<h2>ท่ามกลางตลาดลงทุนที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง จากปัจจัยรอบโลกที่คาดเดาได้ยาก และความผันผวนที่เกิดขึ้นทั่วโลก นักลงทุนบางส่วนอาจจะอยากพักจากการลงทุนสักระยะเวลาหนึ่ง (อาทิ 1-3 ปี) หลายคนอาจเลือกพักเงินที่บัญชีออมทรัพย์ซึ่งมีสภาพคล่องสูง แต่ยังมีอีกทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการได้ดอกเบี้ย และลุ้นรางวัล ได้โดยไม่เสียภาษีดอกเบี้ยเงินฝากและเงินรางวัล คือ สลากกออมทรัพย์</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ว่าแต่ปี 2568 นี้มีสลากออมทรัพย์ไหนที่ยังเปิดขาย และหากมีเงินราว 1 ล้านบาท จะซื้อสลากฯ ตัวไหนดี Forbes Thailand รวบรวมและเปรียบเทียบมาให้แล้วในบทความนี้มีเงิน 1 ล้านบาท ซื้อสลากฯ ไหนได้ผลตอบแทนแบบขั้นต่ำสูงที่สุด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Forbes Thailand รวมรวมสลากออมทรัพย์ที่ยังเปิดขายอยู่ในต้นเดือน ก.พ. 2568 จาก 3 ธนาคารหลัก ได้แก่ ธนาคารออมสิน*, ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เบื้องต้นสำหรับวงเงิน 1 ล้านบาท หากถือไว้จนครบกำหนด สลากออมทรัพย์ที่มีผลตอบแทนสูงที่สุด (รวมอัตราดอกเบี้ย และรางวัลขั้นต่ำ) คือ&nbsp;&nbsp; &nbsp; อันดับ 1 สลากออมทรัพย์ ธอส. ชุดนาคราช อายุ 3 ปี ราคา 1,000 บาทต่อหน่วย ซึ่งมีอัตราผลตอบแทนรวม 1.84% ต่อปี โดยจะมาจากอัตราดอกเบี้ยหน้าสลากฯ ที่ราว 1% ต่อปี (ครบกำหนดรับ 30 บาทต่อหน่วย) และที่เหลือมาจากเงินรางวัลรวม 5,760 บาท (เดือนละ 160 บาท มาจากเลขท้าย 2 ตัว, เลขท้าย 2 ตัว ของรางวัลที่ 1 และเลขท้าย 4 ตัว) ทั้งนี้ ยังสามารถลุ้นรางวัลที่ 1 มูลค่า 2 ล้านบาท ได้ถึง 36 งวด&nbsp; &nbsp; อันดับ 2 สลากออมทรัพย์ ธอส. ชุดวิมานเมฆ Plus ปี 2567 อายุ 2 ปี ราคา 1 ล้านบาทต่อหน่วย มีอัตราดอกเบี้ยหน้าสลากฯ ที่ 1.70% ต่อปี ทั้งนี้ หากซื้อสลากฯ ในวงเงิน 10 ล้านบาท จะมีอัตราผลตอบแทนรวมที่ 1.82% ต่อปี เพิ่มขึ้นจากการถูกรางวัลอีกเดือนละ 1,000 บาท นอกจากนี้ สามารถลุ้นรางวัลที่ 1 มีมูลค่า 3 ล้านบาท ได้ 24 งวด (หากซื้อในวงเงิน 10 ล้านบาท จะถูกรางวัลขั้นต่ำ 1,000 บาท/เดือน คิดอัตราผลตอบแทนรวมที่ 1.82% ต่อปี)&nbsp; &nbsp; อันดับ 3 สลากออมสินพิเศษ (และแบบดิจิทัล) อายุ 2 ปี ราคา 100 บาทต่อหน่วย มีอัตราผลตอบแทนรวม 1.46% ต่อปี มาจากอัตราดอกเบี้ย 0.50% ต่อปี และรางวัลเลขท้าย 4 ตัวรวม 19,200 บาท (เดือนละ 800 บาท) ส่วนรางวัลที่ 1 มีมูลค่า 30 ล้านบาท&nbsp; &nbsp; อันดับ 4 สลากออมสินพิเศษ (และแบบดิจิทัล) อายุ 1 ปี ราคา 100 บาทต่อหน่วย อัตราผลตอบแทนรวม 1.45% ต่อปี มาจากอัตราดอกเบี้ย 0.25% ต่อปี และ และรางวัลเลขท้าย 3 ตัวและเลขท้าย 4 ตัว รวม 12,000 บาท (เดือนละ 1,000 บาท) สามารถลุ้นรางวัลที่ 1 มีมูลค่า 10 ล้านบาท&nbsp; &nbsp; อันดับ 5 สลามออมทรัพย์ ธ.ก.ส. ชุดหยกจักรพรรดิ์ อายุ 2 ปี ราคา 10,000 บาทต่อหน่วย อัตราดอกเบี้ยหน้าสลากฯ อยู่ที่ 1.40% ต่อปี ส่วนรางวัลที่ 1 อยู่ที่ 10 ล้านบาท&nbsp;&nbsp; (หากซื้อในวงเงิน 10 ล้านบาท จะได้รับรางวัลขั้นต่ำ 1,000 บาท/เดือน คิดอัตราผลตอบแทนรวม 1.52% ต่อปี)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แน่นอนว่า แม้ทั้งสลากออมทรัพย์ของธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. จะมีอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำที่น้อยกว่าของสลากออมทรัพย์ทั้ง 2 แบบของธอส. แต่ก็มีจุดเด่นที่อาจชดเชยได้ด้วยเงินรางวัลก้อนใหญ่ อย่างรางวัลที่ 1 อยู่ที่ 10-30 ล้านบาทสูงกว่าของสลากออมทรัพย์ของ ธอส. ที่อยู่ราว 1-3 ล้านบาท​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/02/CrjY1AG38AcVDepkXmxi.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="CrjY1AG38AcVDepkXmxi.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="720,899"></figure></div>​ มีเงิน 100,000 บาท สลากฯ ไหนคุ้มที่สุด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับงบซื้อสลากออมทรัพย์ 100,000 บาท ForbesThailand พบว่า สลากออมทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนขั้นต่ำสูงสุด ได้แก่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- สลากออมทรัพย์ชุดนาคราช ของ ธอส. อายุ 3 ปี ราคา 1,000 บาทต่อหน่วย หากจะได้รับรางวัล 60 บาทต่อเดือน (ปีละ 720 บาท) มาจากเลขท้าย 2 ตัว และเลขท้าย 2 ตัว ของรางวัลที่ 1 ส่งผลให้มีอัตราผลตอบแทนรวมขั้นต่ำที่ 1.72% ต่อปี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- สลามออมทรัพย์ ธ.ก.ส. ชุดหยกจักรพรรดิ์ อายุ 2 ปี ราคา 10,000 บาทต่อหน่วย อัตราดอกเบี้ยหน้าสลากฯ อยู่ที่ 1.40% ต่อปี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- สลากออมสินพิเศษ (และแบบดิจิทัล) อายุ 1 ปี ราคา 100 บาทต่อหน่วย จะได้รับรางวัล 80 บาทต่อเดือน (ปีละ 960 บาท) จากเลขท้าย 3 ตัว ทำให้มีอัตราผลตอบแทนรวมแบบการันตีที่ 1.21% ต่อปี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- สลากออมสินพิเศษ (และแบบดิจิทัล) อายุ 2 ปี ราคา 100 บาทต่อหน่วย มีอัตราดอกเบี้ย 0.50% ต่อปี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สุดท้ายนี้ การซื้อสลากออมทรัพย์มีผลตอบแทนขั้นต่ำที่ได้รับอย่างชัดจน ที่สำคัญคือไม่เสียภาษีดอกเบี้ยและรางวัล นอกจากนี้หากแต้มบุญใครสูงกว่าก็อาจจะซื้อสลากออมทรัพย์ได้คุ้มค่าที่สุดเช่นกัน หมายเหตุ*สลากออมสินพิเศษทั้ง 1 และ 2 ปี มีสลากฯ รูปแบบดิจิทัลที่จะเงื่อนไขพื้นฐานเหมือนกัน จะมีบางเงื่อนไขที่แตกต่างกัน เช่น อายุผู้ที่ซื้อได้, วันออกรางวัล และขั้นต่ำในการซื้อ ฯลฯที่มา: Forbes Thailand รวบรวม ณ 5 ก.พ. 68 ภาพ: ธัญวดี นิรุตติศาสตร์ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/marketing/or-new-ceo-peekthong-thongyai-first-vision-presentation" alt="ฟื้นความมั่นใจ นลท. หลังหุ้นราคาร่วงตั้งแต่ IPO ภารกิจ ‘ม.ล.ปีกทอง ทองใหญ่’ ซีอีโอคนใหม่ OR"></a><a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/kkp-research-thailand-economy-feb-2025" alt="KKP แจงเหตุเศรษฐกิจไทยปี 2025 เสี่ยงโตต่ำศักยภาพที่ 3% แม้มีแจกเงิน-ส่งออก-ท่องเที่ยวฟื้นตัว">KKP แจงเหตุเศรษฐกิจไทยปี 2025 เสี่ยงโตต่ำศักยภาพที่ 3% แม้มีแจกเงิน-ส่งออก-ท่องเที่ยวฟื้นตัว</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

