัสดุวิศวกรรม และกรรมการวิชาการ สาขาเมเทนแนนส์ สมาคมคอนกรีตแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมป์- ปี 2564 - 2566 ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานพัฒนาธุรกิจและการตลาด) บมจ.ท่าอากาศยานไทย- ปี 2563 - 2564 ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและการตลาด บมจ.ท่าอากาศยานไทย- ปี 2563 ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์เทคโนโลยีและสารสนเทศ บมจ.ท่าอากาศยานไทย- ปี 2562 - 2563 ผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิศวกรรมโยธา บมจ.ท่าอากาศยานไทย- ปี 2560 - 2562 กรรมการชุดเร่งรัดการก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิระยะที่ 2 บมจ.ท่าอากาศยานไทย- ปี 2560 - 2562 กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสภาวิชาการ มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพ ภาพ : AOT เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/moc-export-mar-2568-apr-2025" alt="พาณิชย์เผยส่งออกไทยเดือน มี.ค. 68 มูลค่าขยายตัว 17.8% ทำสถิติใหม่ ผลจากคนเร่งส่งก่อนเจอภาษีทรัมป์">พาณิชย์เผยส่งออกไทยเดือน มี.ค. 68 มูลค่าขยายตัว 17.8% ทำสถิติใหม่ ผลจากคนเร่งส่งก่อนเจอภาษีทรัมป์</a><a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

 'ปวีณา จริยฐิติพงศ์' ผู้บริหารหญิงคนแรกที่มีอายุน้อยสุด! นั่งแท่นรักษาการ MD ของ AOT

