<h2>ช่วงที่ผ่านมา บริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์ของไทยทยอยประกาศผลประกอบการปี 2567 ออกมากันอย่างต่อเนื่อง แต่กลับพบว่าส่วนใหญ่มีรายได้รวมลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 สอดคล้องกับทิศทางการเติบโตของตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2567</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ฝั่งศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ได้รายงานว่า มูลค่ารวมของยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั้งปี 2567 ลดลงจาก ปี 2566 ประมาณ 6.3% จากปัจจัยลบรอบด้านที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย รวมไปถึงปัญหาของการขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่ค่อนข้างลำบาก เพราะสถาบันการเงินเข้มงวดในการอนุมัติวงเงินสินเชื่อ ส่งผลให้การโอนกรรมสิทธิ์ในปี 2567 ลดลง ทั้งในส่วนของจำนวนและมูลค่ารวม ทำให้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่พยายามหาช่องทางในการสร้างรายได้แบบต่อเนื่องตลอดปี 2567 ที่ผ่านมา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ในปี 2567 ผลประกอบการผู้ประกอบการอสังหาฯ ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมีรายได้และกำไรสุทธิตามภาพนี้​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/03/2dboP6YT11Nvq4PLwi2f.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="1" data-file-name="2dboP6YT11Nvq4PLwi2f.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายสุรเชษฐ กองชีพ หัวหน้าฝ่ายวิจัยและที่ปรึกษา คุชแมน แอนด์ เวคฟีลด์ ประเทศไทย กล่าวว่า ผู้ประกอบการอสังหาฯ ส่วนใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์มีรายได้รวมในปี 2567 ลดลงคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 15% เมื่อเทียบกับปี 2566 แต่ก็มีผู้ประกอบการบางรายเช่นกันที่มีรายได้เพิ่มขึ้น หรือลดลงจากปีก่อนหน้านี้ไม่มาก หรือลดลงประมาณ 2 - 3% เท่านั้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตลาดที่อยู่อาศัยยังมีกำลังซื้ออยู่ในตลาดต่อเนื่อง ขึ้นอยู่กับว่าผู้ประกอบการรายใดจะเข้าถึงและสามารถดึงดูดให้ผู้ซื้อจองและโอนกรมสิทธิ์ได้มากกว่ากัน&nbsp;สำหรับผู้ประกอบการที่มีรายได้มากที่สุดในปี 2567 ใน 5 อันดับแรก คือ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- แสนสิริ มีรายได้รวมทั้งปี 2567 ประมาณ 39,204 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากปี 2566 &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- เอพี (ไทยแลนด์) มีรายได้รวมประมาณ 37,460 ล้านบาท ลดลง 2.4% จากปี 2566 &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ศุภาลัย มีรายได้ประมาณ 31,985 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.5% จากปี 2566 &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- แลนด์แอนด์เฮ้าส์ มีรายได้รวม 28,151 ล้านบาท ลดลง 6.7% จากปี 2566 &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- พฤกษาฯ มีรายได้รวม 20,996 ล้านบาท ลดลง 19.7% จากปี 2566&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ใน 5 อันดับแรกนี้ ครองผู้นำตลาดที่อยู่อาศัยมาต่อเนื่องทั้งรายได้และยอดขาย โดยผู้ประกอบการบางรายอาจเคยครองตำแหน่ง