มีเงิน 1,000,000 บาท ปี 2568 ซื้อสลากออมทรัพย์ที่ไหนดี

<h2>ท่ามกลางสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัดของภาคใต้ เช่น สุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช, สงขลา, กระบี่, ชุมพร, พัทลุง, ปัตตานี, ยะลา, และนราธิวาส ล่าสุด ทางธปท. ส่งหนังสือถือสถาบันการเงินและ Non bank ให้เร่งพิจารณาช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากกรณีนำ้ท่วมภาคใต้ เผยแนวทางช่วยเหลือเบื้องต้น ลดผ่อนขั้นต่ำบัตรเครดิต,&nbsp;เพิ่มวงเงินชั่วคราวกรณีฉุกเฉินสำหรับสินเชื่อส่วนบุคคลฯ, เพิ่มสภาพคล่อง ฯลฯ ด้านแบงก์รัฐ ธนาคารออมสินออกมาตรการแล้ว ให้พักต้น-เว้นคิดดอกเบี้ย ถึงมีนาคม 68 ปล่อยกู้ฉุกเฉินดอกเบี้ย 0% 3 เดือน </h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นางสาวสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในหลายพื้นในเขตภาคใต้ ทำให้ประชาชนและลูกหนี้ที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวได้รับความเดือดร้อนนั้น ธปท. ได้กำชับให้สถาบันการเงิน สถาบันการเงินเฉพาะกิจ และผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยที่มิใช่สถาบันการเงิน พิจารณาให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยโดยเร่งด่วน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ธปท. ได้มีแนวทางให้เจ้าหนี้สามารถปรับลดอัตราการผ่อนชำระขั้นต่ำสำหรับบัตรเครดิต การเพิ่มวงเงินชั่วคราวกรณีฉุกเฉินสำหรับสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับและสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัล รวมถึงการให้ความช่วยเหลือด้านเงินทุนและสภาพคล่องเพื่อซ่อมแซมที่อยู่อาศัยหรือเพื่อให้ประกอบอาชีพและดำเนินธุรกิจต่อได้ โดยในระหว่างการให้ความช่วยเหลือ ธปท. ได้ผ่อนปรนหลักเกณฑ์และกำหนดแนวทางปฏิบัติที่เกี่ยวข้องเพื่อรองรับสถานการณ์สาธารณภัยไว้แล้ว จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัยจะได้รับความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที เพื่อให้สามารถผ่านพ้นปัญหาไปได้&nbsp; &nbsp; อย่างไรก็ตาม ในด้านแบงก์รัฐ นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน&nbsp;(GSB) เปิดเผยว่า ธนาคารฯ ออกชุดมาตรการพักหนี้และสินเชื่อฉุกเฉินเพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อน ตลอดจนจัดเตรียมเข้าช่วยเหลือฟื้นฟูหลังน้ำลด ที่ธนาคารพร้อมให้บริการอีกหลากหลายมาตรการ ได้แก่&nbsp; &nbsp; - การให้ลูกหนี้ธนาคารออมสินในพื้นที่ประสบภัยฯ พักชำระเงินต้น และธนาคารไม่คิดดอกเบี้ย จนถึงเดือน มีนาคม 2568 ครอบคลุมลูกหนี้สินเชื่อรายย่อย สินเชื่อบุคคล และ SMEs ที่เป็นลูกหนี้วงเงินสินเชื่อไม่เกิน 10 ล้านบาท (ยกเว้นสินเชื่อชีวิตสุขสันต์และสินเชื่อตามนโยบายรัฐ : PSA) จำนวนกว่า 37,000 บัญชี เป็นเงินต้นรวมกว่า 13,600 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นเม็ดเงินที่ธนาคารไม่คิดดอกเบี้ยกว่า 270 ล้านบาท โดยผู้ที่อยู่ในพื้นที่ประสบภัยตามประกาศฯ ในปัจจุบัน สามารถลงทะเบียนเข้ามาตรการฯ ได้ที่แอปพลิเคชัน MyMo ได้ตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม 2567&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ หลังสิ้นสุดมาตรการฯ ให้ลูกหนี้กลับมาชำระหนี้ตามสัญญาเดิมตั้งแต่งวดเดือนเมษายน 2568 เป็นต้นไป นอกจากนี้ ยังมีมาตรการปรับลดอัตราการชำระขั้นต่ำของลูกค้าบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสด เป็น 3% ของยอดเรียกเก็บ (ขั้นต่ำ 300 บาท) ถึงเดือนมีนาคม 2568 เช่นเดียวกัน&nbsp; &nbsp; ด้านมาตรการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือเร่งด่วน ได้แก่&nbsp; &nbsp; - สินเชื่อฉุกเฉินสำหรับผู้ประสบภัยพิบัติ วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 10,000 บาทต่อราย ไม่ต้องมีหลักประกันและไม่มีผู้ค้ำประกัน อัตราดอกเบี้ย 3 เดือนแรก 0% ต่อเดือน ผ่อนนานสูงสุด 15 เดือน สินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 50,000 บาทต่อราย แบบมีหลักประกัน อัตราดอกเบี้ย 3 เดือนแรก 0% ต่อเดือน ผ่อนนานสูงสุด 60 เดือน ปลอดชำระคืน 3 งวดแรก&nbsp; &nbsp; - มาตรการสินเชื่อฟื้นฟู ได้แก่ สินเชื่อต่อเติมซ่อมแซมที่อยู่อาศัยที่ประสบภัยพิบัติ ดอกเบี้ยคงที่ 3 เดือนแรก 0% ต่อปี ปลอดชำระ 6 งวดแรก สำหรับลูกค้าเดิม วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาทต่อราย แบบใช้หลักประกันเดิม, สำหรับลูกค้าใหม่ วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาทต่อราย แบบไม่มีหลักประกัน (Clean Loan)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) GSB Boost Up เพื่อฟื้นฟูกิจการจากเหตุอุทกภัย ด้วยอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 3.5% ต่อปี ใน 2 ปีแรก ผ่อนนานสูงสุด 10 ปี สำหรับผู้ประกอบการ SMEs วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 40 ล้านบาทต่อราย ส่วนผู้ประกอบการรายย่อย วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาทต่อราย สามารถยื่นกู้ได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 30 ธันวาคม 2567 นี้&nbsp; &nbsp; ล่าสุด (3 ธ.ค.)&nbsp;ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB ออกมาตรการช่วยเหลือเร่งด่วนแก่ลูกค้ารายย่อยและผู้ประกอบการธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ โดยให้ลูกค้ายื่นขอพักชำระหนี้ ลดดอกเบี้ย เพิ่มวงเงินพิเศษเพื่อเสริมสภาพคล่อง ครอบคลุมลูกค้า 3 กลุ่มหลัก ประกอบด้วย ลูกค้าบุคคล ลูกค้าธุรกิจ และลูกค้าผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยมาตรการให้ความช่วยเหลือ ดังนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ลูกค้าบุคคล ประกอบด้วย สินเชื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อรถยนต์ โดยในส่วนของสินเชื่อที่อยู่อาศัยธนาคารมอบความช่วยเหลือ ได้แก่ 1) พักชำระหนี้สูงสุด 3 เดือน 2) ลดดอกเบี้ยสูงสุด 100% ของอัตราดอกเบี้ยเดิมภายในระยะเวลาไม่เกิน 3 เดือน 3) ขยายระยะเวลาการผ่อนชำระสูงสุด 5 ปี สำหรับสินเชื่อรถยนต์ ธนาคารมอบความช่วยเหลือ ได้แก่ 1)พักชำระหนี้สูงสุด 3 เดือน 2) ขยายเวลาในการผ่อนชำระสูงสุด 3 เดือน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ลูกค้าสินเชื่อธุรกิจเพื่อผู้ประกอบการ (SSME) มี 3 มาตรการช่วยเหลือ ได้แก่ 1) พักชำระหนี้สูงสุด 3 เดือน 2) ลดอัตราดอกเบี้ยสูงสุด 100% ของอัตราดอกเบี้ยเดิมภายในระยะเวลาไม่เกิน 3 เดือน 3) ขยายระยะเวลาการผ่อนชำระสูงสุด 3 ปี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ลูกค้าธุรกิจเอสเอ็มอี ออก 4 มาตรการหลัก ได้แก่ 1) การพักชำระเงินต้น สูงสุดนาน 6 เดือน 2) การพักชำระทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยไม่เกิน 3 เดือน 3) เพิ่มวงเงินหมุนเวียนชั่วคราวสูงสุด 20% ของวงเงินหมุนเวียนเดิม และไม่เกิน 10 ล้านบาท และ 4) วงเงินกู้สำหรับปรับปรุง ซ่อมแซมหรือซื้อทดแทนทรัพย์สินของกิจการที่เสียหายสูงสุด 20% ของวงเงินรวมเดิม สูงสุดไม่เกิน 10 ล้านบาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ ธนาคารได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ดูแลลูกค้าให้ติดต่อประสานงานและให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ซึ่งจะพิจารณาการช่วยเหลือตามความเหมาะสมทางธุรกิจของแต่ละราย พร้อมทั้งช่วยอำนวยความสะดวกในการติดต่อประสานงานด้านธุรกิจต่างๆ ให้แก่ลูกค้าธุรกิจทุกรายที่ได้รับผลกระทบ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ลูกค้าผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ตามประกาศกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) สามารถแจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 มีนาคม 2568 ภาพ: ธปท. เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/marketing/bar-b-q-plaza-partnered-vitaday-vitamin-water-cabbage-taste" alt="จึ้งมาก! น้ำดื่มผสมวิตามิน กลิ่นกะหล่ำปลี ผลงานบาร์บีคิวพลาซ่า x วิตอะเดย์ สร้างปรากฏการณ์ใหม่วงการอาหาร"></a><a href="https://www.forbesthailand.com/news/marketing/inter-express-second-half-2024-support-chilled-frozen-business-logistic-transportation-system" alt="Inter Express เผยแผนครึ่งหลังปี 67 พร้อมหนุนธุรกิจสินค้าแช่เย็น-แช่แข็ง ผ่านระบบโลจิสติกส์ขนส่งครบวงจร"></a><a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/sec-etf-nov-2024" alt="ก.ล.ต. เปิดรับฟังความเห็นฯ เตรียมปรับเกณฑ์รองรับ leveraged และ inverse ETFs เพิ่มผลิตภัณฑ์ลงทุนที่หลากหลาย"></a><a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/kresearch-non-alcohol-beverage-dec-2024" alt="กสิกรไทยเผยธุรกิจเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ไทยปี 68 แข่งแรง! ผลจาก ‘สินค้านอกตีตลาด-กำลังซื้อซบเซา-คู่แข่งเพียบ’">กสิกรไทยเผยธุรกิจเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ไทยปี 68 แข่งแรง! ผลจาก ‘สินค้านอกตีตลาด-กำลังซื้อซบเซา-คู่แข่งเพียบ’</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ธปท. ส่งหนังสือกำชับ ‘ธนาคาร-Non bank’ เร่งพิจารณาความช่วยเหลือลูกหนี้ที่เจอนำ้ท่วมในภาคใต้ 

