<h2 class="p1">ทุนไทยร่วมสิงคโปร์ตั้ง “เวนเจอร์ โกลบอล โฮลดิ้ง” ลุยพัฒนาคอนโดมิเนียมพื้นที่ EEC ย่าน "บางแสน" จ.ชลบุรี มูลค่าโครงการ 550 ล้านบาท ชี้เป็นทำเลมีศักยภาพ</h2>
พีระพล รังสิมานุรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวนเจอร์ โกลบอล โฮลดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า จากประสบการณ์ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ภาคตะวันออกของทีมงานบริษัท ทริปเปิล เอส 2019 จำกัด และความต้องการขยายตลาดในต่างประเทศของ ABN ซึ่งเป็นผู้พัฒนาอสังหาฯ จากสิงคโปร์ จึงร่วมกันจัดตั้งเวนเจอร์ โกลบอล โฮลดิ้งขึ้นเพื่อพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย โดยสัดส่วนการถือครองหุ้นระหว่างทุนไทยกับสิงคโปร์อยู่ที่ 51:49 ทุนจดทะเบียน 600 ล้านบาท ประเดิมโครงการแรกเป็นคอนโดมิเนียมใน บางแสน
“ทีมงานของทริปเปิล เอส เคยทำโรงแรมและอาคารพาณิชย์ใน จ.ชลบุรี รวมถึงหมู่บ้านจัดสรรค์ใน อ.อรัญญประเทศ จ.สระแก้ว ซึ่งเราเห็นว่าพื้นที่ภาคตะวันออกโดยเฉพาะในระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ หรือ EEC นั้นเป็นทำเลที่มีศักยภาพและน่าลงทุน จึงพูดคุยกับฝั่งสิงคโปร์ซึ่งรู้จักกันอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งเขาเองก็อยากขยายการลงทุนไปต่างประเทศ และเห็นถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจไทย จึงเกิดการร่วมมือกันในครั้งนี้”


<figure><img class="size-full wp-image-25861" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/01/vgh02.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> พีระพล รังสิมานุรักษ์</figcaption></figure>
โดยโครงการแรกที่เวนเจอร์ โกลบอล โฮลดิ้ง ประเดิมเปิดตัวคือโครงการคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ เดอะ เซนโทร คอนโด บางแสน มูลค่าโครงการ 550 ล้านบาท 
ด้าน Austin Tan ประธานเจ้าหน้าที่โครงการ บริษัท เวนเจอร์ โกลบอล โฮลดิ้ง จำกัด กล่าวว่า การมาลงทุนที่ประเทศไทย บริษัทมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยมองว่าบางแสนเป็นทำเลที่ดี เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากพัทยามากนัก แต่มีค่าครองชีพที่ถูกกว่า นอกจากนี้ยังเป็นพื้นที่ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีชายหาดที่สวยงาม มีมหาวิทยาลัยชั้นนำ มีความเจริญของเมืองที่เพียงพอต่อการใช้ชีวิต คุ้มค่าต่อการอยู่อาศัย


<figure><img class="size-full wp-image-25864" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/01/vgh05.jpg" alt="" width="720" height="479" /><figcaption> Austin Tan</figcaption></figure>
“ขณะที่ภาพรวมประเทศไทยก็มีความเติบโตด้านเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและต่อเนื่อง เป็นตลาดเกิดใหม่ที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก ทั้งยังเชื่อมั่นในพันธมิตรไทย จึงมองการลงทุนเป็นการลงทุนระยะยาว คาดว่าจะโฟกัสที่ไทยก่อนอย่างน้อย 10 ปี จึงจะมองหาตลาดในประเทศอื่นๆ”
ขณะที่ Ray Heng ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน เวนเจอร์ โกลบอล โฮลดิ้ง เผยว่า ไทยเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของอาเซียน มีการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ โดยมีอัตราเงินเฟ้อต่ำกว่า 5% ใน 10 ปีที่ผ่านมา


