<h2>หลังก่อนหน้านี้ประกาศเลื่อนงานแถลงข่าวออกไปอย่างไม่มีสาเหตุ ล่าสุด TTA หรือบริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) ของตระกูลมหากิจศิริ ได้ผนึกกำลังกับ King Long ค่ายยานยนต์ไฟฟ้าจากจีนเรียบร้อยแล้ว เตรียมนำรถกระบะไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์เข้ามาขายในไทย ตั้งเป้ายอดขายปีแรก 1,000 คัน พร้อมจับมือเปิดโชว์รูมรถกระบะ EV แห่งแรกในไทยที่ย่านรองเมือง</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เฉลิมชัย มหากิจศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA เปิดเผยว่า รถกระบะไฟฟ้าที่ TTA และ King Long ร่วมกันพัฒนา และจะเริ่มทำตลาดในปีนี้ เป็นรถกระบะเพื่อการพาณิชย์ขนาด 1 ตัน โดยโมเดลแรกที่จะเปิดตลาด จะเป็นรถกระบะตอนเดี่ยว มุ่งเจาะไปที่กลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการขนส่ง โลจิสติกส์ ในไทย ซึ่งจะจำหน่ายทั้งแบบฟลีทและขายปลีก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เราเริ่มจากรุ่นที่มีความต้องการสูงสุดก่อน นั่นคือรถเพื่อการพาณิชย์ แล้วจึงค่อยๆ ขยายให้ครบทุกเซ็กเมนต์ในภายหลัง และเหตุผลที่เราเลือกจับมือกับทาง King Long ก็เพราะว่า King Long เป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้าอันดับต้นๆ ในประเทศจีน มีเทคโนโลยีการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่ก้าวหน้า มีความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบ และผลิตรถเพื่อการพาณิชย์มากว่า 30 ปี”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;TTA มีนโยบายการลงทุนที่มุ่งเน้นการสร้างการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวคิด 'Smart Growth &amp; Sustainability' และการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ King Long เพื่อนำรถกระบะไฟฟ้ามาสู่ตลาดประเทศไทยในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การขยายพอร์ตการลงทุนของ TTA ในกลุ่มธุรกิจพลังงานสะอาด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“การเข้าสู่ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้านับเป็นก้าวที่สำคัญของเรา ในการต่อยอดประสบการณ์ด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ของ TTA เราได้จัดตั้ง บริษัท พี80 โก จำกัด (P80 Go) เพื่อเข้าไปร่วมลงทุนในธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ และเป็นผู้จัดจำหน่ายรถกระบะไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ King Long&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยรถกระบะไฟฟ้า King Long ที่ TTA และ King Long ร่วมกันพัฒนาถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานระยะสั้นถึงระยะกลาง ซึ่งเหมาะสมกับการใช้งานเพื่อการพาณิชย์ส่วนใหญ่ในประเทศไทย ทั้งนี้ ได้ผ่านการทดสอบเข้มข้นเพื่อให้มั่นใจว่าสามารถปรับให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและความต้องการของผู้ใช้งานในประเทศได้เป็นอย่างดี​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/07/1NsAzS1wq7iSXzwafECp.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="1NsAzS1wq7iSXzwafECp.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="720,480"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หลิว จื้อ จวิน ประธานกรรมการ บริษัท เซี่ยเหมิน คิง ลอง ยูไนเต็ด ออโตโมทีฟ อินดัสตรี จำกัด กล่าวว่า “ตลาดยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยมีศักยภาพที่สูงมาก ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ส่วนบุคคล รถเพื่อการพาณิชย์ และยานยนต์ประเภทอื่นๆ สำหรับรถกระบะไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์ที่เราจะนำมาบุกตลาดนั้น เราให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและการใช้งานที่เหมาะสมของตลาดไทย ที่ต้องการความประหยัด ความทนทาน ความคุ้มค่า และมีค่าบำรุงรักษาที่ต่ำ โดยเราตั้งเป้าหมายในการจำหน่ายไว้ที่ 1,000 คัน ในปีแรกที่เปิดตลาด”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ บริษัท พี80 โก ได้ทำการเปิดโชว์รูมรถกระบะไฟฟ้า King Long แห่งแรกในย่านรองเมืองไปเรียบร้อยแล้ว และกำลังอยู่ในระหว่างการคัดเลือกพันธมิตรตัวแทนจำหน่าย เพื่อให้พร้อมสำหรับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทยในไม่ช้านี้ โดยรถกระบะไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์นี้ จะนำเสนอคุณค่าหลักแก่ลูกค้า ทั้งในเรื่องความประหยัด ความทนทาน คุ้มค่า เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ต้นทุนการบำรุงรักษาที่ต่ำ และเทคโนโลยีล้ำสมัย เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/motoring/byd-acquires-20-percent-stake-in-reve-automotive" alt="BYD เข้าถือหุ้น 20% ใน ‘เรเว่ ออโตโมทีฟ’ พร้อมเผยเหตุลดราคาเพราะ ‘ต้นทุนเปลี่ยน’">BYD เข้าถือหุ้น 20% ใน ‘เรเว่ ออโตโมทีฟ’ พร้อมเผยเหตุลดราคาเพราะ ‘ต้นทุนเปลี่ยน’</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