อันดับที่ 1 หรือ อันดับ 2 ต่อเนื่องมายาวนาน แต่ด้วยภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป รวมไปถึงโฟกัสของผู้ประกอบการที่เปลี่ยนไปมีผลต่อรายได้รวมเช่นกัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วนของกำไรสุทธิในกลุ่ม 5 อันดับแรก มีเพียง ศุภาลัย เท่านั้นที่มีผลกำไรเป็นบวกเมื่อเทียบกับกำไรสุทธิของปี 2566 ขณะที่ผู้ประกอบการรายอื่นๆ มีกำไรลดลงไม่มากหรือมีนัยสำคัญอะไรต่อผลประกอบการมากนัก โดยเฉพาะ แสนสิริ และเอพี (ไทยแลนด์) ที่ลดลง 13.3% และ17.1% ตามลำดับ เนื่องจากผลกำไรยังมีมูลค่าเกิน 5 พันล้านบาท ซึ่งกำไรที่ลดลงในปีที่ผ่านมาอาจจะชดเชยกลับมาในปี 2568 นี้ก็เป็นไปได้ แม้ว่าสภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้จะยังไม่ฟื้นตัว และมีทิศทางที่ต้องจับตามองอยู่ก็ตาม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม ในปี 2568 ผู้ประกอบการรายใหญ่มีแผนจะเปิดขายโครงการใหม่มากกว่าปี 2567 และยังคงเป็นการขับเคี่ยวกันของ 3 รายหลัก คือ เอพี (ไทยแลนด์) ที่ประกาศแผนการลงทุนมีมูลค่าโครงการวมมากถึง 65,000 ล้านบาท จากจำนวน 42 โครงการ ในขณะที่ แสนสิริ เปิดขายโครงการใหม่จำนวน 29 โครงการ เท่านั้น แต่มีมูลค่าโครงการมากถึง 52,000 ล้านบาท โดยโฟกัสไปที่กลุ่มสินค้าระดับบน-ลักชัวรีมากขึ้น ส่งผลให้มูลค่าเฉลี่ยต่อโครงการสูงกว่าผู้ประกอบการรายอื่นๆ และ ศุภาลัย มีโครงการเปิดขายใหม่จำนวน 36 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 46,000 ล้านบาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้วยแรงกดันในตลาดที่อยู่อาศัยยังคงมีต่อเนื่องในปีนี้ แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะลดลงเหลือ 2% แล้วก็ตาม แต่มาตรการช่วยเหลือหรือมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาฯจากรัฐบาลยังไม่มีความเคลื่อนไหว รวมไปถึงการที่ผู้ประกอบการทุกรายพยายามกดดันให้ธนาคารแห่งประเทศไทยผ่อนปรนเกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อ การผ่อนปรนเกณฑ์ LTV ชั่วคราวเพื่อให้กำลังซื้อส่วนหนึ่งกลับเข้ามาในตลาด แต่ดูเหมือนจะยังไม่ได้รับการตอบรับจากหน่วยงานภาครัฐ หากเป็นแบบนี้เชื่อว่าปี 2568 จะยังเป็นอีกปีที่ตลาดที่อยู่อาศัยต้องเผชิญกับความท้าทายต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ภาพ:&nbsp;คุชแมน แอนด์ เวคฟีลด์ ประเทศไทย เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/kbank-cut-rate-loan-feb-2025" alt="มาแล้ว! KBank ประกาศลดดอกเบี้ยเงินกู้สูงสุด 0.25% ต่อปีหวังลดภาระลูกหนี้ทุกกลุ่ม มีผล 4 มี.ค. 2568"></a><a href="https://forbesthailand.com/news/marketing/central-retail-2024-revenue" alt="‘เซ็นทรัล รีเทล’ ปี 67 รายได้ทะลุ 262,804 ล้าน ปีนี้ลุยต่อ ขยาย GO Wholesale อีก 4 สาขา">‘เซ็นทรัล รีเทล’ ปี 67 รายได้ทะลุ 262,804 ล้าน ปีนี้ลุยต่อ ขยาย GO Wholesale อีก 4 สาขา</a><a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ธุรกิจอสังหาฯ ไทยปี 67 ยังหดตัวตามภาวะเศรษฐกิจ ในกลุ่ม Top 5 มีเพียงศุภาลัยที่กำไรฯ ยังบวก

