<h2>พฤกษา โฮลดิ้ง เผยเป้าหมายปี 2568 คาดมีรายได้รวม 23,500 ล้านบาท ฝั่งธุรกิจอสังหาฯ มองว่าจะเติบโต 8% โดยมองว่าการลดดอกเบี้ยของ กนง.ที่ 0.25% ต่อปี แต่แบงก์ลดให้ผู้กู้ราว 0.1% ต่อปี จึงมองว่าการผ่อนปรนมาตรการ LTV ในการกู้ซื้อบ้านหลังที่ 2 ขึ้นไปอาจช่วยได้มากกว่า ขณะที่ 2-3 ปีที่ผ่านมาภาวะตลาดอสังหาฯ ที่เล็กลงจึงหันมาเน้นธุรกิจเฮลท์แคร์เชื่อว่าในระยะยาวจะมีสัดส่วน 50% ของรายได้ โดยปี 68 คาดว่าธุรกิจนี้จะเติบโต 19% ภายในปีหน้าเตรียมขยาย 3 โรงพยาบาลใหม่</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH กล่าวว่า 2-3 ปีมานี้ตลาดอสังหาฯ มีขนาดเล็กลง โดยปี 2567 ภาพรวมตลาดอสังหาฯ เผชิญกับความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจและอัตราการปฏิเสธสินเชื่อของธนาคารที่ยังคงสูงอยู่ แต่มองว่าเป็นการปรับลดลงในระยะหนึ่งหลังจากนั้นจะกลับมาโตขึ้น ซึ่งในปี 2567 พฤกษามีรายได้รวมอยู่ที่ 21,000 ล้านบาท มีกำไรสุทธิที่ 456 ล้านบาท&nbsp; &nbsp; ปี 2568 ตั้งเป้าหมายรายได้รวมไว้ที่ 23,500 ล้านบาท เติบโต 11.9% จากปี 67 โดยแบ่งเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ 18,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8%YoY และเฮลท์แคร์ที่ 2,600 ล้านบาท เติบโต 19%YoY โดยหลังจากนี้ยังมองหาโอกาสในธุรกิจใหม่ๆ รวมถึงในระยะยาวคาดว่ารายได้ส่วนเฮลท์แคร์อาจเพิ่มสัดส่วนขึ้นเป็น 50% จากกระแสการขยายตัวที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ กลยุทธ์หลักของปี 2568 ยังเน้นที่ 1) กลยุทธ์เชิงรับเพื่อรักษาข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน เน้นบริการให้เกิดประสิทธิภาพ มุ่และปรับโครงสร้างสินทรัพย์ให้เหมาะสม 2) กลยุทธ์เชิงรุก เร่งพัฒนาและพร้อมลงทุนร่วมกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ<div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/03/KCzMPbGwBLbdtEJTGGXm.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="KCzMPbGwBLbdtEJTGGXm.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,399" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในด้านธุรกิจอสังหาฯ นายธีระ ทองวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปี 2568 นี้ มองว่าจะไม่แย่ไปกว่าไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมา โดยฝั่งทาวเฮ้าส์อาจหดตัวลง แต่บ้านเดี่ยวและคอนโดฯ ยังเติบโตได้ดี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ดังนั้นปี 2568 นี้จะหันมาเน้นโครงการบ้านเดี่ยวที่จะใกล้เมืองมากขึ้นตามความต้องการของตลาด โดยพฤกษาวางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 22 โครงการ มูลค่ารวม 23,400 ล้านบาท แบ่งเป็น ทาวน์เฮาส์ 8 โครงการ มูลค่า 4,900 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 9 โครงการ มูลค่า 10,400 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 5 โครงการ มูลค่า 8,100 ล้านบาท​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/03/N6vBwUY7kgmRRx7aoyNY.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="N6vBwUY7kgmRRx7aoyNY.