TTA ของตระกูล ‘มหากิจศิริ’ จับมือค่ายรถจีน King Long เรียบร้อย บุกตลาด ‘กระบะไฟฟ้าเชิงพาณิชย์’ ในไทย

<h2 class="p1">สองพี่น้อง อุษณีย์-เฉลิมชัย มหากิจศิริ เดินหน้าสานต่อขยาย “พีเอ็ม กรุ๊ป” เน้นมองหาธุรกิจ next trend และธุรกิจที่เติบโตสูง พร้อมลดการพึ่งพาธุรกิจที่เป็นวัฏจักร เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตในระยะยาว เติมเต็มเป้าหมายเป็นบริษัทการลงทุนชั้นนำในเอเชีย</h2>
การหยอกล้อแซวกันไปมาระหว่างพี่สาวและน้องชาย อุษณีย์และเฉลิมชัย ระหว่างการสัมภาษณ์ สะท้อนถึงความรักและความผูกพันของสมาชิกในครอบครัวตระกูล มหากิจศิริ ทั้งคู่บอกว่าคุณพ่อประยุทธสอนให้พวกเขารักกัน ช่วยเหลือกัน เกื้อกูลกัน มีอะไรก็พูดคุยกัน จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทั้งสองมีประยุทธเป็นบุคคล “ต้นแบบ” ที่จะดำเนินรอยตาม
และความรักที่คนในครอบครัวนี้ที่มีให้ต่อกันนั้น ได้หลอมรวมกันเป็นหนึ่ง แปรเปลี่ยนเป็นพลัง นำพาพีเอ็ม กรุ๊ป บริษัทการลงทุนขนาดเกือบ 1 แสนล้านบาท ไปสู่อนาคตใหม่ที่ใหญ่ขึ้น เป็นบริษัทการลงทุนชั้นนำในเอเชีย
&nbsp;
<h2 class="p1">“เฉลิมชัย” ดูภาพใหญ่</h2>
เฉลิมชัยปัจจุบัน 41 ปี ลูกคนกลางจากทั้งหมด 3 คนของประยุทธ ได้รับมอบหมายให้ดูแลภาพใหญ่ของพีเอ็ม กรุ๊ปในด้านการลงทุนและงานด้านการเงิน เขายังนั่งตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) (TTA) ที่ดำเนินธุรกิจ อาทิ ขนส่งทางเรือ ธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง ธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร โดยวิสัยทัศน์ที่เขียนไว้ในรายงานประจำปี 2561 คือ ต้องการเป็นบริษัทเพื่อการลงทุนชั้นนำในเอเชีย