<figure><img class="size-full wp-image-25863" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/01/vgh04.jpg" alt="" width="720" height="479" /><figcaption> Ray Heng</figcaption></figure>
“ไทยมีความพร้อมในโครงสร้างพื้นฐานทั้งด้านโทรคมนาคมและการคมนาคม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามีการพัฒนาโครงการใหญ่หลายโครงการ รวมทั้งมีความชัดเจนในโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน นอกจากนี้ พื้นที่ EEC ยังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อขยายความเจริญจากเมืองหลวง จึงเป็นเหตุผลให้บริษัทตัดสินใจลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์โครงการแรกที่บางแสน”
พีระพล เสริมอีกว่า รัฐบาลวางงบประมาณในการพัฒนาพื้นที่ EEC ปี 2563-2564 ถึง 1.2 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2561-2562 ถึง 20% แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนพื้นที่ EEC อย่างจริงจัง ส่งผลให้พื้นที่บางแสน จ.ชลบุรี จะไม่ใช่แค่เมืองท่องเที่ยวอย่างที่ผ่านมา แต่จะเป็นเมืองที่มีศักยภาพในทุกๆ ด้าน
“ม.บูรพา เป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 1 ในภาคตะวันออก ทั้งยังมีชาวจีนเข้ามาศึกษาเพิ่มขึ้นทุกปี ขณะที่บางแสนยังมีประชากรเพิ่มขึ้นในอัตรา 7% ต่อปี (ระหว่าง 2556-2562) ปัจจุบันมีประชากรกว่า 4.7 หมื่นคน และมีประชากรแฝงอีกหลักแสนคน นอกจากนี้ 3 ปีที่ผ่านมา การขยายตัวของอสังหาฯ ในพัทยาและจอมเทียนเข้มข้นมาก ส่วนบางแสนยังต่ำ ประกอบกับราคาที่ดินในบางแสนที่ไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก เราจึงเลือกลงทุนในบางแสน” พีระพล กล่าว


<figure><img class="size-full wp-image-25865" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/01/vgh06.jpg" alt="" width="720" height="409" /><figcaption> ภาพจำลอง โครงการเดอะ เซนโทร คอนโด บางแสน</figcaption></figure>
จักรพันธ์ บำเพ็ญเกียรติคุณ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ เวนเจอร์ โกลบอล โฮลดิ้ง กล่าวว่า โครงการเดอะ เซนโทร คอนโด บางแสน เป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ 8 ชั้น 2 อาคาร จำนวน 304 ยูนิต ตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาด 2 ไร่ 82.4 ตารางวา ทำเลอยู่ใจกลางเมืองบางแสน ติดตลาดปาร์คอิน หลังห้างแหลมทองเพียง 200 เมตร ห่างจากหน้า ม.บูรพา 400 เมตร ห่างจากหาดบางแสน 1 กิโลเมตร


