<h2>BTS เปิดเผยงบการเงินปี 66/67 แม้รายได้รวมอยู่ที่ 24,387 ล้านบาท เติบโตเล็กน้อย แต่กลับมีผลขาดทุนสุทธิ 5,241 ล้านบาท เพราะมีผลขาดทุนจากการขายหุ้น เคอรี่ หรือ KEX ออกที่ 4,363 ล้านบาท จับตาผลขาดทุนจากรถไฟฟ้าสีชมพู - เหลือง ที่คนใช้ยังน้อย</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอส กรุ๊ปฯ เปิดเผยว่า ปี 2566/2567 (สิ้นสุด ณ 31 มี.ค. 67) ว่า แม้รายได้รวม 24,387 ล้านบาท เติบโต 1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) รายได้ยังเพิ่มขึ้นจาก รายได้ดอกเบี้ยรับ และรายได้การบริการ แต่ขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ จำนวน 5,241 ล้านบาท จาก 3 สาเหตุหลัก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1) ผลกระทบจากการรับรู้รายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวของผลขาดทุนจากการด้อยค่าและจำหน่ายเงินลงทุน&nbsp;บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX จำนวน 4,363 ล้านบาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2) การบันทึกส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม (ส่วนใหญ่มาจากแรบบิท โฮล ดิ้งส์ ควบคู่กับส่วนแบ่งขาดทุนที่เพิ่มขึ้นจากเงินลงทุนใน KEX)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3) ต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ บริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินงานที่เกิดขึ้นเป็นประจำก่อนค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย ดอกเบี้ยและภาษี (Recurring EBITDA) จำนวน 8,138 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.1% จากปีก่อนหน้า โดยมีค่าใช้จ่ายรวม เพิ่มขึ้น 24.7% จากปีก่อน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม สัดส่วนรายได้หลักกว่า 67% ยังคงมาจากธุรกิจ MOVE ที่เป็นระบบขนส่งมวลชลทางราง และบริการเดินรถ ฯลฯ มีรายได้ 12,003 ล้านบาท ลดลง 2.4%YoY ธุรกิจ MIX เช่น ธุรกิจสื่อโฆษณา บริการดิจิทัล มีสัดส่วน 28%) มีรายได้ 5,112 ล้านบาท ลดลง 0.5%YoY ธุรกิจ MATCH ที่มีสัดส่วน 5% มีธุรกิจเช่น บริษัท แรบบิท โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เป็นต้น มีรายได้ 851 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.7%YoY&nbsp; &nbsp; สินทรัพย์รวม ณ 31 มี.ค. 2567 อยู่ที่ 272,082 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยลูกหนี้ภายใต้สัญญากับหน่วยงานภาครัฐ และลูกหนี้ภายใต้สัญญาซื้อขายพร้อมติดตั้งระบบการเดินรถ (E&amp;M) เพิ่มขึ้นจำนวน 7,932 ล้านบาท จาก 31 มี.ค. 2566 &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ในระยะต่อไป ประเมินว่าของธุรกิจภายใต้บีทีเอส กรุ๊ป ส่วนใหญ่ไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราเงินเฟ้อ เนื่องจากมีการรับรู้รายได้ตามสัญญากับทั้ง กทม. และภาครัฐ แต่ในปี 2566/67 บริษัทฯ ไม่ได้รับชำระรายได้ตามสัญญาดังกล่าวจากกทม. อันเนื่องมาจากข้อพิพาททางกฎหมายที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ดีข้อกังวลเหล่านี้มีแนวโน้มคลี่คลายลง หลังจาก กทม. ได้ชำระเงินต้นพร้อมทั้งดอกเบี้ยค้างชำระหนี้ E&amp;M จำนวนประมาณ 23,300 ล้านบาท เมื่อ 2 เม.ย. 2567 บริษัทฯ คาดว่าจะได้รับการชำระคืนหนี้ O&amp;M ในไม่ช้า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะเดียวกันในปี 2567/2568 รายได้ของธุรกิจ MOVE คาดว่าจะลดลงจากรายได้จากการให้บริการรับเหมาที่ลดลง เนื่องจากการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลืองที่แล้วเสร็จ แต่ยังทำกำไรยังจำกัดจากจำนวนเที่ยวเดินทางของผู้โดยสารอยู่ในระยะแรก (สะท้อนถึงจำนวนผู้ใช้งานยังไม่มากนัก)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วนธุรกิจ MIX ด้านรายได้ทาง VGI คาดการณ์รายได้สำหรับปี 2567/68 อยู่ในกรอบ 6,000 - 6,500 ล้านบาท&nbsp;และได้จำหน่ายหุ้นทั้งหมดใน KEX ไปเมื่อ 22 มี.ค. 2567 เพื่อเลี่ยงการขาดทุนที่ส่งผลกระทบต่องบการเงินดังที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา ขณะที่ธุรกิจ MATCH คาดว่าปี 2567/2568 จะมีผลการดำเนินงานที่เติบโตขึ้นากแรบบิท โฮลดิ้งส์และ TNL เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/csr-sustainability/coca-cola-300-ml-use-plastic-recycle" alt="ขายแล้ว ‘โค้ก’ ไซส์ 300 มล. ใช้ขวดจากพลาสติกรีไซเคิล 100%"></a><a href="https://www.forbesthailand.com/news/other/b-grimm-power-malacha-hydropower-plant" alt="บี.กริม เพาเวอร์ ซื้อกิจการ Malacha Hydropower Plant เข้าสู่ตลาดพลังงานหมุนเวียนสหรัฐฯ">บี.กริม เพาเวอร์ ซื้อกิจการ Malacha Hydropower Plant เข้าสู่ตลาดพลังงานหมุนเวียนสหรัฐฯ</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

