<h2>บริษัท Megaworld ของมหาเศรษฐี Andrew Tan กำลังทุ่มทุนพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศบนเกาะอันเงียบสงบของฟิลิปปินส์ที่กำลังไต่อันดับกลับสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่พลาดไม่ได้ของประเทศ</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สวรรค์เขตร้อนที่มองไปเห็นน้ำทะเลสีฟ้าใสราวอัญมณี ตีคู่ไปกับหาดทรายขาวบริสุทธิ์ มีต้นไม้เขียวชะอุ่มอุดมสมบูรณ์เลียบข้าง ถือเป็นจุดขายสำคัญของ Palawan เกาะขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดากลุ่มเกาะเล็กเกาะน้อย 1,780 แห่งทางตะวันตกของฟิลิปปินส์ที่รายล้อมอยู่ภายใต้ชื่อเดียวกัน ยักษ์ใหญ่ด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของฟิลิปปินส์อย่าง Megaworld โฆษณาจุดขายนี้ไว้บน Facebook ระหว่างกำลังเดินหน้าโครงการซึ่งซับซ้อนที่สุดเท่าที่เคยทำมา คือการสร้างรีสอร์ทและอาคารพักอาศัย ซึ่งจะกลายเป็นโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดบนเกาะนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บนพื้นที่กว่า 2,887 ไร่ใน San Vicente เมืองเล็กในมุมเงียบสงัดที่ไร้รบกวนจากภายนอกริมชายฝั่งทางเหนือของเกาะ Palawan ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพ อุดมไปด้วยผาหินปูน ผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ และยังเป็นที่ตั้งของหาดทรายสีขาวที่ยาวที่สุดในฟิลิปปินส์ ทาง Megaworld มีแผนระยะ 15 ปีที่จะสร้างเมืองขนาดย่อมๆ ขึ้นกลางดงมะพร้าวให้กลายเป็นโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เชิงนิเวศแห่งใหม่ที่จะมาเสริมทัพอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ในพอร์ตของทางบริษัท ซึ่งเดิมมีทั้งสถานที่พักผ่อน สำนักงาน ศูนย์การค้า และอาคารพักอาศัย โดยเมื่อแล้วเสร็จเมืองริมทะเลอย่าง Paragua Coastown แห่งนี้จะประกอบไปด้วยโรงแรมสูง 10 ชั้น คอนโดมิเนียม วิลล่า โรงเรียน และศูนย์เพื่อการดูแลสุขภาพ<div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/09/121G9AgTYrTWpBJzzQdb.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="121G9AgTYrTWpBJzzQdb.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Megaworld ที่บริหารงานโดยกลุ่มบริษัท Alliance Global Group ของมหาเศรษฐีอย่าง Andrew Tan ซึ่งทำธุรกิจตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ กำลังทุ่มทุนมากกว่า 4 หมื่นล้านเปโซฟิลิปปินส์ (720 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) ไปกับการก่อสร้างอสังหาฯ บนเกาะ Palawan ซึ่งเงินจำนวนนี้คิดเป็นถึง 1 ใน 10 ของงบประมาณโครงการก่อสร้างตามเมืองอื่นทั่วฟิลิปปินส์ตลอดช่วง 5 ปีข้างหน้า โดยทางบริษัทวางเดิมพันกับการเข้าไปบุกเบิกธุรกิจตั้งแต่เนิ่นๆ ระหว่างที่เกาะสวรรค์แห่งนี้กำลังไต่อันดับกลับขึ้นสู่การเป็นจุดหมายปลายทางอันดับ 1 ของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนฟิลิปปินส์ให้ได้อีกครั้ง ซึ่งตามข้อมูลของรัฐบาลในช่วงหลังการระบาดของโควิด-19 ในปี 2023 นักท่องเที่ยวราว 1.5 ล้านคนเดินทางมายังเกาะนี้ เพิ่มจากปีก่อนหน้าเกือบเท่าตัว และในจำนวนนี้เป็นชาวต่างชาติมากถึงประมาณ 650,000 แสนคน (Boracay เกาะที่ขึ้นชื่อที่สุดของฟิลิปปินส์รับนักท่องเที่ยวมากกว่า 2 ล้านคนเมื่อปีที่แล้ว)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เราตั้งใจจะนำเสนอแนวทางการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและการใช้ชีวิตอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมผ่านการพัฒนาพื้นที่นี้ให้เป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงนิเวศ” Kevin Tan ลูกชายคนโตของ Andrew ซึ่งนั่งเก้าอี้รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารของ Megaworld และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายยุทธศาสตร์ของบริษัทให้ข้อมูลผ่านทางอีเมล&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“นอกเหนือจากการทำการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน เรายังตั้งใจให้ Paragua Coastown เป็นพื้นที่ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจได้มาใช้เวลาบนเกาะอันเต็มไปด้วยทัศนียภาพอันสวยงามหรูหราแต่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย” Tan กล่าว ซึ่งเพื่อให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ Megaworld จะนำแผงโซลาร์เซลล์และแหล่งพลังงานหมุนเวียนมาผสานไว้ในการออกแบบอาคาร และจะมีโรงงานเปลี่ยนของเสียเป็นพลังงานเพื่อผลิตไฟฟ้าหล่อเลี้ยงเมือง โดยเป็นส่วนหนึ่งของระบบการจัดการขยะและศูนย์บำบัดน้ำเสียรูปแบบใหม่ด้วย<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/09/URuw4eC2NWm84vG51tYp.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="URuw4eC2NWm84vG51tYp.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ประมาณ 40% ของพื้นที่ใน Paragua Coastown จัดสรรไว้เป็นพื้นที่เปิดโล่ง (แม้จะปรับแต่งภูมิทัศน์แล้วก็ตาม) ส่วนป่าโกงกางอนุรักษ์ตามพื้นที่รอบนอกจะไม่มีการเข้าไปแตะต้องแต่อย่างใด ซึ่ง Megaworld ยังมีแผนจะปลูกต้นไม้หลายพันต้นทั่วพื้นที่กว่า 625 ไร่ที่ถูกตัดไม้ไปขายก่อนหน้านี้ในช่วงที่การตัดไม้ยังเป็นช่องทางทำรายได้หลักของคนในท้องถิ่น และจะสร้างถนนขึ้นใหม่รอบเมืองรวมถึงทดแทนถนนลูกรังเดิมซึ่งชาวบ้านกว่า 30,000 คนใช้การมาเป็นเวลานานด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Megaworld เริ่มทำการตลาดอาคารพักอาศัยที่ Paragua Coastown แล้ว ซึ่งจะมีห้องพักตั้งแต่ห้องสตูดิโอขนาด 32 ตารางเมตร ไปจนถึงห้องสวีทแบบ 2 ห้องนอนขนาด 106 ตารางเมตร โดยตั้งเป้าจะทำยอดขายได้ 2.3 พันล้านเปโซ ซึ่งเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมาทาง Megaworld ยังประกาศทุ่มทุนเพิ่มอีก 7 พันล้านเปโซเพื่อสร้างคอมเพลกซ์แห่งใหม่บนที่ดิน 37.5 ไร่ติดริมชายทะเลใน Puerto Princesa โดยภายในจะรวมไว้ทั้งโรงแรม พื้นที่เพื่อการพาณิชย์ และพื้นที่พักอาศัย ภายใต้ชื่อ Baytown Palawan โดยตั้งเป้าว่าจะแล้วเสร็จใน 5 ปี “Palawan เป็นสถานที่ยอดนิยมทั้งในหมู่ชาวฟิลิปปินส์และนักท่องเที่ยวต่างชาติเสมอมา” Tan กล่าว<div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/09/qdCG1ZGnT4xzwYh9seL5.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="qdCG1ZGnT4xzwYh9seL5.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="2"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แต่ Palawan ไม่ใช่ไพ่ใบเดียวของธุรกิจครอบครัวนี้ พวกเขายังสร้างรีสอร์ท ห้างสรรพสินค้า และศูนย์การประชุมไปทั่วประเทศ รวมถึงตามแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอย่าง Boracay, Cebu และ Davao ซึ่งในปี 2023 ธุรกิจโรงแรมของ Megaworld ทำรายได้มากกว่า 5% จากรายได้ของทั้งบริษัทคือ 6.97 หมื่นล้านเปโซ และคาดว่าในปี 2028 สัดส่วนธุรกิจโรงแรมจะเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 10% Andrew Tan เริ่มเปิด Megaworld ในช่วงปลายทศวรรษที่ 1980 โดยบุกเบิกแนวทางการสร้างเมืองเล็กในเมืองใหญ่ที่ฟิลิปปินส์ ซึ่งปัจจุบันมีถึง 24 แห่งทั่วประเทศ (และอยู่ระหว่างการก่อสร้างอีก 7 แห่ง) โดยเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรธุรกิจใต้ร่มเงาของ Alliance Global ที่ถือหุ้น Emperador เจ้าของผลิตภัณฑ์สุรา Dalmore และ Fundador รวมทั้งยังถือหุ้นเจ้าของเฟรนไชส์ McDonalds ในฟิลิปปินส์ โดย Tan มีทรัพย์สินสุทธิ 2.4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ มากเป็นอันดับที่ 11 ในทำเนียบ 50 อันดับผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในฟิลิปปินส์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“การขยายเมืองของเราไปทั่วฟิลิปปินส์จะช่วยให้เราเติบโตได้อย่างยั่งยืน และยังสร้างความหลากหลายในสินค้าอสังหาฯของเราในเวทีธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ด้วย” Kevin ลูกชายที่ดำรงตำแหน่งรองประธานและซีอีโอของ Alliance Global กล่าว “โครงการพัฒนาเหล่านี้ทำให้เราสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในภาคเศรษฐกิจได้อย่างทั่วถึง” เรื่อง: JONATHAN BURGOS เรียบเรียง: วินิจฐา จิตร์กรี ​เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/world/europe/vinted-startup-lithuania-july-2024" alt="Vinted สตาร์ทอัพธุรกิจ ‘เสื้อผ้ามือสอง’ ที่มียอดขายกว่า 600 ล้านเหรียญต่อปี"></a><a href="https://www.forbesthailand.com/world/america/ivan-zhao-notion-versatile-application" alt="Ivan Zhao ชนะใจนักลงทุนด้วย Notion แอป AI สารพัดประโยชน์">Ivan Zhao ชนะใจนักลงทุนด้วย Notion แอป AI สารพัดประโยชน์</a>​<a href="https://www.ookbee.com/shop/magazine/FORBES/833398be-f87c-4d1f-bc2b-1f516f075a7c/july-2024" alt="คลิกอ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนกรกฎาคม 2567 ในรูปแบบ e-magazine">คลิกอ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนกรกฎาคม 2567 ในรูปแบบ e-magazine</a><div class="se-component se-image-container __se__float-none" contenteditable="false"><figure><a href="https://www.ookbee.com/shop/magazine/FORBES/833398be-f87c-4d1f-bc2b-1f516f075a7c/july-2024" alt="https://www.ookbee.com/shop/magazine/FORBES/833398be-f87c-4d1f-bc2b-1f516f075a7c/july-2024" data-image-link="image"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/08/hjAQMj24TZJDrWShQGfV.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="hjAQMj24TZJDrWShQGfV.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="300px,auto" data-rotate="" origin-size="320,420" data-image-link="https://www.ookbee.com/shop/magazine/FORBES/833398be-f87c-4d1f-bc2b-1f516f075a7c/july-2024" style="width: 300px; height: auto;" data-index="3"></a></figure></div>

