&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;กว่า 2 ทศวรรษนับตั้งแต่ Ulysse Nardin แบรนด์นาฬิกาชั้นเลิศจากสวิตเซอร์แลนด์ เปิดตัวคอลเล็กชั่น Freak ที่ฉีกแนวคิดการออกแบบและการผลิตด้วยการรังสรรค์นาฬิกาที่ปราศจากหน้าปัด ปราศจากเข็มและปราศจากเม็ดมะยม ออกสู่ตลาดเป็นครั้งแรก สร้างความฮือฮาให้กับเหล่าบรรดาคนรักนาฬิกาทั่วโลกที่ต่างก็ทึ่งไปกับการสร้างสรรค์นาฬิกาที่ล้ำสมัยและการออกแบบสุดล้ำภายใต้คอลเล็กชั่น Freak Ulysse Nardin ยังคงเดินหน้าทลาย&nbsp;ขีดจำกัดของนาฬิการะดับไอคอนที่แหวกทุกกฎเกณฑ์ โดยเปิดตัว&nbsp;Freak ONE&nbsp;ที่ยังมีแนวคิดขบถ คงคอนเซ็ปท์อัตลักษณ์เด่นและสืบสานตำนานทั้งสามประการของ Freak รุ่นแรกเอาไว้ นั่นคือ ไม่มีหน้าปัด ไม่มีเข็ม และไม่มีเม็ดมะยม<div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/08/DBXcEZveZrNwazKTXEt3.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="DBXcEZveZrNwazKTXEt3.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Freak ONE พัฒนานวัตกรรมด้วยรูปลักษณ์และกลไกใหม่ล่าสุด มาพร้อมความโดดเด่นทั้งด้านดีไซน์และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ซึ่งพัฒนาสืบต่อกันมาตลอด 22 ปี และยังได้รับการพัฒนาให้ก้าวล้ำไปอีกขั้นตามองค์ประกอบเชิงกลไกและวัสดุ<div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/08/hMVcLrELAxRE4DycCdpG.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="hMVcLrELAxRE4DycCdpG.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การทำงานของ Freak ONE ใช้ Hairspring ซิลิคอนที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในปี 2008 และชิ้นส่วน Escapement ที่เป็นวัสดุซิลิเซียมเคลือบพื้นผิวด้วยเพชรสังเคราะห์เทคโนโลยีพลาสมา (DIAMonSIL) ที่เสริมความแข็งแกร่งทนทาน โดยนำมาใช้เป็นครั้งแรกกับ Freak ในปี 2007 ทำให้ป้องกันการเกิดรอยของชิ้นส่วนของกลไกในทุกการเคลื่อนไหวและทนทานต่อแรงกระแทก เหมาะสำหรับการสวมใส่ในทุกวัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Freak ONE ยังรวบรวมทุกเอกลักษณ์และระบบกลไกต่างๆ ของตระกูล Freak ในรุ่นก่อนๆ ไว้ด้วยกัน ตั้งแต่ขอบหน้าปัดหยักของรุ่นต้นแบบในปี 2001 ไปจนถึงเฟืองเปิดของรุ่น Freak Cruiser ในปี 2013 ตัวเรือนเป็นไททาเนียมเคลือบ DLC สีดำ ตกแต่งรายละเอียดต่างๆ ด้วยสีโรสโกลด์สะท้อนถึงดีไซน์ที่ Freak เริ่มใช้ในรุ่นล่าสุดอย่าง Freak S ที่เปิดตัวในปีที่แล้ว<div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/08/1oN74Xu9J2eBNpXambMp.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="1oN74Xu9J2eBNpXambMp.