<h2>ธนาคารออมสิน ขยายช่องทางเข้าถึงสินเชื่อเจาะกลุ่มฐานราก ลดหนี้นอกระบบ โดยจัดตั้งบริษัทให้บริการสินเชื่อผ่านแอป GOOD MONEY ภายใต้บริษัท เงินดีดี จำกัด (Non-Bank ในเครือออมสิน) เพื่อเจาะกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น โดยมีอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ราว 19-33% ต่อปี ซึ่งถือว่าต่ำกว่าหนี้นอกระบบ โดยช่องทางนี้จะเป็นหนึ่งในกลไกลดดอกเบี้ยในตลาดสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน ทั้งนี้ ตั้งเป้าหมายปีแรกปล่อยสินเชื่อราว 100,000-120,000 ราย เฉลี่ย 50,000-100,000 บาทต่อราย ส่วน 4 ปีแรกตั้งเป้า 500,000 ราย</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน (GSB) เปิดเผยว่า จากภารกิจ Financial Inclusion เพื่อขยายโอกาสให้ประชาชนฐานรากเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบ ที่เป็นธรรมมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งมักต้องพึ่งพิงหนี้นอกระบบซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยสูงเกินจริง ล่าสุดจึงจัดตั้งบริษัทให้บริการสินเชื่อผ่านแอปพลิเคชัน GOOD MONEY - เงินดีดีเพื่อคนไทย ซึ่งอยู่ภายใต้บริษัท เงินดีดี จำกัด (ในเครือธนาคารออมสิน) โดยจะให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคล ที่มีอัตราดอกเบี้ย 19-25% ต่อปี และสินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพ หรือ Nano Finance ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ย 29-33% ต่อปี โดยเป็นสินเชื่อออนไลน์ที่เชื่อว่าจะขยายได้ทั่วประเทศ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ประเมินว่าสินเชื่อผ่าน GOOD MONEY จะเข้าถึงกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นได้ โดยจะมุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมาย คือ กลุ่มผู้ประกอบอาชีพ เช่น พ่อค้า แม่ค้า ผู้ประกอบกิจการ ฯลฯ โดยการขอสินเชื่อเปิดให้ใช้ทั้งข้อมูลทางการเงิน อย่าง Statement รายรับ-รายจ่าย ไปจนถึง Alternative Data และข้อมูลแวดล้อมต่างๆ เช่น สาธารณูปโภค ค่าไฟ ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ฯลฯ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“หลังการปล่อยสินเชื่อผ่าน GOOD MONEY 1 ปีหลังจากนี้ น่าจะเริ่มเห็นภาพว่า คนที่เคยเข้าไม่ถึงสินเชื่อสามารถเข้ามาในระบบได้มากขึ้น และเป็นกลุ่มใดบ้าง เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์ต่อได้” วิทัย กล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หลังการทดลองระบบกรกฎาคม 2567 มีผู้สนใจใช้บริการยื่นขอสินเชื่อผ่านแอปพลิเคชันแล้วกว่า 100,000 ราย (เบื้องต้นมีการทดสอบแล้วกว่า 5000 ราย) ดังนั้นในปีแรกคาดว่าจะปล่อยสินเชื่อราว 100,000-120,000 ราย เฉลี่ย 50,000-100,000 บาทต่อราย ส่วน 4 ปีแรกตั้งเป้าจะปล่อยสินเชื่อราว 500,000 ราย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า GOOD MONEY เป็นหนึ่งในกลไกที่จะช่วยลดดอกเบี้ยในตลาดสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน และดึงคนเข้าสู่ระบบได้มากขึ้น ช่วยแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน เพราะหากลดดอกเบี้ยในระบบได้อาจช่วยลดภาระทางการเงินลง เมื่อคนสามารถจ่ายเงินต้นได้มากขึ้น จะสามารถลดหนี้ได้มากขึ้นอีกด้วย<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/11/2Ym8zetf5vRHXBAQRCuN.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="2Ym8zetf5vRHXBAQRCuN.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="720,400"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นางสาวสิรินันท์ จิรดิลก กรรมการผู้จัดการ บริษัท เงินดีดี จำกัด กล่าวว่า แพลตฟอร์ม GOOD MONEY เป็นสินเชื่อดิจิทัลที่สามารถขยายบริการได้ทั่วประเทศ โดยมุ่งเน้นการสร้างหนี้ที่ก่อให้เกิดรายได้ (Productive Loan) รวมถึงการนำระบบ AI และเทคโนโลยีอื่นๆ มาใช้วิเคราะห์และประเมินความสามารถในการชำระหนี้ เพื่อการปล่อยสินเชื่ออย่างรับผิดชอบ โดยใช้ระบบการประเมินคุณสมบัติผู้ขอกู้ที่พิจารณาจากอัตราส่วนภาระการชำระหนี้ต่อรายได้ (DSR) และอัตราดอกเบี้ยตามความเสี่ยง (Risk-Based Pricing)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ลูกค้าที่มีประวัติการชำระหนี้ดีอย่างต่อเนื่องจะมีโอกาสได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง ซึ่งเป็นการส่งเสริมวินัยทางการเงินที่ดี และเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถพัฒนาไปสู่การใช้บริการสินเชื่อของธนาคารออมสินในอนาคต หมายเหตุ:&nbsp;บริษัท เงินดีดี จำกัด เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างธนาคารออมสิน (49%) และบริษัท มีที่ มีเงิน จำกัด (51%) กลุ่มบริษัทในเครือธนาคารออมสิน ทำธุรกิจสินเชื่อที่ดินและขายฝาก มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 400 ล้านบาท เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/uob-survey-thais-spend-more-on-necessities" alt="UOB เผยผลสำรวจ คนไทย 42% ใช้จ่ายกับของจำเป็นมากขึ้น ‘คนรุ่นใหม่’ เลือกใช้เงินซื้อประสบการณ์และลงทุนเพิ่มขึ้น"></a><a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/krungsri-launches-u-japan-on-uchoose" alt="‘U Japan’ ฟีเจอร์ใหม่แอป UCHOOSE ใช้จ่ายที่ญี่ปุ่นเป็นเงินเยน แบ่งชำระดอกเบี้ย 0% ได้นาน 3 เดือน">‘U Japan’ ฟีเจอร์ใหม่แอป UCHOOSE ใช้จ่ายที่ญี่ปุ่นเป็นเงินเยน แบ่งชำระดอกเบี้ย 0% ได้นาน 3 เดือน</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ออมสินส่งแอปสินเชื่อของรัฐ ‘GOOD MONEY’ ปักธงลดหนี้นอกระบบ ปีแรกปล่อยสินเชื่อ 1-2 แสนล้านบาท