<h2>พฤกษา โฮลดิ้ง เผยเป้าหมายปี 2568 คาดมีรายได้รวม 23,500 ล้านบาท ฝั่งธุรกิจอสังหาฯ มองว่าจะเติบโต 8% โดยมองว่าการลดดอกเบี้ยของ กนง.ที่ 0.25% ต่อปี แต่แบงก์ลดให้ผู้กู้ราว 0.1% ต่อปี จึงมองว่าการผ่อนปรนมาตรการ LTV ในการกู้ซื้อบ้านหลังที่ 2 ขึ้นไปอาจช่วยได้มากกว่า ขณะที่ 2-3 ปีที่ผ่านมาภาวะตลาดอสังหาฯ ที่เล็กลงจึงหันมาเน้นธุรกิจเฮลท์แคร์เชื่อว่าในระยะยาวจะมีสัดส่วน 50% ของรายได้ โดยปี 68 คาดว่าธุรกิจนี้จะเติบโต 19% ภายในปีหน้าเตรียมขยาย 3 โรงพยาบาลใหม่</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH กล่าวว่า 2-3 ปีมานี้ตลาดอสังหาฯ มีขนาดเล็กลง โดยปี 2567 ภาพรวมตลาดอสังหาฯ เผชิญกับความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจและอัตราการปฏิเสธสินเชื่อของธนาคารที่ยังคงสูงอยู่ แต่มองว่าเป็นการปรับลดลงในระยะหนึ่งหลังจากนั้นจะกลับมาโตขึ้น ซึ่งในปี 2567 พฤกษามีรายได้รวมอยู่ที่ 21,000 ล้านบาท มีกำไรสุทธิที่ 456 ล้านบาท&nbsp; &nbsp; ปี 2568 ตั้งเป้าหมายรายได้รวมไว้ที่ 23,500 ล้านบาท เติบโต 11.9% จากปี 67 โดยแบ่งเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ 18,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8%YoY และเฮลท์แคร์ที่ 2,600 ล้านบาท เติบโต 19%YoY โดยหลังจากนี้ยังมองหาโอกาสในธุรกิจใหม่ๆ รวมถึงในระยะยาวคาดว่ารายได้ส่วนเฮลท์แคร์อาจเพิ่มสัดส่วนขึ้นเป็น 50% จากกระแสการขยายตัวที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ กลยุทธ์หลักของปี 2568 ยังเน้นที่ 1) กลยุทธ์เชิงรับเพื่อรักษาข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน เน้นบริการให้เกิดประสิทธิภาพ มุ่และปรับโครงสร้างสินทรัพย์ให้เหมาะสม 2) กลยุทธ์เชิงรุก เร่งพัฒนาและพร้อมลงทุนร่วมกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ<div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/03/KCzMPbGwBLbdtEJTGGXm.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="KCzMPbGwBLbdtEJTGGXm.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,399" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในด้านธุรกิจอสังหาฯ นายธีระ ทองวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปี 2568 นี้ มองว่าจะไม่แย่ไปกว่าไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมา โดยฝั่งทาวเฮ้าส์อาจหดตัวลง แต่บ้านเดี่ยวและคอนโดฯ ยังเติบโตได้ดี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ดังนั้นปี 2568 นี้จะหันมาเน้นโครงการบ้านเดี่ยวที่จะใกล้เมืองมากขึ้นตามความต้องการของตลาด โดยพฤกษาวางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 22 โครงการ มูลค่ารวม 23,400 ล้านบาท แบ่งเป็น ทาวน์เฮาส์ 8 โครงการ มูลค่า 4,900 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 9 โครงการ มูลค่า 10,400 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 5 โครงการ มูลค่า 8,100 ล้านบาท​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/03/N6vBwUY7kgmRRx7aoyNY.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="N6vBwUY7kgmRRx7aoyNY.