ธุรกิจขนส่งพัสดุยังแข่งเดือด “เคอรี่ฯ” 9 เดือนขาดทุน 2,700 ล้าน - Forbes Thailand

ธุรกิจขนส่งพัสดุยังแข่งเดือด “เคอรี่ฯ” 9 เดือนขาดทุน 2,700 ล้าน

บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) รายผลประกอบการไตรมาส 3/2566 และงวด 9 เดือนของปี 2566 โดยระบุว่า ในไตรมาส 3/2566 บริษัทมีรายได้จากการขายและการให้บริการอยู่ที่ 2,896.6 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยที่ 0.9% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเป็นไปตามปริมาณการจัดส่งพัสดุโดยรวมที่ลดลงในระดับเดียวกันที่ 0.9% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
บริษัทยังสามารถรักษาสัดส่วนรายได้จากผู้ใช้บริการประเภท C2C ที่ 45% แม้จะมีการปิดจุดให้บริการที่ผลการดำเนินงานไม่เป็นไปตามกลยุทธ์ของบริษัท


    อย่างไรก็ดี ผลกระทบดังกล่าวถูกทดแทนด้วยปริมาณการจัดส่งพัสดุที่เพิ่มขึ้นทั้งจากสาขาที่เปิดดำเนินงานเดิมและสาขาที่เปิดใหม่ นอกจากนี้ รายได้จากการขายและการให้บริการจากผู้ใช้บริการประเภท B2B ปรับตัวเพิ่มขึ้น 9% จากไตรมาสก่อนหน้า จากจำนวนผู้ใช้บริการรายใหม่ที่บริษัทหาได้จากเอสเอฟ เอ็กซ์เพรส

    บริษัทรายงานผลขาดทุนสุทธิส่วนของผู้เป็นเจ้าของบริษัทในไตรมาสนี้ที่ 889.9 ล้านบาท ขาดทุนลดลง 15.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แม้ว่ารายได้ไตรมาสนี้ค่อนข้างคงที่

    โดยสาเหตุหลักมาจากกลยุทธ์การควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ประกอบการปรับปรุงเครือข่ายการดำเนินงาน การติดตั้งเครื่องจักรอัตโนมัติ และการนำเข้าข้อมูลต่างๆ เข้าสู่ระบบดิจิทัล ร่วมกับการยกระดับเทคโนโลยีของแพลตฟอร์มและระบบที่ใช้ในการดำเนินงาน ซึ่งบริษัทได้เริ่มขั้นตอนดังกล่าวทั้งหมดแล้วตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมา

รายได้ 9 เดือนลดลง 30.7%

    เคอรี่ฯ ยังรายงานรายได้จากการขายและการให้บริการสำหรับงวด 9 เดือนของปีนี้อยู่ที่ 8,950.5 ล้านบาท ลดลง 30.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน

    การลดลงของรายได้ ได้รับผลกระทบจากปริมาณการจัดส่งพัสดุที่ลดลง โดยเฉพาะปริมาณการจัดส่งพัสดุจากผู้ให้บริการแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เนื่องจากการต่อรองราคาจัดส่งพัสดุอย่างรุนแรงของผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ในประเทศไทยที่หันมาพึ่งพาหน่วยงานขนส่งภายในบริษัทของตนเองมากขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2/2566

    ปริมาณการจัดส่งพัสดุสำหรับงวด 9 เดือนของปีนี้อยู่ในระดับคงที่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน แม้บริษัทยังเผชิญกับความท้าทายในการปรับปรุงคุณภาพการให้บริการเนื่องจากการขาดแคลนบุคลากรในบางพื้นที่

    อย่างไรก็ตาม ความท้าทายดังกล่าวได้ถูกแก้ไขอย่างต่อเนื่องในปี 2566 ผ่านการนำระบบมาปรับใช้จากความช่วยเหลือของผู้ถือหุ้นหลักของบริษัท ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินงานตั้งแต่ไตรมาส 2/2566 เป็นต้นมา

    บริษัทอยู่ระหว่างการดำเนินกลยุทธ์แบ่งส่วนระดับตลาด โดยมุ่งเน้นที่กลุ่มผู้ใช้งานระดับกลางถึงสูง หรือผู้ใช้งานประเภท C-end และผู้ใช้บริการประเภทอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นผู้ใช้บริการที่มีศักยภาพทั้งในด้านรายได้ต่อพัสดุ และปริมาณการจัดส่งพัสดุ ร่วมกับการปรับปรุงคุณภาพบริการเพื่อรองรับผู้ใช้บริการในกลุ่มดังกล่าว และเพิ่มรายได้ต่อพัสดุให้สูงขึ้นตามเป้าหมายของบริษัท

    ทั้งนี้ ผลขาดทุนก่อนหักภาษีเงินได้สำหรับงวด 9 เดือนอยู่ที่ 3,383.3 ล้านบาท ลดลง 43.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และขาดทุนสุทธิส่วนของผู้เป็นเจ้าของบริษัทอยู่ที่ 2,725.1 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 43.6% YoY

    กล่าวโดยภาพรวม ตลาดการจัดส่งพัสดุด่วนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมถึงประเทศไทยจะมีการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญจากการเป็นตลาดที่แข่งขันกันเฉพาะด้านไปสู่ตลาดที่ผู้ให้บริการมีความเชี่ยวชาญที่หลากหลายมากขึ้น ใกล้เคียงกับตลาดการจัดส่งพัสดุด่วนในประเทศจีน สหรัฐอเมริกา และอื่นๆ


เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : จากบริษัทมูลค่า 4.7 หมื่นล้านเหรียญ WeWork ยื่นล้มละลายแล้ว

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine