<h2 class="p1">กลับมาอีกครั้งกับการประกาศรางวัลผู้ประกอบการธุรกิจส่งออกดีเด่น ประจำปี 2562 (Prime Minister’s Export Award 2019) รางวัลสูงสุดของรัฐบาลที่มอบให้แก่ผู้ประกอบการส่งออกดีเด่น จัดขึ้นโดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ </h2>
โดยปีนี้มีผู้สมัครจากทั่วประเทศกว่า 652 บริษัทใน 7 ประเภทรางวัล และมีผู้ผ่านการพิจารณาเข้ารับรางวัล 34 รางวัลจาก 31 บริษัท ซึ่ง Forbes Thailand ชวนคุยกับ 3 บริษัทขนาดใหญ่ที่ได้รับรางวัลผู้ประกอบธุรกิจส่งออกยอดเยี่ยม (Best Exporter) ที่น่าสนใจ
&nbsp;
<h2 class="p1">วาย.เอส.เอส.เบอร์ 1 โลกสินค้า high performance</h2>
เริ่มต้นด้วยบริษัท วาย.เอส.เอส. (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายระบบกันสะเทือน (โช้คอัพ) รถมอเตอร์ไซค์และรถกระบะ รวมถึงรถที่ใช้ในสนามแข่ง ที่ในปีนี้ไม่เพียงแต่ได้รับรางวัล Best Exporter แต่ยังได้รับรางวัล Best Thai Brand มาด้วย โดย ภิญโญ พานิชเกษม ประธานกรรมการบริหาร เปิดเผยกับ Forbes Thailand ว่า ปัจจุบัน วาย.เอส.เอส.ส่งออกสินค้าไปมากกว่า 30 ประเทศ โดยประเทศที่ส่งออกไปมากที่สุด ได้แก่ อินโดนีเซีย เยอรมนี มียอดขายจากการส่งออกคิดเป็นสัดส่วน 45% ในประเทศ 55%
“ขณะที่ผลประกอบการครึ่งปี 2562 อยู่ที่ 460 ล้านบาท และคาดว่าปีนี้จะมีรายได้ 920 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 10% ทั้งนี้ สงครามการที่เกิดขึ้นไม่มีผลกระทบกับเราเลย เนื่องจากสินค้าของเราเป็นกลุ่ม high performance ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับสงครามการค้าเท่าใดนัก ขณะเดียวกันมองว่ายังมีตลาดให้เราลงไปเล่นได้อีกเยอะ รวมทั้ง วาย.เอส.เอส.ไม่ได้อยู่ในตลาดที่มีการแข่งขันสูง จึงยังมีโอกาสเติบโตได้”


<figure><img class="size-full wp-image-15419" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/08/yss.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> ภิญโญ พานิชเกษม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วาย.เอส.เอส. (ประเทศไทย) จำกัด</figcaption></figure>
ภิญโญ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ วาย.เอส.เอส.เริ่มเจาะตลาดใหม่ในประเทศออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อเมริกา จีน อินเดีย และไต้หวัน หลังจากนี้จะขยายสินค้าไปยังกลุ่มอื่นมากขึ้น เช่น รถยนต์ เอทีวี อีกส่วนหนึ่งคือพยายามจะขยายไปในส่วนของภาคบริการ ซึ่งปัจจุบันทดลองทำเซอร์วิสดูแลลูกค้าเองบางส่วน นอกจากนี้ยังเตรียมขยายการจัดจำหน่ายสินค้าอื่นในตลาดอะไหล่มอเตอร์ไซค์ และเตรียมพร้อมบริษัทเพื่อเข้าตลาดหลักทรัพย์ในปี 2564 ด้วย