<h2>ออมสินประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MLR-MOR-MRR ลง 0.25% ต่อปี มีผล 1 พ.ย. 67 ในส่วนของอัตราดอกเบี้ยฯ MRR นับว่ามีการปรับลดเป็นครั้งที่ 3 ของปีนี้แต่ยังคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากไว้ที่ระดับเดิม</h2>​&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย โดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้มีมติให้ลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ต่อปี และเพื่อเป็นการสนองนโยบายรัฐบาลในการลดภาระทางการเงินของประชาชนในช่วงนี้&nbsp;ล่าสุด ธนาคารออมสิน จึงประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง 0.25% และจะมีผลในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 ได้แก่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำประเภทเงินกู้ที่มีระยะเวลา (MLR) ลดลงเหลือ 6.900% ต่อปี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) ลดลงเหลือ 6.745% ต่อปี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่ ดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อย (MRR) ที่มีการลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ต่อปี ไปก่อนหน้านี้ ซึ่งจะครบกำหนดมาตรการในวันที่ 31 ตุลาคม 2567 นี้ จะได้รับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ด้วยเช่นกันอยู่ที่อัตรา 6.595% ต่อปี ถือเป็นการปรับลดดอกเบี้ย MRR ครั้งที่ 3 ของปีนี้ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ การประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภทในครั้งนี้ เพื่อช่วยเหลือลูกค้าเงินกู้ทุกกลุ่ม โดยเฉพาะประชาชนกลุ่มฐานราก และกลุ่ม SMEs ในการลดภาระต้นทุนทางการเงิน ให้มีสภาพคล่องทางการเงินที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนโดยตรง ทั้งยังช่วยส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้ง่ายและมากขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้านอัตราดอกเบี้ยเงินฝากจะยังคงตรึงดอกเบี้ยไว้ในอัตราเดิม เพื่อให้ประชาชนมีรายได้จากอัตราดอกเบี้ย ภายใต้ภารกิจเพื่อสังคมในการมุ่งส่งเสริมการออม ตามพันธกิจของธนาคาร เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/dsi-ponzi-scheme-oct-2024" alt="กรณีศึกษา 'แชร์ลูกโซ่' ในไทย เมื่อ DSI เผย 85% ผู้เสียหายฯ ‘รู้หรือควรรู้’ แต่ยังลงเงินเพราะผลตอบแทนสูง">กรณีศึกษา 'แชร์ลูกโซ่' ในไทย เมื่อ DSI เผย 85% ผู้เสียหายฯ ‘รู้หรือควรรู้’ แต่ยังลงเงินเพราะผลตอบแทนสูง</a>​​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

แบงก์รัฐมาก่อน! ออมสินประกาศลดดอกเบี้ยเงินกู้ MLR-MOR-MRR ลง 0.25% ต่อปี มีผล 1 พ.ย. 67

<h2>สถานการณ์น้ำท่วมในภาคเหนือ ยังคงสร้างผลกระทบอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่าภายในสัปดาห์นี้จะออกหนังสือเวียนให้แบงก์เร่งช่วยเหลือลูกหนี้ที่เจอผลกระทบจากน้ำท่วม ทั้งสินเชื่อหมุนเวียน บัตรเครดิต ฯลฯ ด้านสมาคมธนาคารไทยย้ำบางแบงก์มีมาตรการช่วยเหลืออยู่แล้ว</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ภายในสัปดาห์นี้ ธปท. เตรียมออกหนังสือเวียนให้ธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (แบงก์รัฐ) เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมให้สามารถกลับมาฟื้นตัวได้เร็วที่สุด เบื้องต้นแบ่งเป็น 3 ส่วนหลัก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- พิจารณาช่วยเหลือผ่านการปล่อยสินเชื่อเพื่อซ่อมแซมที่อยู่อาศัย หรือให้เงินทุนหมุนเวียนเพิ่มเติม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- กลุ่มบัตรเครดิต อาจให้พิจารณาปรับการชำระขั้นต่ำ (minpay) ต่ำกว่า 8% ในกลุ่มลูกค้าที่เจอผลกระทบ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- สินเชื่อส่วนบุคคล (Ploan) และสินเชื่อดิจิทัล ให้ผ่อนปรนผ่านการให้วงเงินฉุกเฉินชั่วคราวเพื่อแก้ปัญหา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ รายละเอียดของหนังสือเวียนต้องรอภายในสัปดาห์นี้ ส่วนผลกระทบในภาพรวมยังไม่สามารถประเมินได้ ยังต้องรอข้อมูลสถานการณ์ที่ชัดเจนเพื่อประเมินความเสียหายในด้านต่างๆ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่ กอบศักดิ์ ดวงดี เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคเหนือสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สิน การประกอบอาชีพ และการดำรงชีพประชาชนในพื้นที่เป็นวงกว้าง สมาคมฯ จึงเร่งออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่น้ำท่วม ทั้งการลดภาระในการผ่อนชำระหนี้สิน และการสนับสนุนทางการเงินเพื่อซ่อมแซมที่อยู่อาศัยที่ได้รับความเสียหาย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เบื้องต้น ทางสมาคมฯ ประสานกับธนาคารสมาชิกในการให้ความช่วยเหลือลูกค้าอย่างเร่งด่วน ซึ่งบางธนาคารได้มีมาตรการรองรับอยู่แล้ว ขณะที่ธนาคารอื่นๆ พร้อมพิจารณาให้ความช่วยเหลือลูกค้าอย่างเหมาะสม โดยมีเงื่อนไขและเกณฑ์การพิจารณาลูกค้าแต่ละรายเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่แต่ละธนาคารกำหนด ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมสามารถติดต่อธนาคารได้ทันที&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม ด้านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) หรือธนาคารรัฐหลายแห่ง ออกมาตรการเร่งด่วนช่วยลูกหนี้แล้ว ได้แก่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ธนาคารออมสิน ได้แก่ มาตรการพักชำระหนี้ส่วนเงินต้นและลดดอกเบี้ย 0.50% นาน 3 เดือน รวมถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้แก่ มาตรการปรับโครงสร้างหนี้ ขยายเวลาผ่อนไม่เกิน 20 ปี และสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่อง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ได้แก่ มาตรการลดเงินงวด 50% และลดอัตราดอกเบี้ยเหลือ 2% นาน 6 เดือน, สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ, มาตรการประนอมหนี้ และ มาตรการสินไหมเร่งด่วน สำหรับลูกค้าที่ทำกรมธรรม์ประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัยซึ่งคุ้มครองภัยธรรมชาติ ยื่นขอเข้ามาตรการได้ถึง 30 ธ.ค. 67&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) เช่น มาตรการพักชำระหนี้ พักชำระหนี้เงินต้น (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขแต่ละราย), มาตรการสินเชื่อเติมทุน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) มาตรการช่วยเหลือสำหรับวงเงินกู้ระยะสั้น และระยะยาว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.) เช่น มาตรการพักชำระหนี้เงินต้น ชำระเฉพาะอัตรากำไร เป็นระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เช่น มาตรการพักชำระค่าธรรมเนียม และมาตรการพักชำระค่างวด ระยะเวลา 3 งวด โดยขอเข้าร่วมโครงการได้ถึง 30 ก.ย. 67 เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/property/pet-family-residences-gross-rental-yield" alt="คอนโดเลี้ยงสัตว์ได้มาแรง! โดยเฉพาะโซน “รามคำแหง-ลาดพร้าว-พัฒนาการ” Gross Rental Yield ปี 67 พุ่ง 4.6-6%"></a><a href="https://www.forbesthailand.com/news/property/thai-millionaires-are-interested-in-investing-in-japanese-real-estate" alt="ผลสำรวจเผย เศรษฐีไทย 4.5 หมื่นคน สนใจลงทุนอสังหาฯ ญี่ปุ่น ส่วนใหญ่ลงทุนในราคา 4-5 ล้าน และ 10-25 ล้านบาท"></a><a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/colin-huang-owner-temu-lost-14-billion-dollars-after-pdd-shares-fell-30" alt="Colin Huang เจ้าของบริษัทแม่ Temu เงินหายวับ 1.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ หลังหุ้น PDD ร่วงเกือบ 30%">Colin Huang เจ้าของบริษัทแม่ Temu เงินหายวับ 1.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ หลังหุ้น PDD ร่วงเกือบ 30%</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