<figure><img class="wp-image-25337 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/12/pmgroup03.jpg" alt="" width="320" height="480" /><figcaption> เฉลิมชัย มหากิจศิริ</figcaption></figure>
เฉลิมชัยเป็นทายาทรุ่น 2 เข้ามาดูแลพีเอ็ม กรุ๊ปกว่า 10 ปี หลังจากประยุทธเข้าสู่วัยเกษียณ เฉลิมชัยบอกว่า ขณะนี้แนวโน้มเศรษฐกิจโลกยากที่จะคาดเดา ไม่เหมือน 10 ปีที่แล้วที่มีวงจรธุรกิจ (business cycle) ทุกๆ 10 ปี แต่ตอนนี้หากคาดการณ์ล่วงหน้า 3 เดือนข้างหน้าได้ถือว่าดีแล้ว อีกทั้งเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสูงในระบบเศรษฐกิจและโลกการลงทุน ดังนั้น บริษัทจำเป็นต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลง
ในรุ่น 2 อย่างเขาจึงต้องมองหาธุรกิจใหม่ๆ เข้ามาเติมในพอร์ต แต่ต้องศึกษาว่าธุรกิจไหนดีไม่ดีอย่างไร ต้องปรับอย่างไร และตัวไหนจะไปต่อได้ไหม ตัวอย่างเช่น ธุรกิจของ TTA ที่ถูกซื้อมา 7 ปีแล้ว ดำเนินธุรกิจขนส่งทางเรือ ซึ่งมีหลายๆ บริษัทภายใต้ธุรกิจนี้มีผลประกอบการไม่ดี เขาจึงต้องปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่อยู่หลายปี ซึ่งบางธุรกิจที่มีผลประกอบการไม่ดี ก็จำเป็นต้องปิดตัวไป
<img class="alignnone size-full wp-image-25338" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/12/pmgroup04.jpg" alt="" width="720" height="482" />
“ผมเป็นคนมอง next trend อะไรที่กำลังจะมา 3 ปีล่วงหน้าจะลงทุนไว้ก่อน อย่างบิตคอยน์ ผมก็ลงทุนไว้แล้ว ผมเป็นหน่วยของ next strategy เน็กซ์อุตสาหกรรมที่กำลังเข้ามา แล้วดูว่าอะไรดี อะไรไม่ดี เข้ากับกลุ่มหรือเปล่า”
อนาคตเขามีเป้าหมายที่จะสร้างให้พีเอ็ม กรุ๊ปเป็นบริษัทการลงทุนชั้นนำในเอเชีย มีการเติบโตแบบ “ยั่งยืน” โดยเข้าลงทุนบริษัททั้งในตลาดฯ และนอกตลาดฯ เน้นธุรกิจที่มีการเติบโตสูง อีกทั้งยังนำแบรนด์ไทยออกไปสู่ตลาดโลก จากเดิมที่นำแบรนด์นอกเข้ามาช่วยสร้างการเติบโตให้กับกลุ่มเป็นส่วนใหญ่ ปัจจุบัน เฉลิมชัยกำลังปั้นผลิตภัณฑ์ P80 เครื่องดื่มลำไยสกัดเข้มข้นธรรมชาติ 100% ซึ่งเป็นนวัตกรรมของไทย โดยเขาตั้งใจที่จะนำสินค้านี้ไปจำหน่ายในตลาดโลก และปั้นให้เป็นแบรนด์ระดับโลกตามมา
&nbsp;
<h2 class="p3">ธุรกิจอาหารภายใต้ “อุษณีย์”</h2>
อุษณีย์พี่สาวของเฉลิมชัยรับบทบาทดูแลธุรกิจอาหาร แบรนด์สำคัญๆ ในกลุ่มมี 6 แบรนด์ แต่เธอดูแบรนด์หลักอย่างโดนัท Krispy Kreme อย่างไรก็ตาม เธอก็เป็นอีกฟันเฟืองที่ร่วมการตัดสินใจการลงทุนในแต่ละครั้งกับพี่น้องอีก 2 คน โดยแนวทางการลงทุนของเธอ ไม่เน้นอยู่ที่ธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง เนื่องจากปัจจุบันสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และมีเทรนด์ใหม่ๆ เกิดขึ้น ทำให้ก่อนการลงทุนต้องรู้ถึงธุรกิจนั้นๆ อย่างถ่องแท้ก่อนการตัดสินใจ