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,408" style="" data-index="1"></figure></div> &nbsp; &nbsp; ในปี 2568 จะมีการเปิดตัวแบรนด์ระดับบนหลายโครงการ เช่น The Palm, The Reserve และ Chapter โดยมีสัดส่วนสินค้าในกลุ่มราคามากกว่า 7 ล้านบาท ราว 50% และโครงการที่ใกล้เมืองมากขึ้นและมีขนาดเล็กลง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในยุคปัจจุบัน ตั้งเป้ายอดขายที่ 19,800 ล้านบาท และยอดขายผ่านโครงการ JV อีก 3,200 ล้านบาท รวมถึงยอดโอน 18,700 ล้านบาท และยอดโอนผ่านโครงการ JV อีก 1,600 ล้านบาท ซึ่งในส่วนนี้จะรับรู้เป็นกำไรจากการลงทุนใน JV&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปัจจุบันบริษัทฯ มี Backlog อยู่ในมือราว 3,500 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้ราว 2,000 ล้านบาท โดยยังตั้งเป้าที่จะทำให้การจำจดแบรนด์พฤกษาในการเป็น Well Being Wellness มากขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ผ่านมา คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ต่อปี แต่ธนาคารมีการลดดอกเบี้ยให้ลูกหนี้ราว 0.1% ต่อปี จึงมองว่าไม่ได้ส่งผลต่อลูกหนี้และผู้กู้มากนัก แต่มองว่าหากมีการผ่อนปรนมาตรการ LTV ที่จะช่วยให้ผู้กู้ซื้อบ้านหลังที่ 2 และ 3 ได้ง่ายขึ้น น่าจะมีส่วนช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาฯ ในภาพรวมมากกว่า​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/03/GrDZigVP7SZqCpBEifyn.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="GrDZigVP7SZqCpBEifyn.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,408" style="" data-index="2"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้านธุรกิจเฮลแคร์หรือการดูแลสุขภาพ นายแพทย์สุวาณิช เตรียมชาญชูชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวิมุต กล่าวว่า ปี 2568 ตั้งเป้ารายได้ 2,600 ล้านบาท (จากปี 67 มีรายได้ 2,187 ล้านบาท เติบโต 20% จากปีก่อน มี EBITDA อยู่ที่ 112 ล้านบาท) โดยมีรายได้หลักจากโรงพยาบาลวิมุตที่ พหลโยธิน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ปี 68 ได้วางงบลงทุนไว้ที่ 3,500 ล้านบาท ซึ่งรวมถึงเฟสการลงทุนสร้างโรงพยาบาลเฉพาะทางเพิ่มอีก 3 แห่ง ได้แก่ ทองหล่อ สุขุมวิท ปิ่นเกล้า ซึ่งใน 2 พื้นที่หลังยังต้องติดตามสถานการณ์ตลาดในระยะข้างหน้าว่าตลาดจะมีความต้องการแบบใด จึงจะออกแผนงานว่าจะทำโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านใด แต่ใน 3 ปีข้างหน้าคาดว่าจะมีจำนวนเตียงรวม 600-700 เตียง จากปัจจุบันที่มี Capacity อยู่ราว 400 เตียง ภาพ:&nbsp; PSH เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/property/frasers-property-develop-a-new-distribution-center-for-watsons-thailand" alt="'เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้' เตรียมสร้างศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ให้ 'วัตสัน ประเทศไทย' คาดแล้วเสร็จ เม.ย. ปี 69">'เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้' เตรียมสร้างศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ให้ 'วัตสัน ประเทศไทย' คาดแล้วเสร็จ เม.ย. ปี 69</a><a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

พฤกษา มอง ‘ลดดอกเบี้ย’ ส่งถึงผู้กู้แค่ 0.1% หวังรัฐผ่อนปรน LTV คาดปี 68 รายได้แตะ 23,500 ล้าน