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2"></figure></div>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับองค์ประกอบที่ไม่เหมือนใครของนาฬิกาตระกูล Freak ได้แก่ ขอบหน้าปัดและกระเดื่อง ซึ่งได้ออกแบบการปรับตั้งเวลาด้วยการหมุนขอบหน้าปัด ที่จะทำงานเมื่อยกกระเดื่องที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกาขึ้น เพื่อปลดระบบการปรับตั้งเวลา หมุนตั้งเวลาที่ขอบหน้าปัดได้ 2 ทิศทาง และกดกระเดื่องกลับไปยังตำแหน่งเดิม เพื่อล็อกไว้ ป้องกันการหมุนโดยไม่ตั้งใจ<div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/08/wmKxDJdzyT75UJ3h9d4Z.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="wmKxDJdzyT75UJ3h9d4Z.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="3"></figure></div>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หน้าปัดสีดำสลักลาย Sunray อยู่ใต้กลไกการหมุนของเข็มที่เป็นจานดิสก์สำหรับบอกเวลาหน่วยชั่วโมง ซึ่งจะหมุนรอบหน้าปัดทุกๆ 12 ชั่วโมง เพื่อบอกเวลาหน่วยชั่วโมงผ่านสัญลักษณ์หัวลูกศรที่เคลือบสารเรืองแสง Super-LumiNova<div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 386px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/08/Pt3NkyijM1BFuaK8A4C8.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="386px,480px" data-align="center" data-file-name="Pt3NkyijM1BFuaK8A4C8.jpg" data-file-size="0" origin-size="386,480" data-origin="386px,480px" style="width: 386px; height: 480px;" data-index="4"></figure></div>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับสะพานบอกเวลาหน่วยนาที ซึ่งเป็นจุดเด่นของ Freak จะลอยอยู่ใต้กระจกคริสตัลแซฟไฟร์และวางชุดกลไกทั้งหมดที่เป็น Oscillator ซิลิคอนขนาดใหญ่ และการหมุนของกลไกทั้งชุดที่เรียกว่า Flying Carousel ที่จะหมุนครบรอบหน้าปัดใน 60 นาที&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ Freak ONE ยังมีระบบขึ้นลานภายใต้เทคโนโลยี Grinder ซึ่งมีระบบขึ้นลาน อัตโนมัติ โดยมีพลังงานสำรองถึง 90 ชั่วโมง ระบบขึ้นลาน Grinder นี้ได้รับการจดสิทธิบัตร โดยมีการออกแบบมาเพื่อสะสมพลังงานแม้จะมีการขยับข้อมือน้อยมากก็ตาม ด้วยกรอบที่มีใบจักร 4 แฉก ซึ่งเชื่อมต่อกับวงโรเตอร์จะทำให้เกิดแรงเหวี่ยงเป็น 2 เท่า คล้ายกับจักรยานที่มีคันเหยียบสี่คันแทนที่จะเป็นสองคัน ทำให้ประสิทธิภาพในการขึ้นลานสูงกว่าระบบขึ้นลานอัตโนมัติทั่วไปถึง 2 เท่า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้วยแนวคิดที่มุ่งสู่ความยั่งยืนของ Ulysse Nardin นาฬิกา Freak ONE มีสายนาฬิกาในตัว