BTS เปิดงบปี 66/67 ขาดทุนสุทธิ 5,241 ล้านบาท หลังตัดขายหุ้นเคอรี่ฯ

<h2>‘เคอรี่ เอ็กซ์เพรส’ ไตรมาส 1/67 รายได้เพิ่มแต่ขาดทุน 1,188.3 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 50%YoY สาเหตุหลักมาจากการปรับปรุงค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียว (One-off Adjustment) ของการเปลี่ยนแปลงประมาณการทางบัญชี และการตั้งสำรองด้อยค่าของสินทรัพย์ถาวร ลูกค้าในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซลดลง ล่าสุดเปิดตัวโมเดลธุรกิจ ชวนคนมาเป็นพาร์ทเนอร์เจ้าของร้าน ลงทุนเริ่มต้นเพียง 3,900 บาท</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/2567 โดยมีรายได้จากการขายและการให้บริการ อยู่ที่ 2,559.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน แต่ลดลง 18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยการเพิ่มขึ้นของรายได้เมื่อเทียบรายไตรมาส มีสาเหตุจากความพยายามการเพิ่มผู้ใช้บริการรายย่อยที่ให้ผลตอบแทนสูง รวมถึงการใช้กลยุทธ์แบ่งส่วนระดับตลาด โดยออกแคมเปญพิเศษระหว่างไตรมาส 1/2567 ในขณะที่การลดลงของรายได้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากการปรับแผนกลยุทธ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการวางแผนเครือข่ายของการดำเนินงาน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สัดส่วนรายได้จากผู้ใช้บริการประเภท C2C เพิ่มขึ้นจาก 41% ในไตรมาส 1/2566 เป็น 46% ในไตรมาส 1/2567 จากกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายผู้ใช้บริการที่ให้ผลตอบแทนสูง และหาลูกค้ารายใหม่เพื่อชดเชยปริมาณการจัดส่งจากลูกค้าที่มาจากแพลตฟอร์มพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่สัดส่วนรายได้จากลูกค้า SKA ลดลงจาก 47% ในไตรมาส 1/2566 เป็น 40% ในไตรมาส 1/2567&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เคอรี่ฯ รายงานผลขาดทุนสุทธิส่วนของผู้เป็นเจ้าของบริษัทที่ 1,188.3 ล้านบาท สำหรับไตรมาส 1/2567 ขาดทุนเพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และ 50% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน มีสาเหตุหลักมาจากการปรับปรุงค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียว (One-off Adjustment) ของการเปลี่ยนแปลงประมาณการทางบัญชี และการตั้งสำรองด้อยค่าของสินทรัพย์ถาวร&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม หากไม่รวมรายการนี้จะทำให้บริษัทรายงานผลขาดทุนสุทธิส่วนของผู้เป็นเจ้าของบริษัที่ 968.2 ล้านบาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เพื่อปรับปรุงความสามารถในการทำกำไรของบริษัท KEX มุ่งเน้นการแบ่งส่วนระดับตลาดเพื่อขยายสู่กลุ่มเป้าหมายผู้ใช้ระดับกลางถึงสูง และจัดอันดับเป็นกลุ่มผู้ใช้บริการรายย่อย บริษัทจะทุ่มเทความพยายามอย่างเต็มที่ในการเพิ่มยอดขายในกลุ่มผู้ใช้บริการรายย่อย ลูกค้าองค์กร และผู้ส่งสินค้าระหว่างประเทศ และพยายามลดการพึ่งพาแพลตฟอร์มพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เท่าที่จะทำได้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในส่วนของการบริหารจัดการและควบคุมต้นทุน บริษัทคาดว่าการจัดปรับปรุงโครงสร้างเครือข่ายการดำเนินงาน การลงทุนในการติดตั้งระบบคัดแยกอัตโนมัติ และระบบดิจิทัล การอัปเกรดเทคโนโลยีแพลตฟอร์มและระบบของเราจะเริ่มแสดงให้เห็นผลลัพธ์ในปีนี้ เปิดตัวโมเดลพาร์ทเนอร์เจ้าของร้าน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ล่าสุด เคอรี่ฯ ได้เปิดโมเดลธุรกิจ เปิดรับสมัครเจ้าของร้านเคอรี่ พาร์ทเนอร์ ทั่วประเทศ ชวนคนไทยมาเป็นเจ้าของร้านส่งพัสดุ ชูจุดเด่นเปิดให้ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของร้านได้ง่ายๆ ด้วยแพ็คเกจการลงทุนที่มีให้เลือกหลากหลาย ใช้เงินลงทุนน้อย พร้อมรับผลตอบแทนสูงสุดถึง 