<figure><img class="size-full wp-image-25336" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/12/pmgroup02.jpg" alt="" width="320" height="480" /><figcaption> อุษณีย์ มหากิจศิริ</figcaption></figure>
“ครอบครัวเราใหญ่ขึ้น ซับซ้อนขึ้น ธุรกิจมากขึ้น เราค่อยๆ เตรียมความพร้อม ปรับตัวรองรับกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน เราต้องอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง ทุกอย่างมันไม่เป๊ะ”
เธอบอกว่า ทุกวันนี้ ธุรกิจของกลุ่มเติบโตขึ้นทุกปี พร้อมกับพยายามหาสินค้าใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มในพอร์ต อย่างไรก็ตาม ต้องดูจังหวะเศรษฐกิจและความต้องการของผู้บริโภค เพราะการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว เธอจำเป็นต้องเรียนรู้ตลอดเวลา เพราะโลกธุรกิจมีคนเก่งเยอะมาก นอกจากนี้ เธอยังบอกอีกว่าพีเอ็ม กรุ๊ปจะเดินหน้าต่อไป ภายใต้การเติบโตแบบยั่งยืน มีธุรกิจหลากหลาย ต่างจากรุ่นพ่อของเธอ ที่เน้นแนวอุตสาหกรรม
&nbsp;

อ่านเพิ่มเติม
<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/people/cover-story/%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%a2%e0%b8%b8%e0%b8%97%e0%b8%98-%e0%b8%a1%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%b4%e0%b8%88%e0%b8%a8%e0%b8%b4%e0%b8%a3%e0%b8%b4-%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b8%98%e0%b8%b8.html">ประยุทธ มหากิจศิริ วางธุรกิจแสนล้านในมือรุ่นที่ 2</a></li>
</ul>
&nbsp;

ภาพ: ชัยสิทธิ์ จุนเจือดี

<hr />

<a href="https://bit.ly/2PN8dcx">คลิกอ่านฉบับเต็ม “อุษณีย์-เฉลิมชัย มหากิจศิริ รุ่นที่ 2 รวมพลังขยาย PM Group” ได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2562 ได้ในรูปแบบ e-Magazine</a>

<img class="alignnone wp-image-23540" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/11/COVER-78-NOVEMBER.jpg" alt="" width="300" height="394" />