โอกาสทองของ Megaworld พลิกที่ดินบนเกาะสร้าง ‘เมืองท่องเที่ยว’ ในฟิลิปปินส์

<h2>Edgar Sia II เจ้าสัวด้านอสังหาริมทรัพย์และฟาสต์ฟู้ดจากฟิลิปปินส์มีความทะเยอทะยานแสนยิ่งใหญ่ หลังจากปั้นร้านไก่ย่างบาร์บีคิวให้กลายเป็นเชนร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศได้แล้ว ประธานกรรมการและซีอีโอ DoubleDragon Corp. วางเป้าหมายต่อไปไว้คือ สร้างอาณาจักรโรงแรมระดับโลกในอีก 15 ปีข้างหน้า</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ต่างจากยักษ์ใหญ่ด้านโรงแรมระดับโลกอย่าง Marriott International และ Hilton Worldwide ที่เน้นบริหารโรงแรมด้วยการบริการเต็มรูปแบบ แต่ Sia วางแผนที่จะเจาะตลาดโรงแรมที่มีการแข่งขันสูงนี้ด้วยเชนโรงแรมระดับ 3 ดาว เน้นให้การบริการเพียงสิ่งที่จำเป็น โดยเลือกเจาะกลุ่มนักเดินทางที่มีงบประมาณจำกัด และที่แน่ๆ นี่มันเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่เพราะเขาไม่ใช่คนแรกที่มุ่งเจาะตลาดระดับล่าง ปัจจุบันมีเชนโรงแรมราคาประหยัดครอบคลุมอยู่ในพื้นที่ต่างๆ ในวงกว้าง ไม่ว่าจะเป็น Holiday Inn ของกลุ่ม IHG หรือ Ibis ของกลุ่ม Accor&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;DoubleDragon บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดกลางในฟิลิปปินส์&nbsp;ตั้งเป้าขยายธุรกิจโรงแรมน้องใหม่ภายใต้แบรนด์ “Hotel 101” จากจำนวนกว่า 1,000 ห้องใน 2 ทำเลของ Manila ให้เพิ่มเป็นกว่า 500,000 ห้องใน 100 จุดหมายปลายทางทั่วโลก โดย Sia ได้ใช้เงินลงทุนพัฒนาโครงการใน 3 ประเทศแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น สเปน และสหรัฐฯ ขณะเดียวกันเขาก็มองหาพันธมิตรที่มีศักยภาพ อาทิ นักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ที่พร้อมจะทำสัญญาบริหารจัดการโรงแรม หรือสัญญาซื้อแฟรนไชส์ Hotel101 ทั่วทั้งเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ ทั้งนี้ Sia หวังที่ใช้เงินทุนจากการกู้และจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq ในปีนี้ขยายกิจการไปในระดับโลกอย่างสนุกมือ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“Hotel101 จะเป็นเชนโรงแรมแห่งแรกในโลกที่มีห้องพักประเภทเดียว เหมือนสายการบินราคาประหยัดสายหนึ่งที่มีที่นั่งประเภทเดียวเหมือนกันหมดทุกลำ” Sia วัย 47 ปี ให้สัมภาษณ์เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา โดยเฉลี่ยห้องพักขนาด 21 ตารางเมตรจะมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 100 เหรียญสหรัฐฯ ต่อคืน (ขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้ง) จะมีเตียงขนาดควีนไซซ์และเตียงเดี่ยวอีก 1 เตียง มีมุมครัวเล็กๆ อ่างล้างจาน ไมโครเวฟ และตู้เย็นขนาดเล็ก ซึ่งบ่อยครั้งมักจะไม่พบในโรงแรมราคาประหยัด<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/06/y4zoWzqHzutXiPMuoEeC.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="y4zoWzqHzutXiPMuoEeC.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="720,540"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บริษัท Hotel101 Global จดทะเบียนในสิงคโปร์ ถือเป็นบริษัทที่มีเจ้าของเป็นชาวฟิลิปปินส์แห่งแรกที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น Nasdaq ใน New York ปีนี้ Sia หวังว่า Hotel101 ซึ่งได้รับอานิสงส์จากการขยายตัวของธุรกิจท่องเที่ยวหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 จะเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตของ DoubleDragon ที่มีตัวเขาและครอบครัวเศรษฐีพันล้าน Tony Tan Caktiong ผู้ก่อตั้ง Jollibee Foods ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดยักษ์ใหญ่ของฟิลิปปินส์ถือหุ้นคนละประมาณ 1 ใน 3 (Sia และ Tan เกิดปีมะโรง เป็นที่มาของชื่อบริษัท DoubleDragon) ตั้งแต่ DoubleDragon เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฟิลิปปินส์ เดือนเมษายน ปี 2014 บริษัทได้กลายเป็นผู้ให้เช่าพื้นที่สำนักงานศูนย์การค้า และพื้นที่เชิงอุตสาหกรรม ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของฟิลิปปินส์ โดยมีพื้นที่ให้เช่ารวมกว่า 13 ล้านตารางเมตร ทั้งบริษัทยังตั้งเป้าหมายขยายขนาดของพอร์ตสินทรัพย์จากมูลค่า 1.64 แสนล้านเปโซ (ณ เดือนกันยายน ปี 2023) ไปเป็น 2.5 แสนล้านเปโซ (4.5 พันล้านเหรียญ) (ไม่รวมอสังหาฯ จากต่างประเทศ) ภายในปี 2030&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หลังจากผลการดำเนินงานของบริษัทลดฮวบปี 2020 ในช่วงวิกฤตโรคระบาดอยู่ในจุดสูงสุด ในปี 2022 กำไรสุทธิของบริษัทก็สามารถฟื้นตัวกลับมาด้วยตัวเลขมากเป็นประวัติการณ์ที่ 1.29 หมื่นล้านเปโซ เนื่องจากรายได้จากค่าเช่าและยอดขายบ้านที่ปรับตัวดีขึ้น ขณะที่ช่วง 9 เดือนแรกของปี 2023 ยอดขายที่อยู่อาศัยกลับลดลง ทำให้กำไรสุทธิไม่เติบโตอยู่ที่ 2.5 พันล้านเปโซเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งโดยปกติไตรมาสที่ 4 จะเป็นช่วงเวลาที่บริษัทมีกำไรสุทธิสูงสุดบริษัทกล่าว ภายใต้พอร์ตธุรกิจของบริษัท&nbsp;&nbsp; &nbsp; &nbsp;บริษัทดำเนินกิจการโรงแรมอยู่ 5 แห่งในฟิลิปปินส์ มีห้องพักราว 1,500 ห้อง ซึ่งรวมไปด้วยโรงแรมภายใต้แบรนด์ JinJiang Inn ของจีน และ Hotel101 2 แห่งแรก โดยแห่งแรกคือ DoubleDragon Meridian Park ซึ่งเปิดให้บริการในปี 2016 และอีกแห่งตั้งอยู่ที่ Bonifacio Global City นอกศูนย์กลางธุรกิจ Makati ใน Manila ในปีนี้บริษัทจะเพิ่มจำนวนเซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์อีก 300 ห้องที่ Ascott DoubleDragon Meridian Park โดยมี DoubleDragon เป็นผู้ก่อสร้าง และ Ascott บริษัทด้านเซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์ในเครือ CapitaLand จากสิงคโปร์เป็นผู้บริหาร&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การเดินทางสู่การเป็นผู้ประกอบการของ Sia นั้นเริ่มขึ้นในปี 