20%* (*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เคอรี่ฯ ระบุว่าในปี 2567 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายที่จะสร้างการเติบโตของลูกค้าในกลุ่ม Non-E Commerce ให้เพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันก็จะยังคงรักษาสัดส่วนการเติบโตในกลุ่มลูกค้า E Commerce ให้อยู่ในระดับคงที่ รวมถึงการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาสนับสนุนเพื่อปรับใช้ในแนวทางบริหารงานแบบใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เคอรี่ เอ็กซ์เพรส จึงมุ่งมั่นพร้อมเพิ่มประสิทธิภาพในด้านการขนส่งสินค้า รวมไปถึงการเพิ่มจุดให้บริการโดยจะมีการประเมินอย่างละเอียดเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของของลูกค้า ทั้งทำเลที่ตั้งที่เข้าถึงลูกค้าได้อย่างครอบคลุม และจำนวนจุดให้บริการที่คำนึงถึงความหนาแน่นของผู้อยู่อาศัย และจำนวนลูกค้าที่เข้ารับบริการในแต่ละพื้นที่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ด้วยบริการที่เป็นมืออาชีพและมีมาตรฐาน มีพนักงานที่คอยดูแลพัสดุตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง มีทีมงานหลังบ้าน และ call center ที่คอยให้ความช่วยเหลือ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของร้านเคอรี่ พาร์ทเนอร์ นั้น เคอรี่ เอ็กซ์เพรส ได้จัดทำแพ็คเกจการลงทุนให้เลือกอย่างหลากหลาย ดังนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1.เจ้าของกิจการอยากหารายได้เสริมจ่ายเพียง 3,900 บาท - แพ็คเกจเริ่มต้น เหมาะสำหรับคนที่มีร้านเป็นของตัวเองอยู่แล้ว และอยากต่อยอดรายได้เสริมง่ายๆ ควบคู่กันไป โดยแพ็คเกจนี้จะได้รับชุดป้ายประชาสัมพันธ์แบนเนอร์ด้านนอกร้าน, ป้าย J-Flag ส่งเคอรี่ที่นี่, ผ้าปูโต๊ะ และป้ายโลโก้ เคอรี่ เอ็กซ์เพรส พร้อมเปิดร้านได้ทันที&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2.ร้านเล็กลงทุนเบาๆ 8,900 บาท - เหมาะสำหรับคนที่มีพื้นที่และอยากเริ่มเปิดร้านเล็กๆ ที่ดูแลง่ายโดยแพ็คเกจนี้จะได้รับ ป้ายไวนิล, สื่อภายในร้าน และป้ายโลโก้ เคอรี่ เอ็กซ์เพรส พร้อมด้วยของแถมต่างๆ ทั้ง Seal Bag, เทป OPP, ที่ตัดเทป OPP และตลับเมตร&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3.ชุดพื้นฐานพร้อมเปิดร้าน 39,900 บาท - แพ็คเกจร้านไซซ์กลางสุดคุ้มค่า เหมาะสำหรับคนที่มีพื้นที่ 10-35 ตารางเมตร และตั้งอยู่ทำเลโดดเด่นใจกลางเมือง โดยแพ็คเกจนี้จะมีอุปกรณ์ให้ครบ ได้รับทั้งอุปกรณ์ภายในร้าน อุปกรณ์ป้ายประชาสัมพันธ์ อาทิ ป้ายไวนิล สื่อภายในร้าน ป้ายโลโก้ เคอรี่ เอ็กซ์เพรส พร้อมของแถมแบบจัดเต็ม ทั้ง Seal Bag, กระดาษพิมพ์ใบเสร็จ, กระดาษพิมพ์ฉลาก, เทป OPP, ที่ตัดเทป และตลับเมตร&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;4.ร้านใหญ่รองรับลูกค้าชุดใหญ่ 79,900 บาท - แพ็คเกจสำหรับการเปิดร้านไซส์ใหญ่ขนาดพื้นที่ 25-50 ตารางเมตร ที่พร้อมรองรับกลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่ได้อย่างเต็มที่ มาพร้อมอุปกรณ์ชุดใหญ่จัดเต็มทั้ง ป้ายไวนิล, สื่อภายในร้าน, ป้ายโลโก้ เคอรี่ เอ็กซ์เพรส, อุปกรณ์ไอที และอุปกรณ์เฟอร์นิเจอร์ อาทิ เคาน์เตอร์ โต๊ะแพ็ก พร้อมของแถมสุดพิเศษมากมาย ไม่ว่าจะเป็น กล่องพัสดุทุกขนาด, กล่องผลไม้ทุกขนาด, Seal Bag ทุกขนาด, เทป OPP, ที่ตัดเทป OPP, พร้อมของแถมอื่นๆ รวมทั้งสิ้นกว่า 20 รายการ ​​​​เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ&nbsp;:&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/it/thailand-post-challenge-2024" alt="เปิดใจ MD ไปรษณีย์ไทย อีคอมเมิร์ซส่งเอง-บังคับร้านเลือก “นี่คือเกมที่ไม่ยุติธรรม”">เปิดใจ MD ไปรษณีย์ไทย อีคอมเมิร์ซส่งเอง-บังคับร้านเลือก “นี่คือเกมที่ไม่ยุติธรรม”</a>​ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