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,408" style="" data-index="1"></figure></div> &nbsp; &nbsp; ในปี 2568 จะมีการเปิดตัวแบรนด์ระดับบนหลายโครงการ เช่น The Palm, The Reserve และ Chapter โดยมีสัดส่วนสินค้าในกลุ่มราคามากกว่า 7 ล้านบาท ราว 50% และโครงการที่ใกล้เมืองมากขึ้นและมีขนาดเล็กลง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในยุคปัจจุบัน ตั้งเป้ายอดขายที่ 19,800 ล้านบาท และยอดขายผ่านโครงการ JV อีก 3,200 ล้านบาท รวมถึงยอดโอน 18,700 ล้านบาท และยอดโอนผ่านโครงการ JV อีก 1,600 ล้านบาท ซึ่งในส่วนนี้จะรับรู้เป็นกำไรจากการลงทุนใน JV&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปัจจุบันบริษัทฯ มี Backlog อยู่ในมือราว 3,500 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้ราว 2,000 ล้านบาท โดยยังตั้งเป้าที่จะทำให้การจำจดแบรนด์พฤกษาในการเป็น Well Being Wellness มากขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ผ่านมา คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ต่อปี แต่ธนาคารมีการลดดอกเบี้ยให้ลูกหนี้ราว 0.1% ต่อปี จึงมองว่าไม่ได้ส่งผลต่อลูกหนี้และผู้กู้มากนัก แต่มองว่าหากมีการผ่อนปรนมาตรการ LTV ที่จะช่วยให้ผู้กู้ซื้อบ้านหลังที่ 2 และ 3 ได้ง่ายขึ้น น่าจะมีส่วนช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาฯ ในภาพรวมมากกว่า​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/03/GrDZigVP7SZqCpBEifyn.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="GrDZigVP7SZqCpBEifyn.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,408" style="" data-index="2"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้านธุรกิจเฮลแคร์หรือการดูแลสุขภาพ นายแพทย์สุวาณิช เตรียมชาญชูชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวิมุต กล่าวว่า ปี 2568 ตั้งเป้ารายได้ 2,600 ล้านบาท (จากปี 67 มีรายได้ 2,187 ล้านบาท เติบโต 20% จากปีก่อน มี EBITDA อยู่ที่ 112 ล้านบาท) โดยมีรายได้หลักจากโรงพยาบาลวิมุตที่ พหลโยธิน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ปี 68 ได้วางงบลงทุนไว้ที่ 3,500 ล้านบาท ซึ่งรวมถึงเฟสการลงทุนสร้างโรงพยาบาลเฉพาะทางเพิ่มอีก 3 แห่ง ได้แก่ ทองหล่อ สุขุมวิท ปิ่นเกล้า ซึ่งใน 2 พื้นที่หลังยังต้องติดตามสถานการณ์ตลาดในระยะข้างหน้าว่าตลาดจะมีความต้องการแบบใด จึงจะออกแผนงานว่าจะทำโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านใด แต่ใน 3 ปีข้างหน้าคาดว่าจะมีจำนวนเตียงรวม 600-700 เตียง จากปัจจุบันที่มี Capacity อยู่ราว 400 เตียง ภาพ:&nbsp; PSH เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/property/frasers-property-develop-a-new-distribution-center-for-watsons-thailand" alt="'เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้' เตรียมสร้างศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ให้ 'วัตสัน ประเทศไทย' คาดแล้วเสร็จ เม.ย. ปี 69">'เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้' เตรียมสร้างศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ให้ 'วัตสัน ประเทศไทย' คาดแล้วเสร็จ เม.ย. ปี 69</a><a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

พฤกษา มอง ‘ลดดอกเบี้ย’ ส่งถึงผู้กู้แค่ 0.1% หวังรัฐผ่อนปรน LTV คาดปี 68 รายได้แตะ 23,500 ล้าน

<h2>PSH ตั้ง “รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส” นั่งประธานบอร์ด ดึง “แมนพงศ์ เสนาณรงค์” นั่งกรรมการอิสระ ควบ ประธานคณะกรรมการลงทุน เดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ที่ประชุมคณะกรรมการ บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH มีมติแต่งตั้ง นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส ให้ดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการบริษัท แทน ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ซึ่งเกษียณอายุครบ 72 ปี ตามข้อกำหนดในกฎบัตรคณะกรรมการบริษัท โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดย นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส สำเร็จการศึกษา MBA จาก Harvard Business School เป็นอดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี (ปี พ.ศ. 2559 - พ.ศ. 2566) ซึ่งมีความเชี่ยวชาญการบริหารจัดการธุรกิจ เศรษฐกิจ และการลงทุนในองค์กรขนาดใหญ่ ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อีกทั้งยังมีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบายเพื่อการพัฒนาและเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการวางแผนกลยุทธ์ การต่างประเทศ การบริหารความเสี่ยง การบริหารจัดการในภาวะวิกฤต และการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติแต่งตั้ง นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ ให้ดำรงตำแหน่ง กรรมการอิสระ รวมทั้งแต่งตั้งเป็น ประธานคณะกรรมการลงทุน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/01/mAW8jRHdRF2RvSgUXd5u.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="mAW8jRHdRF2RvSgUXd5u.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"><figcaption><div>นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์</div></figcaption></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ สำเร็จการศึกษา MBA ด้าน Finance and Quantitative จาก Cleveland State University ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นอดีตรองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีความรู้ด้านการจัดการโครงสร้างทางการเงิน โครงสร้างธุรกิจ และการวางกลยุทธ์ธุรกิจ รวมถึงมีประสบการณ์การทำงานด้านการบริหารวาณิชธนกิจ และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินให้กับบริษัทเอกชน และสถาบันการเงิน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การแต่งตั้งผู้บริหารครั้งนี้มุ่งสร้างความแข็งแกร่งให้กับองค์กร พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจสู่เป้าหมายการเติบโตอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวคิด “อยู่ดี มีสุข Live Well, Stay Well” โดยปัจจุบัน ธุรกิจของพฤกษา โฮลดิ้ง แบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่เน้นการพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยที่ดีของทุกกลุ่มลูกค้า รวมถึงการพัฒนาที่อยู่อาศัยแบบเวลเนส เรสซิเดนซ์เต็มรูปแบบ โดยใช้จุดแข็งจากการมีโรงพยาบาลวิมุตอยู่ในเครือ เพื่อยกระดับการอยู่อาศัยที่อยู่ดีมีสุข และ ธุรกิจเฮลท์แคร์ ที่มุ่งยกระดับการดูแลสุขภาพอย่างครบวงจรและสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีในวงกว้าง เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/property/pruksa-appoints-thongma-vijitpongphan-as-acting-ceo-of-the-group" alt="‘พฤกษา’ ปรับทิศทาง-กลยุทธ์ธุรกิจ ตั้ง ‘ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์’ เป็นรักษาการซีอีโอกลุ่ม">‘พฤกษา’ ปรับทิศทาง-กลยุทธ์ธุรกิจ ตั้ง ‘ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์’ เป็นรักษาการซีอีโอกลุ่ม</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

พฤกษา โฮลดิ้ง ตั้ง “รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส” นั่งประธานบอร์ด

<h2>ด้วยประสบการณ์ที่ยาวนานในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งบ้านและคอนโดมิเนียม ทำให้ทุกโครงการภายใต้มาตรฐานพฤกษา เรียลเอสเตท เป็นที่ยอมรับในฐานะผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย</h2>
ไม่เฉพาะคอนโดมิเนียมและที่อยู่อาศัยที่เจาะกลุ่มตลาดระดับกลาง จะเป็นที่ยอมรับในวงกว้างว่ามีดีไซน์และฟังก์ชั่นที่รังสรรค์มาอย่างเข้าใจผู้อยู่อาศัยแล้วนั้น แต่ยังรวมถึงโครงการคอนโดมิเนียมหรูภายใต้แบรนด์ The Reserve ที่พฤกษาฯ หมายมั่นว่าจะใช้เป็นแบรนด์เรือธงเพื่อเจาะตลาดลักซ์ชัวรี่ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง

หลังจากที่พฤกษาฯ ประเดิมลั่นกลองรบเปิดตัวคอนโดฯ ภายใต้แบรนด์ The Reserve ไปเมื่อปี 2017 ไม่ว่าจะเป็น The Reserve ทองหล่อ, The Reserve พหล-ประดิพัทธ์ และ The Reserve สุขุมวิท 61 ทุกโครงการล้วนได้กระแสตอบรับที่ดีมาก เพราะรังสรรค์ออกมาได้อย่างมีคุณภาพคับแก้วสมการรอคอย