1996 ตอนอายุ 19 ปี เขาลาออกจากโรงเรียนสถาปนิกเพื่อเป็นแกนนำให้กับกลุ่มเพื่อนร่วมชั้นในการสร้างโรงแรมแห่งหนึ่งเพื่อรองรับนักเดินทางเชิงธุรกิจขึ้นที่เกาะ Iloilo ในตอนกลางของฟิลิปปินส์ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขา และในปี 2003 เขาก่อตั้ง Mang Inasal ร้านไก่ย่างบาร์บีคิวในห้างสรรพสินค้าใน Iloilo โดยในปี 2010 เขาขายหุ้นล็อตแรกให้กับกลุ่ม Jollibee ในสัดส่วน 70% มูลค่า 3 พันล้านเปโซ และในอีก 6 ปีต่อมาก็ขายส่วนที่เหลือในราคา 2 พันล้านเปโซ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ตลอด 2 ทศวรรษที่ผ่านมาร้านไก่ย่างบาร์บีคิว Mang Inasal ได้ขยายไปมากกว่า 570 สาขาทั่วประเทศ และเป็นเชนร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ (วัดจากจำนวนร้าน) รองจาก Jollibee และ McDonald’s ระหว่างการเดินทางของบริษัท Sia และ Tan ในฐานะประธานกรรมการร่วมของ DoubleDragon ยังได้ร่วมลงทุนในกิจการอื่นๆ เช่น โลจิสติกส์และบริการซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านออนไลน์ ในเดือนสิงหาคม ปี 2023 Sia ติดทำเนียบบุคคลที่มั่งคั่งของฟิลิปปินส์ในลำดับที่ 39 ด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิกว่า 330 ล้านเหรียญ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หนึ่งในจุดเปลี่ยนสำคัญที่สร้างความมั่นใจให้ Sia คือ แม้โควิด-19 จะหยิบยื่นหายนะให้กับผู้ประกอบการโรงแรมทั่วโลก แต่ ในปี 2021 Hotel101 มีอัตราเข้าพักสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 96% “การแพร่ระบาดได้ทำให้พวกเรามั่นใจมากขึ้นว่าพวกเรามีบางสิ่งบางอย่างที่แข็งแกร่งพอ” Sia กล่าว<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/06/jL97fCL29pcL7c9Xuq3h.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="jL97fCL29pcL7c9Xuq3h.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1" origin-size="720,958"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Sia คาดการณ์ว่า ภายในปี 2026 Hotel101 จะเปิดให้บริการใน 25 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งออสเตรเลีย แคนาดา และจีน นอกจากนี้บริษัทยังตั้งเป้าจะเปิดโรงแรมเพิ่มประมาณ 62 แห่งในทุกๆ ปีผ่านการขายแฟรนไชส์และการร่วมทุน โดยแต่ละแห่งจะมีจำนวนห้องพักเฉลี่ย 500 ห้อง เพื่อบรรลุเป้าหมายการเป็นเชนโรงแรมรายใหญ่ระดับโลกภายในปี 2040 ปัจจุบัน Sia อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรที่มีศักยภาพ แต่เขาปฏิเสธที่จะเปิดเผยรายละเอียดในขณะนี้ แต่เชื่อว่าด้วยกลยุทธ์ถือสินทรัพย์ด้วยตนเองน้อยลง (asset light) จะเปลี่ยนโครงการอสังหาริมทรัพย์แต่ละแห่งให้กลายเป็นคอนโดเทลโดยใช้เงินลงทุนไม่มาก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ “แพลตฟอร์มของเราจะช่วยสร้างมาตรฐานพื้นที่บริการโรงแรมในระดับโลก ทุกที่ที่แขกเช็กอินจะได้สัมผัสประสบการณ์เดียวกัน” Sia กล่าว เรื่อง: Jonathan Burgos เรียบเรียง: เบ็ญจวรรณ รัตนวิจิตร ภาพ: Sonny Thakur ​เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/people/forbes-life-people/marisa-chearavanont-life-journey-through-arts" alt="มาริษา เจียรวนนท์ มอง Life Journey ผ่านโลกศิลปะ"></a><a href="https://www.forbesthailand.com/world/america/kings-hawaiian-mark-taira-2024" alt="Mark Taira ผู้เปลี่ยนร้านเบเกอรี่ครอบครัว ให้เติบโตสู่ทรัพย์สินกว่า 2,000 ล้านเหรียญ">Mark Taira ผู้เปลี่ยนร้านเบเกอรี่ครอบครัว ให้เติบโตสู่ทรัพย์สินกว่า 2,000 ล้านเหรียญ</a>​ ​<a href="https://buffet.ookbee.com/magazine/forbes/issue/5a9d7700-b8a3-44da-8f71-dc089d9916d2" alt="คลิกอ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤษภาคม 2567 ในรูปแบบ e-magazine">คลิกอ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤษภาคม 2567 ในรูปแบบ e-magazine</a><div class="se-component se-image-container __se__float-none" contenteditable="false"><figure><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/05/R8MfG78G1DDN61cDbP7t.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="R8MfG78G1DDN61cDbP7t.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="300px,auto" data-rotate="" origin-size="320,420" style="width: 300px; height: auto;" data-index="2"></figure></div>

Edgar Sia II เจ้าสัวฟิลิปปินส์ กับเป้าหมายปั้นเชนโรงแรมระดับโลก

Lucio Tan III ทายาทเศรษฐีพันล้านฟิลิปปินส์ ที่กำลังก้าวสู่บทผู้นำ

Leandro Leviste นายใหญ่แห่ง “SPPPHI” ผู้พลิกโฉมพลังงานแสงอาทิตย์ในฟิลิปปินส์

<h2>เศรษฐกิจของฟิลิปปินส์เติบโตร้อยละ 8.3 ในไตรมาสแรกของปี 2022 จากปัจจัยด้านอุปสงค์ภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศ ความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของฟิลิปปินส์คือการเลือกตั้งในปีที่ผ่านมา โดย Ferdinand “Bongbong” Marcos Jr. ขึ้นรับตำแหน่งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ขณะที่ความผันผวนของเศรษฐกิจในประเทศหนีไม่พ้นแรงกดดันจากสถานการณ์เงินเฟ้อ การปรับขึ้นของสินค้าบริโภคและราคาน้ำมัน รวมถึงสถานการณ์การส่งออกไปยังจีน</h2>
มาตรวัดความมั่งคั่งในการจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีฟิลิปปินส์ ประจำปี 2022 เมื่อเทียบกับการจัดอันดับเมื่อครั้งที่แล้วพบว่า 11 เดือนที่ผ่านมามูลค่าการซื้อ-ขายสูงสุดของตลาดหลักทรัพย์ฟิลิปปินส์ตกลงถึงร้อยละ 6 ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินเปโซลดลงร้อยละ 12 โดยการจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีฟิลิปปินส์ ประจำปี 2022 นี้ มูลค่าทรัพย์สินรวมของมหาเศรษฐี 50 คนรวมกันอยู่ที่ 7.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงจากมูลค่าทรัพย์สินรวมที่ 7.9 หมื่นล้านเหรียญ ในปี 2021

การจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐฟิลิปปินส์ ประจำปี 2022 พบว่าบรรดามหาเศรษฐีมากกว่า 2 ใน 3 ของรายชื่อ มูลค่าทรัพย์สินของพวกเขาลดลง โดย พี่น้องตระกูล Sy ยังคงรั้งตำแหน่งมหาเศรษฐีอันดับ 1 ด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 1.26 หมื่นล้านเหรียญ ภายใต้การบริหารงานของกลุ่มทายาทของ Henry Sy Sr. ผู้ก่อตั้งที่เสียชีวิต แม้รั้งอันดับหนึ่งแต่มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของพี่น้องตระกูล Sy ลดลง 4 พันล้านเหรียญ อันเนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินเปโซที่อ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่มูลค่าหุ้นของ SM Investments ธุรกิจหลักของครอบครัว Sy ลดลงร้อยละ 19 จากปีที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากความลังเลของนักลงทุน

สำหรับมหาเศรษฐีอันดับ 2 ได้แก่ Manuel Villar มหาเศรษฐีผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่นำ บริษัท VistaREIT เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฟิลิปปินส์เมื่อมิถุนายนปีที่ผ่านมา ธุรกิจของเขาได้รับอานิสงส์จากอัตราแลกเปลี่ยนจากสกุลเปโซกับสกุลเงินดอลลาร์ รวมไปถึงการเร่งพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บ้านจัดสรร และกาสิโน ทำให้มูลค่าทรัพย์สินของเขาเพิ่มขึ้น 1.1 พันล้านเหรียญ ด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 7.8 พันล้านเหรียญ

ด้าน Enrique Razon Jr. ทายาทธุรกิจยังคงรั้งอันดับ 3 ด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ลดลงอยู่ที่ 5.6 พันล้านเหรียญ สำหรับความเคลื่อนไหวทางด้านธุรกิจจำนวนกาสิโนของเขาลดลงกว่าครึ่ง สวนทางกับธุรกิจพลังงานทดแทนที่ได้วางแผนทุ่มทุนสร้างโซลาร์ฟาร์มซึ่งใหญ่ที่สุดในโลกที่หมู่เกาะ Archipelago ด้วยมูลค่าการลงทุนสูงถึง 3 พันล้านเหรียญ

สำหรับมหาเศรษฐีฟิลิปปินส์ที่มูลค่าทรัพย์สินลดลงอย่างน่าใจหายคือ คู่สามี-ภรรยา Dennis Anthony และ Maria Grace Uy ผู้ร่วมก่อตั้ง Converge ICT Solutions มูลค่าความมั่งคั่งของทั้งคู่ลดลงมากกว่า 1 พันล้านเหรียญ ทำให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ 1.75 พันล้านเหรียญ หลังจากกลุ่มผู้ถือหุ้น Warburg Pincus เทขายหุ้นของบริษัทเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

การจัดอันดับมหาเศรษฐีฟิลิปปินส์ในปีนี้ มี 2 มหาเศรษฐีที่กลับเข้ามาติดใน 50 รายชื่อ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ครอบครัว Aboitiz ที่ติดอันดับ 5 ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 2.9 พันล้านเหรียญ จากสัดส่วนของหุ้นที่คนในครอบครัวถือครอง มูลค่าหุ้นที่สูงขึ้นของ Aboitiz Equity Ventures สืบเนื่องจากราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น

สำหรับมหาเศรษฐีที่ไต่อันดับอย่างก้าวกระโดดประจำปีนี้ได้แก่ Isidro Consunji และพี่น้อง มหาเศรษฐีอันดับ 6 หลังจากอาณาจักร DMCI Holdings ธุรกิจด้านวิศวกรรมของตระกูล Consunji สร้างผลกำไรในไตรมาสแรก 200 ล้านเหรียญฯ โดย Isidro Consunji และพี่น้อง ถือหุ้นจำนวน 47 เปอร์เซ็นต์ ที่ 2.65 พันล้านเหรียญ ขณะที่ผู้ถือใหญ่คือ Dacon ที่มี Aloke Lohia มหาเศรษฐีไทยอันดับที่ 11 จากการจัดอันดับประจำปี 2022 เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่

การจัดอันดับประจำปีนี้ มีมหาเศรษฐีที่เสียชีวิตลงสองราย ได้แก่ Ricardo Po Sr. ซึ่งเสียชีวิตเมื่อเดือนตุลาคมในปีที่ผ่านมา โดย "Po Family" ครองอันดับที่ 16 ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 1.2 พันล้านเหรียญ ซึ่งธุรกิจหลักของครอบครัว Po คือธุรกิจด้านอาหาร

ขณะที่ Sylvia C. Wenceslao ขึ้นรับตำแหน่งประธาน D.M. Wenceslao &amp; Associates บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แทน Delfin J. Wenceslao Jr. ผู้เป็นสามีเสียชีวิตเมื่อเดือนกันยายนในปีที่ผ่านมา โดยเธอรั้งอันดับที่ 39 ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 340 ล้านเหรียญ

สำหรับการจัดอันดับในปีนี้กำหนดให้มูลค่าทรัพย์สินต่ำสุดที่ติดใน 50 รายชื่อที่ 185 ล้านเหรียญ ลดลงจาก 200 ล้านเหรียญ จากการจัดอันดับปี 2021 โดยการคำนวณมูลค่าทรัพย์สุทธินำมาจากมูลค่าในตลาดหลักทรัพย์และอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 22 กรกฎาคม 2022

&nbsp;
<h3>10 อันดับ มหาเศรษฐีฟิลิปปินส์ ประจำปี 2022</h3>
&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-67564" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/08/1-Sy-siblings-.jpg" alt="" width="416" height="416" />
อันดับ 1
พี่น้อง Sy
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 1.26 หมื่นล้านเหรียญฯ
แหล่งที่มา: หลากหลาย

&nbsp;

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-67565" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/08/2-Manuel-Villar.jpg" alt="" width="416" height="416" />
อันดับ 2
Manuel Villar
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 7.8 พันล้านเหรียญ
แหล่งที่มา: อสังหาริมทรัพย์

&nbsp;

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-67566" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/08/3-Enrique-Razon-Jr.jpg" alt="" width="416" height="416" />
อันดับ 3
Enrique Razon Jr.
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 5.6 พันล้านเหรียญ
แหล่งที่มา: โลจิสติกส์

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-67567" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/08/4-Lance-Gokongwei-siblings.jpg" alt="" width="416" height="416" />
อันดับ 4
Lance Gokongwei และพี่น้อง
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 3.1 พันล้านเหรียญ
แหล่งที่มา: หลากหลาย

&nbsp;

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-67568" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/08/5-Aboitiz-family.jpg" alt="" width="416" height="416" />
อันดับ 5
ครอบครัว Aboitiz
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 2.9 พันล้านเหรียญ
แหล่งที่มา: หลากหลาย

&nbsp;

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-67569" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/08/6-Isidro-Consunji-siblings.jpg" alt="" width="416" height="416" />
อันดับ 6
Isidro Consunji และพี่น้อง
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 2.65 พันล้านเหรียญ
แหล่งที่มา: ก่อสร้างและวิศวกรรม

&nbsp;

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-67570" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/08/7-Tony-Tan-Caktiong-family.jpg" alt="" width="416" height="416" />
อันดับ 7
Tony Tan Caktiong และครอบครัว
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 2.6 พันล้านเหรียญ
แหล่งที่มา: อาหารและเครื่องดื่ม

&nbsp;

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-67571" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/08/8-Jaime-Zobel-de-Ayala-family.jpg" alt="" width="416" height="416" />
อันดับ 8
Jaime Zobel de Ayala และครอบครัว
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 2.55 พันล้านเหรียญ
แหล่งที่มา: หลากหลาย

&nbsp;

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-67572" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/08/9-Ramon-Ang.jpg" alt="" width="416" height="416" />
อันดับ 9
Ramon Ang
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 2.45 พันล้านเหรียญ
แหล่งที่มา: อาหารและเครื่องดื่ม

&nbsp;

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-67573" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/08/010-Andrew-Tan.jpg" alt="" width="416" height="416" />
อันดับ 10
Andrew Tan
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 2.4 พันล้านเหรียญ
แหล่งที่มา: หลากหลาย

&nbsp;

แปลและเรียบเรียงจาก Philippines’ 50 Richest 2022: The Double Whammy Of A Plunging Peso And A Weak Stock Market Knocked Down Collective Wealth เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/world/asia/%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%88%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%ad%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%94%e0%b8%b1%e0%b8%9a-50-%e0%b8%a1%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b9%80%e0%b8%a8%e0%b8%a3%e0%b8%a9%e0%b8%90%e0%b8%b5-13.html">การจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีไทยประจำปี 2565</a>
<div class="single-content-writer-box">
<div>

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

</div>
</div>

การจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีฟิลิปปินส์ ประจำปี 2022