แบงก์ชาติ - ส.ธนาคารไทย- แบงก์รัฐ เร่งออกมาตรการด่วนช่วยลูกหนี้ลดผลกระทบน้ำท่วม

<h2>สถานการณ์หนี้เสียของไทยยังเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ภาครัฐต่างหาทาง ‘จัดการ - ลด - ล้างหนี้’ ให้ประชาชน ล่าสุด ธนาคารออมสินจับมือ BAM ร่วมทุน 1,000 ล้านบาท จัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์อารีย์ฯ โดยจะรับซื้อหนี้เสียรายย่อย SMEs และหนี้บัตรเครดิตจากแบงก์รัฐมาบริหาร หวังปลดล็อก หลุดจากภาวะหนี้ล้นพ้นตัว ประเดิม 5 แสนราย มูลหนี้รวม 45,000 ล้านบาท</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ภาวะหนี้ครัวเรือนในระดับสูงส่งผลกระทบทั้งระดับบุคคลและภาพรวมของเศรษฐกิจ ส่วนหนึ่งเกิดจากหลังเกิดวิกฤต COVID-19 ขึ้นผู้ประกอบการรายย่อย SMEs และประชาชนจำนวนมาก ขาดสภาพคล่องไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามปกติจนกลายเป็นหนี้เสีย (NPL)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ดังนั้น ภาครัฐจึงต้องการแก้ปัญหาหนี้ทั้งระบบ โดยธนาคารออมสิน และบริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM ร่วมทุนจัดตั้งบริษัท บริหารสินทรัพย์อารีย์ จำกัด (ARI-AMC) โดยจะมุ่งช่วยเหลือลูกหนี้ 4 กลุ่ม ได้แก่ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ลูกหนี้ที่เจอผลกระทบจาก COVID-19 &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- กลุ่มมีรายได้ประจำ แต่ภาระหนี้สูงทำให้จ่ายหนี้ได้ไม่ครบถ้วน &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- กลุ่มที่ไม่มีรายได้ประจำ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- กลุ่มที่มีหนี้เสียตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะเดียวกัน ลูกหนี้ทั้ง 4 กลุ่มนี้ยังมีการออกมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมมาก่อนหน้านี้ เชื่อว่าการร่วมทุนนี้ฯ เมื่อผ่านไป 2-3 ปี จะช่วยจัดการหนี้เสียในระบบลงได้ราว 70% จากหนี้ก้อนแรกที่เข้ามาใน ARI-AMC และช่วยปลดล็อกประชาชนจากการเป็น NPL อย่างไรก็ตามมองว่า หากไม่ทำมาตรการเพิ่มเติมอาจทำให้กลุ่มเฝ้าระวัง อย่าง SM อาจเพิ่มขึ้น<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/05/cbmzduGbJFhPEYdxhUdi.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="0" data-file-name="cbmzduGbJFhPEYdxhUdi.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน (GSB) กล่าวว่า การจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ในรูปแบบกิจการร่วมทุน (JV AMC) ในชื่อ ARI-AMC เพื่อแก้ไขปัญหาสินทรัพย์ด้อยคุณภาพของลูกหนี้สถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) โดยจะสามารถรับโอนหนี้บางส่วนของ SFIs มาได้ ขณะที่ลูกหนี้ข้ากระบวนการปรับโครงสร้างหนี้หรือไกล่เกลี่ยหนี้ โดยมีเงื่อนไขที่ผ่อนปรนขึ้น แม้เป็นกิจการเพื่อสังคมแต่ BAM ยังต้องมีกำไรในระดับที่เหมาะสม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ARI-AMC มีทุนจดทะเบียน 1,000 ล้านบาท ทั้ง 2 องค์กรมีสัดส่วนการร่วมทุนเท่ากัน ที่ 50% และมีระยะเวลาดำเนินการไม่เกินกว่า 15 ปี นับตั้งแต่วันที่เริ่มดำเนินการ (ตามเงื่อนไขของธนาคารแห่งประเทศไทย) ในระยะแรกจะรับซื้อและรับโอนหนี้จากธนาคารออมสิน 500,000 บัญชี หรือคิดเป็นมูลหนี้เงินต้นกว่า 45,000 ล้านบาท (คาดว่าสิ้นไตรมาส 3/67) และปี 2568 จะรับซื้อและรับโอนหนี้จาก SFIs อื่นๆ ทั้งนี้ หนี้ส่วนแรกที่จะมีการขายออกจำนวน 140,000 ราย มูลหนี้เงินต้นกว่า 10,000 ล้านบาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยหนี้ที่ขายออกนี้จะมีทั้งหนี้รายย่อยที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน SMEs รวมถึงหนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด ที่มีสถานะ NPLs หนี้สูญ รวมถึง NPA (สินทรัพย์รอการขาย) ที่มียอดหนี้ไม่เกิน 20 ล้านบาท ครอบคลุมลูกหนี้ที่ยังไม่ดำเนินคดี และดำเนินคดีแล้ว ที่ยังมีสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย โดย ARI-AMC จะรับซื้อหนี้ในราคายุติธรรม ผ่านการจัดจ้างองค์กรภายนอกมาประเมินราคา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายบัณฑิต อนันตมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM กล่าวว่า BAM มีบทบาทหลักในการแก้ไขปัญหาหนี้ด้อยคุณภาพในระบบสถาบันการเงิน มีประสบการณ์กว่า 25 ปี โดย ARI-AMC จะใช้พื้นที่สำนักงานที่ BAM ขณะเดียวกันลูกหนี้ยังสามารถติดต่อได้ง่ายผ่านสาขาของ BAM (เกือบ 30 สาขา) และ ธนาคารออมสิน (1,033 สาขา) ที่มีอยู่ทั่วประเทศ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ที่ผ่านมา BAM สามารถแก้ไขปัญหาหนี้ให้ได้ข้อยุติมากกว่า 155,000 ราย คิดเป็นภาระหนี้กว่า 480,000 ล้านบาท และยังสามารถจำหน่ายทรัพย์สินรอการขายไปกว่า 52,000 รายการ คิดเป็นราคาประเมินกว่า 122,000 ล้านบาท Photo by <a href="https://unsplash.com/@medion4you?utm_content=creditCopyText&amp;utm_medium=referral&amp;utm_source=unsplash">Norbert Braun</a> on <a href="https://unsplash.com/photos/a-crowd-of-people-walking-down-a-street-next-to-tall-buildings-SUdepFJHzVA?utm_content=creditCopyText&amp;utm_medium=referral&amp;utm_source=unsplash">Unsplash</a> เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/marketing/business-opportunities-for-single-people" alt="ส่องโอกาสธุรกิจตอบโจทย์ &quot;คนโสด&quot; เมื่อการอยู่คนเดียวไม่ใช่เรื่องแปลกอีกต่อไป"></a><a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/single-economy-thailand-may-2024" alt="สภาพัฒน์เผย คนไทยวัยมีคู่กว่า 40% ยังโสด เหตุ ‘งานหนัก-ไม่เจอคน’ แนะรัฐหนุน Work-life Balance ให้เจอคนที่ใช่"></a><a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/mof-credit-bureau-record-npl" alt="คลังพิจารณา ‘ลดเวลา’ เก็บประวัติหนี้เสียค้างในเครดิตบูโรนาน 8 ปี หวังคนเข้าถึงสินเชื่อในระบบ">คลังพิจารณา ‘ลดเวลา’ เก็บประวัติหนี้เสียค้างในเครดิตบูโรนาน 8 ปี หวังคนเข้าถึงสินเชื่อในระบบ</a><a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/magoro-ipo-may-2024" alt="รู้จัก MAGURO เครือร้านอาหารญี่ปุ่นที่รายได้ 1,000 ล้าน และจะเข้า IPO ใน mai 5 มิ.ย. นี้"></a>​​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ออมสิน - BAM ร่วมทุนพันล้านจัดตั้ง ‘ARI-AMC’ รับซื้อหนี้เสียแบงก์รัฐ ประเดิม 45,000 ล้านบาท ตั้งเป้า 2-3 ปี แก้หนี้รายย่อยได้ 70%

<h2>หนึ่งในการทางเลือกการเก็บออมที่ได้ทั้งผลตอบแทนที่การันตี แถมยังได้ลุ้นรางวัลใหญ่ทุกเดือน หลายคนคงนึกถึงสลากออมทรัพย์ของธนาคารภาครัฐต่างๆ ซึ่งแต่ละสลากออมทรัพย์ให้ผลตอบแทน และมีความน่าสนใจอย่างไร</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ล่าสุด Forbes Thailand เปรียบเทียบ 4 สลากออมทรัพย์ “ออมสิน - ธ.อ.ส.” ที่ราคาต่อหน่วยไม่เกิน 5,000 บาท มาไว้ที่นี่แล้ว ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/05/rgvKKxAM98Gx351Liq19.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="rgvKKxAM98Gx351Liq19.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="2000,2500"><figcaption><div>ที่มา Forbes Thailand รวบรวม</div></figcaption></figure></div> สลากออมสินลุ้นรางวัลใหญ่ 10 - 111 ล้านบาท&nbsp; &nbsp; ธนาคารออมสิน ปัจจุบันมีสลากดิจิทัลเปิดขายอยู่ 2 ประเภท ราคาต่อหน่วย 100 บาทเท่ากัน แต่ระยะเวลาไม่เท่ากัน ได้แก่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- สลากดิจิทัล อายุ 1 ปี เปิดขายในเดือน เม.ย. 67 ที่ผ่านมา โดยมีราคา 100 บาท/หน่วย เมื่อฝากครบกำหนดจะได้รับเงินรวม 100.35 บาทต่อหน่วย ซึ่งรางวัลที่ 1 ในแต่ละงวดอยู่ที่ 10 ล้านบาท &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จุดเด่นคือ มีรางวัลพิเศษในงวดวันที่ 16 พ.ค. 2567 ที่รางวัลที่ 1 จะอยู่ที่ 111 ล้านบาท&nbsp;&nbsp; &nbsp; - สลากดิจิทัล&nbsp;อายุ&nbsp;2 ปี มีราคา&nbsp;100 บาท/หน่วย เมื่อฝากครบกำหนดจะได้รับเงินรวม 101 บาทต่อหน่วย สามารถลุ้นรางวัลได้ถึง 24 งวด ซึ่งรางวัลที่ 1 ในแต่ละงวดอยู่ที่ 30 ล้านบาท &nbsp; &nbsp; ทั้งนี้ ใน 2 ประเภทสลากฯ&nbsp;สามารถซื้อขั้นต่ำที่ 1 หน่วยได้ โดยมีการการันตีรางวัลรายเดือนเหมือนกัน&nbsp;ได้แก่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ฝาก 100,000 บาท รับรางวัล 40 บาทต่อเดือน (เลขท้าย 3 ตัว)&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp; -&nbsp;ฝาก 500,000 บาท รับรางวัล 200 บาทต่อเดือน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-&nbsp;ฝาก 1,000,000 บาท รับรางวัล 600 บาทต่อเดือน&nbsp;&nbsp; &nbsp; -&nbsp;ฝาก 5,000,000 บาท รับรางวัล 3,000 บาทต่อเดือน&nbsp; &nbsp; &nbsp;&nbsp; เทียบ 2 สลากออมทรัพย์ ธอส. ผลตอบแทนสูง&nbsp; &nbsp; ด้านธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ ธอส. มีสลากออมทรัพย์ 2 ประเภทที่น่าสนใจและราคาต่อหน่วยไม่เกิน 5,000 บาท ได้แก่&nbsp; &nbsp; -&nbsp;สลากออมทรัพย์ ธอส. ชุดนาคราช เปิดขายเมื่อ 17 เม.ย. 67 ที่ผ่านมา ราคาหน่วยละ 1,000 บาท อายุ 3 ปี (ลุ้นได้ 36 งวด) เมื่อครบกำหนดจะได้รับเงินรวม 1,030 บาทต่อหน่วย&nbsp;&nbsp; &nbsp; ทั้งนี้&nbsp;มีการการันตีรางวัลรายเดือน ได้แก่ &nbsp; &nbsp; -&nbsp;ฝาก 100,000 บาท รับรางวัล 60 บาทต่อเดือน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ฝาก 1,000,000 บาท รับรางวัล 700 บาทต่อเดือน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ฝาก 10,000,000 บาท รับรางวัล 7,000 บาทต่อเดือน&nbsp; &nbsp; &nbsp; -&nbsp;สลากออมทรัพย์ ธอส. ชุดเกล็ดดาว Plus ที่เริ่มขายเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ราคาหน่วยละ 5,000 บาท อายุ 2 ปี (ลุ้นได้ 24 งวด) เมื่อครบกำหนดจะได้รับเงินรวม 5,115 บาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;มีการการันตีรางวัลรายเดือน ได้แก่&nbsp; &nbsp; - ฝาก 500,000 บาท รับรางวัล 150 บาทต่อเดือน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ฝาก 5,000,000 บาท รับรางวัล 2,200 บาทต่อเดือน Photo by <a href="https://unsplash.com/@micheile?utm_content=creditCopyText&amp;utm_medium=referral&amp;utm_source=unsplash">micheile henderson</a> on <a href="https://unsplash.com/photos/green-plant-on-brown-round-coins-lZ_4nPFKcV8?utm_content=creditCopyText&amp;utm_medium=referral&amp;utm_source=unsplash">Unsplash</a> เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/sfi-bbl-decrease-interest-rate-0-25-apr-2024" alt="สรุป! ธนาคารที่ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยฯ ลง 0.25% นาน 6 เดือน เริ่มเมื่อไรบ้าง">สรุป! ธนาคารที่ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยฯ ลง 0.25% นาน 6 เดือน เริ่มเมื่อไรบ้าง</a>​​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>​