จุดเด่นที่ทำให้ พฤกษาฯ ครองใจลูกค้ากลุ่มพรีเมี่ยมเซกเมนต์ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองหรือเพื่อการลงทุน เกิดจากงานดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวในแต่ละโครงการ หลอมรวมที่สุดแห่งคุณภาพและความเหนือระดับของการอยู่อาศัยมาไว้ด้วยกันอย่างไร้ที่ติ สะท้อนความเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหรามีระดับ บรรจงคัดสรรทุกรายละเอียดอย่างพิถีพิถัน ไม่ว่าจะเป็นวัสดุที่ใช้ ตลอดจนทำเลที่ตั้ง ไม่ใช่เพียงปักหมุดที่ดินผืนไหนก็ได้ แต่ต้องศึกษาแล้วว่าเป็นทำเลที่พรีเมี่ยมที่สุด มีศักยภาพพร้อมรองรับทุกไลฟ์สไตล์และความต้องการของผู้อยู่อาศัยได้อย่างดีเยี่ยมในทุกมิติ

<img style="width: 638px; height: 370px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/cd05032e7f6d206c671ca0de039cd6cc.jpg" alt="" />

จากความสำเร็จที่ผ่านมาบวกกับวิสัยทัศน์ของแบรนด์ที่ไม่หยุดนิ่งในการสร้างสรรค์สิ่งที่ดีกว่า พร้อมตอกย้ำความมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำในตลาดคอนโดมิเนียมหรูอย่างแท้จริง ปีนี้ พฤกษาฯ อัพเลเวลความพรีเมียมส่ง “เดอะ รีเซิร์ฟ สาทร” (The Reserve Sathorn) ซุปเปอร์ลักซ์ชัวรี่คอนโดมิเนียมตัวท็อปแห่งปีมาสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ในวงการ หลอมรวมทุกความพิเศษที่เกินกว่าจินตนาการจะไปถึงมาไว้ในโครงการ จนกล้าเรียกได้ว่า เป็นคอนโดมิเนียมที่ดีที่สุดในจำนวนซีรีย์ “The Reserve” ก็ว่าได้

“The Reserve Sathorn” พร้อมชวนทุกคนมาปลดล็อกทุกนิยามความหรูหราที่เคยสัมผัสด้วย ความหมายของการใช้ชีวิตที่หรูหราอย่างแท้จริง นั่นคือ อิสระในการกำหนดจังหวะชีวิตด้วยตัวคุณเอง ณ “The Reserve Sathorn” คุณไม่จำเป็นต้องปล่อยให้อุปสรรคอย่างระยะทาง สภาพการจราจร หรือสภาพอากาศ มาติดสปีดการใช้ชีวิต หรือพรากเวลายามเช้าที่แสนรื่นรมย์ของคุณไปอย่างน่าเสียดาย เพราะด้วยทำเลที่ตั้งของ The Reserve Sathorn ไม่ได้เป็นเพียงคอนโดฯใจกลางเมืองทั่วไป แต่ปักหมุดอยู่ในย่านสาธร ซึ่งเป็นย่านธุรกิจที่แท้จริงแห่งเดียวของกรุงเทพมหานคร (Real CBD) รายล้อมด้วยไลฟ์สไตล์ชั้นนำทุกรูปแบบ

พรั่งพร้อมด้วยสำนักงานธุรกิจ สถานศึกษาระดับนานาชาติ สถานทูต อีกทั้งยังเดินทางไปสู่ทุกเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วด้วยรูปแบบการเดินทางที่หลากหลายให้คุณกำหนดเอง ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า รถใต้ดิน หรือ จะใช้รถส่วนตัว สามารถใช้ทางลัดสู่ซอยเย็นอากาศ พระรามสี่ และนางลิ้นจี่ เพื่อขึ้นทางด่วนศรีรัชได้ โดยตรง โดยไม่ต้องฝ่ารถติด ทำให้การใช้ชีวิตในเมืองที่เคยคิดว่าน่าเบื่อ กลายเป็นเรื่องง่าย

<a href="http://bit.ly/2l5uxgU"><img style="width: 638px; height: 370px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/c5e770b2e1db4ebee6bc64823f11f19d.png" alt="" /></a>