อุษณีย์-เฉลิมชัย มหากิจศิริ รุ่นที่ 2 รวมพลังขยาย PM Group

<h2 class="p1">หลังเข้าตลาดไทยได้เพียงปีเดียวและประสบความสำเร็จด้วยดี Taco Bell ร้านอาหารจานด่วนเม็กซิกันสไตล์ของตระกูลมหากิจศิริ กำลังเดินเครื่องขยายสาขาเพิ่มเป็นกว่า 40 สาขาใน 5 ปี จาก 5 สาขาในสิ้นปี พร้อมกับศึกษาความเป็นไปได้ที่จะขยายเข้าสู่ตลาด CLMV เนื่องจากเป็นตลาดที่มีศักยภาพ</h2>
เฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) (TTA) และกรรมการ บริษัท สยามทาโก้ จำกัด กล่าวว่า บริษัทนำ Taco Bell เข้ามาเปิดตลาดในไทยเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านและได้รับการรับอย่างท่วมท้น เขาอ้างว่า สาขาแรกที่เปิดที่นี่ ได้ทำลายสถิติของการเปิดตัววันแรกของร้านเมื่อเทียบกับแบรนด์นี้ทั่วโลก โดยวัดจากจำนวนคนเข้าซื้อและจำนวนออร์เดอร์ที่สั่ง อย่างไรก็ตาม เฉลิมชัยปฏิเสธที่เปิดเผยถึงตัวเลขดังกล่าว
ปัจจุบัน ร้านอาหารสไตล์เม็กซิกันเชนนี้มี 4 สาขาในกรุงเทพฯ และสาขาที่ 5 กำลังจะเปิดกลางเดือน ธ.ค.นี้ ที่เซ็นทรัล พลาซา เวสต์เกต และปี 2563 คาดจะมีจำนวนสาขาเพิ่มเป็นกว่า 10 สาขา ซึ่งจะเปิดทั้งในเมืองหลวงและในหัวเมืองใหญ่ ที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างภูเก็ตและเชียงใหม่
เฉลิมชัยบอกว่า ความสำเร็จในตลาดเมืองไทยเกิดขึ้นจากเพราะเป็นแบรนด์ใหม่ที่นำเสนออาหารจานด่วนเม็กซิกันสไตล์ ที่มีรสชาติแปลกใหม่ ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ได้ดี ทั้งยังสนองความต้องการของกลุ่มคนที่ต้องการลิ้มลองอาหารรสชาติใหม่ๆ อีกด้วย ประกอบกับในตลาดนี้ยังไม่มีคู่แข่งมากนัก นอกจากนี้ ยังเป็นแบรนด์ที่คนรุ่นใหม่เข้าถึง เนื่องจากใช้สื่อโซเชียลมีเดียเป็นช่องทางการสื่อสาร 
เฉลิมชัยมีแผนจะเปิดร้านอาหารสไตล์เม็กซิกันนี้เพิ่มเป็นกว่า 40 แห่งในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยแต่ละแห่งมีงบลงทุนไม่เกิน 10 ล้านบาท แม้ว่าบริษัทได้เริ่มสัมผัสถึงกำลังซื้อที่ “อ่อนตัว” ลงในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ แต่ก็เชื่อว่าบริษัทจะสามารถขยายร้านเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ พร้อมๆ กับดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะดูแลเรื่องต้นทุน เมนูอาหาร และออกแคมเปญทางการตลาด หาสิ่งใหม่ๆ ให้ลูกค้าเพื่อกระตุ้นการซื้อ


<figure><img class="size-full wp-image-24895" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/12/tacobell02.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> เมนู “เนคเค็ด ชิกเก้น ทาโก้”</figcaption></figure>
อย่างเช่น ล่าสุดได้ออกเมนู “เนคเค็ด ชิกเก้น ทาโก้” ซึ่งเป็นสุดยอดเมนูนวัตกรรมที่ไม่ได้ทำมาจากแป้งสาลีหรือแป้งข้าวโพด แต่ทำมาจากเนื้อไก่ทอดกรอบที่ได้คลุกเคล้ากับเครื่องเทศและเครื่องปรุงสไตล์เม็กซิกัน เป็นเมนูที่ได้รับความสำเร็จจากท่วมท้นที่สหรัฐฯ อังกฤษ ญี่ปุ่น และอินเดีย
ด้วยความสำเร็จในตลาดไทย ปัจจุบันเฉลิมชัยกำลังพูดคุยเพื่อหาความเป็นไปได้ที่จะนำร้านอาหารแบรนด์นี้ไปเปิดในตลาด CLMV เนื่องจากเป็นตลาดที่กำลังเติบโต อย่างไรก็ตาม ยังไม่ข้อสรุปใดๆ จากการเจรจาครั้งนี้
ทั้งนี้ Taco Bell เป็นบริษัทในเครือของ ยัม! แบรนด์ส อิงค์ ของสหรัฐฯ ปัจจุบันกำลังขยายร้านไปทั่วโลก โดยเฉพาะตลาดเอเชียแปซิฟิค ซึ่งเป็นตลาดใหญ่รองจากตลาดสหรัฐฯ เนื่องจากสองในสามของประชากรอยู่ในภูมิภาคนี้ มีเศรษฐกิจกำลังเติบโต คนมีกำลังซื้อสูงและมีตลาดสำคัญคือ จีนและอินเดีย และในปี 2563 จะเข้าไปเปิดตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มคือ ประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซีย ตามที่ Ankush Tuli กรรมการผู้จัดการ Taco Bell Asia Pacific and Middle East