Kerry ไตรมาส 1 ขาดทุน 1,188 ล้าน รุกเปิดโมเดลใหม่ ชวนคนเป็นเจ้าของร้าน ลงทุนเริ่ม 3,900 บาท

<h2>บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX รายงานผลการยื่นคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมด (Mandatory Tender Offer) ว่า SF Express ผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในจีนและเอเชีย ได้กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของเคอรี่ เอ็กซ์เพรส โดยมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 1,091,818,327 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 62.66% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในฐานะที่เคอรี่ฯ เป็นบริษัทลูกที่ SF Express ถือหุ้นโดยตรง เคอรี่ฯ เชื่อมั่นว่าจะได้รับการสนับสนุนที่คล่องตัวมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านเงินลงทุน นอกเหนือจากด้านเทคโนโลยี และโนว์ฮาวต่างๆ ที่ SF Express ให้การสนับสนุนมาโดยตลอด ซึ่งการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นในครั้งนี้จะนำมาซึ่งผลลัพธ์เชิงบวกและเป็นการเปิดทางให้เคอรี่ฯ สามารถบรรลุเป้าหมายที่ท้าทายได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;"คณะผู้บริหารของเคอรี่ฯ ทุกคน รู้สึกตื่นเต้นและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ SF Express ได้มาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของเรา เรามั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า ด้วยความร่วมมือในการทำงานที่แน่นแฟ้นมากขึ้นของทั้งสองฝ่าย เคอรี่ฯ จะก้าวต่อไปในทิศทางที่ดีขึ้นในอนาคต ทั้งนี้ เราพร้อมที่จะสนับสนุนและมีความเชื่อมั่นว่าความแข็งแกร่งของ SF Express นั้น จะพาเราไปสู่ความสำเร็จอีกขั้นอย่างแน่นอน” นายอเล็กซ์ อึ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าว เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/thailand-trade-deficit-with-china-is-the-highest-in-history" alt="ปี 66 ไทยขาดดุลการค้ากับจีนสูงสุดเป็นประวัติการณ์! KResearch แนะเร่งปฏิรูปโครงสร้าง">ปี 66 ไทยขาดดุลการค้ากับจีนสูงสุดเป็นประวัติการณ์! KResearch แนะเร่งปฏิรูปโครงสร้าง</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ปิดดีลเรียบร้อย! SF Express ขนส่งยักษ์ใหญ่จีน กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ Kerry โดยถือหุ้น 62.66%