<h2 class="p1">Enrique Razon Jr. นำ Prime Infrastructure Holdings เดินหน้าสร้างโรงงานไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ฟิลิปปินส์</h2>
<figure><img class="wp-image-64192" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/06/960x0.jpeg" alt="Enrique Razon Jr. " width="720" height="480" /><figcaption> Enrique Razon Jr. มหาเศรษฐีพันล้านชาวฟิลิปปินส์</figcaption></figure>
Terra Solar Philippines บริษัทลูกของ Prime Infrastructure Holdings ได้ออกมาเปิดเผยเมื่อวันพุธที่ 8 มิถุนายนว่า กำลังอยู่ระหว่างการสร้างโซลาร์ฟาร์มที่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ระหว่าง 2,500 เมกะวัตต์ ถึง 3,500 เมกะวัตต์ ซึ่งแม้ว่าทางบริษัทจะไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดทางการเงินเพิ่มเติม แต่แหล่งข่าวภายในอุตสาหกรรมคาดการณ์ว่า โครงการนี้อาจใช้งบการลงทุนราว 3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
เมื่อสร้างแล้วเสร็จ โรงงานไฟฟ้าดังกล่าวจะสามารถเก็บไฟฟ้าได้มากถึง 4,500 เมกะวัตต์-ชั่วโมง เกินความจุของ Bhadla Solar Park ซึ่งปัจจุบันเป็นโซลาร์ฟาร์มที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่กำลังการผลิต 2,250 เมกะวัตต์ในพื้นที่ 5,700 เฮกตาร์ทางตอนเหนือของอินเดีย
ในทำนองเดียวกัน Prime Infra ยังได้จับมือกับ Solar Philippines ซึ่งก่อตั้งโดย Leandro Leviste นักธุรกิจที่มีรายชื่อปรากฏในทำเนียบการจัดอันดับ Forbes 30 Under 30 เพื่อค้นหาพื้นที่สำหรับโครงการใหม่ๆ ทางตอนเหนือและตอนใต้ของเกาะ Luzon
ด้าน Solar Philippines ซึ่งปัจจุบันกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างโซลาร์ฟาร์มใน Nueva Ecija ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงมะนิลาไปทางเหนือราว 100 กิโลเมตร ได้เข้าเป็นหุ้นส่วนของ Prime Infra ในการพัฒนาโซลาร์ฟาร์มอีกแห่งหนึ่งใน Tarlac ห่างจาก Nueva Ecija ไปทางตะวันตกประมาณ 70 กิโลเมตร
“Prime Infra อาศัยประโยชน์จากต้นทุนการติดตั้งที่ลดลงอย่างมากในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ผนวกกับเรามีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงานแบตเตอรี่ ซึ่งช่วยให้เราสามารถสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจและเกี่ยวข้องกับสังคมในระดับโลกอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน” Guillaume Lucci ประธานและซีอีโอ Prime Infra กล่าวในแถลงการณ์
ในปีที่ผ่านมา Terra Solar ได้ลงนามในข้อตกลงในการจัดหาไฟฟ้าประมาณ 850 เมกะวัตต์ให้กับ Manila Electric Co. (Meralco) ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ซึ่งให้บริการกระแสไฟฟ้าภายในกรุงมะนิลาและจังหวัดใกล้เคียง โดยจะเริ่มส่งมอบไฟฟ้า 600 เมกะวัตต์ในปี 2026 และอีก 250 เมกะวัตต์ในปีต่อไป
ทั้งนี้ นอกจากพลังงานแสงอาทิตย์แล้ว Enrique Razon Jr. ยังได้นำ Prime Infra เข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำและระบบสาธารณูปโภคซึ่งเกี่ยวข้องกับการชลประทานในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยในเดือนมิถุนายน 2021 Trident Water ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Prime Strategic Holdings เข้าถือหุ้นส่วนใหญ่ใน Manila Water จาก Ayala Corp. กลุ่มบริษัทที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศซึ่งเป็นผู้ผลิตและบริหารจัดการน้ำ เพื่อต่อยอดการลงทุนจากธุรกิจท่าเทียบเรือสู่โครงสร้างพื้นฐาน
ปัจจุบัน Razon มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 6.1 พันล้านเหรียญ จากการประเมินความมั่งคั่งแบบเรียลไทม์ของ Forbes
แปลและเรียบเรียงโดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ Philippine Billionaire Enrique Razon May Need To Invest $3 Billion To Build World’s Biggest Solar Farm เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/asia/masatoshi-ito-7-eleven.html">Masatoshi Ito ประธานกิตติมศักดิ์แห่งเชนร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven</a>
<div class="single-content-writer-box">
<div>

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a style="color: #003300;" href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

</div>
</div>

Enrique Razon Jr. นำ Prime Infrastructure Holdings สร้างโซลาฟาร์มที่ใหญ่ที่สุดในโลก

<h2 class="p1">Monde Nissin บริษัทบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารของ Betty Ang และครอบครัว วางแผนที่จะลดงบประมาณการใช้จ่ายในปีนี้ เพื่อรักษาฐานเงินสด ท่ามกลางราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และผลกระทบจากการระบาดใหญ่ของ โควิด-19 ที่มีต่อระบบเศรษฐกิจ</h2>
<img class="alignnone wp-image-60709" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/03/720.jpeg" alt="Monde Nissin Betty Ang" width="720" height="480" />
ล่าสุด กำไรสุทธิของบริษัทลดลงเหลือ 3.2 พันล้านเปโซ (6.13 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) ในปี 2021 ลดลงราวร้อยละ 60 จากปีก่อนหน้า โดยมีสาเหตุหลักมาจากค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการไถ่ถอนหุ้นกู้แปลงสภาพ ตลอดจนแรงกดดันด้านอัตรากำไรจากราคาวัตถุดิบหลักที่พุ่งสูงขึ้น อาทิเช่น ข้าวสาลีและน้ำมันปาล์ม เป็นต้น แม้ยอดขายสุทธิจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 2 เป็น 6.93 หมื่นล้านเปโซ
ท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่กำลังท้าทาย Monde Nissin อยู่นี้ บริษัทมีเป้าหมายที่จะลดรายจ่ายทางด้านต้นทุนจากเดิมที่ตั้งงบประมาณไว้สำหรับปี 2022 ที่ 9 พันล้านเปโซ
“เราจำเป็นต้องรักษาฐานเงินสดไว้ เพื่อให้เรามีความยืดหยุ่นในช่วงเวลาที่ผันผวนอย่างไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนนี้” Jesse Teo ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงินกล่าว พร้อมระบุว่า Monde Nissin มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 1.39 หมื่นล้านเปโซ ณ สิ้นปี 2021 ในขณะที่บริษัทมีหนี้คงค้างอยู่ที่ 7 พันล้านเปโซ
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนมูลค่า 4.86 หมื่นล้านปีโซจากการนำบริษัทเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว ซึ่งนับได้ว่าเป็นการ IPO ที่ใหญ่ที่สุดของฟิลลิปปินส์เลยทีเดียว บริษัทเผยว่า ได้นำเงินในส่วนนี้ 1.56 หมื่นล้านเปโซไปใช้<a style="color: #333333;" href="https://mondenissin.com/monde-nissin-pays-down-majority-of-remaining-term-loans/">เพื่อชำระหนี้บางส่วนในเดือนสิงหาคมเพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านดอกเบี้ย</a>
นอกจากนี้ Monde Nissin ยังได้ลดต้นทุนการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นด้วยการเสริมสร้างความต่อเนื่องในห่วงโซ่อุปทาน เพื่อให้มั่นใจว่ามีวัตถุดิบหลักเพียงพอ Henry Soesanto ซีอีโอของ Monde Nissin กล่าว
“ในขณะที่เราเริ่มต้นปี 2022 อย่างแข็งแกร่ง ความท้าทายหลักสำหรับเรา คือ วิธีที่เราจัดการกับวิฤตเงินเฟ้อในสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลก” Henry Soesanto ซีอีโอกล่าวในแถลงการณ์ “มีเพียงไม่กี่ปัจจัยที่เราสามารถทำให้ห่วงโซ่อุปทานของเรามีคุณภาพได้ หลังจากนั้นจึงเป็นเรื่องที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะส่งผลกระทบ (ด้านราคา) ต่อผู้บริโภค”
อย่างไรก็ดี Soesanto ยืนยันว่า บริษัทไม่ได้ตั้งใจที่จะส่งต่อค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นให้กับผู้บริโภคโดยสิ้นเชิง และนั่นก็มีแนวโน้มที่จะกระทบต่อกำไรขั้นต้นอย่างแน่นอน “เราตระหนักอยู่เสมอว่าผู้บริโภคของเรากำลังเจ็บปวดจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อในปัจจุบัน”
ด้าน Monde Nissin ก่อตั้งขึ้นในปี 1979 ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง<a href="https://www.forbes.com/profile/betty-ang/?sh=5084f7eb3fb5"> Ang </a>และมหาเศรษฐีชาวอินโดนีเซีย Hidajat Darmono ซึ่งครอบครัวของเขาเป็นเจ้าของโรงงานผลิตบิสกิต Khong Guan ก่อนที่จะขยายผลิตภัณฑ์สู่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในปี 1989 
และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Monde Nissin ได้ก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตอาหารแพลต์เบส หลังเข้าซื้อกิจการบริษัท Quorn ของอังกฤษในราคา 550 ล้านปอนด์ (724.5 ล้านเหรียญ) ในปี 2015
ปัจจุบัน Ang วัย 67 ปี ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานบริษัท สมรสกับ Hoediono Kweefanus บุตรชายของ Darmono วัย 69 ปี ซึ่งดำรงตำแหน่งรองประธานบริษัท ซึ่ง Forbes ประเมินมูลค่าสุทธิรวมของพวกเขาอยู่ที่ประมาณ 1.2 พันล้านเหรียญ
แปลและเรียบเรียงจากบทความ Philippine Billionaire Betty Ang’s Monde Nissin To Cut Spending Amid Challenging Business Environment โดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/asia/%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%88%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%ad%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%94%e0%b8%b1%e0%b8%9a-50-%e0%b8%a1%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b9%80%e0%b8%a8%e0%b8%a3%e0%b8%a9%e0%b8%90%e0%b8%b5-9.html">การจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีฟิลิปปินส์ ประจำปี 2021</a>