<figure><img class="size-full wp-image-24896" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/12/tacobell03.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> Ankush Tuli</figcaption></figure>
Tuli บอกว่า เชนอาหารสไตล์เม็กซิกันนี้เข้ามาตลาดเมืองไทยช้ากว่าแบรนด์ฟาสต์ฟู้ดอื่นๆ เพราะต้องศึกษาความพร้อมของตลาด และ ณ เวลานี้เป็นเวลาที่ “ใช่” และ “เหมาะ” สำหรับการขยายตลาดในประเทศไทย เนื่องจากเป็นแบรนด์ที่มีภาพลักษณ์ทันสมัยและดูกระฉับกระเฉง แม้ว่าตลาดร้านอาหารจานด่วนในเมืองไทยมีการแข่งขันอย่างรุนแรง แต่ที่นี้ก็ยังเต็มไปด้วย “โอกาส” และมั่นใจว่า ร้านอาหารแบรนด์นี้จะสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งที่นี่ และไทยยังเป็นตลาดสำคัญของบริษัท 
ปัจจุบัน ร้านอาหารจานด่วนเชนนี้มีจำนวนสาขากว่า 7,000 สาขาในสหรัฐฯ ขณะที่นอกสหรัฐฯ มี 580 สาขา 30 ประเทศทั่วโลก ในปี 2018 เชนร้านอาหารจากสหรัฐฯ รายนี้มียอดขายทั่วโลก 1.1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ในขณะที่ตลาดเอเชียแปซิฟิค มีร้านอาหารแบรนด์นี้อยู่ 11 ประเทศ โดยยอดขายของแบรนด์นี้คิดเป็น 15% ของยอดขายทั้งหมดของยัม แบรนด์ส อิงค์ ซึ่งยังมีแบรนด์ภายใต้เครือคือเคเอฟซีและพิซซ่า ฮัท
&nbsp;

อ่านเพิ่มเติม
<ul>
 	<li><header class="entry-header"><a href="https://forbesthailand.com/video/24198.html">คุยกับ “อุษณีย์-เฉลิมชัย มหากิจศิริ” รุ่นที่ 2 รวมพลังขยาย PM Group (Video)</a></header></li>
</ul>
&nbsp;

<hr />

<article id="post-24491" class="post-24491 post type-post status-publish format-standard has-post-thumbnail hentry category-global category-news tag-air-new-zealand tag-1809 tag-10698 tag-519">
<div class="body-content post-content-wrap post-detail">

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

</div>
</article>

Taco Bell ลุยหนักตลาดไทยปีหน้า แม้กำลังซื้อไม่สู้ดี

<h2>จาก พีเอ็ม กรุ๊ป ธุรกิจของครอบครัว "เฉลิมชัย มหากิจศิริ" ขอแตกแขนงพิสูจน์ฝีมือ พลิกฟื้น TTA ปรับภาพลักษณ์สู่การลงทุนเชิงกลยุทธ์ในหลากหลายกลุ่มธุรกิจ พร้อมขึ้นแท่นกลุ่มบริษัทเพื่อการลงทุนชั้นนำแห่งเอเชียในปี 2020</h2>
ในวัย 36 ปี เฉลิมชัย มหากิจศิริ รั้งตำแหน่งสูงสุดในหลายองค์กร ทั้ง president &amp; CEO บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) (TTA), CEO บริษัท เมอร์เมด แมริไทม์ จำกัด (มหาชน) ในเครือ TTA และ CEO บริษัท พีเอ็ม กรุ๊ป จำกัด  จากบทบาทของนักแสดง “กึ้ง-เฉลิมชัย” เมื่อวันวาน มาวันนี้เขาสวมบทนักธุรกิจเต็มตัว