<h2>บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) รายผลประกอบการไตรมาส 3/2566 และงวด 9 เดือนของปี 2566 โดยระบุว่า ในไตรมาส 3/2566 บริษัทมีรายได้จากการขายและการให้บริการอยู่ที่ 2,896.6 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยที่ 0.9% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเป็นไปตามปริมาณการจัดส่งพัสดุโดยรวมที่ลดลงในระดับเดียวกันที่ 0.9% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า บริษัทยังสามารถรักษาสัดส่วนรายได้จากผู้ใช้บริการประเภท C2C ที่ 45% แม้จะมีการปิดจุดให้บริการที่ผลการดำเนินงานไม่เป็นไปตามกลยุทธ์ของบริษัท</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ดี ผลกระทบดังกล่าวถูกทดแทนด้วยปริมาณการจัดส่งพัสดุที่เพิ่มขึ้นทั้งจากสาขาที่เปิดดำเนินงานเดิมและสาขาที่เปิดใหม่ นอกจากนี้ รายได้จากการขายและการให้บริการจากผู้ใช้บริการประเภท B2B ปรับตัวเพิ่มขึ้น 9% จากไตรมาสก่อนหน้า จากจำนวนผู้ใช้บริการรายใหม่ที่บริษัทหาได้จากเอสเอฟ เอ็กซ์เพรส&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บริษัทรายงานผลขาดทุนสุทธิส่วนของผู้เป็นเจ้าของบริษัทในไตรมาสนี้ที่ 889.9 ล้านบาท ขาดทุนลดลง 15.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แม้ว่ารายได้ไตรมาสนี้ค่อนข้างคงที่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยสาเหตุหลักมาจากกลยุทธ์การควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ประกอบการปรับปรุงเครือข่ายการดำเนินงาน การติดตั้งเครื่องจักรอัตโนมัติ และการนำเข้าข้อมูลต่างๆ เข้าสู่ระบบดิจิทัล ร่วมกับการยกระดับเทคโนโลยีของแพลตฟอร์มและระบบที่ใช้ในการดำเนินงาน ซึ่งบริษัทได้เริ่มขั้นตอนดังกล่าวทั้งหมดแล้วตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมารายได้ 9 เดือนลดลง 30.7%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เคอรี่ฯ ยังรายงานรายได้จากการขายและการให้บริการสำหรับงวด 9 เดือนของปีนี้อยู่ที่ 8,950.5 ล้านบาท ลดลง 30.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การลดลงของรายได้ ได้รับผลกระทบจากปริมาณการจัดส่งพัสดุที่ลดลง โดยเฉพาะปริมาณการจัดส่งพัสดุจากผู้ให้บริการแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เนื่องจากการต่อรองราคาจัดส่งพัสดุอย่างรุนแรงของผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ในประเทศไทยที่หันมาพึ่งพาหน่วยงานขนส่งภายในบริษัทของตนเองมากขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2/2566&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปริมาณการจัดส่งพัสดุสำหรับงวด 9 เดือนของปีนี้อยู่ในระดับคงที่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน แม้บริษัทยังเผชิญกับความท้าทายในการปรับปรุงคุณภาพการให้บริการเนื่องจากการขาดแคลนบุคลากรในบางพื้นที่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม ความท้าทายดังกล่าวได้ถูกแก้ไขอย่างต่อเนื่องในปี 2566 ผ่านการนำระบบมาปรับใช้จากความช่วยเหลือของผู้ถือหุ้นหลักของบริษัท ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินงานตั้งแต่ไตรมาส 2/2566 เป็นต้นมา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บริษัทอยู่ระหว่างการดำเนินกลยุทธ์แบ่งส่วนระดับตลาด โดยมุ่งเน้นที่กลุ่มผู้ใช้งานระดับกลางถึงสูง หรือผู้ใช้งานประเภท C-end และผู้ใช้บริการประเภทอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นผู้ใช้บริการที่มีศักยภาพทั้งในด้านรายได้ต่อพัสดุ และปริมาณการจัดส่งพัสดุ ร่วมกับการปรับปรุงคุณภาพบริการเพื่อรองรับผู้ใช้บริการในกลุ่มดังกล่าว และเพิ่มรายได้ต่อพัสดุให้สูงขึ้นตามเป้าหมายของบริษัท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ผลขาดทุนก่อนหักภาษีเงินได้สำหรับงวด 9 เดือนอยู่ที่ 3,383.3 ล้านบาท ลดลง 43.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และขาดทุนสุทธิส่วนของผู้เป็นเจ้าของบริษัทอยู่ที่ 2,725.1 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 43.6% YoY&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;กล่าวโดยภาพรวม ตลาดการจัดส่งพัสดุด่วนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมถึงประเทศไทยจะมีการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญจากการเป็นตลาดที่แข่งขันกันเฉพาะด้านไปสู่ตลาดที่ผู้ให้บริการมีความเชี่ยวชาญที่หลากหลายมากขึ้น ใกล้เคียงกับตลาดการจัดส่งพัสดุด่วนในประเทศจีน สหรัฐอเมริกา และอื่นๆ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://www.forbesthailand.com/global/news/wework-files-for-bankruptcy" alt="จากบริษัทมูลค่า 4.7 หมื่นล้านเหรียญ WeWork ยื่นล้มละลายแล้ว">จากบริษัทมูลค่า 4.7 หมื่นล้านเหรียญ WeWork ยื่นล้มละลายแล้ว</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ธุรกิจขนส่งพัสดุยังแข่งเดือด “เคอรี่ฯ” 9 เดือนขาดทุน 2,700 ล้าน