<figure><img class="size-full wp-image-25862" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/01/vgh03.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> จักรพันธ์ บำเพ็ญเกียรติคุณ</figcaption></figure>
ทั้งนี้ ภายในโครงการประกอบไปด้วยสระว่ายน้ำระบบน้ำล้น, ฟิตเนส, ลานกิจกรรมนอกอาคาร, พื้นที่ส่วนกลางลักษณะ Co-Working Space การออกแบบคำนึงการประหยัดพลังงาน นอกจากนี้ยังมีไฮไลท์พิเศษคือห้อง 2 ห้องนอน ขนาด 56 ตารางเมตร ที่เป็นแบบ 1 ห้อง 2 กุญแจ ทำให้เจ้าของที่ใช้ห้องเดียวสามารถปล่อยเช่าอีกห้องหนึ่งได้ ซึ่งเป็นห้องที่มีการออกแบบในประเทสสิงคโปร์ด้วย โดยมีห้องรูปแบบดังกล่าว 14 ยูนิต
“ในส่วนของราคาเริ่มต้นห้องขนาด 28 ตร.ม. อยู่ที่ 1.49 ล้านบาท หรือเฉลี่ยราว 5.5 หมื่นบาทต่อตางรางเมตร โดยหลังจากมีการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อออนไลน์และออฟไลน์ พร้อมเปิดให้ลงทะเบียน ขณะนี้มีผู้ลงทะเบียนสนใจมามากกว่าจำนวนยูนิตที่มีแล้ว” จักรพันธ์ กล่าว
<img class="alignnone size-full wp-image-25866" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/01/vgh08.jpg" alt="" width="720" height="480" />
พีระพล กล่าวเสริมอีกว่า บริษัทคาดว่าจะผ่าน EIA ในเดือนเมษายน เริ่มก่อสร้างได้ในเดือนพฤษภาคม และสามารถปิดการขายได้ภายใน 24 เดือนหลังจากเริ่มก่อสร้าง โดยตั้งเป้าลูกค้าเป็นนักลงทุน 70% และผู้อยู่อาศัยจริง 30% ซึ่งการมีพาร์ทเนอร์เป็นสิงคโปร์ก็คาดว่าจะช่วยดึงนักลงทุนจากสิงคโปร์เข้ามาได้ด้วย
“บริษัทฯ ยังมีแผนพัฒนาคอนโดมิเนียมในลักษณะเดียวกันอย่างต่อเนื่อง โดยหลังจากรับรู้รายได้จากเดอะ เซนโทร คอนโด บางแสนราว 50% จึงจะเริ่มพัฒนาโครงการต่อไป ทั้งนี้ คาดว่าน่าจะเป็นพื้นที่ใน อ.บ้านฉาง จ.ระยอง เนื่องจากมีดีมานด์ และเป็นทำเลที่ไม่ไกลจากสนามบินอู่ตะเภามากนัก”
พีระพล ยังทิ้งท้ายว่า บริษัทตั้งเป้าว่าภายในระยะ 5 ปี จะสามารถพัฒนาคอนโดฯ ได้ทั้งหมด 8 โครงการ จากนั้นมีแผนนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ต่อไป
&nbsp;

อ่านเพิ่มเติม
<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/news/property/%e0%b8%99%e0%b8%b1%e0%b8%81%e0%b8%a5%e0%b8%87%e0%b8%97%e0%b8%b8%e0%b8%99%e0%b8%88%e0%b8%b5%e0%b8%99-%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%81%e0%b8%a5%e0%b8%b8%e0%b9%88%e0%b8%a1%e0%b8%95.html">“นักลงทุนจีน” ครองกลุ่มต่างชาติรายใหญ่สุดผู้ซื้ออสังหาฯไทยปี 2562</a></li>
</ul>
&nbsp;

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

“เวนเจอร์ โกลบอล โฮลดิ้ง” ทุนไทยร่วมสิงคโปร์ ลุยพัฒนาคอนโดฯ บางแสน

<h2 class="p3">บีทีเอสร่วมทุนฮ่องกง เทเม็ดเงิน 5 พันล้านเปิด "โรงเรียนนานาชาติเวอร์โซ (Verso)" ต่อยอดโครงการธนาซิตี้ ถนนบางนา-ตราด ปั้นหลักสูตรใหม่อิงระบบอเมริกัน ดึงนักเรียนไทยและ expat โซน EEC</h2>
คีรี กาญจนพาสน์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยการลงทุนโครงการ โรงเรียนนานาชาติเวอร์โซ ว่า โครงการดังกล่าวเป็นการต่อยอดพื้นที่ธนาซิตี้ 1,700 ไร่ที่เขาเริ่มต้นพัฒนาเป็นหมู่บ้านจัดสรรและสนามกอล์ฟตั้งแต่ 31 ปีก่อน การเปิดโรงเรียนนานาชาติในครั้งนี้ถือเป็นการเติมสิ่งอำนวยความสะดวกให้ครบครันสำหรับความเป็นเมือง
“ผมคิดไว้ว่าตรงนี้จะต้องมีโรงเรียน แต่แรกไม่คิดว่าจะเป็น international แต่พอดีผมมีเพื่อนทำธุรกิจโรงเรียนในฮ่องกงซึ่งสืบต่อกิจการกันมา 4 รุ่นแล้ว เราจึงจับมือกัน” คีรีกล่าว
โดยโครงการนี้พัฒนาบนพื้นที่ 168 ไร่ มูลค่าการลงทุนเฟสแรก 70 ไร่ 5 พันล้านบาท เป็นการร่วมทุน 51:49 ระหว่าง บริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) ในเครือบีทีเอส และบริษัท Fortune Hand Ventures จากฮ่องกง ก่อสร้างเป็นอาคารเรียน สนามฟุตบอล สนามกีฬากลางแจ้ง ศูนย์ออกกำลังกาย โดยภายในมีสระว่ายน้ำในร่มยาว 50 เมตรมาตรฐานโอลิมปิกที่ควบคุมอุณหภูมิได้แห่งแรกในประเทศไทย เปิดการเรียนการสอนเทอมแรก สิงหาคม 2563