<h2>พฤกษาโฮลดิ้ง เผย ปี 2567 เล็งต่อยอดธุรกิจ เพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำ ตั้งเป้ารายได้รวม 28,000 ล้านบาท วางแผนเปิด 30 โครงการ มูลค่า 29,000 ล้านบาท คาดเพิ่มรายได้ธุรกิจพรีคาสท์เติบโต 50% ชูกลยุทธ์ Ready To Thrive สร้างความเติบโตอย่างยั่งยืน</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เผย ผลการดำเนินงานปี 2566 ว่า พฤกษา โฮลดิ้ง มีรายได้ 26,132 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,205 ล้านบาท โดยกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีการพัฒนาแบรนด์สินค้าใหม่ “บ้านกรีนเฮ้าส์” ในการนำเทคโนโลยีและออกแบบการก่อสร้างแบบใหม่มาใช้ ให้ลูกค้าสามารถผ่อนกับธนาคารได้ เพื่อให้สอดคล้องกับดีมานด์ในสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับทิศทางในปีนี้ มุ่งเพิ่มสัดส่วนในสินค้าในกลุ่มเซกเมนต์กลาง-บน ให้สูงขึ้นมากกว่า 50% จากเดิมในปี 2562 ที่มีสัดส่วนสินค้ากลุ่มราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ราว 70% ก็จะปรับลดให้เหลือราว 40% ในปีนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันมากขึ้น​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/02/TcD4fnzA48mYaWJu5pSL.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="TcD4fnzA48mYaWJu5pSL.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ช่วงปีที่ผ่านมาทางกลุ่มก็ได้มีการปรับโครงสร้าง และโมเดลธุรกิจหลายอย่าง ได้นำบริการด้านสุขภาพจากเครือวิมุต ผนวกกับเทคโนโลยีระบบ Smart Home จากแอปพลิเคชัน MyHuas นำเข้ามาปรับใช้ในการออกแบบโครงการ เพื่อเสริมความแข่งแกร่งของธุรกิจหลัก &nbsp;ด้วยการแยกกลุ่มธุรกิจ ออกมาอีก &nbsp;4 แกน ได้แก่ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1. ธุรกิจเฮลท์แคร์ ครอบคลุมบริการทางสุขภาพตั้งแต่โรงพยาบาลวิมุต และโรงพยาบาลเทพธารินทร์ มีการสร้างความร่วมมือ และการลงทุนใหม่ ๆ เช่น การลงทุน เข้าถือหุ้น 25% ในบริษัท เค.พี.เอ็น ซีเนียร์ ฮอสปิตัล กรุ๊ป เตรียมขยายการบริการเนอร์สซิ่งโฮม ตั้งเป้าขยาย 600 เตียงภายใน 3 ปี&nbsp;ซึ่งทางกลุ่มยังมีแผนลงทุน 3,500 ล้านบาท ขยายโรงพยาบาลเฉพาะทางที่สุขุมวิท ขยายเตียงที่โรงพยาบาลวิมุตเป็น 150 เตียง พร้อมเติบโตสู่เป้า 2,300 ล้านบาทในปี 2567&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2. ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ภายใต้การดำเนินงานของ &nbsp;บริษัท ซินเนอร์จี โกรท จำกัด ในเครือพฤกษา ตั้งเป้าโต 5x ในปี 2567 และหวังสร้างรายได้กว่า 1,000 ล้านบาทใน 3 ปี จะนำเสนอสินค้าและบริการเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ โดยได้พัฒนาแพลตฟอร์มเทคโนโลยีแอปพลิเคชัน MyHaus เพื่อเป็นศูนย์กลางที่จะดูแลทั้งเรื่องความปลอดภัยภายในบ้าน เป็นต้น ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/02/rP4kvEkydd3U5jFPGKSY.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="rP4kvEkydd3U5jFPGKSY.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3. กลุ่มหน่วยธุรกิจใหม่ ที่แยกออกมาเพื่อรองรับการเติบโต เช่น ธุรกิจพรีคาสท์ จากความประสบความสำเร็จจากการแลกหุ้น ร่วมกับ บริษัท เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GEL เพื่อเข้าลงทุนในหุ้นสามัญของ “อินโน พรีคาสท์” เพิ่มโอกาสในการจำหน่ายแผ่นพรีคาสท์คาร์บอนต่ำ ทำยอดคำสั่งซื้อและติดตั้ง (Backlog) ทั้งจากพฤกษาและลูกค้ารายอื่น ๆ สูงขึ้นทะลุเป้าหมายอยู่ที่ 4,500 ล้านบาท สู่ผู้นำที่ใหญ่ที่สุดในไทย&nbsp;ตั้งเป้ารายได้โต 50% สู่ 3,500 ล้านบาท ในปี 2567&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;และกลุ่มยังมีการแยกหน่วยงาน