<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/people/%e0%b8%a0%e0%b8%b4%e0%b8%8d%e0%b9%82%e0%b8%8d-%e0%b8%9e%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%b4%e0%b8%8a%e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%a9%e0%b8%a1-yss-%e0%b8%97%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b9%81%e0%b8%82%e0%b9%88%e0%b8%87.html">ภิญโญ พานิชเกษม YSS ท้าแข่งแต่งโช้คระดับโลก</a></li>
</ul>
"เราเพิ่งเข้ามาแข่งขันเรื่องรางวัล PM Award เนื่องจากต้องการสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ประกอบการไทยว่า วาย.เอส.เอส.เป็นสินค้าของคนไทยในด้านเทคโนโลยีที่สามารถก้าวไปสู่เบอร์ 1 ของโลกในสินค้า high performance เราเชื่อว่าผู้ประกอบการอีกเยอะก็สามารถไปแบบ วาย.เอส.เอส.ได้ เพียงแต่สู้และกล้าออกจากประเทศไทยไหม หากเผชิญอุปสรรค อย่าท้อ เอาหนทางที่ขรุขระมาเป็นบทเรียนและปรับปรุงตัวเอง เดี๋ยวมันก็ชนะเอง"
“ทุกตลาดถ้ามียานพาหนะเคลื่อนที่เราก็มีโอกาสเข้าไปได้หมด เรามองว่าโอกาสของเรามีเยอะเหมือนมหาสมุทร เราจึงอยากชวนผู้ประกอบการไทยให้กล้าก้าวจากตลาดเดิม ขยายไปในตลาดที่มีเยอะเหมือนมหาสมุทร ถึงแม้จะมีคู่แข่ง แต่หากเรามีจุดแข็งก็แข่งขันได้”

<h2 class="p1">เซียงเพียวดันสินค้าสู่ One World One Brand</h2>
ข้ามฟากมาที่ธุรกิจสมุนไพร กลุ่มสินค้าใกล้ตัวอย่างยาหม่องและยาดม สุวรรณา เอี่ยมพิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เบอร์แทรม เคมิคอล (1982) จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์ยาหม่องน้ำ ยาหม่อง ยาดม และครีมบรรเทาอาการปวดภายใต้แบรนด์ “เซียงเพียว” และ “เป๊ปเปอร์มิ้นท์ ฟิลด์” กล่าวกับ Forbes Thailand ว่า สถานการณ์นักท่องเที่ยวที่ลดลงในปีนี้มีผลกระทบกับเราบ้าง แต่เนื่องจากส่งออกเป็นหลักทำให้ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก
"ปัจจุบันเรามียอดขายจากการส่งออกมีสัดส่วน 55% ในประเทศ 45% ทั้งนี้ ปัจจุบันเราส่งออกไป 19 ประเทศ โดยประเทศที่ส่งออกมากที่สุดคือเวียดนามและกัมพูชา สำหรับผลประกอบการครึ่งปี 2562 บริษัทมีรายได้ 690 ล้านบาท และคาดว่าในปีนี้จะทำรายได้แตะ 1,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 3%"


<figure><img class="size-full wp-image-15417" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/08/bertram.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> สุวรรณา เอี่ยมพิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เบอร์แทรม เคมิคอล (1982) จำกัด</figcaption></figure>
สุวรรณา กล่าวอีกว่า บริษัทยังเตรียมขยายไปยังประเทศรัสเซียและประเทศในอาหรับ จากความนิยมสมุนไพรไทยของชาวรัสเซีย และความนิยมในสินค้าของเราจากนักท่องเที่ยวอาหรับที่เดินทางมาไทย ทำให้มองเห็นโอกาสในการเข้าไปทำตลาด โดยเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาบริษัทเพิ่งไปออกบูธในรัสเซียซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างดี พร้อมจดทะเบียนสินค้าฮาลาลเพื่อเตรียมพร้อมเข้าตลาดอาหรับ