เป็นสายยางที่ใช้วัสดุรีไซเคิล 30% สายรัดรุ่นใหม่ที่กันน้ำและมีความยืดหยุ่นนี้ช่วยเสริมการยศาสตร์และทำให้สวมใส่สบาย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เอกลักษณ์ใหม่เหล่านี้ทำให้ Freak ONE จึงเป็นนาฬิกาแฟล็กชิปของ Ulysse Nardin และเป็นรุ่นเด่นตัวชูโรงที่แสดงออกถึงตัวตนที่สดใหม่ของ Ulysse Nardin โดยนาฬิกาตระกูล Freak เป็นนาฬิกาแหวกแนวที่มีความซับซ้อนในเชิงเทคนิคสูง และยังคงก้าวล้ำนำหน้าอยู่เสมอ ดึงดูดใจนักสะสม นักสำรวจที่ชื่นชอบความล้ำยุคเสมอมา

Ulysse Nardin Freak ONE ปฏิวัติวงการนาฬิกา ด้วยดีไซน์และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย

Breguet (เบรเกต์) รังสรรค์ที่สุดแห่งเรือนเวลา เพื่อเข้าร่วมสุดยอดการประมูลนาฬิกาเพื่อการกุศล the Only Watch (ดิ โองลี่ วอชท์) ซึ่งจัดขึ้นทุกๆ สองปีโดยมูลนิธิ the Only Watch Foundation โดยจะเปิดประมูลเรือนเวลาที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลกจากหลากหลายแบรนด์ ซึ่งในปี 2023 นี้จะจัดขึ้นที่ศูนย์การประชุม Palexpo (ปาเล็กซ์โป) ณ เมือง&nbsp; เจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ “Marine Hora Mundi x Only Watch”สำหรับการประมูลครั้งนี้ Breguet ภูมิใจนำเสนอเรือนเวลา Marine Hora Mundi ที่มีเพียงเรือนเดียวเท่านั้นในโลก โดยนาฬิการุ่นนี้เผยโฉมครั้งแรกในเดือนมีนาคม ปี 2022 ซึ่งหลอมรวมทั้งกลไกอันซับซ้อนและสุนทรียศาสตร์แห่งความงดงามเข้าไว้ด้วยกัน กลไกสิทธิบัตรเฉพาะที่ Breguet เป็นผู้ประดิษฐ์คิดค้นขึ้นนั้น คือกลไกหนึ่งเดียวที่สามารถเปลี่ยนไทม์โซนได้อย่างง่ายดายเพียงแค่คลิกเดียวเท่านั้น ด้วยการกด pusher และเม็ดมะยม เมื่อผู้สวมใส่ตั้งเวลาและวันที่ของเมืองแรกเรียบร้อยแล้ว ก็เพียงแค่ตั้งชื่อเมืองที่สอง โดยกลไกของนาฬิกาเรือนนี้จะคำนวณวันที่และเวลาของเมืองที่สองโดยอาศัยระบบอันชาญฉลาด ซึ่งประกอบด้วย cams, hammers และระบบคำนวณความต่างแบบบูรณาการง่ายดายแค่เพียงกด pusher ก็สามารถเดินทางไปยังอีกซีกโลกได้โดยที่กลไกยังคงทำงานอย่างเที่ยงตรงแม่นยำไม่มีสะดุด<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/09/NKmmsdH9QZ33n9eXR2BL.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="NKmmsdH9QZ33n9eXR2BL.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div> นอกจากนี้ หน้าปัดยังถ่ายทอดนิยามแห่งพิภพมาไว้บนข้อมือได้อย่างเปี่ยมเสน่ห์ กับลูกเล่นการผสมผสานหลากหลายวัสดุ และการเรียงซ้อนความงดงามไว้หลายมิติ หน้าปัดสีฟ้าขัดแต่งด้วยลวดลาย sunburst (ลายแสงพระอาทิตย์)&nbsp; &nbsp; แบคกราวด์สลักลวดลาย “เกลียวคลื่น” ซ้อนด้วยชั้นแซฟไฟร์ที่แสดงสัญลักษณ์ชั่วโมงในสีทองเรืองแสง