เปรียบเทียบ 4 สลากออมทรัพย์ “ออมสิน - ธ.อ.ส.” ที่ราคาต่อหน่วยไม่เกิน 5,000 บาท

<h2>แม้การประชุมครั้งล่าสุดของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทย ยัง “คง” อัตราดอกเบี้ยนโยบาย ท่ามกลางแรงกดดันจากฝั่งรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีของไทยที่อยากให้ธนาคารต่างๆ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยฯ ลง หลังจาก 25 เม.ย. ที่สมาคมธนาคารไทยประกาศ แนวทางช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบางเพิ่มเติม พบว่าหลายธนาคารทยอยประกาศการลดดอกเบี้ยเงินกู้</h2> *ณ 2 พ.ค. มี 6 ธนาคารพาณิชย์ที่ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางแล้ว&nbsp; &nbsp; เมื่อ 26 เม.ย. เริ่มเห็นความเคลื่อนไหวในฝั่งสถาบันการเงินของรัฐ และธนาคารกรุงเทพที่ออกมาทยอยประกาศการปรับลดอัตราดอกเบี้ยรายย่อยแล้ว ​สมาคมสถาบันการเงินของรัฐสั่งลดดอกเบี้ยรายย่อยทุกกลุ่ม​&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เริ่มกันที่&nbsp;นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ในฐานะประธานกรรมการ สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ&nbsp;เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการสมาคมฯ เมื่อ 25 เม.ย. 2567 ที่ประชุมมีมติร่วมกันในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% เพื่อช่วยเหลือลูกค้ารายย่อยและกลุ่มเปราะบางตามนโยบายรัฐบาล โดย 6 สถาบันการเงิน จะร่วมกันลดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงสำหรับลูกค้ารายย่อยทุกกลุ่มลง 0.25% เป็นระยะเวลา 6 เดือน เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2567&nbsp;ได้แก่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ธนาคารออมสิน (GSB) &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME Bank) &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (iBank)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงสำหรับลูกค้ารายย่อย ด้แก่ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อย (MRR) อัตราดอกเบี้ยตามประกาศ (Prime Rate) และอัตรากำไรอ้างอิงสำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี (SPRR)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่&nbsp;ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)&nbsp;ได้ลดอัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ากลุ่มเปราะบางลง 0.25% เป็นระยะเวลา 6 เดือน เนื่องจากได้มีการพักชำระหนี้เกษตรกรไปแล้วก่อนหน้านี้ แบงก์พาณิชย์ทยอยประกาศลดดอกเบี้ย "ช่วยเฉพาะกลุ่ม-จำกัดวงเงิน"&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ฝั่งธนาคารพาณิชย์ เริ่มที่&nbsp;ธนาคารกรุงเทพ&nbsp;ที่ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ลง 0.25% มีผลตั้งแต่วันที่ 29 เม.ย. 2567 เป็นระยะเวลา 6 เดือน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ธนาคารกรุงเทพยังมีโครงการช่วยเหลือลูกค้า SME ด้วยการให้สินเชื่อดอกเบี้ยพิเศษภายใต้โครงการ “สินเชื่อบัวหลวงเพื่อการปรับตัวธุรกิจ” วงเงินโครงการ 20,000 ล้านบาท โดยพิจารณาให้วงเงินสินเชื่อสูงสุด 10 ล้านบาทต่อราย อัตราดอกเบี้ยพิเศษคงที่ 5% ต่อปี เป็นระยะเวลา 5 ปี สามารถขอสินเชื่อได้ตั้งแต่ 1 ก.พ. 67 - 31 ม.ค. 2568 (หรือเมื่อมีลูกค้าใช้สินเชื่อเต็มวงเงินของโครงการ)&nbsp; &nbsp; กระทั่ง 30 เม.ย. 67 ที่ผ่านมา&nbsp;ธนาคารกรุงไทย&nbsp;ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MRR MLR และ MOR 0.25% ต่อปี เป็นเวลา 6 เดือน&nbsp;มีผลตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค.-15 พ.ย.67&nbsp;ให้กับลูกค้ากลุ่มเปราะบาง 3 กลุ่ม ได้แก่ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1. ลูกค้าสินเชื่อบุคคลรายย่อยที่ยังอยู่ในมาตรการความช่วยเหลือของธนาคารฯ ทั้งสินเชื่อบ้าน และสินเชื่อส่วนบุคคล &nbsp; &nbsp; 2. ลูกค้าสินเชื่อบ้านที่มีวงเงินไม่เกิน 2 ล้านบาท &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3. ลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการ SME รายย่อยที่มีรายได้กิจการต่อเดือนไม่เกิน 2 ล้านบาทและมีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 10 ล้านบาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ จากมาตรการดังกล่าว ธนาคารสามารถช่วยลดภาระทางการเงินให้กับลูกค้าได้มากกว่า 3 แสนบัญชี คิดเป็นวงเงินสินเชื่อรวมมากกว่า 2 แสนล้านบาท &nbsp; &nbsp; ในวันเดียวกันนั้น ยังมี&nbsp;ธนาคารกสิกรไทย&nbsp;ออกนโยบายช่วยเหลือเฉพาะลูกค้ากลุ่มเปราะบาง 2 กลุ่ม โดยปรับลดดอกเบี้ย 0.25% สำหรับเงินกู้ (Loan) ที่อ้างอิงอัตราดอกเบี้ยลอยตัว เป็นระยะเวลา 6 เดือน โดยมีผลตั้งแต่ 16 พ.ค. 2567 ได้แก่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1. ลูกค้าบุคคลที่ใช้ผลิตภัณฑ์ “สินเชื่อบ้าน” หรือ “สินเชื่อบ้านช่วยได้”&nbsp;ที่มีวงเงินอนุมัติรวมกับธนาคารกสิกรไทย ไม่เกิน 2,000,000 บาท ตามข้อมูลธนาคาร ณ 31 มี.ค. 2567 และมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อเดือน ตามการประเมินของธนาคาร ณ วันที่ธนาคารพิจารณาอนุมัติสินเชื่อดังกล่าวครั้งล่าสุด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2. ลูกค้า SME ที่มียอดค้างชำระเงินกู้กับธนาคารกสิกรไทย&nbsp;และวงเงินสินเชื่อหมุนเวียนกับธนาคารกสิกรไทย รวมกันแล้วไม่เกิน 2,000,000 บาท ณ 31 มี.ค. 2567 และมียอดขายไม่เกิน 200,000 บาทต่อเดือน ตามการประเมินของธนาคาร ณ วันที่ธนาคารพิจารณาอนุมัติสินเชื่อดังกล่าวครั้งล่าสุด&nbsp; &nbsp; ทั้งนี้ ลูกค้าที่เข้าเงื่อนไขในโครงการจะต้องมีสถานะหนี้เป็นปกติ และยังไม่ได้รับการช่วยเหลือตามมาตรการอื่นๆ ของธนาคาร&nbsp;อย่างไรก็ตามคาดว่าจะมีจำนวนลูกค้าที่ได้รับความช่วยเหลือทั้งลูกค้าบุคคลและ SME รวม 200,000 ราย วงเงินสินเชื่อรวมประมาณ 82,000 ล้านบาท&nbsp; &nbsp; ขณะที่ช่วงค่ำของ 30 เม.ย. พบว่า&nbsp;ธนาคารทหารไทยธนชาต หรือ ttb&nbsp;ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ (MRR, MLR และ MOR&nbsp;) ลง 0.25% ต่อปีให้กับลูกค้ากลุ่มเปราะบาง (ที่ไม่เคยเข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือก่อนหน้า)&nbsp;โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค. 2567 - 15 พ.ย. 2567 เป็นระยะเวลา 6 เดือน ได้แก่&nbsp; &nbsp;&nbsp;1. ลูกค้าสินเชื่อบ้าน&nbsp;ที่มีรายได้รวมเฉลี่ยต่อเดือน ไม่เกิน 30,000 บาท และมีวงเงินอนุมัติไม่เกิน 2 ล้านบาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2. ลูกค้าสินเชื่อเอสเอ็มอี&nbsp;ที่มีรายได้ในปี พ.ศ. 2565 ไม่เกิน 30 ล้านบาท และมีวงเงินอนุมัติไม่เกิน 5 ล้านบาท&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้&nbsp;ธนาคารไทยพาณิชย์&nbsp;ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สำหรับเงินกู้ (Loan) ที่อ้างอิงอัตราดอกเบี้ยลอยตัว MRR และ MLR นาน 6 เดือน (16 พ.ค. -&nbsp; 15 พ.ย. 67) สำหรับลูกค้ากลุ่มเปราะบางที่บัญชีสถานะปกติ (ไม่มีการค้างชำระ)&nbsp;&nbsp;ได้แก่&nbsp; &nbsp;&nbsp;1. ลูกค้าบุคคล สินเชื่อบ้าน&nbsp;และ My Home My Cash ที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 2 ล้านบาท&nbsp; &nbsp;&nbsp;2. ลูกค้าผู้ประกอบการ SME รายย่อย&nbsp;สินเชื่อธุรกิจ ประเภทเงินกู้ระยะยาว (Term Loan) ที่มีวงเงินสินเชื่อรวมไม่เกิน 2 ล้านบาท (โดยพิจารณาจากยอดค้างชำระเงินกู้ระยะยาว และวงเงินสินเชื่อหมุนเวียน) ลูกค้าต้องมียอดสินเชื่อเงินกู้กับธนาคาร ณ 31 มี.ค. 2567&nbsp;&nbsp; &nbsp; จากมาตรการดังกล่าว ธนาคารสามารถช่วยลดภาระทางการเงินให้กับลูกค้าได้มากกว่า 240,000 บัญชี คิดเป็นยอดสินเชื่อรวมประมาณ 110,000 ล้านบาท&nbsp; &nbsp; ในวันที่ 2 พ.ค. 67 ทางธนาคารกรุงศรีอยุธยา&nbsp;ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ที่อ้างอิงอัตราดอกเบี้ยลอยตัว MRR MLR และ MOR ลง 0.25% เป็นระยะเวลานาน 6 เดือน มีผล 16 พ.ค. - 15 พ.ย. 2567 ได้แก่ &nbsp; &nbsp; 1. ลูกค้าสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย&nbsp;ที่มีวงเงินอนุมัติรวมไม่เกิน 2 ล้านบาท (ณ 31 มี.ค. 67) และมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อเดือน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2. ลูกค้าผู้ประกอบการ SME&nbsp;ทั้งลูกค้าบุคคลและนิติบุคคล ที่มีวงเงินสินเชื่อธุรกิจรวมไม่เกิน 2 ล้านบาท (ณ 31 มี.ค. 67) และมียอดขายไม่เกิน 200,000 บาทต่อเดือน &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม ธนาคารส่วนใหญ่ระบุว่าจะปรับลดดอกเบี้ยแบบอัตโนมัติ (ไม่ต้องลงทะเบียน)&nbsp;และไม่มีค่าธรรมเนียม โดยธนาคารจะแจ้งผู้เข้าร่วมมาตรการผ่าน SMS&nbsp; (โดยไม่มีการแนบ Link)&nbsp; Photo by&nbsp;<a href="https://unsplash.com/@evankrause_?utm_content=creditCopyText&amp;utm_medium=referral&amp;utm_source=unsplash">Evan Krause</a>&nbsp;on&nbsp;<a href="https://unsplash.com/photos/people-walking-inside-food-market-4-booX8L8mU?utm_content=creditCopyText&amp;utm_medium=referral&amp;utm_source=unsplash">Unsplash</a> เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/world/global-world/listening-skill-lesson-from-daniel-ek-spotify-ceo" alt="เพราะไม่ว่าใครก็ผิดพลาดได้ “การฟัง” จึงเป็นทักษะสำคัญที่ Daniel Ek แห่ง Spotify ย้ำเตือน"></a><a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/tba-apr-2024-decrease-interestrate" alt="สมาคมธนาคารไทย ออกมาตรการช่วยกลุ่มเปราะบางลดดอกเบี้ย MRR 0.25% นาน 6 เดือน “ตามคำขอนายกฯ”">สมาคมธนาคารไทย ออกมาตรการช่วยกลุ่มเปราะบางลดดอกเบี้ย MRR 0.25% นาน 6 เดือน “ตามคำขอนายกฯ”</a>​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