Monde Nissin เตรียมลดงบประมาณรายปี รับมืออัตราเงินเฟ้อ

<h2>CentralHub Industrial Centers ธุรกิจร่วมทุนระหว่าง DoubleDragon Corp. ของมหาเศรษฐีอสังหาริมทรัพย์ Edgar Sia และ Jollibee Foods ของมหาเศรษฐี Tony Tan Caktiong  เร่งก่อสร้างโกดังทั่วประเทศฟิลิปปินส์ เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากภาคอี-คอมเมิร์ซ</h2>
<figure><img class="wp-image-57350 size-large" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/01/Double-Dragon-warehouse-1024x506.jpg" alt="CentralHub" width="640" height="316" /><figcaption> นิคมอุตสาหกรรมในเมือง Iloilo</figcaption></figure>

ปัจจุบัน CentralHub Industrial Centers กำลังขยายพอร์ตคลังสินค้าให้เช่าที่มูลค่ากว่า 2.48 หมื่นล้านเปโซ (482 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) พร้อมกับการเตรียมเสนอขายหุ้น IPO ในช่วงครึ่งหลังของปี 2021 นี้ ในฐานะทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทอุตสาหกรรมแห่งแรก ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฟิลิปปินส์

“ขณะนี้ เรากำลังเร่งก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรม หลายแห่งพร้อมกันทั่วประเทศ เนื่องจากความต้องการคลังสินค้าอุตสาหกรรมสมัยใหม่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง” Sia ประธาน DoubleDragon กล่าวในแถลงการณ์

ล่าสุด CentralHub ซึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์สินทางอุตสาหกรรมขนาด 43.8 เฮกตาร์ กล่าวว่า ได้เสร็จสิ้นการก่อสร้างอาคารโกดังสินค้าขนาด 6.2 เฮกตาร์ในเมือง Tarlac ซึ่งอยู่ห่างจากกรุง Manila เมืองหลวงของประเทศไปทางเหนือราว 130 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกด้านโลจิสติกส์ในเมือง Iloilo และ Cebu ทางตอนกลางของฟิลิปปินส์ รวมถึง Davao บนเกาะ Mindanao ทางตอนใต้เช่นกัน 

โดยความต้องการพื้นที่คลังสินค้าที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงนี้ เกิดจากการที่ผู้บริโภคจำนวนมากเผชิญกับมาตรการล็อกดาวน์ในช่วงสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งทำให้หันไปพึ่งพาการช้อปปิ้งออนไลน์และบริการการจัดส่งอาหารเป็นหลัก

ด้าน Sia และ Tan Caktiong ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกันมาอย่างยาวนาน นับตั้งแต่ที่ Sia ขายเชนร้านไก่ย่างบาร์บีคิว Mang Inasal ให้กับ Jollibee ในปี 2012 และนำ DoubleDragon เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในอีก 2 ปีต่อมา โดยในปีที่ผ่านมา Forbes คาดการณ์ว่า Sia มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ 675 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และครองอันดับที่ 28 ในทำเนียบ <a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/philippines-billionaires/list/">50 มหาเศรษฐีฟิลิปปินส์</a>

ขณะที่ Tan Caktiong ซึ่งถือหุ้นใน DoubleDrgaon มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 2.7 พันล้านเหรียญ และครองอันดับที่ 7 ในทำเนียบมหาเศรษฐี โดยมีแหล่งรายได้หลัก คือ <a href="https://edge.pse.com.ph/openDiscViewer.do?edge_no=4da9497cf53ff31d5d542af6f1e997b9">Jollibee</a> เชนร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดรายใหญ่ ซึ่งปัจจุบันมีสาขาเกือบ 3,200 แห่งในฟิลิปปินส์และอีกกว่า 2,600 แห่งในต่างประเทศ รวมถึงเชนร้าน Smashburger และ Coffee Bean ในสหรัฐฯ

“เราจะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้น IPO ของ CentralHub เพื่อเป็นเงินทุนสำหรับการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์สำหรับร้านค้าแห่งใหม่ของเรา ซึ่งเราจะแปลงอีกครั้งเป็นการลงทุนและหุ้นใน REIT (ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์) มากขึ้น” Tan Caktiong กล่าว “โดยพื้นฐานแล้ว REIT จะช่วยสนับสนุนการขยายธุรกิจในอนาคตของเราอย่างต่อเนื่อง”

แปลและเรียบเรียงโดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ DoubleDragon, Jollibee Ramp Up $482 Million Warehouse Portfolio Ahead Of IPO As E-Commerce Booms เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/america/dylan-field-ก่อร่างสร้าง-figma.html">Dylan Field ก่อร่างสร้าง Figma</a>

DoubleDragon ผนึกกำลัง Jollibee ขยายพอร์ต CentralHub ก่อนเข้าทำ IPO ปีนี้

<h2>Ramon Ang มหาเศรษฐีพันล้านชาวฟิลิปปินส์ เตรียมนำ San Miguel ลงทุน 1.9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในโครงการทางยกระดับสูง 19.4 กิโลเมตรบนทางหลวงริมฝั่งแม่น้ำปาซิก </h2>
<figure><img class="wp-image-51655" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/09/https-specials-images.forbesimg.com-imageserve-614bcf031a26515d28e03218-Housing-Disparity-in-Metro-Manila-ahead-of-GDP-figures-960x0.jpgfitscale.jpg" alt="Ramon Ang" width="720" height="480" /><figcaption> ชายคนหนึ่งตกปลาริมฝั่งแม่น้ำปาซิกใกล้กับอาคารสูงระฟ้า (ภาพ: Veejay Villafranca/Bloomberg)</figcaption></figure>

โครงการนี้ซึ่งเพิ่งได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลในสัปดาห์ที่ผ่านมา เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างถนนยกระดับ 6 เลนที่จะเชื่อมต่อเมืองหลวงมะนิลาของฟิลิปปินส์กับทางด่วนเมโทรมะนิลาตะวันออกเฉียงใต้ที่กำลังจะมีขึ้นในเมือง Taguig

“นี่จะเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่เน้นผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง ซึ่งจะสอดรับกับการคมนาคมขนส่งที่หลากหลายรูปแบบนอกเหนือจากรถยนต์” <a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/profile/ramon-ang/?list=philippines-billionaires&amp;sh=75812ef61e88">Ramon A</a>ng วัย 67 ปี ประธานของ San Miguel กล่าว “จะมีเลนเฉพาะสำหรับจักรยาน ทางเดิน และระบบขนส่งมวลชนด้วยรถประจำทาง เป็นต้น”

ด้านสถาปนิก Felino Palafox Jr. ซึ่งเป็นผู้ออกแบบทางด่วนสายนี้เผยว่า โครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนจะต้องส่งผลดีตรงต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ

ในทำนองเดียวกัน San Miguel ก็ได้ดำเนินการฟื้นฟูพื้นที่บริเวณแม่น้ำปาซิกแยกต่างหาก ด้วยเงินลงทุนเพิ่มเติมอีก 2 พันล้านเปโซ พร้อมไปกับการมองหาโอกาสในการขยายเส้นทางการขนส่งทางน้ำด้วยเรือข้ามฟากเพื่อเชื่อมโยงริมน้ำของเมโทรมะนิลา เช่น ทะเลสาบลากูน่า อ่าวมะนิลา และแม่น้ำมาริกินา