ตกแต่งด้วยแผนที่สลักเป็นทวีปต่างๆ ของโลกในสีกรมท่า และเพื่อเน้นย้ำว่าโลกไม่เคยหลับใหล เรือนเวลารุ่นพิเศษนี้ จึงมีบรรดาจุดกลมสีโรสโกลด์ที่ดูโดดเด่นอยู่บนผืนโลก และท้ายสุดคือการใช้ flang ด้านนอกเพื่อยึดโยงความหลากหลายต่างๆ บนหน้าปัดเข้าไว้ด้วยกัน เกิดเป็นผลลัพธ์อันงดงามสมส่วน และรูปลักษณ์ที่รังสรรค์จากฝีมือความเชี่ยวชาญชั้นสูง ด้วยการผสมผสานขั้นตอนแตกต่างหลากหลายที่ต้องอาศัยเวลานานหลายสัปดาห์กว่าจะเสร็จสมบูรณ์​ความสำคัญของรายละเอียด สำหรับ Breguet แล้ว ความหรูหรานั้นอยู่ในรายละเอียด ซึ่งเป็นคำตอบอย่างชัดเจนว่าเพราะเหตุใดเข็มแสดงชั่วโมงและนาทีจึงเติมแต่งด้วยวัสดุเรืองแสงสีแดง เพื่อให้เป็นสัญลักษณ์แห่ง the Only Watch 2023 รวมถึงสัญลักษณ์แสดงชั่วโมง และรูปสมอบ่งชี้ชื่อเมือง ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา ก็เป็นสีแดงเช่นเดียวกัน ซึ่งการใช้สีแดงก็เพื่อเป็นเกียรติแก่ the Only Foundation ซึ่งจากเดิมสนับสนุนโดยกรุงปารีสมาอยู่ภายใต้พระบรมราชูปถัมภ์ของกษัตริย์แห่งโมนาโกนั่นเอง<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/09/Xq5ZgF5paJ1ru6iXwxQs.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="720px,480px" data-align="center" data-file-name="Xq5ZgF5paJ1ru6iXwxQs.jpg" data-file-size="0" origin-size="720,480" data-origin="720px,480px" style="width: 720px; height: 480px;" data-index="1"></figure></div>ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ที่ตีขึ้นรูปด้วยมือ ณ ตำแหน่ง 4 นาฬิกาให้ความรู้สึกสมจริงอย่างยิ่ง ดวงอาทิตย์ ฉายแสงสีโรสโกลด์ ในขณะที่ดวงจันทร์ที่รังสรรค์จากโรเดียมก็ส่องรัศมีสีเทาดูน่าค้นหา หน้าต่างแสดงวันที่อยู่ ณ ตำแหน่ง 12 นาฬิกา เสริมด้วยระบบเข็มแสดงวันที่แบบ retrograde (ระบบเข็มที่เดินไปจนสุดมาตรแล้วตีย้อนกลับมายังตำแหน่งเริ่มต้น) ซึ่งซ่อนไว้อย่างอัจฉริยะอยู่ด้านหลังหน้าต่างแสดงวันที่เข็มรูปตัว U โอบรับตัวเลขแสดงวันที่การขัดแต่งแบบ brouillé&nbsp;หรือแบบเบลอเบาๆ เป็นเทคนิคการตกแต่งนาฬิกาที่มีประวัติศาตร์มายาวนาน มาในเทคนิคล้ำสมัยยิ่งขึ้นกว่าเดิม ให้ผิวสัมผัสแบบแมตต์แต่ยังคงความเงางาม ซึ่งช่วยให้ดูเวลาได้ง่ายและงดงามกลมกลืน<div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/09/5YSgKZ7xjPLQRm6tK4JK.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="5YSgKZ7xjPLQRm6tK4JK.