สรุป! ธนาคารที่ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยฯ ลง 0.25% นาน 6 เดือน เริ่มเมื่อไรบ้าง

<h2>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI ผู้พัฒนาบ้านจัดสรรภายใต้คอนเซปต์ CRAFT a life you love ดีที่สุดคือใช้ชีวิตในแบบที่รัก โดย นายธีรเดช เกิดสำอาง&nbsp;ประธานอำนวยการ บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI จับมือ ธนาคารออมสิน โดย นพวรรณ รัตนเวคิน (รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กลุ่มลูกค้าบุคคล ร่วมสนับสนุนการมีบ้านรักษ์โลก&nbsp;</h2>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยให้สินเชื่อพิเศษกับลูกค้าที่ซื้อบ้านบริทาเนียในทุกโครงการ ซึ่งตอบโจทย์บ้านรักษ์โลก ทั้งการออกแบบบ้านที่เหมาะกับสภาพภูมิอากาศ ใช้วัสดุก่อสร้างที่ถ่ายเทความร้อน รวมถึงการมีนวัตกรรมประหยัดพลังงานที่ครอบคลุม อาทิ Solar Rooftop โดยสามารถรับบริการสินเชื่อ GSB Green Home Loan ดอกเบี้ยพิเศษ ปีแรก 2.690% (MRR-4.305) &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อ่านเพิ่มเติม :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/preview/71329" alt="SCB 10X ประกาศร่วมลงทุนใน AI21 Labs ผู้บุกเบิกด้าน Generative AI ในรอบ Series C&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;​ไม่พลาดบทความแ" style="font-family: &quot;DB FongNam X&quot;, sans-serif; font-size: 34px; text-align: var(--bs-body-text-align);">SCB 10X ประกาศร่วมลงทุนใน AI21 Labs ผู้บุกเบิกด้าน Generative AI ในรอบ Series C&nbsp;&nbsp;</a><a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

“บริทาเนีย” จับมือ “ออมสิน” เปิดสินเชื่อ GSB Green Home Loan มอบดอกเบี้ยพิเศษ ปีแรก 2.690%

<h2 class="p3">ธนาคารออมสินเปิดตัวโครงการประกวด GSB สุดยอด SMEs Startup ตัวจริง ปีที่ 7 ภายใต้คอนเซปท์ “BIG BOOM WOW ทำได้เลย ทำได้เร็ว ทำได้จริง” ชิงทุนประเดิมมูลค่ารวมกว่า 3 ล้านบาท ปีนี้เพิ่มเงื่อนไขจูงใจ ให้ผลงานเข้ารอบ 100 ทีมได้รับพิจารณาสินเชื่อธุรกิจสูงถึง 10 ล้านบาท ดอกเบี้ยพิเศษ 0% นาน 1 – 2 ปี หมดเขตส่งผลงาน 30 กันยายน 2562</h2>
ดร.ชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า  ธนาคารออมสินได้เปิดตัวโครงการประกวด GSB สุดยอด SMEs Startup ตัวจริง ภายใต้แนวคิด “BIG BOOM WOW ทำได้เลย ทำได้เร็ว ทำได้จริง” ซึ่งจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 เพื่อเป็นเวทีสนับสนุนให้คนรุ่นใหม่ SMEs หรือ Startup ที่มีอายุไม่เกิน 35 ปี นำเสนอแนวคิดธุรกิจที่มีความโดดเด่น แตกต่าง สร้างสรรค์ไอเดียธุรกิจ ทั้งประเภทสุดยอดแนวคิดธุรกิจ (Idea) สุดยอดต้นแบบธุรกิจ (Prototype) และสุดยอดธุรกิจ (Product) ที่ทำจริง ขายจริง มีรายได้เกิดขึ้นแล้ว เพื่อชิงเงินทุนประเดิมมูลค่ารวมกว่า 3,000,000 บาท 
เปิดรับสมัครแล้วตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2562 โดยมีกำหนดวันนำเสนอผลงานและประกาศผลรอบชิงชนะเลิศ วันที่ 1 ธันวาคม 2562 
ซึ่งในปีนี้ยังได้มีการเพิ่มเงื่อนไข โดยผลงานที่ผ่านเข้ารอบ 100 ทีมที่มีความเป็นไปได้ในเชิงธุรกิจ  และเข้าร่วมอบรมพัฒนาศักยภาพในการทำธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการ จะได้รับการพิจารณาการให้สินเชื่อธุรกิจอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0% นาน 1 – 2 ปี ในวงเงินไม่เกิน 10 ล้านบาท รวมถึงมีโอกาสที่จะร่วมทุนกับ VC (Venture Capital) ธนาคารออมสินอีกด้วย
<img class="alignnone size-full wp-image-9921" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/06/IMG_4744-e1561708333153.jpg" alt="GSB สุดยอด SMEs Startup" width="800" height="533" />
“โครงการประกวด GSB สุดยอด SMEs Startup ตัวจริง ภายใต้แนวคิด “BIG BOOM WOW ทำได้เลย ทำได้เร็ว ทำได้จริง” เป็นเวทีแห่งโอกาสที่ธนาคารออมสินมุ่งส่งเสริมให้โอกาสคนรุ่นใหม่ ที่มีความคิดสร้างสรรค์ธุรกิจ ที่มีความโดดเด่น แตกต่าง นำเสนอแผนงานเข้ามา เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะเพิ่มโอกาสในการต่อยอดธุรกิจ
โดยธนาคารออมสินพร้อมส่งเสริมทุกด้าน ทั้งการเข้าสู่กระบวนการบ่มเพาะธุรกิจ สนับสนุนองค์ความรู้ที่จะได้รับจากการสัมมนาให้ความรู้ทางธุรกิจ มีการจัดบิสนิเนส แมทชิ่ง ที่อาจนำไปสู่การจับมือทางธุรกิจ ไปจนถึงการร่วมลงทุนผ่าน VC (Venture Capital) ของธนาคารฯ ที่พร้อมสนับสนุนด้านสินเชื่ออย่างเต็มที่ เป็นการสนองนโยบายที่รัฐบาลมอบหมายให้ธนาคารออมสินเป็นหน่วยงานที่ช่วยเหลือดูแลผู้ประกอบการวิสาหกิจรายกลางและรายย่อย หรือ SMEs ให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อเพิ่มศักยภาพและความสามารถการแข่งขันในตลาดได้
ทั้งนี้ จากการรวบรวมสถิติจาก 6 ปีที่ผ่านมา โครงการฯ ได้รับความสนใจจากผู้สมัครทั่วประเทศเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี รวมแล้วกว่า 7,155 ทีม คิดเป็นจำนวนผู้เข้าร่วมกว่า 15,231 คน มีผู้ที่สนใจติดตามโครงการมากกว่า 109,500 คน”  ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าว
โครงการประกวด GSB สุดยอด SMEs Startup ตัวจริง มีเงินทุนประเดิมมูลค่ารวมสูงถึง 3,000,000 บาท นั้น ประกอบด้วย ประเภทรางวัลผลงานชนะเลิศ ได้รับเงินทุนประเดิม 1,000,000 บาท รองชนะเลิศอันดับ 1 ผลงานละ 500,000 บาท รองชนะเลิศอันดับ 2  ผลงานละ 200,000 บาท รางวัลชมเชย 7 ผลงาน ผลงานละ 100,000 บาท 
โดยผู้ที่ผ่านเข้ารอบ 100 ผลงาน ได้รับทุนประเดิมผลงานละ 5,000 บาท รางวัลประเภทผลงานสุดยอดนวัตกรรมต้นแบบ (Prototype) 3 รางวัล คือ ผลงานสุดยอดนวัตกรรมต้นแบบ อันดับ 1 รับเงินทุน 100,000 บาท อันดับ 2 จำนวน 50,000 บาท และ อันดับ 3 จำนวน 30,000 บาท ตามลำดับ
และรางวัลประเภทผลงานสุดยอดแนวคิดทางด้านนวัตกรรม (Idea) 3 รางวัล คือ ผลงานสุดยอดแนวคิด อันดับ 1 รับเงินทุน 50,000 บาท อันดับ 2 จำนวน 30,000 บาท และ อันดับ 3 จำนวน 20,000 บาท ตามลำดับ
<img class="alignnone size-full wp-image-9922" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/06/IMG_4760-e1561708353449.jpg" alt="GSB สุดยอด SMEs Startup" width="800" height="379" />
สำหรับขั้นตอนการคัดเลือก เมื่อได้ผู้เข้ารอบ 100 ผลงานแล้ว คณะกรรมการจะคัดเลือกผู้เข้ารอบให้เหลือ 30 ทีม เพื่อเข้ารับการติวเข้มจากกูรู (Guru Coaching 1 กูรูต่อ 3 ทีม) และกูรูคัดเลือกผู้เข้ารอบ 10 ทีม เพื่อเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ โดยทั้ง 10 ทีม จะได้เข้าร่วมโปรแกรมเดินทางไปศึกษาดูงาน ณ ต่างประเทศ เพื่อเพิ่มประสบการณ์และเตรียมความพร้อมในการเป็นผู้ประกอบการ
ผู้ที่สนใจสามารถติดตามข้อมูล หรือดาวน์โหลดเอกสารการสมัคร หรือติดตามความเคลื่อนไหวโครงการประกวดได้ที่ www.gsb100tomillion.com หรือ <a href="http://www.facebook.com/gsb100tomillion">www.facebook.com/gsb100tomillion</a> LINE@gsb100tomillion ข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 092 247 0426-8
&nbsp;

ออมสินจัด “ประกวด GSB สุดยอด SMEs Startup ตัวจริง” ปีที่ 7 ชิงทุนประเดิมมูลค่ากว่า 3 ล้าน

<h2>Airbnb และ ธนาคารออมสิน ประกาศความร่วมมืออย่างเป็นทางการเพื่อช่วยสนับสนุนและเสริมความแข็งแกร่งให้กับผู้ประกอบการธุรกิจบริการของไทย โดยนำร่องที่กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจ โฮมสเตย์ ท้องถิ่น</h2>
ภายใต้ความร่วมมือดังกล่าว ธนาคารออมสิน จะดำเนินการสร้างความเชื่อมั่นและพร้อมให้การสนับสนุนเพิ่มโอกาสผู้ประกอบการธุรกิจบริการสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบที่ดีขึ้น ด้วยการนำเสนอเงินกู้อัตราดอกเบี้ยแบบยืดหยุ่นพร้อมแผนการผ่อนชำระ ขณะที่ Airbnb จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพการบริการ โดยจะมีการฝึกอบรมตามขั้นตอนเพื่อให้ผู้ประกอบการ โฮมสเตย์ สามารถเชื่อมโยงกับแพลตฟอร์มระดับโลกที่มีเครือข่ายลูกค้าเข้ามาใช้บริการกว่า 500 ล้านคน

ดร.ชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน และ Mike Orgill ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฮ่องกง และไต้หวัน ของ Airbnb ได้ร่วมกันเปิดตัวความร่วมมือกันครั้งนี้ และจากโครงการนำร่องดังกล่าว ทาง Airbnb และธนาคารออมสินได้ฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ธนาคารออมสินและผู้ประกอบการโฮมสเตย์ท้องถิ่น 29 กลุ่ม ซึ่งผู้ประกอบการโฮมสเตย์ส่วนหนึ่งเป็นลูกค้าที่ได้เข้าร่วมโครงการ GSB Smart Homestay 2018 โฮมสเตย์มีสไตล์ ที่จัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่โฮมสเตย์ที่มีความโดดเด่นในแต่ละจังหวัดทั่วประเทศไทย

<figure><img class="wp-image-7736 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/05/Fahsai-Homestay_Nitaya-Laisuwan-1-e1558085370832.jpg" alt="" width="800" height="533" /><figcaption> ฟ้าใส โฮมสเตย์ ที่พัก Airbnb ดีเด่นในท้องถิ่น</figcaption></figure>

ความร่วมมือครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนระดับท้องถิ่นให้เกิดขึ้นพร้อมกับการสร้างรายได้ให้ชุมชนทั่วประเทศไทย คู่ขนานไปกับแนวนโยบายของรัฐบาลในการขับเคลื่อนการเติบโตและเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจชุมชนในเมืองรองต่างๆ ผ่านการท่องเที่ยว

ธนาคารออมสิน จัดทำ สินเชื่อ GSB Homestay ที่สามารถให้บริการได้ครอบคลุมทุกอาชีพที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมโฮมสเตย์ อัตราดอกเบี้ยยืดหยุ่นตามประเภทหลักประกัน และการชำระคืนสอดคล้องกับลักษณะอาชีพ 

ส่วน Airbnb ได้ดำเนินการนำร่องต้นแบบฝึกอบรมเทรนเนอร์เพื่อสร้างศักยภาพให้กับเจ้าหน้าที่ธนาคารออมสิน โดยมีจุดมุ่งหมายบ่มเพาะทักษะที่จำเป็นในการใช้ประโยชน์แพลตฟอร์ม Airbnb และสามารถนำทักษะและความรู้เหล่านี้ไปต่อยอดกระจายสู่ผู้ประกอบการโฮมสเตย์
<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/news/travel/airbnb-%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%96%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%8E%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A2.html">Airbnb ปี 2562 เร่งผลักดันแพลตฟอร์มให้ถูกกฎหมาย ช่วยรัฐบาลกระจาย "การท่องเที่ยวท้องถิ่น"</a></li>
</ul>
สำหรับผู้เข้าร่วมฝึกเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้ได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยและโอกาสการขยายธุรกิจ การประชุมเชิงปฏิบัติการเรียนรู้การเป็นเจ้าของที่พักมือใหม่และเริ่มต้นใช้งานแพลตฟอร์ม Airbnb รวมถึงได้รับข้อมูลและประสบการณ์จาก นิตยา ไล้สุวรรณ เจ้าของที่พัก Airbnb ดีเด่น นอกจากนั้น บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมสนับสนุนอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านระบบใยแก้วนำแสงในการจัดอบรมในครั้งนี้อีกด้วย

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events