<figure><img class="wp-image-21051 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/09/Howard-Leung-คีรี-กาญจนพาสน์.jpg" alt="" width="800" height="534" /><figcaption> Howard Leung กรรมการบริษัท Fortune Hand Ventures และ คีรี กาญจนพาสน์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)</figcaption></figure>
ปิยพร พรรณเชษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โรงเรียนนานาชาติเวอร์โซ ถือเป็นแห่งแรกในโลก แต่เป็นการลงทุนร่วมกับ Fortune Hand ซึ่งทำธุรกิจโรงเรียนในฮ่องกงมานาน 60 ปี จึงมีความรู้ความเข้าใจ และยังได้ Cameron Fox ผู้เชี่ยวชาญในวงการมาเป็นผู้พัฒนาหลักสูตรและบริหารโรงเรียนอีกด้วย
“โรงเรียนนานาชาติในไทยมีหลายระบบ แต่ส่วนใหญ่จะก่อตั้งมานานแล้ว ในขณะที่โลกของเรากำลังดิสรัป ความต้องการคนในอุตสาหกรรมมีความเปลี่ยนแปลง นี่คือจุดโฟกัสของเวอร์โซ คือต้องการสร้างนักคิด คนที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล” ปิยพรกล่าว
“หลักสูตรเราอิงจาก New York State สหรัฐอเมริกา แต่มีการปรับให้เข้ากับปรัชญาของเรา เพราะเราทราบเทรนด์การรับนักศึกษาในมหาวิทยาลัยต่างประเทศ เดี๋ยวนี้ไม่ได้ต้องการแค่ผลการเรียน แต่ต้องการนักเรียนที่ holistic มากขึ้น”


<figure><img class="size-full wp-image-21052" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/09/Cameron-Fox-ปิยพร-พรรณเชษฐ์.jpg" alt="โรงเรียนนานาชาติเวอร์โซ" width="800" height="533" /><figcaption> Cameron Fox หัวหน้าผู้บริหารโรงเรียนนานาชาติเวอร์โซ และ ปิยพร พรรณเชษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน)</figcaption></figure>
โรงเรียนนานาชาติเวอร์โซ จะเปิดการเรียนการสอนสำหรับนักเรียนชั้นเตรียมอนุบาลจนถึงเกรด 12 แต่ในช่วงปีแรก ปิยพรกล่าวว่าโรงเรียนจะเปิดรับสมัครตั้งแต่ชั้นเตรียมอนุบาลถึงชั้นเกรด 8 ก่อน คาดว่าปีแรกจะมีผู้สมัคร 200 คน
โดยมองเป้าหมายทั้งนักเรียนไทยและกลุ่ม expat ซึ่งน่าจะมีมาก เนื่องจากที่ตั้งโรงเรียนอยู่บนถนนบางนา-ตราด ทางออกสู่พื้นที่ EEC แหล่งลงทุนของบริษัทต่างชาติที่คาดว่าจะมีชาวต่างชาติเข้ามาในพื้นที่ปีละ 100,000 คน
ด้าน Cameron Fox หัวหน้าผู้บริหารโรงเรียนนานาชาติเวอร์โซ กล่าวว่า โรงเรียนมีแนวคิดหลักในการพัฒนาหลักสูตรคือเป็นหลักสูตร “Future-Ready” โดยเขาศึกษาวิจัยจากโรงเรียนนานาชาติ 25 แห่งทั้งในสหรัฐฯ สิงคโปร์ ฮ่องกง และไทย และร่วมกับ IDEO บริษัทออกแบบและนวัตกรรมในสหรัฐฯ เพื่อพัฒนาโรงเรียนให้เป็น Human-Centric Design