ทั้งนี้ Ang เข้ามาทำงานกับบริษัทในฐานะรองประธานกรรมการเมื่อปี 1999 หลังจากเป็นผู้บริหารบริษัทเอกชนหลายแห่งที่ Eduardo Cojuangco (เสียชีวิตในเดือนมิถุนายนปี 2020) เป็นเจ้าของ ก่อนที่จะเข้าซื้อหุ้นใน <a href="https://www.sanmiguel.com.ph">San Miguel Corp.</a> จาก Eduardo Cojuangco ในปี 2012 และร่วมพัฒนา San Miguel จากบริษัทผู้ผลิตเบียร์ที่เก่าแก่ที่สุดในฟิลิปปินส์ จนกลายเป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทที่ใหญ่ที่สุดของประเทศที่มีศักยภาพในด้านเบียร์ อาหาร และโครงสร้างพื้นฐาน

โดยโครงการที่ใหญ่ที่สุดของเขา ณ เวลานี้ คือการก่อสร้างสนามบินนานาชาติขนาดใหญ่ มูลค่า 7.4 แสนล้านเปโซบนพื้นที่ 2,500 เฮกตาร์ (25 ล้านตารางเมตร) ในจังหวัด Bulacan ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงมะนิลาไปทางเหนือประมาณ 40 กิโลเมตร 

เมื่อการก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ สนามบินแห่งนี้จะสามารถรองรับผู้โดยสารได้มากถึง 100 ล้านคนต่อปี ซึ่งมากกว่าความจุของสนามบินนานาชาติ Ninoy Aquino ซึ่งเป็นสนามบินหลักของประเทศถึง 3 เท่า

ล่าสุด Ang ครองอันดับที่ 9 ในทำเนียบมหาเศรษฐีฟิลิปปินส์ของ Forbes ด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 2.3 พันล้านเหรียญ ซึ่งตีพิมพ์ในช่วงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา 

แปลและเรียบเรียงจากบทความ Philippine Billionaire Ramon Ang’s San Miguel To Invest $1.9 Billion In Elevated Highway Along Pasig River โดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/asia/การจัดอันดับ-50-มหาเศรษฐี-9.html">การจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีฟิลิปปินส์ ประจำปี 2021</a>

Ramon Ang นำ San Miguel ลงทุนโครงการยกระดับบนทางหลวงริมฝั่งแม่น้ำปาซิก

<h2>ท่ามกลางผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 เศรษฐกิจของฟิลิปปินส์ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ยังคงเติบโตในอัตราเลขสองหลัก ขณะที่ความเชื่อมั่นของนักลงทุนยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เช่นเดียวกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 13 จากปีที่แล้ว</h2>
ในปีนี้ 50 มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในฟิลิปปินส์มีมูลค่าทรัพย์สินเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 30 เป็น 7.9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ นำโดย<a href="https://www.forbes.com/profile/sy-siblings/?list=philippines-billionaires&amp;sh=63f475cd273d">พี่น้องตระกูล Sy</a> ซึ่งเป็นทายาทของ Henry Sy Sr. ด้วยมูลค่าทรัพย์สินที่เพิ่มสูงขึ้น 2.7 พันล้านเหรียญ รวมเป็น 1.66 หมื่นล้านเหรียญ

ในทำนองเดียวกัน Manuel Villar ผู้ซึ่งครองอันดับ 2 ของทำเนียบ มีมูลค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 1.7 พันล้านเหรียญ รวมเป็น 6.7 พันล้านเหรียญ ซึ่งได้รับอานิงส์จากการขยายพอร์ตโฟลิโอธุรกิจ เข้าซื้อกิจการ Manila Water ตามมาด้วย Enrique Razon Jr. ผู้ซึ่งมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ 5.8 พันล้านเหรียญ

ด้าน Betty Ang ผู้ร่วมก่อตั้งและประธาน Monde Nissin ซึ่งเป็นผู้ที่มีอัตราการเปลี่ยนแปลงด้านทรัพย์สินมากที่สุด เห็นได้จากอันดับที่ปรับสูงขึ้นมากถึง 20 อันดับ จากการนำธุรกิจเข้าซื้อขายในเดือนมิถุนายน ซึ่งนับว่าเป็นการทำ IPO ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ส่งผลให้เธอมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากกว่า 7 เท่าคิดเป็นมูลค่า 1.4 พันล้านเหรียญ

นอกจากนี้ ยังมีอีก 3 มหาเศรษฐีหน้าใหม่ที่เพิ่งก้าวเข้าสู่ทำเนียบ ได้แก่ Hartono Kweefanus ประธาน Monde Nissin พี่เขยของ Ang, Henry Soesanto ซีอีโอของบริษัท รวมถึงพี่น้อง Keng Sun และ Peter Mar ซึ่งเป็นทายาทของธุรกิจบิสกิตที่ครอบครัวของพวกเขาขายให้กับ Monde Nissin

ขณะมหาเศรษฐีหน้าใหม่ที่ร่ำรวยที่สุดในปีนี้ ได้แก่ Dennis Anthony และ Maria Grace Uy ผู้ร่วมก่อตั้ง Converge ICT Solutions ซึ่งได้รับประโยชน์จากความต้องการบริการบรอดแบนด์ในช่วงวิกฤตโควิด-19 ตามมาด้วย Luis Yu Jr. และ Mariano Martinez Jr. เจ้าของ 8990 Holdings ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างบ้านด้วยต้นทุนต่ำ และคู่สามีภรรยา Bendicto และ Teresita Yujuico ที่เก็บเกี่ยวความมั่งคั่งจากการนำ DDMP REIT บริษัทให้เช่าพื้นที่สำนักงานที่พวกเขาร่วมก่อตั้งกับ Edgar Sia II เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์

ขณะที่มหาเศรษฐีมากกว่า 12 รายจากธุรกิจสายการบินและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พบว่าพวกเขาผู้มีความมั่งคั่งลดลง อาทิเช่น Lucio Tan ที่เพิ่งนำสายการบิน Philippines Airlines ยื่นล้มละลายภายใต้กฎหมายล้มละลายมาตรา 11 ของสหรัฐฯ ต่อศาลแขวงใต้ในนิวยอร์ก เพื่อปรับโครงสร้างกิจการ ขณะที่อีก 9 รายมีรายชื่อหลุดจากทำเนียบไป ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการใช้เกณฑ์การจัดอันดับเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าที่ 200 ล้านเหรียญ 

พบกับ 10 มหาเศรษฐีฟิลิปปินส์ ประจำปี 2021 ซึ่งได้รับการประเมินมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ณ วันที่ 20 สิงหาคม 2021

<img class="alignnone size-full wp-image-50749" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/09/1.jpg" alt="" width="416" height="416" />

อันดับ 1

<a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/profile/sy-siblings/?list=philippines-billionaires&amp;sh=63f475cd273d">พี่น้องตระกูล Sy</a> 

ทรัพย์สินสุทธิ: 1.66 หมื่นล้านเหรียญฯ

แหล่งที่มาทรัพย์สิน: หลากหลาย

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-50750" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/09/https-specials-images.forbesimg.com-imageserve-5b89a0b2a7ea434b99d51625-0x0.jpgbackground000000cropX1750cropX23680cropY1321cropY23250.jpg" alt="" width="416" height="416" />

อันดับ 2 

<a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/profile/manuel-villar/?list=philippines-billionaires&amp;sh=41b77432abb7">Manuel Villar</a>

ทรัพย์สินสุทธิ: 6.7 พันล้านเหรียญฯ

แหล่งที่มาทรัพย์สิน: อสังหาริมทรัพย์

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-50751" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/09/https-specials-images.forbesimg.com-imageserve-5c716c6131358e35dd26f39c-0x0.jpgbackground000000cropX1417cropX22977cropY1109cropY22667.jpg" alt="" width="416" height="416" />

อันดับ 3 

<a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/profile/enrique-razon-jr/?list=philippines-billionaires&amp;sh=31e8113a1389">Enrique Razon Jr.</a>

ทรัพย์สินสุทธิ: 5.8 พันล้านเหรียญฯ

แหล่งที่มาทรัพย์สิน: ธุรกิจท่าเรือ

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-50752" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/09/https-specials-images.forbesimg.com-imageserve-612e437b805eb06fad491868-0x0.jpgbackground000000cropX10cropX21768cropY10cropY21768.jpg" alt="" width="416" height="416" />

อันดับ 4

<a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/profile/lance-gokongwei-siblings/?list=philippines-billionaires&amp;sh=6eb8cbd79214">Lance Gokongwei และพี่น้อง</a>

ทรัพย์สินสุทธิ: 4 พันล้านเหรียญฯ

แหล่งที่มาทรัพย์สิน: หลากหลาย

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-50753" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/09/https-specials-images.forbesimg.com-imageserve-5617e734e4b0ffa7afe5aaf0-0x0.jpgbackground000000cropX10cropX2744cropY137cropY2781.jpg" alt="" width="416" height="416" />

อันดับ 5

<a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/profile/jaime-zobel-de-ayala/?list=philippines-billionaires&amp;sh=395e58ba7490">Jaime Zobel de Ayala</a>