<h2>เช้าวันนี้ 17 ก.พ. 2568 SET Index หรือตลาดหุ้นไทยเปิดลบแรงถึง 31.96 จุด หรือ 2.51% มาอยู่ที่ 1,240.14 จุด โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ เร่งออกมาชี้แจงว่าเกิดจากผลกระทบราคาหุ้นใหญ่ อย่าง DELTA และ AOT ร่วงลงแรง ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่าตลาดหุ้นไทยยังไม่มีปัจจัยหนุนให้ฟื้น มีแต่แรงลบเข้ามากระทบ</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET Index) เปิดภาคเช้าวันนี้ปรับตัวลดลง 31.96 จุด หรือ 2.51% ลดลงจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (14 ก.พ. 2568) มาอยู่ที่ 1,240.14 จุด สาเหตุหลักมาจากการปรับลงของราคาหุ้น 2 ตัว ได้แก่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA ที่ลดลงหลังข่าวผลประกอบการที่ลดลงต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ซึ่งเช้านี้ลดลงเหลือ 86.50 บาท/หุ้น ลดลงจากราคาปิดเมื่อวันศุกร์ที่ 113 บาท/หุ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- บมจ. ท่าอากาศยานไทย หรือ AOT ที่ปรับลดลงเนื่องจากข่าวสัญญาสัมปทาน ซึ่งเช้านี้ราคาอยู่ที่ 43.00 บาท/หุ้น ลดลงจากราคาปิดวันศุกร์ที่ 47.00 บาทต่อหุ้น&nbsp; &nbsp; โดยล่าสุด (ณ เวลา 10.52 น.) ดัชนี SET Index อยู่ที่ 1,250.43 จุด ปรับลดลง 1.70% หรือ 21.67 จุด แต่หลายนักวิเคราะห์ยังมองว่าตลาดหุ้นไทยยังขาดปัจจัยหนุนขาขึ้น แต่ยังมี Sentiment ลบจากปัจจัยภายนอก เช่น การติดตามรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) หลังประธาน Fed ส่งสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายแบบค่อยเป็นค่อยไป และตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการของสหรัฐที่อาจจะออกมาไม่ดีอย่างที่คิด&nbsp; &nbsp; ด้านปัจจัยในประเทศ แม้&nbsp;DELTA ยังไม่มีการชี้แจงเพิ่มเติม แต่สาเหตุหลักที่ราคาหุ้นลดลงมาจากผลประกอบการปี 2567 ที่ออกมาเมื่อวันศุกร์ไม่ดีเท่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ อาทิ&nbsp;บล.เอเซีย พลัส&nbsp;คาดว่าในปี 2567 DELTA จะมีกำไรปกติปี 2567 ไว้ที่ 21,000 ล้านบาท (+18% YoY) แต่กำไรสุทธิของปี 67 ออกมาเพียง 18,939 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.5% เท่านั้น <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/02/Xbvr3kwd3P3SrcjL3XTP.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="720px,413px" data-align="center" data-file-name="Xbvr3kwd3P3SrcjL3XTP.jpg" data-file-size="0" origin-size="720,413" data-origin="720px,413px" style="width: 720px; height: 413px;" data-index="0"></figure></div>​&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ปัจจัยของไทยปมปัญหาใหญ่ที่หลายฝ่ายจับตาคือ บมจ. ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) หรือ AOT ที่นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับสถานะทางการเงินด้านของผู้รับสัมปทาน (เช่น กลุ่มบริษัท คิง พาวเวอร์) โดยฝั่ง AOT ออกมาชี้แจงโดยเน้นย้ำ ยังไม่ได้แก้ไขสัญญาสัมปทานที่มีกับกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ (จากกรณีปัญหาสภาพคล่อง) แต่อย่างใด และยังคงดำเนินการตามสัญญาอย่างต่อเนื่อง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทาง AOT เล่าถึงสาเหตุของกระแสข่าวที่เกิดขึ้น ซึ่ง บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุถึงปัญหาสภาพคล่องของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์อาจมีผลกระทบต่อรายได้ของ AOT หากสถานการณ์นี้ยังยืดเยื้อ ซึ่งอาจนําไปสู่การเจรจาปรับเงื่อนไขเกี่ยวกับข้อตกลงสัมปทาน โดยเฉพาะในเรื่องค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำรายปี (Minimum Guarantee) ซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักของ AOT จากการสัมปทานดังกล่าว เนื่องจากปัจจุบันรายได้จากสัมปทานมีสัดส่วนประมาณ 33% ของรายได้รวมที่ AOT คาดว่าจะได้รับในปีงบประมาณ 2568ดังนั้น หากมีการปรับเงื่อนไขสัมปทานจริง อาจส่งผลกระทบต่อประมาณการกําไรของ AOT&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จํากัด (มหาชน) หรือ KS ระบุว่า AOT กําลังเผชิญกับปัญหาลูกหนี้การค้าที่เพิ่มขึ้น จากการที่ผู้รับสัมปทานขอเลื่อนการชําระเงินออกไปอีก 18 เดือนโดยระหว่างนี้ผู้รับสัมปทานจะต้องจ่ายค่าปรับในอัตราประมาณ 18% ต่อปี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด (KPD) ได้ส่งหนังสือถึง AOT (เมื่อ 26 ส.ค. 67) ว่าขอเลื่อนชำระค่าผลประโยชน์ตอบแทนจากการประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.), ท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.), ท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ทชม.), ท่าอากาศยานหาดใหญ่ (ทหญ.), และท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) โดยยกผลกระทบจาก COVID -19 ขึ้นมา (เช่น ปี 66 KPD ขาดทุน 651 ล้านบาท) ซึ่งจะขอเลื่อนออกไปเป็นระยะเวลางวดละ 18 เดือน จากเดิมที่ครบกำหนดชําระตั้งแต่เดือนส.ค.67 - ก.ค. 68 (รวม 12 งวด)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในฝั่งของ AOT (หนังสือที่ ทอท.16818/2567) อนุญาตให้ KPD เลื่อนชำระค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำของเดือนกันยายน 2567 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ออกไปเป็นระยะเวลางวดละ 18 เดือน โดยไม่ยกเว้นการเรียกเก็บค่าปรับจากการเลื่อนชำระค่าผลประโยชน์ตอบแทนดังกล่าว <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/02/qV3B9xesF7eEMb7Pw7bw.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="720px,415px" data-align="center" data-file-name="qV3B9xesF7eEMb7Pw7bw.jpg" data-file-size="0" origin-size="720,415" data-origin="720px,415px" style="width: 720px; height: 415px;" data-index="1"></figure></div>&nbsp; &nbsp;&nbsp;​ภาพ:&nbsp;AOT, DELTA,&nbsp;<a href="https://pixabay.com/users/souandresantana-61090/?utm_source=link-attribution&amp;utm_medium=referral&amp;utm_campaign=image&amp;utm_content=7923867" style="font-family: &quot;DB FongNam X&quot;, sans-serif; font-size: 34px; text-align: var(--bs-body-text-align);">Andre Santana Design Andre Santana</a> from <a href="https://pixabay.com//?utm_source=link-attribution&amp;utm_medium=referral&amp;utm_campaign=image&amp;utm_content=7923867" style="font-family: &quot;DB FongNam X&quot;, sans-serif; font-size: 34px; text-align: var(--bs-body-text-align);">Pixabay</a> เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/set-index-feb-2025" alt="หุ้นไทยจะต่ำ 1,300 จุด ไปถึงเมื่อไร เมื่อเจอแรงกระแทก ‘สงครามการค้า-ต่างชาติเทขาย-หุ้นไทย Transform’">หุ้นไทยจะต่ำ 1,300 จุด ไปถึงเมื่อไร เมื่อเจอแรงกระแทก ‘สงครามการค้า-ต่างชาติเทขาย-หุ้นไทย Transform’</a><a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ตลาดหุ้นไทยอ่อนไหว! ผลกระทบจาก 2 หุ้น ‘DELTA - AOT’ ทำ SET Index วันนี้ดิ่ง 31.96 จุด