<h2>ในธุรกิจที่บุคลากรส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีค่าเฉลี่ยอายุประมาณ 28 ปีเท่านั้น ทั้งยังเป็นธุรกิจที่ต้องใช้ความรวดเร็วในการจัดส่ง หรือการทำงานจากทีมงานเป็นจำนวนมาก ทำให้การบริหารทรัพยากรบุคคลถือเป็นเรื่องสำคัญในการรักษาคุณภาพของการบริการควบคู่กับการสร้างการเติบโตทางธุรกิจ</h2>
จากประสบการณ์ทำงานที่ผ่านมาในธุรกิจที่เน้นการให้บริการและความรวดเร็วเป็นหัวใจสำคัญ นับตั้งแต่เริ่มต้นธุรกิจในประเทศไทยเมื่อปี 2549 ทำให้สามารถสรุปหลักการทำงานในองค์กรของคนรุ่นใหม่ 5 ข้อ ซึ่งเป็นหลักการธรรมดาที่ผู้บริหารองค์กรสามารถนำไปปรับใช้ได้ในด้านการบริหารและการทำงาน ดังนี้

&nbsp;
<ol>
 	<li>พวกเราไม่ใช่ Steve Jobs</li>
</ol>
Steve Jobs ถือเป็นบุคคลอัจฉริยะที่ได้รับการยกย่องในฐานะผู้พลิกวงการไอที และสร้างอาณาจักร Apple ที่ประสบความสำเร็จและได้รับความนิยมใช้งานทั่วโลก แต่ในความเป็นจริงไม่ใช่ทุกคนจะเป็นได้ดังเช่น Steve Jobs ซึ่งการยอมรับถึงความสามารถแท้จริงของบุคลากรในองค์กรนับว่าเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเกี่ยวเนื่องถึงความเข้าใจในการทำงานของทีมงานและมุมมองที่เปิดกว้างต่อการบริหารในวิธีการทำงานแบบธรรมดามากกว่าจะมองหาความพิเศษที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้จริงเพียงเล็กน้อย

นอกจากนั้น การสร้างวัฒนธรรมองค์กรในลักษณะ “น้ำไม่เต็มแก้ว” ยังเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อให้การทำงานสามารถพัฒนาได้อย่างต่อเนื่องทั้งการเปิดรับความรู้และความคิดใหม่ๆ ช่วยให้การทำงานมุ่งโฟกัสไปยังวิธีการธรรมดาได้ง่ายขึ้น

&nbsp;
<ol start="2">
 	<li>ใช้ Common Sense และเหตุผล</li>
</ol>
กว่า 99% ของงานที่ผู้บริหารทำทุกวันล้วนใช้แต่ common sense ซึ่งหมายถึงความเรียบง่าย ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจที่ผ่านมาทำให้ผู้บริหารสามารถตกผลึกทางความคิดพร้อมทั้งพิจารณาตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ได้อย่างเป็นธรรมชาติในเวลาอันรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม งานอีก 1% ที่เหลือควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้เชี่ยวชาญแก้ปัญหาต่อ ดังประโยคที่ว่า “งานที่ยุ่งเหยิงเป็นภาพสะท้อนของความคิดยุ่งเหยิง” ในทางกลับกันงานที่ออกมาดีก็ย่อมเกิดจากความคิดที่สมเหตุสมผล ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทสามารถพัฒนาการบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้บริการได้อย่างครอบคลุม ด้วยจุดให้บริการกว่า 10,000 แห่งทั่วประเทศ และพัสดุที่จัดส่งมากกว่า 1.1 ล้านชิ้นต่อวัน โดยมีลูกค้ารายสำคัญอย่างบริษัทการค้าระหว่างประเทศ บริษัทอี-คอมเมิร์ซ การขายสินค้าผ่านสื่อโทรทัศน์ หน่วยงานด้านเทคโนโลยี บริษัทโทรคมนาคม สถาบันการเงิน โรงเรียนตลอดจนร้านค้าปลีกต่างๆ