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2"></figure></div>​กลไกที่ไม่เหมือนใครตัวเรือนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 43.9 มม. ประกอบด้วยกลไก Calibre 77F1 บาลานซ์ทำงานที่ความถี่ 4 เฮิรตซ์ กลไกขึ้นลานอัตโนมัติประกอบด้วย escapement ซิลิคอน ซึ่งเป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติหลากหลาย ทั้งทนทานต่อการกัดกร่อนและการสวมใส่และยังไม่ตอบสนองต่อสนามแม่เหล็กอีกด้วย ความแตกต่าง อันเป็นเอกลักษณ์ของกลไกคาลิเบอร์ 77F1 คือระบบกลไกสิทธิบัตรที่เพิ่มเติมเข้ามา มีทั้งระบบ dual-time แสดงเวลาพร้อมกันสองไทม์โซน, ระบบแสดงเวลาไทม์โซนที่สอง, ระบบวีลที่ตั้งล่วงหน้าได้และปรับตั้งใหม่ได้ และการแสดงวันและคืนด้วย pointerโดยสามารถยลโฉมกลไกอัจฉริยะส่วนหนึ่งได้จากด้านหลังตัวเรือนกรุคริสตัลแซฟไฟร์ ขัดแต่งอย่างสวยงามด้วยลวดลาย Côtes de Genève (โกท เดอ เฌอแนฟ) รวมถึงลวดลาย guilloche (กิลโยเฌ่) และ snail หรือ ลายก้นหอย ส่วน oscillating weight ที่มีรูปร่างโดดเด่นคล้ายหางเสือทำจากทองคำรมดำ และยังสลักข้อความ "Pièce Unique" และ "Only Watch 2023" ณ ตำแหน่ง 12 และ 6 นาฬิกา ตามลำดับอีกด้วย ​Marine Hora Mundi รุ่นใหม่นี้ พร้อมแล้วที่จะท่องโลกไปพร้อมกับสายรับเบอร์สีมิดไนท์บลู ​Breguet และราชนาวี ชีวิตของ Abraham-Louis Breguet (อับราฮัม-หลุยส์ เบร์เกต์) ผู้ได้รับยกย่องให้เป็นทั้งนักวิทยาศาสตร์และนักประดิษฐ์คิดค้นกลไกมือฉมัง มีความผูกพันกับกองทัพเรือฝรั่งเศส ในปี 1814 เขารับแต่งตั้งโดย พระราชกฤษฎีกา ให้เป็นสมาชิกผู้ทรงคุณวุฒิของสำนัก the Bureau des Longitudes ร่วมกับนักวิชาการระดับแนวหน้าอย่าง Delambre, Biot และ Laplace ซึ่งหนึ่งในบทบาทหลักของสำนักแห่งนี้คือการหาวิธีแก้ปัญหาเชิงดาราศาสตร์ในการกำหนดลองติจูดการเดินเรือ หนึ่งปีต่อมา กษัตริย์หลุยส์ที่ 18 ก็ได้ทรงแต่งตั้งตำแหน่ง อันทรงเกียรติอย่างยิ่งให้กับเขา นั่นคือ Chronometer-Maker แห่งกองทัพเรือฝรั่งเศส แล้วกองทัพเรือ นักสำรวจผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดก็ได้ออกเดินเรือด้วยระบบบอกเวลาของ Breguet จวบจนปัจจุบันจิตวิญญาณแห่งราชนาวียังคงฉายเด่นอยู่ในความสง่างามและกลิ่นอายสปอร์ตนี้ ซึ่งเป็นคอลเลคชั่นที่โดดเด่นที่สุด คอลเลคชั่นหนึ่งของแบรนด์​ข้อมูลเชิงเทคนิค 5555 – Marine Hora Mundi – 5555BR/YS/5WV – One-of-a-kind model<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/09/L5SNbR938whZkUEherdK.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="L5SNbR938whZkUEherdK.