<h2>“สกาย” ผู้ให้บริการระบบ Biometric ภายในสนามบินด้วย One-ID เพียงใช้ใบหน้าของนักท่องเที่ยวก็สามารถเดินทางผ่านทุกจุดเช็คอินได้อย่างสะดวกสบาย ที่ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของท่าอากาศยานไทย (AOT) โดยจะเริ่มให้บริการผู้โดยสารภายในประเทศในวันที่ 1 พ.ย.นี้ และจะพร้อมใช้งานสำหรับผู้โดยสารระหว่างประเทศตั้งแต่ 1 ธ.ค. 2567 เป็นต้นไป</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สิทธิเดช มัยลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ สกาย กรุ๊ป (SKY Group) เผยว่า “บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ให้บริการเทคโนโลยีด้านอุตสาหกรรมการบินชั้นนำของประเทศไทย ล่าสุดนำระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล (Automated Biometric Identification System: Biometric) หรือ ระบบข้อมูลชีวมาตร คือ การพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลโดยใช้การสแกนใบหน้าเพื่อเข้าสู่ระบบสนามบิน ซึ่งเทคโนโลยีนี้สามารถนำมาใช้ในการยืนยันตัวตนของผู้โดยสารในสนามบินได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว”​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/G6bdhujM7BgA8ykPWuLJ.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="G6bdhujM7BgA8ykPWuLJ.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="720,480"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เทคโนโลยี Biometrics นี้จะเริ่มให้บริการกับผู้โดยสารภายในประเทศก่อนในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 และพร้อมใช้งานสำหรับผู้โดยสารระหว่างประเทศในวันที่ 1 ธันวาคม 2567 ภายในท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ AOT ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปัจจุบันสนามบินชั้นนำในหลายประเทศทั่วโลกได้เริ่มนำเอาระบบ Biometric นี้ มาใช้เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกผู้โดยสาร เช่น สนามบินชางงี ประเทศสิงคโปร์, สนามบินดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, สนามบินฮาร์ทสฟิลด์-แจ็คสัน เมืองแอตแลนตา ประเทศสหรัฐอเมริกา, สนามบินซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย และสนามบินฮาเนดะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งประเทศไทยนับว่าอยู่ในกลุ่มประเทศแรกๆ ของโลกที่นำระบบนี้มาใช้ภายในสนามบินเช่นกัน​<div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/Y1gJc2Z47sbSHJghDZ3g.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="Y1gJc2Z47sbSHJghDZ3g.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="720px,auto" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" origin-size="1280,720" style="width: 720px; height: auto;" data-index="1"></figure></div>​&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สิทธิเดช กล่าวต่อว่า การนำ Biometric มาใช้ในสนามบินสามารถอำนวยความสะดวกให้แก่ทั้งนักท่องเที่ยวและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานภายในสนามบิน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการลดขั้นตอนต่างๆ เพิ่มความรวดเร็ว เนื่องจากนักท่องเที่ยวไม่จำเป็นต้องถือพาสปอร์ตและ Boarding Pass เพื่อยืนยันตัวตนแก่เจ้าหน้าที่อีกต่อไป แต่ด้วยระบบ Biometric ที่พัฒนาขึ้นมานี้ นักท่องเที่ยวสามารถใช้ใบหน้าของตัวเองเป็นทางผ่านได้เลย นอกจากความรวดเร็วแล้วยังส่งผลโดยตรงมาในส่วนความสะอาด (Hygienic) เพราะจะช่วยลดการสัมผัสภายในสนามบิน เนื่องจากสนามบินเป็นแหล่งรวมของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศเป้าหมายของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ปีที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าออกประเทศไทยถึง 100 ล้านคน และคาดว่าในปีนี้จะมีนักเดินทางเข้าออกประเทศเพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 20% ซึ่งการมีระบบนี้เข้ามา มั่นใจว่าจะช่วยเจ้าหน้าที่ให้บริการได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และอำนวยความสะดวกและประหยัดเวลาให้แก่นักท่องเที่ยวได้มากขึ้นด้วย​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/VQ9f167o2bd3iEXiHVmq.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="720px,405px" data-align="center" data-file-name="VQ9f167o2bd3iEXiHVmq.jpg" data-file-size="0" origin-size="4000,2250" data-origin="1050px,591px" style="width: 720px; height: 405px; transform: rotate(0deg);" data-index="2"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขั้นตอนการทำงานของ ระบบ Biometric เพื่อใช้ใบหน้าเป็น One-ID เริ่มจากผู้โดยสารแสดงบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ต พร้อมกับสแกนหน้าเพื่อยืนยันตัวตนที่ระบบออกตั๋วโดยสารที่เคาน์เตอร์ (CUTE: Common Use Terminal Equipment) หรือระบบออกตั๋วโดยสารด้วยตัวเอง (CUSS: Common Use Self-check in System) หลังจากยืนยันตัวตนเสร็จแล้ว ระบบจะสร้าง Travel Token ของผู้โดยสารแต่ละคนขึ้นมา ช่วยให้ผู้โดยสารสามารถสแกนใบหน้าผ่านเข้าไปยังพื้นที่ภายในสนามบินจนกระทั่งผ่าน Boarding Gate ได้อย่างสะดวก ไม่ต้องแสดงเอกสารต่างๆ อีก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ที่ผ่านมาสกายฯ ในฐานะผู้พัฒนาระบบด้านเทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักเดินทางภาคพื้นดิน ได้พัฒนาระบบบริการผู้โดยสารก่อนขึ้นเครื่องหรือ CUPPS (Common Use Passenger Processing System) มาใช้ใน สนามบินภายในประเทศไทย โดยระบบ CUPPS ที่ปัจจุบันดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยประกอบไปด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1. CUTE (Common Use Terminal Equipment) ระบบออกตั๋วโดยสารที่เคาน์เตอร์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2. CUSS (Common Use Self-check in System) ระบบออกตั๋วโดยสารด้วยตัวเอง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3. CUBD (Common Use Bag Drop) ระบบโหลดกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติด้วยตัวเอง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;4. PVS (Passenger Validation System) ระบบการคัดกรองผู้โดยสาร&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;5. SBG (Self-Boarding Gate) ระบบประตูทางออกขึ้นเครื่องอัตโนมัติ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;และล่าสุด 6. ระบบ Biometric หรือ One-ID​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/mLASvcFhUeAeCQDQjp6u.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="mLASvcFhUeAeCQDQjp6u.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="720px,auto" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" origin-size="4000,2250" style="width: 720px; height: auto;" data-index="3"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ทั้ง 6 ระบบที่ถูกพัฒนาขึ้น เรามั่นใจว่าจะสามารถทำให้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่ Touchless Society ตั้งแต่ก้าวแรกที่นักท่องเที่ยวได้สัมผัสประเทศไทย ซึ่งเป็นประตูด่านหน้าก่อนเดินทางเข้าประเทศ และเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่จะทำให้นักท่องเที่ยวได้รู้สึกถึงความสะดวกสบายในการเดินทางมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ตรงเป้าหมายที่สกายช่วยในการพัฒนาประเทศในช่วงเปลี่ยนผ่านจาก New Normal สู่ Now Normal เพื่อให้ผู้เดินทางได้” สิทธิเดช กล่าวทิ้งท้าย ภาพ: SKY ICT และ <a href="https://forbesthailand.com/news/marketing/foodpanda-thai-foods-are-popular-than-fried-chicken-and-burger" alt="Freepik">Freepik</a>​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/travel/lisa-lalisa-iconsiam-countdown" alt="ไอคอนสยามดึง ‘ลิซ่า’ ร่วมเคานต์ดาวน์สะกดโลก มอบความสุขเป็นของขวัญปีใหม่คนไทย">ไอคอนสยามดึง ‘ลิซ่า’ ร่วมเคานต์ดาวน์สะกดโลก มอบความสุขเป็นของขวัญปีใหม่คนไทย</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