ขณะเดียวกันผู้บริหารและผู้เชี่ยวชาญยังสามารถผสมผสานหลักการคิดแบบเรียบง่ายเข้ากับการใช้เหตุผลของผู้เชี่ยวชาญ สร้างสรรค์การให้บริการผ่านช่องทางต่างๆ ที่ช่วยเสริมสร้างความสะดวกสบายในการใช้บริการ โดยเฉพาะกลุ่มบุคคล-ส่งถึง-บุคคล (C2C) ด้วยการเปิดให้บริการสาขาหรือร้านพาร์เซลช็อป (parcel shop) รวมถึงบริการผ่านทางตู้ล็อกเกอร์ตามอาคารสำนักงานและคอนโดมิเนียม ซึ่งจุดให้บริการต่างๆ เหล่านี้ จะช่วยให้ผู้ใช้บริการและร้านค้าขนาดเล็กในกรุงเทพฯ สามารถส่งสินค้าได้สะดวกสบายมากขึ้น พร้อมการให้บริการเรียกเก็บเงินปลายทาง (COD) ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทยที่ได้รับการยอมรับในระดับภูมิภาค

&nbsp;
<ol start="3">
 	<li>สื่อสารให้เข้าใจง่าย</li>
</ol>
ผู้บริหารหลายองค์กรที่เป็นผู้มีความรู้และความสามารถแต่ยังติดกับดักของคนเก่ง โดยพยายามประดิดประดอยคำศัพท์สวยหรูในการสื่อสารกับทีมงาน ทั้งยังกำหนดแนวทางการดำเนินการที่มีความซับซ้อน เพียงเพื่อให้ได้รับการยอมรับในความรู้และความสามารถของผู้บริหารส่งผลให้เกิดปัญหาใหญ่ตามมาภายหลัง เนื่องจากผู้ฟังหรือทีมงานไม่เข้าใจโจทย์ที่ได้รับ และไม่สามารถนำไปปฏิบัติการได้

ดังนั้น การสื่อสารจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้บริหารไม่อาจมองข้าม และควรโฟกัสไปยังการสื่อสารเพื่อตัวงานเป็นหลักมากกว่าการห่วงภาพลักษณ์ของตัวเอง โดยมุ่งเน้นการใช้คำพูดที่ผู้ฟังสามารถเข้าใจได้ง่ายเพื่อการส่งมอบงานได้อย่างถูกต้อง ตอบโจทย์ที่ต้องการ และไม่ผิดพลาดจากความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนในภายหลัง

ตัวอย่างการให้ความสำคัญของการสื่อสารที่เข้าใจได้ง่าย เช่น การสื่อสารภาพลักษณ์ใหม่ของบริษัทในปีที่ 14 ซึ่งมุ่งเน้นความทันสมัย เข้าถึงง่าย และความสร้างสรรค์มากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของคนไทยในยุคดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นแคมเปญ Keep Calm and Kerry On โดยเป็นแคมเปญแรกของบริษัทที่เน้นสื่อสารเพื่อปรับภาพลักษณ์แบรนด์ครั้งใหญ่ด้วยการสร้างอารมณ์ ความรู้สึกในการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์ให้มีความเป็นไลฟ์สไตล์มากขึ้นพร้อมฉีกภาพของแบรนด์ขนส่งพัสดุที่เข้าถึงยากให้สนุกสนานมากขึ้น

ขณะเดียวกันบริษัทยังได้มีการปรับเปลี่ยนดีไซน์กล่องพัสดุให้มีสีสันสดใสสะท้อนภาพลักษณ์แบรนด์ พร้อมใส่ข้อความเชิงสร้างสรรค์เป็นสื่อกลางจากแบรนด์สื่อสารไปยังผู้รับและผู้ส่งเพื่อสร้างความเป็นมิตรและภาพลักษณ์ในเชิงบวก ซึ่งบริษัทยังวางแผนสื่อสารการตลาดอย่างต่อเนื่องในการตอกย้ำความเป็นแบรนด์ที่สามารถเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคให้สำเร็จ

&nbsp;
<ol start="4">
 	<li>ลดเวลาประชุม</li>
</ol>
ปัญหาร่วมของหลายองค์กรเกิดจากการใช้เวลาหมดไปกับการเตรียมการประชุมการจัดเตรียมรายงาน และการประชุมเป็นเวลาหลายชั่วโมงหรือหลายวันในสัปดาห์แทนที่จะใช้เวลาเหล่านั้นไปกับการทำงานที่ต้องทำจริง ส่งผลให้การทำงานล่าช้าหรือไม่มีประสิทธิภาพมากเท่าที่ควร