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="3"></figure></div>ตัวเรือน: โรสโกลด์ 18K เส้นผ่านศูนย์กลาง: 43.9 มม. ความหนา: 13.80 มม. หน้าปัด:&nbsp;สีฟ้าขัดแต่งด้วยลวดลาย sunburst และ guilloche ระบบกลไก: ขึ้นลานอัตโนมัติ ฟังก์ชั่น: แสดงชั่วโมง, นาที และ วินาที, ตั้งระบบ dual-time ล่วงหน้าได้ โดยสามารถแสดงเวลาไทม์โซนทั้งสองได้ในทันที รวมถึงแสดงวันที่, กลางวัน/ กลางคืน และแสดงชื่อเมือง เอสเคปเมนท์: แบบ inverted straight-line lever ฮอร์นซิลิคอน และบาลานซ์สปริงซิลิคอนแบบ flat ประสิทธิภาพการกันน้ำ: 10 บาร์ (100 เมตร) กลไก: คาลิเบอร์ 77F1 ความถี่: 4 เฮิร์ตซ์ สำรองพลังงาน: 55 ชั่วโมง ชิ้นส่วน: 384 ชิ้น สายนาฬิกา: สายรับเบอร์สีมิดไนท์บลูพร้อมตัวล็อคสายโรสโกลด์ 18K แบบพับทบสามชั้น

เรือนเวลาหนึ่งเดียวในโลก Breguet Marine Hora Mundi เตรียมเผยโฉม ณ สุดยอดงานประมูลการกุศล Only Watch 2023

เอ่ยชื่อ Patek Philippe (ปาเต็ก ฟิลิปป์) สุนทรียชนทุกคนจะนึกถึงผลงานเรือนเวลาสุดประณีต ยอดเยี่ยมด้วยประสิทธิภาพในการทำงาน รูปลักษณ์งดงาม และเป็นความภาคภูมิใจยามหยิบมาสวมใส่ ซึ่งนอกจากจะเป็นแบรนด์ในดวงใจของสุภาพบุรุษแล้ว สาวๆ มากมายต่างหลงใหลในจิตวิญญาณแห่ง Patek Philippe ไม่แพ้กัน ซึ่งทางแบรนด์ก็ไม่เคยทำให้เหล่าสุภาพสตรีต้องผิดหวัง เห็นได้จากการทยอยส่งผลงานชั้นเยี่ยมออกมากำนัลข้อมือสาวๆ อยู่อย่างสม่ำเสมอ และในเดือนสำคัญเพื่อยกย่องสตรีผู้สร้างโลก ในวาระแห่งวันแม่ที่กำลังมาถึงนี้ จึงอยากขอแนะนำ 3 เรือนเวลาแสนสวยรุ่นใหม่ล่าสุดในปี 2022 ที่ Patek Philippe ตั้งใจสร้างสรรค์ออกมาสำหรับเรียวข้อมือสาวๆ ซึ่งแม้โลกใบนี้จะมีนาฬิกาสตรีสวยๆ อยู่มากมาย แต่หากอยากสัมผัสความงามประณีตที่แตกต่าง ก็ต้องเป็นผลงานของ Patek Philippe เท่านั้นเริ่มกันที่เรือนสวยที่สาวๆ สามารถสวมติดข้อมือได้ทุกวัน ทั้งวันทำงาน และวันหยุด หรือจะสวมไปงานเลี้ยงยามค่ำก็ยังได้ โดยเป็นความเรียบง่ายแต่งดงามอย่างมีเอกลักษณ์ที่ครองใจสาวๆ มายาวนานนับทศวรรษของ<a style="color: #003300;" href="https://bit.ly/3yhS6s1">คอลเลกชั่น Twenty~4 (ทเวนตีโฟร์)</a>&nbsp;กับดีไซน์ตัวเรือนทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าสไตล์ ‘Art Déco’ (อาร์ต เดโค) ที่โค้งมนสู่สาย ซึ่งออกแบบมาให้รับกันได้อย่างกลมกลืน และยังสวมใส่สบายข้อมือเป็นอย่างยิ่ง ในเวอร์ชั่นล่าสุดสำหรับปีนี้ เพิ่มความงดงามเข้าเทรนด์ด้วยหน้าปัดสีเขียวมะกอกที่เล่นแสงอย่างมีมิติกับมุมแสงตกกระทบ แตกต่างด้วยการปัดผิวเป็นลายรัศมี รับกับประกายเพชรเม็ดงาม เกรด ‘Top Wesselton Pure’ (ท็อป เวสเซลตัน เพียว) จำนวน 36 เม็ดประดับเรียงขนาบ 2 ข้างตัวเรือนอย่างมีสไตล์ รวมน้ำหนักราว 0.42 กะรัต สามารถอ่านเวลาได้อย่างชัดเจน แม้ในภาวะแสงน้อยด้วยเข็มชี้ และหลักชั่วโมงตัวเลขอารบิกสลับกับมาร์คเกอร์ทรงแท่งขนาดใหญ่ที่แต้มด้วยสารเรืองแสง แสดงการบอกเวลาเป็นชั่วโมงและนาทีอย่างเรียบง่ายและเที่ยงตรงด้วยกลไกการทำงานของเครื่องสวิสควอตซ์ชั้นดีซึ่งบรรจุอยู่ในตัวเรือนสเตนเลสสตีลขนาด 