<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/people/asean-biz/%e0%b8%aa%e0%b8%b8%e0%b8%a7%e0%b8%a3%e0%b8%a3%e0%b8%93%e0%b8%b2-%e0%b9%80%e0%b8%ad%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%a2%e0%b8%a1%e0%b8%9e%e0%b8%b4%e0%b8%81%e0%b8%b8%e0%b8%a5-%e0%b9%80%e0%b8%8b%e0%b8%b5.html">สุวรรณา เอี่ยมพิกุล ‘เซียงเพียว’ ส่งสรรพคุณไกลในอาเซียน</a></li>
</ul>
"ปีก่อนเราได้รับรางวัล Best Thai Brand มาปีนี้ได้รางวัลนี้ก็รู้สึกภูมิใจมาก เพราะจะเป็นส่วนช่วยในการขยายไปตลาดต่างประเทศมากขึ้นตามเป้าหมายของเรา ซึ่งทิศทางของเราก็ยังเหมือนเดิมคือ One World One Brand คือต้องการสร้างแบรนด์ของไทย เวลาไปสู้ตลาดต่างประเทศอยากให้มีความรู้สึกว่าคนไทยทำสินค้าได้ยอดเยี่ยมมาก"
&nbsp;
<h2 class="p1">ซันสวีทส่งข้าวโพดไทยไปไกลกว่า 70 ประเทศ</h2>
ตอกย้ำไทยเมืองอาหารโลกที่มีการส่งออกสินค้าเกษตรสู่นานาชาติ ดร.องอาจ กิตติคุณชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและส่งออกข้าวโพดหวานบรรจุกระป๋องและข้าวโพดหวานแช่แข็งรายใหญ่ของประเทศไทย เปิดเผยกับ Forbes Thailand ว่า ภาพรวมธุรกิจในปี 2562 ยังดำเนินไปได้ดี อาจมีอุปสรรคบ้างในเรื่องค่าเงินบาทที่แข็งค่าเกินไป
“รายได้ครึ่งปี 2562 อยู่ที่ 800 ล้านบาท หากคิดเป็นเงินไทยนั้นมีรายได้ใกล้เคียงกับปีก่อน แต่หากคิดเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐฯนั้นเพิ่มขึ้น ดังนั้นจึงถือว่ายอดขายในช่วงปีนี้ดีขึ้น ถึงแม้มีอุปสรรคแต่ก็พยายามรักษารายได้ไม่ให้น้อยกว่าปีที่แล้ว โดยตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 1,800 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อน”

<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/leaderboard/thailand-leaderboard/%e0%b8%82%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%a7%e0%b9%82%e0%b8%9e%e0%b8%94%e0%b8%ab%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%aa%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%9b%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%95%e0%b8%ad%e0%b8%87.html">ข้าวโพดหวานสันป่าตอง ปูพรมส่งออกทั่วโลก</a></li>
</ul>
ดร.องอาจ กล่าวอีกว่า นอกจากค่าเงินบาทแล้วปีนี้ยังมีอุปสรรคในเรื่องสงครามการค้าที่ยังมีการต่อสู้กันอยู่ แต่ข้อดีของเราคือเราเป็นธุรกิจเกี่ยวกับอาหาร ซึ่งมีแนวโน้มว่าไม่ได้รับผลกระทบรุนแรง ขณะเดียวกันบริษัทเรายังมีการส่งออกไปหลายประเทศ ทำให้สามารถกระจายความเสี่ยงได้ดี
“สัดส่วนรายได้เรามาจากต่างประเทศ 80% โดยส่งออกไปราว 70 ประเทศทั่วโลก โดยตลาดหลักๆ คือกลุ่มประเทศในเอเชียอย่างญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ และไต้หวัน ที่มีสัดส่วนเป็นครึ่งหนึ่งของรายได้รวมของบริษัท ขณะที่ตลาดในประเทศก็ถือว่าเติบโตดี เนื่องจากเพิ่งทำตลาดมาได้ 1-2 ปีก็มีสัดส่วนก้าวกระโดดมาอยู่ที่ 20% ได้”


<figure><img class="size-full wp-image-15418" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/08/sunsweet.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> ดร.องอาจ กิตติคุณชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน)</figcaption></figure>
ดร.องอาจ ระบุอีกว่า หลังจากนี้ ซันสวีทเตรียมรุกตลาดอื่นเพิ่ม เช่น อินโดนีเซีย อินเดีย พร้อมหันไปโฟกัสตลาดยุโรปอีกครั้งเนื่องจากยุโรปบริโภคข้าวโพดหวานของเรามาก และการที่อังกฤษมีแนวโน้มออกจากสหภาพยุโรปก็จะทำให้เขานำเข้าสินค้าของเราได้โดยไม่ต้องผ่านเงื่อนไขของอียู ซึ่งจะเป็นผลดีกับการส่งออกของเรามาก
"การได้รับรางวัลครั้งนี้เรารู้สึกดีใจ เพราะการได้รางวัลนี้เป็นครั้งที่ 2 ก็เป็นเครื่องยืนยันว่าเรามีคุณความดี เราเป็นบริษัทจากต่างจังหวัด เป็นสินค้าธุรกิจทางด้านการเกษตรที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกรนับหมื่นราย ซึ่งไม่เพียงแต่เรา แต่ผู้ถือหุ้นของเราก็ภาคภูมิใจไปด้วย"
&nbsp;