แค่สแกนหน้าก็ผ่านสนามบินได้! ท่าอากาศยาน 6 แห่งในไทยเตรียมใช้ระบบ Biometric เริ่ม 1 พ.ย.นี้

ศาลปกครองสั่ง "เปิดทางเข้า-ออก" เซ็นทรัล วิลเลจ ลักชูรี่ เอาท์เล็ต

ซีพีเอ็นย้ำโครงการ "เซ็นทรัล วิลเลจ" ไม่มีการรุกที่ ทอท. ยืนยันไม่เลื่อนวันเปิดตัว

<h2>ทุกๆ ปีนิตยสาร Forbes จะมีการจัดอันดับ Global 2000 บริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ที่สุดทั่วโลก 2 พันบริษัท โดยคำนวณขนาดทั้งจากรายได้ กำไร มูลค่าสินทรัพย์ และมูลค่าบริษัทตามราคาตลาด สำหรับปี 2017 มีบริษัทของไทยติดลิสท์ระดับโลกทั้งหมด 14 บริษัทจากหลากหลายกลุ่มธุรกิจ</h2>
&nbsp;

เปรียบเทียบจากการจัดอันดับ Global 2000 ประจำปี 2016 จำนวนบริษัทไทยที่ติดอันดับลดลงจาก 15 บริษัทเหลือ 14 บริษัท มีบริษัทใหม่ที่เข้ามาติดอันดับได้แก่ อินโดรามา เวนเจอร์ส ส่วนบริษัทที่หลุดโผออกไปคือ ธนาคารทหารไทย และธนาคารธนชาต

หมายเหตุ: ได้ทำการแก้ไขลบข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนพนักงานออก เนื่องจากคาดว่าข้อมูลมีความคาดเคลื่อน ขออภัยในความผิดพลาดมา ณ ที่นี้ (แก้ไขวันที่ 17 ก.ย.60)

&nbsp;
<h2>1. ปตท.</h2>
<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/c45a1ce1e4a2b9bac6ae6142c4816542.png" alt="" />

อันดับปี 2017: 190
อันดับปี 2016: 337
กลุ่มธุรกิจ: น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ
ก่อตั้ง: 2544
ซีอีโอ: เทวินทร์ วงศ์วานิช
รายได้: 4.87 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
กำไร: 2.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ
มูลค่าสินทรัพย์: 6.34 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
มูลค่าตามราคาตลาด: 3.24 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

&nbsp;
<h2>2. เอสซีจี</h2>
<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/f38d99808cce99226232bcc67a9bb153.png" alt="" />

อันดับปี 2017: 604
อันดับปี 2016: 622
กลุ่มธุรกิจ: เคมิคอลส์ ปูนซีเมนต์ และบรรจุภัณฑ์กระดาษ
ก่อตั้ง: 2456
ซีอีโอ: รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส
รายได้: 1.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
กำไร: 1.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ
มูลค่าสินทรัพย์: 1.51 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
มูลค่าตามราคาตลาด: 1.91 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

&nbsp;
<h2>3. ธนาคารไทยพาณิชย์</h2>
<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/51c2c163bab5092abf0d996aa4810521.png" alt="" />