ธุรกิจรับก่อสร้าง สำหรับอาคารที่พักอาศัย ออกมาเป็นบริษัทใหม่ “อินโน โฮม คอนสตรัคชั่น” ซึ่งเป็นการปรับองค์กรครั้งใหญ่เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพในการทำงานที่ดีขึ้น ตั้งเป้าปี 2567 จะสร้างรายได้ 5,600 ล้านบาท จากพฤกษาและลูกค้ารายอื่นนอกจากกลุ่ม มุ่งสู่ความเป็นบริษัทรับก่อสร้างบ้านแนวราบที่ใหญ่ที่สุดในไทย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;4. การลงทุนเพื่อรองรับการขยายห่วงโซ่ธุรกิจ ขยายการลงทุนใน อสังหาริมทรัพย์ประเภทโลจิสติกส์และอสังหาริมทรัพย์ที่มุ่งเน้นด้านการดูแลสุขภาพจากประกาศความร่วมมือกับ 2 องค์กรชั้นนำจากสิงคโปร์และไต้หวัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จัดตั้งกองทุน “CapitaLand SEA Logistics Fund” มูลค่าทรัพย์สินเป้าหมาย 25,000 ล้านบาท และการลงทุนในกองทุน CapitalLand Wellness Fund ( C-Well) มูลค่าทรัพย์สินเป้าหมาย 72,500 ล้านบาท เพื่อเพิ่มโอกาสในการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่มุ่งเน้นด้านการดูแลสุขภาพ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้วยการรีโมเดลธุรกิจ และโครงสร้างองค์กรในปีที่ผ่านมา ทำให้ในปี 2567 นี้ พฤกษา โฮลดิ้งพร้อมด้วยกลุ่มบริษัทในเครือทั้งหมด มีความพร้อมทั้งด้านการปฏิบัติการและความพร้อมทางการเงิน ที่จะเดินหน้าสู่ทิศทางแห่งการเติบโตอย่างก้าวไกลไปอีกขั้น ตามกลยุทธ์ Ready To Thrive จึงตั้งเป้ารายได้ปี 2567 ทั้งกลุ่มรวม 28,000 ล้านบาท พร้อมเปิดโครงการใหม่มูลค่าราว 29,000 ล้านบาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่สถานะทางการเงินของพฤกษายังคงแข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนเงินกู้ยืมต่อหุ้นทุนสุทธิ (Net Gearing Ratio) อยู่ในระดับต่ำที่ 0.27 เท่า และจากผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา ทางคณะกรรมการบริษัทฯ ก็ได้อนุมัติจะนำเสนอผู้ถือหุ้นที่จะจ่ายเงินปันผลเท่ากับ 65 สตางค์ รวมเงินปันระหว่างกาลแล้วจ่ายทั้งสิ้นเท่ากับ 96 สตางค์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) ที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 1 มี.ค. โดยจะนำเสนอขออนุมัติต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 26 เมษายน 2567 มีอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนเท่ากับ 7.5% และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 24 พ.ค.นี้ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้าน ปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปี 2566 พฤกษาทำรายได้จากอสังหาริมทรัพย์ราว 22,357 ล้านบาท มียอดขาย 18,540 ล้านบาท เปิดโครงการใหม่รวม 13 โครงการ มูลค่า 14,200 ล้านบาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วนในปี 2567 ตั้งเป้ายอดขายที่ 27,000 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดโอนที่ &nbsp;25,500 ล้านบาท วางแผนเปิดโครงการใหม่ 30 โครงการ แบ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยว 10 โครงการ ทาวน์เฮาส์ 17 โครงการ และ คอนโดมิเนียม 3 โครงการ &nbsp;รวมมูลค่าทั้งหมดราว 29,000 ล้านบาท​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/02/hcRaMy7B9puqnaeAFP6Z.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="hcRaMy7B9puqnaeAFP6Z.