เพราะฉะนั้น ในการบริหารองค์กรที่เต็มไปด้วยคนรุ่นใหม่ ซึ่งมุ่งเน้นความรวดเร็วในการทำงานจึงควรพยายามลดเวลาการประชุมให้น้อยลง โดยตัดการประชุมและรายงานที่ไม่จำเป็นออกไป เพื่อให้นำเวลาเหล่านั้นไปทำงานที่ต้องทำดีกว่าการนั่งจัดทำรายงาน หรือเสียเวลาในห้องประชุม

&nbsp;

5. เห็นอกเห็นใจ

แม้จะเป็นบอสใหญ่แค่ไหน แต่ขอให้รู้ไว้ว่า ไม่ใช่ลูกน้อง ลูกค้า คู่ค้า พาร์ตเนอร์ ทุกคนที่ยกให้บอสเป็นบุคคลสำคัญ ซึ่งสิ่งที่ควรจะทำคือ การอยู่ข้างๆ ทีมงาน และพยายามเข้าใจบุคลากรในองค์กร เช่น ปัญหาติดขัด อุปสรรคการทำงานต่างๆ เพื่อช่วยเหลือทีมงานอย่างเต็มที่

นอกจากนี้ ในการทำธุรกิจยังควรคำนึงถึงการสร้างประโยชน์ให้กับสังคมและประเทศควบคู่กัน เช่น โครงการ Kerry Express Grow Green ซึ่งใช้มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าในการจัดส่งพัสดุที่เริ่มต้นเฟสแรกในพื้นที่กรุงเทพฯ ตามนโยบายประหยัดพลังงาน รักษาสิ่งแวดล้อม และแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งเป็นแบบอย่างให้กับภาคอุตสาหกรรมต่อไป

แม้หลักการบริหารองค์กร 5 ข้อดังกล่าว จะเหมือนหลักการทำงานธรรมดาทั่วไปที่ไม่ได้ดูสวยหรูในแบบฉบับของผู้บริหาร แต่เชื่อว่า ในความธรรมดาเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผู้บริหารส่วนใหญ่ปฏิบัติกันอยู่ทุกวัน เพียงแต่ต่างกันที่วิธีการเท่านั้น ซึ่งโดยส่วนตัวยังเชื่อในแนวทางการบริหารที่เรียบง่ายและธรรมดา พร้อมยึดเป็นหลักสำคัญในการทำงานตลอดเส้นทางการบริหารธุรกิจเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน

&nbsp;

<img class="alignnone wp-image-39113" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/12/Alex-Ng.jpg" alt="Alex Ng" width="300" height="300" />

Alex Ng
กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

&nbsp;

&nbsp;

อ่านเพิ่มเติม:  <a href="https://forbesthailand.com/commentaries/investment-outlook/10-%e0%b8%aa%e0%b8%b4%e0%b9%88%e0%b8%87%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%99%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%88%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b9%83%e0%b8%99%e0%b8%9b%e0%b8%b5-2021.html">10 สิ่งที่น่าจับตาในปี 2021</a>

<hr />

<a href="https://www.ookbee.com/shop/magazine/FORBES/c1b10307-7b9f-445d-899f-199dae2440b8/november-2020">คลิกอ่านฉบับเต็มบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2563 ในรูปแบบ e-magazine</a>

<img class="lazy alignnone wp-image-38159 lazy-loaded" src="https://i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/12/EDIT-COVER-90-NOVEMBER-20-10-63-.jpg" sizes="(max-width: 300px) 100vw, 300px" srcset="//i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/12/EDIT-COVER-90-NOVEMBER-20-10-63-.jpg 2400w, //i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/12/EDIT-COVER-90-NOVEMBER-20-10-63--229x300.jpg 229w, //i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/12/EDIT-COVER-90-NOVEMBER-20-10-63--768x1008.jpg 768w, //i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/12/EDIT-COVER-90-NOVEMBER-20-10-63--780x1024.jpg 780w" alt="" width="300" height="394" data-lazy-type="image" data-lazy-src="//i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/12/EDIT-COVER-90-NOVEMBER-20-10-63-.jpg" data-lazy-srcset="//i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/12/EDIT-COVER-90-NOVEMBER-20-10-63-.jpg 2400w, //i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/12/EDIT-COVER-90-NOVEMBER-20-10-63--229x300.jpg 229w, //i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/12/EDIT-COVER-90-NOVEMBER-20-10-63--768x1008.jpg 768w, //i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/12/EDIT-COVER-90-NOVEMBER-20-10-63--780x1024.jpg 780w" data-lazy-sizes="(max-width: 300px) 100vw, 300px" />

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events