รายงานโดย กนกวรรณ มากเมฆ / Online Content Creator

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ส่อง 3 ผู้ประกอบธุรกิจส่งออกยอดเยี่ยมจากเวที PM Export Award 2019

เรื่อง: พรพรรณ ปัญญาภิรมย์ ภาพ: Satra P.
<a href="http://goo.gl/CuklCS">(คลิ๊กอ่านฉบับเต็ม "ข้าวโพดหวานสันป่าตอง ปูพรมส่งออกทั่วโลก" ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ JULY 2015)</a>

บทพิสูจน์ความสำเร็จของข้าวโพดหวานไทยเมืองเชียงใหม่จาก ดร. องอาจ กิตติคุณชัย สร้างฐานลูกค้าต่างชาติมากกว่า 200 บริษัท ใน 60 ประเทศทั่วโลก พร้อมจัดทัพรุกแจ้งเกิดแบรนด์ KC เติบโตอย่างยั่งยืน

ผลจากวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 บริษัท เคซี เชียงใหม่อุตสาหกรรมอาหาร จำกัด ซึ่งก่อตั้งเมื่อปี 2534 ปรับทัพทางธุรกิจเลือกใช้ข้าวโพดเป็นอาวุธหลักในการฝ่าฟันภาวะที่ยากลำบากในช่วงเวลาที่ผู้ประกอบการในประเทศขณะนั้นร่วงหล่น นอกจากความมุ่งมั่นในการนำพาธุรกิจ สิ่งที่ ดร.องอาจ กิตติคุณชัยประธานกรรมการ บริษัท ซันสวีท จำกัด การส่งเสริมและสนับสนุนเกษตรกรในพื้นที่ภาคเหนือ

“ซันสวีทมีฐานการผลิตที่จังหวัดเชียงใหม่ แต่บริษัทเราส่งออกเกือบ 100% ลูกค้าเราทั้งหมดเป็นบริษัทชั้นนำในหลายประเทศ โดยเฉพาะลูกค้าญี่ปุ่น เพราะเราซัพพลายด้านอาหารได้เป็นอย่างดีเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในเอเชีย โดยวันนี้เขาพยายามผลักดันเราให้ยกระดับบริษัทสู่ความเป็นมืออาชีพที่มีความน่าเชื่อถือและความมั่นคงในระยะยาว"

<img class="img-responsive" src="http://forbesthailand.com/uploads/userfiles/images/JULY%202015/image-(2).jpg" alt="" />
ด้วยการงัดกระบวนยุทธ์ที่สั่งสมตลอดเส้นทางธุรกิจสินค้าเกษตรนำข้าวโพดไทยแจ้งเกิดในตลาดโลก เริ่มจากการเคาะประตูในดินแดนแห่งความหวังจากแสงอาทิตย์อุทัย โดยนำสินค้าและธุรกิจมาอวดโฉมในงานสุดยอดมหกรรมด้านอาหารของประเทศญี่ปุ่น หากแต่กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จได้เพียงวันเดียว การบุกตลาดต่างประเทศต้องใช้ทั้งแรงกายและแรงใจ กว่าจะได้รับการยอมรับ การเจรจาพูดคุยระหว่างนักธุรกิจไทยและญี่ปุ่นเกิดขึ้นนับสิบครั้ง รวมถึงกระบวนการปรับปรุงระบบการผลิต และเทคโนโลยีให้ได้มาตรฐานระดับสากล

ปัจจุบัน ซันสวีท สามารถขึ้นแท่นเป็น 1 ใน 3 ผู้ผลิต และส่งออกข้าวโพดหวานบรรจุกระป๋องและข้าวโพดหวานแช่แข็งรายใหญ่ของประเทศไทย ความสำเร็จดังกล่าวเกิดจากการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เมล็ดพันธุ์ถึงผู้ผลิต สายพันธุ์ที่ดี และเทคโนโลยีเครื่องจักร วิธีการผลิต R&amp;D ฯลฯ โดยมีเป้าหมายการเติบโตเพื่อการทำตลาดทั่วโลก

<hr />

<a href="http://goo.gl/CuklCS">คลิ๊กอ่านฉบับเต็ม "ข้าวโพดหวานสันป่าตอง ปูพรมส่งออกทั่วโลก" ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ JULY 2015</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events