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่ นายแพทย์พิชิต กังวลกิจ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) และรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลวิมุต จำกัด &nbsp; เผยผลการดำเนินงานปี 2566 ว่า กลุ่มวิมุตมีการเติบโตขึ้นในทุกมิติ มีรายได้รวม 1,820 ล้านบาท เติบโต 50% จากปีก่อน มีจำนวนผู้ป่วย Non-COVID ที่มาใช้บริการที่โรงพยาบาลวิมุตเพิ่มขึ้น 49% &nbsp;ในปีที่ผ่านมา โรงพยาบาลวิมุตประสบความสำเร็จในการเปิดศูนย์ส่องกล้องและหน่วยเฉพาะทางการเคลื่อนไหวระบบทางเดินอาหาร (ENDOSCOPY &amp; GI MOTILITY UNIT) &nbsp;ผลักดันการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคยากและซับซ้อนที่ตรงจุดและมีประสิทธิภาพ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เราได้เปิดตัวโปรแกรมการทำเลสิก (LASIK) และ โปรแกรมตรวจสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้เฉพาะบุคคล (Gut Microbiome Test) ร่วมกับแอมิลิ (AMILI) บริษัทเฮลท์เทคชั้นนำจากสิงคโปร์ &nbsp; เป็นต้น สำหรับปี 2567 กลุ่มวิมุตตั้งเป้ารายได้ที่ 2,300 ล้านบาท มีแผนการรีแบรนด์โรงพยาบาลเทพธารินทร์ ให้เป็น “โรงพยาบาลวิมุต เทพธารินทร์” พร้อมเปิดตัวในช่วงเดือนเมษายนนี้​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/02/NzxhEEJYZ93zTTRA1W5J.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="NzxhEEJYZ93zTTRA1W5J.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="3"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมทิ้งท้ายด้วยว่า "พฤกษายังคงมุ่งมั่นสู่การสร้างความยั่งยืน โดยให้ความสำคัญต่อการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งในปี 2566 กลุ่มได้ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ลงได้ 10,000 ตัน และยังคงเดินตามแผนที่ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 30% ภายในปี 2573 และเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ในปี 2593" ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/02/mwQ6qS3zymnL6D3WUogp.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="mwQ6qS3zymnL6D3WUogp.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="4"></figure></div> ​เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/property/nusasiri-parc-exo-care" alt="ณุศาศิริ จับมือ BHS พลิกโฉม PARC EXO เป็นคอนโดเพื่อ ‘สูงวัย’">ณุศาศิริ จับมือ BHS พลิกโฉม PARC EXO เป็นคอนโดเพื่อ ‘สูงวัย’</a>

พฤกษากางแผนปี 67 ตั้งเป้ารายได้ 2.8 หมื่นล้านบาท เล็งเปิด 30 โครงการ มูลค่า 2.9 หมื่นล้านบาท

ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ทุนชีวิต-ธุรกิจ “ยิ่งให้ก็ยิ่งได้”

<h2>ตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ และปริมณฑลยังคงคึกคัก ผู้เล่นรายใหญ่ต่างหวังชิงส่วนแบ่งที่ใหญ่ขึ้น รวมถึง “พฤกษา” ที่พร้อมปล่อยโครงการอย่างต่อเนื่องในปีนี้ทั้งในตลาดระดับกว้างและระดับบน หวังหนุนยอดขายและรายได้ให้เป็นไปตามเป้า รักษาบัลลังก์เจ้าตลาดอสังหาฯ เมืองไทย</h2>