อันดับปี 2017: 616
อันดับปี 2016: 535
กลุ่มธุรกิจ: ธนาคาร
ก่อตั้ง: 2450
ซีอีโอ: อาทิตย์ นันทวิทยา
รายได้: 4.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ
กำไร: 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ
มูลค่าสินทรัพย์: 8.13 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
มูลค่าตามราคาตลาด: 1.61 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

&nbsp;
<h2>4. ธนาคารกสิกรไทย</h2>
<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/305d13e7aafde65c610a339fde3f9659.png" alt="" />

อันดับปี 2017: 642
อันดับปี 2016: 566
กลุ่มธุรกิจ: ธนาคาร
ก่อตั้ง: 2488
ซีอีโอ: บัณฑูร ล่ำซำ
รายได้: 5.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ
กำไร: 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ
มูลค่าสินทรัพย์: 7.95 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
มูลค่าตามราคาตลาด: 1.34 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

&nbsp;
<h2>5. ธนาคารกรุงไทย</h2>
<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/8660d48200c1e664464008b0625f9721.png" alt="" />

อันดับปี 2017: 672
อันดับปี 2016: 846
กลุ่มธุรกิจ: ธนาคาร
ก่อตั้ง: 2509
ซีอีโอ: ไกรฤทธิ์ อุชุกานนท์ชัย
รายได้: 4.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ
กำไร: 915 ล้านเหรียญสหรัฐ
มูลค่าสินทรัพย์: 7.51 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
มูลค่าตามราคาตลาด: 1.7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

&nbsp;
<h2>6. ธนาคารกรุงเทพ</h2>
<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/f0a73f0fbb897369e72c866fdc94e706.png" alt="" />

อันดับปี 2017: 804
อันดับปี 2016: 779
กลุ่มธุรกิจ: ธนาคาร
ก่อตั้ง: 2487
ซีอีโอ: ชาติศิริ โสภณพนิช
รายได้: 4.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ
กำไร: 902 ล้านเหรียญสหรัฐ
มูลค่าสินทรัพย์: 8.22 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
มูลค่าตามราคาตลาด: 1.01 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

&nbsp;
<h2>7. ซีพี ออลล์</h2>
<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/a801fd18765eddb4975f1606e67cd526.png" alt="" />

อันดับปี 2017: 985
อันดับปี 2016: 1068
กลุ่มธุรกิจ: รีเทลด้านอาหาร
ก่อตั้ง: 2531
ซีอีโอ: ธานินทร์ บูรณมานิต
รายได้: 1.23 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
กำไร: 473 ล้านเหรียญสหรัฐ
มูลค่าสินทรัพย์: 9.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ
มูลค่าตามราคาตลาด: 1.6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

&nbsp;
<h2>8. พีทีที โกลบอล เคมิคอล</h2>
<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/0a182937ceaf367d7d7ccc30a3b36061.png" alt="" />

อันดับปี 2017: 1026
อันดับปี 2016: 1013
กลุ่มธุรกิจ: เคมิคอลส์
ก่อตั้ง: 2521
ซีอีโอ: สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์
รายได้: 9.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ
กำไร: 726 ล้านเหรียญสหรัฐ
มูลค่าสินทรัพย์: 1.1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
มูลค่าตามราคาตลาด: 9.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ

&nbsp;
<h2>9. ไทยเบฟเวอเรจ</h2>
<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/f5407d73425539a719bffa74d7056ef4.png" alt="" />

อันดับปี 2017: 1107
อันดับปี 2016: 1129
กลุ่มธุรกิจ: เครื่องดื่ม
ก่อตั้ง: 2546
ซีอีโอ: ฐาปน สิริวัฒนภักดี
รายได้: 5.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ
กำไร: 757 ล้านเหรียญสหรัฐ
มูลค่าสินทรัพย์: 5.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ
มูลค่าตามราคาตลาด: 1.71 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

&nbsp;
<h2>10. เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (ซีพีเอฟ)</h2>
<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/98f30b721b9c52e49d07b649c1a317c9.png" alt="" />

อันดับปี 2017: 1149
อันดับปี 2016: 1295
กลุ่มธุรกิจ: อาหาร
ก่อตั้ง: 2521
ซีอีโอ: อดิเรก ศรีประทักษ์
รายได้: 1.32 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
กำไร: 417 ล้านเหรียญสหรัฐ
มูลค่าสินทรัพย์: 1.63 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
มูลค่าตามราคาตลาด: 6.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ

&nbsp;
<h2>11. แอดวานซ์ อินโฟ เซอร์วิส (เอไอเอส)</h2>
<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/adeb1583a9939d8b99bebef95f9e36f8.png" alt="" />

อันดับปี 2017: 1196
อันดับปี 2016: 1104
กลุ่มธุรกิจ: โทรคมนาคม
ก่อตั้ง: 2529
ซีอีโอ: สมชัย เลิศสุทธิวงศ์
รายได้: 4.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ
กำไร: 869 ล้านเหรียญสหรัฐ
มูลค่าสินทรัพย์: 7.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ
มูลค่าตามราคาตลาด: 1.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

&nbsp;
<h2>12. ท่าอากาศยานไทย</h2>
<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/1094c458e3bf9b41135f6dc00f7c7a90.png" alt="" />

อันดับปี 2017: 1353
อันดับปี 2016: 1312
กลุ่มธุรกิจ: ขนส่ง
ก่อตั้ง: 2446
ซีอีโอ: ประสงค์ พูนธเนศ
รายได้: 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ
กำไร: 568 ล้านเหรียญสหรัฐ
มูลค่าสินทรัพย์: 4.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ
มูลค่าตามราคาตลาด: 1.64 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

&nbsp;
<h2>13. ไทยออยล์</h2>
<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/3cc570328a40831e250fab95e9a04efc.png" alt="" />

อันดับปี 2017: 1509
อันดับปี 2016: 1765
กลุ่มธุรกิจ: น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ
ก่อตั้ง: 2504
ซีอีโอ: อธิคม เติบศิริ
รายได้: 7.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ
กำไร: 602 ล้านเหรียญสหรัฐ
มูลค่าสินทรัพย์: 6.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ
มูลค่าตามราคาตลาด: 4.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ

&nbsp;
<h2>14. อินโดรามา เวนเจอร์ส</h2>
<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/ffdcaeea489d17a2694de42ee6da7832.png" alt="" />

อันดับปี 2017: 1757
อันดับปี 2016: N/A (เคยติดลิสท์นี้เมื่อปี 2012)
กลุ่มธุรกิจ: เคมิคอลส์
ก่อตั้ง: 2546
ซีอีโอ: Aloke Lohia
รายได้: 7.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ
กำไร: 429 ล้านเหรียญสหรัฐ
มูลค่าสินทรัพย์: 7.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ
มูลค่าตามราคาตลาด: 4.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ

&nbsp;

วิธีการคำนวณอันดับ Forbes Global 2000 คือการจัดอันดับบริษัทจดทะเบียนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลกโดยวัดจากตัวเลขรายได้ กำไรสุทธิ สินทรัพย์และมูลค่าตามราคาตลาด ณ วันที่ 7 เมษายน โดยอิงจากข้อมูลของ Factset Research Systems เราให้น้ำหนักเกณฑ์การประเมินทั้ง 4 ข้อเท่ากันและจากนั้นจะนำมาคำนวณหาคะแนนรวม

ทั้งนี้ การจัดอันดับไม่รวมถึงรูปแบบบริษัทที่มีพนักงานเป็นผู้ถือหุ้นหรือสหกรณ์ เช่น Huawei จากจีนและ Fonterra จากนิวซีแลนด์ บริษัทที่จัดตั้งในรูปแบบห้างหุ้นส่วนจำกัด อย่างเช่น บริษัทเพื่อการลงทุนในหุ้นนอกตลาดขนาดใหญ่บางแห่งจะไม่ถูกนำมาจัดอันดับเนื่องจากใช้มาตรฐานทางบัญชีแตกต่างกัน ผลการดำเนินการภายหลังวันที่ 7 เมษายนไม่มีผลต่อการจัดอันดับ

&nbsp;

อ่านเพิ่มเติม:

<a href="http://forbesthailand.com/world-detail.php?did=1945">10 อันดับแรกของ Global 2000 ประจำปี 2017</a>
<a href="http://forbesthailand.com/world-detail.php?did=1171">บริษัทไทยใน Global 2000 ประจำปี 2016</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events