<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/world/asia/%e0%b9%80%e0%b8%a1%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b9%80%e0%b8%97%e0%b8%a3%e0%b8%99%e0%b8%94%e0%b9%8c%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%a8%e0%b8%b6%e0%b8%81%e0%b8%a9%e0%b8%b2%e0%b8%95%e0%b9%88%e0%b8%ad.html">เมื่อเทรนด์การศึกษาต่อเปลี่ยนทิศ</a></li>
</ul>
หลักสูตรการเรียนการสอนนั้นเป็นระบบอเมริกัน แต่ปรับใหม่เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง มุ่งเป้าให้นักเรียนค้นหา passion และตัวตนของตัวเอง
Fox กล่าวว่า หลักสูตรนี้เป็นการพัฒนาขึ้นใหม่ หลังจากนี้จะมีการประชาสัมพันธ์กับกลุ่มผู้ปกครองเพื่อความเข้าใจ โดยจะจัดงานประชุมวิชาการในวันที่ 2 พฤศจิกายนนี้ และมี workshop การเรียนการสอนให้กับผู้ปกครองอย่างต่อเนื่อง


<figure><img class="size-full wp-image-21053" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/09/โรงเรียนนานาชาติเวอร์โซ-02.jpg" alt="โรงเรียนนานาชาติเวอร์โซ" width="800" height="449" /><figcaption> ตัวอย่างภาพอาคารเรียนโรงเรียนนานาชาติเวอร์โซ</figcaption></figure>

<figure><img class="size-full wp-image-21054" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/09/โรงเรียนนานาชาติเวอร์โซ-03.jpg" alt="โรงเรียนนานาชาติเวอร์โซ" width="800" height="448" /><figcaption> ตัวอย่างภาพสระว่ายน้ำขนาดมาตรฐานโอลิมปิก</figcaption></figure>

&nbsp;
Forbes Facts

<ul class="ul1">
 	<li class="li3">ติดตามค่าเล่าเรียนได้ที่<a href="https://www.verso.school/"> www.verso.school </a></li>
 	<li class="li3">Cameron Fox มีประสบการณ์ทำงาน 19 ปีใน American International School (AIS) ฮ่องกง ตำแหน่งสุดท้ายคือหัวหน้าผู้บริหารโรงเรียน</li>
 	<li class="li3">ยู ซิตี้ให้ข้อมูลว่าตลาดโรงเรียนนานาชาติในไทยมีการเติบโต 2 ดิจิต มาตลอด 8 ปี</li>
 	<li class="li4">Fortune Hand Ventures เป็นผู้ก่อตั้งโรงเรียน American International School ในฮ่องกง เมื่อปี 2529 </li>
 	<li class="li3">ครอบครัวของ Howard Leung เจ้าของ Fortune Hand Ventures เคยรอดชีวิตจากเหตุการณ์สึนามิที่เขาหลักเมื่อปี 2547 เขากล่าวถึงการตัดสินใจลงทุนครั้งนี้ว่าเป็น “วิธีการแบบของเราในการตอบแทนให้กับประเทศไทย”</li>
</ul>
&nbsp;

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

“บีทีเอส” ลุยธุรกิจการศึกษาเปิด “โรงเรียนนานาชาติเวอร์โซ” ถนนบางนา-ตราด เจาะ expat โซน EEC

<h2>ฮ่องกงแลนด์รุกตลาดไทยเพิ่ม จับมือพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟคพัฒนาโครงการคฤหาสน์หลังละ 20-100 ล้าน แตกไลน์พัฒนาอสังหาฯ ครบทุกกลุ่มสินค้า ด้านโครงการร่วมทุนกับเครือเซ็นทรัลบนที่ดินสถานทูตอังกฤต แย้มแผนพัฒนาเป็นออฟฟิศบิลดิ้ง-รีเทล</h2>
Robert Wong ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮ่องกง แลนด์ เปิดเผยว่า บริษัทได้เซ็นสัญญาร่วมทุนกับบริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) เพื่อพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวระดับบน 2 โครงการ รวมมูลค่า 1 หมื่นล้านบาท