25.1 x 30.0 มิลลิเมตร จับคู่กับสายสเตนเลสสตีล พร้อมตัวพับล็อกที่มั่นคงแข็งแรง<img class="wp-image-66092 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/07/01.1.jpg" alt="" width="720" height="480"> ความงามหรูเปี่ยมรสนิยมที่ครองใจสาวๆ มานับทศวรรษ Twenty~4 กับเวอร์ชั่นล่าสุดที่สวยเข้าเทรน﻿﻿ด์ด้วยการจับคู่พื้นหน้าปัดสีเขียวมะกอกเข้ากับตัวเรือนและสายสเตนเลสสตีลประดับเพชรเม็ดงาม<img class="wp-image-66249 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/07/02..08.jpg" alt="" width="720" height="198"> ความประณีตกลมกลืนในทุกมุมมองของTwenty~4 เวอร์ชั่นปี 2022แต่หากต้องการความงามที่โดดเด่นสำหรับงานราตรีสุดหรู ประกายแสงจับตาจากเพชรน้ำเลิศจำนวนถึง 132 เม็ด น้ำหนักรวมราว 1.09 กะรัต ที่ประดับล้อมขอบตัวเรือนทองขาว 18K ขนาด 33.0 มิลลิเมตร ด้วยเทคนิค ‘Dentelle’ (ดังแตล) เป็นวงซ้อนกัน 2 ชั้น อวดความระยิบระยับรับกับพื้นหน้าปัดเหลือบแสง จากเทคนิคการปัดแบบลายรัศมีเป็นมิติอย่างประณีต คือคำตอบที่ลงตัวที่สุด ทั้งยังมาพร้อมเสน่ห์แห่งจันทราของฟังก์ชันการแสดงข้างขึ้น-ข้างแรม ที่ประดับซ้อนอยู่ในวงหน้าปัดย่อยซึ่งแสดงเวลาเป็นวินาที ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา<img class="wp-image-66095 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/07/03.jpg" alt="" width="720" height="480"> ความงามจับตาจับใจพร้อมเสน่ห์แห่งจันทราของ Calatrava Moon Phases Ref.7121 ที่พราวตาด้วยประกายเพชรบนตัวเรือนทองขาว 18K<img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/07/04.04.jpg" height="198" width="720"> ความพิถีพิถันในทุกอณูสร้างสรรค์ของ Calatrava Moon Phases Ref.7121ผลงานเรือนเวลาสตรีเรือนหรูนาม <a href="https://bit.ly/3AuVrXu">Calatrava Moon Phases (คาลาทราวา มูน เฟเซส) Ref.7121</a>&nbsp;นี้อวดการทำงานของกลไกไขลานที่ขัดแต่งด้วยมืออย่างประณีตงดงามผ่านฝาหลังด้วยแผ่นคริสตัลแซพไฟร์ โดยกลไกพร้อมฟังก์ชันซับซ้อนที่มีขนาดเล็กที่สุดของ Patek Philippe ชุดนี้สามารถแสดงข้างขึ้น-ข้างแรมได้อย่างแม่นยำ โดยมีค่าคลาดเคลื่อนเพียง 1 วัน ในรอบ 122 ปีเท่านั้น ความล้ำเลิศของการแสดงค่านี้ส่งมอบผ่านความลงตัวแห่งการออกแบบรูปทรงของทั้งตัวเรือนที่เน้นความละมุนอ่อนช้อยตามแบบสตรี พร้อมเสริมความงามหรูด้วยการจับคู่กับสายหนังจระเข้สีน้ำเงินสอดรับกับสีของพื้นหน้าปัด โดยเป็นการตัดเย็บด้วยมืออย่างประณีตสำหรับตัวเลือกที่คู่ควรกับหญิงสาวผู้หลงใหลในการเดินทาง และเรือนเวลาที่เพียบพร้อมทั้งความงดงามและประกอบด้วยฟังก์ชันครบครันในการแสดงเวลาแบบหลายค่าไทม์โซนอย่าง <a href="https://bit.ly/3nHL8Yr">Ladies’ World Time (เลดีส์ เวิลด์ ไทม์) Ref.7130</a>&nbsp;นั้นมาพร้อมความหรูล้ำค่าของตัวเรือนทองกุหลาบ 18K ขนาด 36.0 มิลลิเมตร ที่ล้อมรอบขอบตัวเรือนด้วยเพชรน้ำงามระดับ ‘Top Wesselton Pure’ จำนวน 62 เม็ด รวมน้ำหนัก 0.82 กะรัต นอกจากนี้ยังตระการตาด้วยความละเอียดประณีตจากการสลักพื้นหน้าปัดสีเขียวมะกอกให้เป็นลวดลายคล้ายเครื่องจักสานด้วยมือ โดยใช้เทคนิค ‘Guilloché’ (กิโยเช) โบราณ ที่ปัจจุบันหาช่างฝีมือด้านนี้ได้ไม่มากคนนัก ศิลปกรรมแห่งกาลเวลาที่งามจับตาจับใจเรือนนี้ สามารถแสดงเวลาของทั้ง 24 เขตเวลาทั่วโลก พร้อมการแสดงกลางวัน-กลางคืนที่อ่านค่าได้สะดวก ปราศจากการสับสน โดยอ้างอิงกับชื่อเมืองสำคัญของแต่ละไทม์โซนให้สามารถเข้าใจได้อย่างง่ายดาย<img class="wp-image-66097 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/07/05.jpg" alt="" width="720" height="480"> เรือนเวลาจักรกลพร้อมฟังก์ชันแสดงเวลารอบโลกสำหรับข้อมือสตรีเพียงรุ่นเดียวในโลก Ladies’ World Time Ref.7130 พร้อมความงามประณีตจากการผสานงานหัตถศิลป์หลายแขนงเข้าไว้ด้วยกัน<img class="wp-image-66250 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/07/06.022.jpg" alt="" width="720" height="198"> รายละเอียดในส่วนต่างๆ ของ Ladies’ World Time Ref.7130 ที่แสดงให้เห็นถึงการประกอบกันอย่างลงตัว ของงานประณีตศิลป์ในนาฬิกาเรือนเดียวกลไกการทำงานอันแสนซับซ้อน ทว่าใช้งานได้อย่างง่ายดายของเรือนวิจิตรหรูนี้ เกิดจากการทำงานของกลไกอัตโนมัติที่มีความบางพิเศษ ขึ้นลานเพิ่มพลังงานด้วย ‘โรเตอร์กระดุม’ ที่ประดิษฐ์จากทองคำ 22K ซึ่งอวดความเก๋ไก๋ให้ได้ชื่นชมผ่านฝาหลังตัวเรือนคริสตัลแซพไฟร์ โอบกระชับเรียวข้อมืองามด้วยสายหนังลูกวัวเนื้อนุ่มสีเขียวมะกอกรับกับพื้นหน้าปัด ความยอดเยี่ยมทั้งหมดนี้รับรองด้วยตราประทับแห่งมาตรฐานชั้นเลิศ ‘Patek Philippe Seal’ (ปาเต็ก ฟิลลิปป์ ซีล) เช่นเดียวกันกับ Calatrava Moon Phases Ref.7121 ซึ่งเป็นตราประทับแห่งความภาคภูมิใจของผู้ที่ได้ครอบครองค้นหา<a href="https://www.thehourglass.com/th/catalog/patek-philippe/all/?filter_gender=womens">นาฬิกา Patek Philippe ผู้หญิง</a>ทุกคอลเลกชั่น3 เรือนเวลาแสนสวย ซึ่งโดดเด่นด้วย 3 บุคลิกที่แตกต่าง อันเป็นผลงานล่าสุดสำหรับปี 2022 ที่นำมาฝากให้ได้ชื่นชมกันในครั้งนี้ นับเป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า ความงามหรูในแบบฉบับของ Patek Philippe นั้นแตกต่าง โดดเด่น และเป็นที่สุดแห่งประณีตวิจิตรอย่างแท้จริง

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events