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1/2560 ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่กลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เผยว่า พฤกษา เรียลเอสเตท มี ยอดขายไตรมาส 1/2560 อยู่ที่ 13,303 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.6% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2559 และเพิ่มขึ้น 36.4% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2559 มีสาเหตุจากการเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ 2 โครงการ คือ เดอะทรี สุขุมวิท 71 และ เดอะรีเซิร์ฟ ทองหล่อ รายได้ไตรมาส 1/2560 อยู่ที่ 8,072 ล้านบาท ลดลง 21.5% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2559 และลดลง 42.1% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2559 สาเหตุที่รายได้ลดลงเป็นผลจากคอนโดฯ ในไตรมาส 1/2560 ยังไม่คิดเป็นรายได้ ขณะที่ กำไรไตรมาส 1/2560 อยู่ที่ 681 ล้านบาท ลดลง 45.1% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2559 และลดลง 65.2% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2559

ทองมา กล่าวด้วยว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ไตรมาส 1/2560 เติบโต 13.6% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2559 และเติบโต 0.8% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2559 จึงยังเป็นโอกาสของ พฤกษา เรียลเอสเตท ในการสร้างยอดขายและรายได้ให้เป็นไปตามแผนธุรกิจที่ตั้งเป้าหมายไว้ในปีนี้คือยอดขายที่ 52,900 ล้านบาท และรายได้ที่ 50,200 ล้านบาท

ไตรมาส 2 ของปีนี้ก็จะยังคงเป็นไปตามแผน และตัวเลขจะดีขึ้นในไตรมาสที่ 2-4 ตอนนี้ตลาดอสังหาฯ ยังโตได้เอง จึงยังไม่ได้ต้องการให้ภาครัฐมาช่วยกระตุ้น” ทองมา กล่าว

<img style="width: 680px; height: 450px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/7097c128eeccbd55b0a5469e3c80f949.png" alt="" />

ปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท กล่าวว่า ไตรมาส 1/2560 กลุ่มธุรกิจแวลูเปิดโครงการใหม่ไปแล้ว 11 โครงการ มี backlog (ยอดขายรอรับรู้รายได้) ที่ 23,611 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.8% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2559 ในไตรมาส 2-4 เตรียมเปิดโครงการใหม่เพิ่ม 23 โครงการ 19 โครงการ และ 13 โครงการตามลำดับ รวมทั้งสิ้น 66 โครงการ มูลค่ารวม 59,300 ล้านบาท ขณะที่ปี 2559 กลุ่มธุรกิจแวลูมีทั้งหมด 69 โครงการ มูลค่ารวม 59,700 ล้านบาท

ผู้บริการกลุ่มธุรกิจแวลู เผยเพิ่มเติมว่า แม้ตลาดอสังหาฯ กรุงเทพฯ และปริมณฑล ยังเติบโตได้ดี แต่ก็มีปัจจัยเสี่ยงได้แก่กำลังซื้อและหนี้ครัวเรือน ซึ่ง พฤกษา เรียลเอสเตท แก้ปัญหาด้วยการให้ลูกค้ายื่นพรีแอพพรูฟสินเชื่อ เป็นต้น ซึ่งช่วยลดปัญหาที่ลูกค้าถูกปฏิเสธสินเชื่อได้

ด้าน ประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท-พรีเมียม กล่าวว่า ตลาดอสังหาฯ ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ไตรมาส 1/2560 ซึ่งโตเกือบ 14% มีแรงหนุนจากการโตของตลาดพรีเมียมถึง 38% ซึ่ง พฤกษา เรียลเอสเตท ประสบความสำเร็จในการรุกธุรกิจกลุ่มพรีเมียมจากโครงการ เดอะรีเซิร์ฟ ทองหล่อ ที่ปิดการขายได้แล้วทั้งโครงการ มูลค่า 1,830 ล้านบาท และเตรียมเปิดคอนโดฯ โครงการใหม่ในย่านเอกมัยภายในปีนี้ โดยเป็น 1 ใน 6 โครงการของธุรกิจพรีเมียม มูลค่ารวมทั้งหมด 9,900 ล้านบาท

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events