โดยสาเหตุที่เข้าสู่ตลาดโครงการแนวราบ เนื่องจากนโยบายของบริษัทต้องการลงทุนเฉพาะในโครงการระดับไฮเอนด์ และมองว่าตลาดไทย ผู้ซื้อระดับนี้มักจะต้องการบ้านเดี่ยวที่มีที่ดินเป็นหลัก รวมทั้งที่ดินของพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟคมีศักยภาพเหมาะสมที่จะพัฒนาโครงการแนวราบมากกว่าสินค้าอื่น

ทั้งนี้ ฮ่องกง แลนด์มีประสบการณ์การพัฒนาโครงการในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาแล้วหลายประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และกัมพูชา นอกจากนี้ยังมีการลงทุนในประเทศจีน รวมถึงที่ประเทศไทย ฮ่องกง แลนด์มีการลงทุนครั้งแรกตั้งแต่เกือบ 20 ปีก่อน

“เรามีประสบการณ์ระดับสากลทั้งการวางผังโครงการ ดีไซน์บ้าน แต่เราก็ต้องการผู้เชี่ยวชาญในตลาดท้องถิ่นเพื่อแนะนำเราในการลงทุน การร่วมทุนกับเพอร์เฟคเป็นการตัดสินใจจากพื้นฐานที่เรามีปรัชญาการทำธุรกิจเดียวกัน คือการสร้างโครงการที่มีคุณภาพ” Wong กล่าว

<img style="width: 680px; height: 500px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/33157f25e5c0ae0613f4479e5cf74e6e.jpg" alt="" />

ด้าน ชายนิด อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ วงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค แถลงร่วมกันถึงการร่วมทุนนี้ว่า เพอร์เฟคลงทุนกับฮ่องกง แลนด์ ในนาม บริษัท เอชเคแอล เพอร์เฟค จำกัด โดยเพอร์เฟคถือหุ้น 51% และฮ่องกง แลนด์ถือหุ้น 49%

เบื้องต้น โครงการแรกที่จะเปิดตัวช่วงต้นปี 2562 คือ เลค รีสอร์ท แจ้งวัฒนะ มูลค่าโครงการกว่า 4 พันล้านบาท ที่ดินขนาด 130 ไร่ จำนวน 179 ยูนิต บ้านเดี่ยวราคาหลังละ 20-45 ล้านบาท ออกแบบบ้านทรงยุโรปแบบ English Craftsman ริมทะเลสาบขนาดใหญ่ 40 ไร่

ส่วนโครงการที่สองจะพัฒนาย่านกรุงเทพฯ ตะวันออก มูลค่าโครงการกว่า 5 พันล้านบาท ที่ดินขนาดมากกว่า 200 ไร่ เป็นบ้านเดี่ยวราคา 25-60 ล้านบาท โดยโครงการนี้จะมียูนิตพิเศษเป็นคฤหาสน์บนที่ดิน 1 ไร่ ระดับราคา 100 ล้านบาทต่อหลังด้วย

<figure><img style="width: 680px; height: 350px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/590dbbefc109ec6ab75b569c6dff64e5.jpg" alt="" width="680" height="350" /><figcaption> ภาพตัวอย่างโครงการเลค รีสอร์ท แจ้งวัฒนะ</figcaption></figure>

ชายนิดกล่าวเพิ่มเติมว่า การร่วมลงทุนกับฮ่องกง แลนด์จะเป็นความร่วมมือระยะยาว คาดว่าจะมีการลงทุนโครงการบ้านหรูเพิ่มอีก 2 โครงการนอกจากที่ได้แถลงไปเบื้องต้น รวมเป็น 4 โครงการ มูลค่ารวม 2 หมื่นล้าน ภายในปี 2565 เพื่อขึ้นแท่นเป็นบริษัทอันดับหนึ่งในตลาดบ้านเดี่ยวระดับบน