ในวัยเด็ก ประยุทธ มหากิจศิริ บิดาผู้สร้างอาณาจักรธุรกิจ พาเขาเข้าร่วมประชุมตั้งแต่อายุ 9-10 ขวบ เพื่อให้เรียนรู้บรรยากาศการประชุม จนได้แง่คิด “ถกให้น้อย ทำการบ้านให้เยอะ” ออกมาจากห้อง ที่ยังนำมาใช้จนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ ประยุทธยังฝึกการตัดสินใจให้ลูกชาย ในดีลที่ไม่ใหญ่อีกด้วย

หลังเรียนจบ เฉลิมชัยกลับมาช่วยบริหารกิจการของครอบครัวในหลายองค์กร จนราว 3 ปีก่อน ตัวเขาขอพิสูจน์ความสามารถด้วยการเข้าซื้อกิจการ TTA โดยได้ศึกษาโครงสร้างธุรกิจซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2447 อย่างละเอียด แม้ TTA มีธุรกิจหลายแขนงในมือ แต่คนส่วนใหญ่มักจำได้แต่ธุรกิจเกี่ยวกับการเดินเรือ เฉลิมชัยจึงปรับภาพลักษณ์ TTA ให้เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้น เพื่อการลงทุนเชิงกลยุทธ์

หุ้น TTA เคยสูงเกิน 50 บาท แต่เมื่อตกลง หลายคนจึงตื่นตระหนก แต่กลับเป็น “โอกาสในวิกฤติ” ที่จะซื้อในราคาถูก เหตุผลอีกข้อคือ TTA มีระบบที่ดีและมีขนาดใหญ่ ไม่มี majority shareholder แต่ดำเนินการโดยนักบริหารมืออาชีพ

“ผมขอทำหน้าที่รับผิดชอบพาองค์กรพลิกฟื้นกลับมาให้มีกำไรให้ได้” เขาให้คำมั่นในฐานะผู้นำ และผู้ถือหุ้นรายใหญ่สุด 15.92%

<iframe src="http://www.youtube.com/embed/E5p8-en1jmM" width="560" height="315" frameborder="0" allowfullscreen="allowfullscreen" data-mce-fragment="1"></iframe>

หลังก้าวสู่ตำแหน่งสูงสุดเมื่อต้นปี เฉลิมชัยลงมือปรับโครงสร้างองค์กร จบประสบความสำเร็จเพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (market cap) ของ TTA ให้เพิ่มขึ้น 50% เป้าหมายต่อไปคือเพิ่ม market cap ขึ้นอีก 2 เท่าใน 2 ปี ให้ได้อย่างน้อย 5 หมื่นล้านบาท ส่วนแผนระยะยาวคือต้องเป็นบริษัทที่ทำกำไร และต้องลงทุนในอุตสาหกรรมที่เจริญเติบโต เพื่อก้าวขึ้นเป็นกลุ่มบริษัทเพื่อการลงทุนชั้นนำของเอเชียในปี 2020

“ถ้ามองไกลกว่านี้ ผมอยากให้มี successor มารองรับ และขับเคลื่อนองค์กรได้อย่างที่เราอยากให้เป็น ถ้าระบบดีก็ไม่จำเป็นต้องเป็นมหากิจศิริ จะเป็นใครก็ได้ แต่ผมขอให้ยึดถือประโยชน์ของทุกคนเป็นสำคัญ”
<div>

<hr />

<a href="http://goo.gl/542sJj">อ่าน "เฉลิมชัย มหากิจศิริ ล้างขาดทุน TTA มุ่งกำไร สร้าง market cap 5 หมื่นล้านใน 2 ปี" ฉบับเต็มใน Forbes Thailand ฉบับ DECEMBER 2014</a>

<a href="http://goo.gl/542sJj"><img class="img-responsive" src="http://forbesthailand.com/uploads/userfiles/images/Covers/COVER%20MARCH-12023.jpg" alt="" /></a>

</div>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events