หลังจากเหนื่อยล้าจากวันทำงานมาทั้งวัน หากอยากพักชาร์จพลังให้ชีวิต ก็ไม่จำเป็นต้องเก็บกระเป๋าไปต่างจังหวัด เพราะแม้จะอยู่ในย่านที่ไม่เคยหลับใหล แต่ด้วยที่ตั้งโครงการซึ่งอยู่ในซ.สวนพลู อันได้ชื่อว่าเป็น Lifestyle District แห่งเดียวของการอยู่อาศัยท่ามกลางย่านธุรกิจอันเร่งรีบ คุณจึงสามารถสัมผัสถึงสุนทรียะแห่งการอยู่อาศัยที่เงียบสงบ ใช้ชีวิตเนิบช้าในแบบที่ต้องการในเมืองใหญ่ที่ชีวิตแสนเร่งรีบได้ราวกับร่ายมนต์ คุณสามารถเป็นเจ้าของประสบการณ์การที่อยู่อาศัยที่น้อยคนนักจะมีโอกาสได้สัมผัส

สำหรับการออกแบบ “The Reserve Sathorn” ได้รับการใส่ใจในทุกรายละเอียด  ชูมนต์เสน่ห์แห่งความหรูหราคลาสสิคแบบโมเดิร์น โคโลเนียล เข้ากับโลเคชั่นของสาธร ซึ่งเป็นย่านประวัติศาสตร์ของไทย ออกแบบแลนด์สเคปแบบ Symmetrical Balance ที่เน้นความสมมาตรอันงดงาม ประกอบกับการนำต้นหมาก และต้นพลูมาเป็นส่วนประกอบหลักสอดรับกับชื่อซอย “สวนพลู” และเป็นการสะท้อนบรรยากาศอาคารพักอาศัยแบบคหบดีของไทยในอดีต ยกระดับความเป็นส่วนตัวด้วยการออกแบบห้องชุดเพียง 134 ยูนิต แต่ละชั้นนอกจากจะออกแบบให้มีเพียง 4-8 ห้อง ยังวางผังแบบ Single-Loaded-Corridor

<img style="width: 638px; height: 356px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/9aa23ab0ea11b6a41dbda24c0fddaff3.png" alt="" />
<a href="http://bit.ly/2l5uxgU"><img style="width: 638px; height: 370px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/2e28276c8f44bde3701a41569a6360c6.png" alt="" /></a>

พร้อมกันนี้ยังเพิ่มความพรีเมี่ยมขึ้นอีกขั้นของการใช้ชีวิตด้วยการออกแบบพิเศษกับห้อง “Limited Crystal Unit” ห้องหัวมุมที่นำรูปแบบเรือนกระจกยุคโคโลเนียลมาพัฒนาเป็น “Crystal Balcony” ช่วยเปิดมุมมองที่กว้างอย่างมีสไตล์ โดยทุกยูนิตออกแบบห้องให้กว้างเป็นพิเศษ เพื่อให้ทุกส่วนของการใช้งานสามารถเชื่อมต่อกับวิวภายนอกได้ทั้งหมด พร้อมด้วยกระจก Full-Height Insulated Glass ที่เปิดมุมมองและสร้างบรรยากาศการอยู่อาศัยอย่างมีระดับ พร้อมช่วยกรองเสียงรบกวนและความร้อนจากภายนอกได้อย่างสมบูรณ์แบบ เติมเต็มการใช้ชีวิตแบบหรูหราด้วยการเลือกใช้วัสดุเป็น All-European-Luxury-Brand

ทั้งหมดนี้ คือ บทพิสูจน์แห่งความมุ่งมั่นจากพฤกษาฯ ในการเติบโตสู่ผู้นำในตลาดลักซ์ชัวรี่ ตอบโจทย์คนเมืองผู้อยู่อาศัยที่มองหาที่อยู่อาศัยเป็นรางวัลชีวิตและสะท้อนตัวตน รวมทั้งการลงทุนที่คุ้มค่าในอนาคต เพราะย่านสาทรเป็นทำเลทองที่มีแนวโน้มการเติบโตทุกปี เป็นทำเลที่เนื้อหอมสำหรับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไม่เคยเปลี่ยน

<img style="width: 638px; height: 371px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/9615aefc1093ebb75503524fb02694f2.png" alt="" />

ค้นหาความหมายของที่สุดแห่งสุดยอดคอนโดมิเนียมซุปเปอร์ลักซ์ชัวรี่ได้แล้ว ที่ “The Reserve Sathorn” ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษสูงสุด 700,000 บาท* ตั้งแต่วันที่ 6 กรกฎาคม 2561 ได้ที่ <a href="http://bit.ly/2l5uxgU">http://bit.ly/2l5uxgU</a> หรือโทร 1739

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events