นอกจากนี้เพอร์เฟคยังจะมีโครงการบ้านเดี่ยวที่พัฒนาภายใต้บริษัทร่วมทุนแห่งใหม่เพิ่มเติมอีก โดยเป็นการร่วมทุนกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์จากญี่ปุ่นรายใหม่ คาดเปิดเผยรายละเอียดได้ช่วงกลางปีนี้

&nbsp;

ที่ดินแปลงสถานทูตอังกฤษแย้มพัฒนาเป็นออฟฟิศ-รีเทล

Wong ยังเปิดเผยถึงโครงการร่วมทุนอื่นๆ ของบริษัทด้วย โดยฮ่องกง แลนด์ ร่วมกับ เครือเซ็นทรัล ชนะประมูลที่ดินสถานทูตอังกฤษเดิม ที่ดินขนาด 25 ไร่ใจกลางเมืองหลังศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซีริมถนนวิทยุ เฉพาะมูลค่าที่ดินอยู่ที่ 420 ล้านปอนด์ (ราว 1.86 หมื่นล้านบาท ตามอัตราแลกเปลี่ยนวันที่ 1 ก.พ.61)

Wong กล่าวว่า ที่ดินแปลงดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการออกแบบโครงการ แต่เบื้องต้นจะเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์ทั้งหมด คาดว่าจะเป็นออฟฟิศบิลดิ้งเป็นหลัก และเสริมด้วยพื้นที่รีเทลเพื่อสนับสนุนออฟฟิศบิลดิ้ง เพราะเครือเซ็นทรัลมีศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซีและโรงแรมพาร์ค ไฮแอท แบงค็อกอยู่แล้ว รวมถึงออฟฟิศบิลดิ้งนั้นถือเป็นอสังหาฯ ดาวรุ่งของกรุงเทพฯ จึงตัดสินใจลงทุน  เชื่อว่าจะสามารถแถลงเปิดเผยแบบโครงการทั้งหมดและมูลค่าโครงการได้ในปีหน้า “แน่นอนว่าทั้งหมดจะเป็นโครงการไฮเอนด์เท่านั้น” Wong กล่าวเสริม

ซีอีโอฮ่องกง แลนด์ยังฉายภาพถึงการลงทุนในไทยด้วยว่า บริษัทตั้งใจลงทุนระยะยาวเนื่องจากเล็งเห็นศักยภาพของตลาดไทย โดยเริ่มเข้ามาศึกษาตลาดตั้งแต่ปี 2539 และเริ่มลงทุนโครงการแรกกับตระกูลศรีวิกรม์เมื่อปี 2544 ในศูนย์การค้าเกษร พลาซ่า

หลังจากนั้น บริษัทกลับมาลงทุนเพิ่มในไทยอีกครั้งกับ บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด เมื่อปี 2560 ในโครงการคอนโดฯ ดิ เอส สุขุมวิท 36 มูลค่าโครงการ 6,500 ล้านบาท ตามด้วยการร่วมทุนกับเครือเซ็นทรัลดังกล่าวเมื่อต้นปีนี้ และเดินหน้าลงทุนต่อกับพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟคเป็นพันธมิตรรายที่สี่

ทำให้ปัจจุบันฮ่องกง แลนด์มีแผนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ครอบคลุมทุกประเภท ทั้งโครงการเชิงพาณิชย์คือ ศูนย์การค้าและออฟฟิศ และอสังหาฯ เพื่อขายคือคอนโดฯ และบ้านแนวราบ

Wong ปิดท้ายว่า ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าบริษัทลงทุนในไทยไปแล้วเป็นมูลค่าเท่าใด แต่ไม่ต่ำกว่าหลักพันล้านเหรียญสหรัฐฯ และยังคงมองหาโอกาสร่วมทุนกับบริษัทอื่นๆ เพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม มุ่งเน้นลงทุนเฉพาะในกรุงเทพฯ มากกว่าที่จะเร่งขยายตัวไปยังจังหวัดอื่นๆ

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events