ทรัพย์สินสุทธิ: 3.3 พันล้านเหรียญฯ

แหล่งที่มาทรัพย์สิน: หลากหลาย

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-50754" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/09/https-specials-images.forbesimg.com-imageserve-612e45218e22385dd7cf31d9-0x0.jpgbackground000000cropX1110cropX21678cropY1297cropY21866.jpg" alt="" width="416" height="416" />

อันดับ 6

<a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/profile/dennis-anthony-maria-grace-uy/?list=philippines-billionaires&amp;sh=3b9f273cf63d">Dennis Anthony และ Maria Grace Uy</a>

ทรัพย์สินสุทธิ: 2.8 พันล้านเหรียญฯ

แหล่งที่มาทรัพย์สิน: โทรคมนาคม

&nbsp;

<img class="alignnone wp-image-50755 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/09/7.jpg" alt="มหาเศรษฐีฟิลิปปินส์" width="416" height="416" />

อันดับ 7

Tony Tan Caktiong และครอบครัว

ทรัพย์สินสุทธิ: 2.7 พันล้านเหรียญฯ

แหล่งที่มาทรัพย์สิน: ธุรกิจอาหาร

&nbsp;

<img class="alignnone wp-image-50756 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/09/8.jpg" alt="มหาเศรษฐีฟิลิปปินส์" width="416" height="416" />

อันดับ 8

<a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/profile/andrew-tan/?list=philippines-billionaires&amp;sh=72e208461dac">Andrew Tan </a>

ทรัพย์สินสุทธิ: 2.6 พันล้านเหรียญฯ

แหล่งที่มาทรัพย์สิน: หลากหลาย

&nbsp;

<img class="alignnone wp-image-50757 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/09/https-specials-images.forbesimg.com-imageserve-612e470680b65a5b65373cd6-0x0.jpgbackground000000cropX10cropX21615cropY10cropY21615.jpg" alt="มหาเศรษฐีฟิลิปปินส์" width="416" height="416" />

อันดับ 9

Ramon Ang

ทรัพย์สินสุทธิ: 2.3 พันล้านเหรียญฯ

แหล่งที่มาทรัพย์สิน: หลากหลาย

&nbsp;

<img class="alignnone wp-image-50758 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/09/https-specials-images.forbesimg.com-imageserve-5d8a409a22254b0008e1532d-0x0.jpgbackground000000cropX10cropX21195cropY110cropY21205.jpg" alt="มหาเศรษฐีฟิลิปปินส์" width="416" height="416" />

อันดับ 10

<a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/profile/ty-siblings/?list=philippines-billionaires&amp;sh=2f10a9142f6d">พี่น้องตระกูล Ty</a>

ทรัพย์สินสุทธิ: 2.2 พันล้านเหรียญฯ

แหล่งที่มาทรัพย์สิน: การธนาคาร

&nbsp;

แปลและเรียบเรียงจากบทความ Philippines’ 50 Richest 2021: Collective Wealth Up 30% As Economy Regains Momentum โดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/asia/การจัดอันดับ-50-มหาเศรษฐี-8.html">การจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีสิงคโปร์ ประจำปี 2021</a>

การจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีฟิลิปปินส์ ประจำปี 2021

<h2>Enrique Razon Jr. มหาเศรษฐีพันล้านชาวฟิลิปปินส์ เข้าซื้อหุ้น Manila Water จาก Ayala Corp. กลุ่มบริษัทที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศ หวังต่อยอดการลงทุนจากธุรกิจท่าเทียบเรือสู่โครงสร้างพื้นฐาน</h2>
<figure><img class="wp-image-46431" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/06/PROJ-2015-286-ManilaWater1.jpg" alt="Enrique Razon Jr." width="720" height="399" /><figcaption> Manila Water บริษัทผู้ผลิตและบริหารจัดการน้ำ</figcaption></figure>

<a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/profile/enrique-razon-jr/?sh=1f23ab071389">Enrique Razon</a> Jr. ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานและซีอีโอ <a href="https://www.forbes.com/sites/jonathanburgos/2021/06/06/enrique-razon-takes-over-manila-water-as-philippine-tycoon-steps-up-infrastructure-bets/?sh=2ed196706f93">Manila Water</a> เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน หลังจากที่ Trident Water ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Prime Strategic Holdings ของ Razon บรรลุการลงทุนขั้นต้นมูลค่า 1.07 หมื่นล้านเปโซ (224.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) ในบริษัท Manila Water ผู้ผลิตและบริหารจัดการน้ำ อ้างอิงจากเอกสารที่ยื่นต่อตลาดหลักทรัพย์ฟิลิปปินส์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

ต่อจากนี้ Trident จะมีสิทธิออกเสียงในการบริหาร Manila Water ร้อยละ 51 ขณะที่ Ayala Corp. จะมีสิทธิออกเสียงอยู่ที่ร้อยละ 31.6 ด้าน Fernando Zobel de Ayala และพี่ชาย <a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/profile/jaime-zobel-de-ayala/?sh=13e0280d7490">Jaime Augusto Zobel de Ayala</a> ก็ได้ก้าวลงจากตำแหน่งประธานและรองประธาน Manila Water ตามลำดับ

ทั้งนี้ Trident ได้ลงนามในข้อตกลงเบื้องต้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2020 เพื่อซื้อหุ้น Manila Water จำนวน 820 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 13 เปโซ และในอีก 1 ปีต่อมา บริษัทก็ได้ตกลงที่จะซื้อหุ้นบุริมสิทธิเพิ่มอีก 2.7 พันล้านหุ้นของบริษัทจาก Philwater Holdings ซึ่งเป็นธุรกิจในเครือ Ayala Corp. ในราคา 4.8 พันล้านเปโซ ซึ่งระหว่างรอการชำระเงินเต็มจำนวนภายใน 5 ปี Philwater ได้มอบอำนาจให้ Trident ได้รับสิทธิในการออกเสียงแทน

ปัจจุบัน Manila Water จัดส่งน้ำมากกว่า 1.3 พันล้านลิตรต่อวันให้กับผู้อยู่อาศัย 6.8 ล้านคนในเขต Eastern Metro Manila ตลอดจนบางส่วนของ Manila, Quezon City, Makati, Mandaluyong, Pasig และ Rizal โดยมีรายได้สุทธิ 4.5 พันล้านเปโซในปี 2020 ลดลงราวร้อยละ 18 จากปีก่อนหน้า

Razon ได้เพิ่มการลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผ่านทาง Prime Strategic บริษัทโฮลดิ้งซึ่งกำลังพัฒนาโครงการผลิตน้ำและไฟฟ้าในฟิลิปปินส์

ไม่เพียงเท่านี้ เว็บไซต์ Prime Strategic รายงานว่า ทางบริษัทก็ได้อยู่ระหว่างการก่อสร้างโครงการ Wawa Bulk Water Supply ภายใต้ความร่วมมือกับ San Lorenzo Luis Builders ที่มูลค่า 2.45 หมื่นล้านเปโซ ซึ่งคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ภายในสิ้นปี 2025 และมีความเป็นไปได้ว่าจะสามารถจัดส่งน้ำมากกว่า 500 ล้านลิตรต่อวันให้กับมากกว่า 500,000 ครัวเรือนในพื้นที่สัมปทานของ Manila Water 

<figure><img class="wp-image-46434" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/06/picture-724132.jpg" alt="Enrique Razon Jr." width="720" height="405" /><figcaption> International Container Terminal Services Inc.</figcaption></figure>

นอกเหนือจากการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานแล้ว Razon วัย 61 ปี ยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน International Container Terminal Services Inc. ผู้บริหารท่าเทียบเรือภายในประเทศ ซึ่งมีธุรกิจบริษัทย่อยในยุโรปตะวันตก แอฟริกา และสหรัฐฯ ล่าสุดในเดือนเมษายนที่ผ่านมา Forbes จัดอันดับให้ Razon เป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดอันดับ 2 ของฟิลิปปินส์ด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 5 พันล้านเหรียญ

ตระกูล Razon ดำเนินธุรกิจท่าเรือตั้งแต่รุ่นปู่ของเขาเมื่อปี 1916 และหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลง พ่อของเขาสามารถต่อยอดธุรกิจท่าเรือและขยายไปทั่วโลก ด้วยการสร้างสำนักงานท่าเรือในเอเชีย ตะวันออกกลาง แอฟริกา ยุโรป และละตินอเมริกา ต่อมาในปี 1999 Razon ได้ก่อตั้ง Bloomberry Resorts ซึ่งเป็นเจ้าของรีสอร์ทคาสิโน Solaire ในกรุงมะนิลา

<article id="post-46358" class="post-46358 post type-post status-publish format-standard has-post-thumbnail hentry category-asia category-world tag-ramon-ang tag-san-miguel tag-10368">
<div class="body-content post-content-wrap post-detail">

แปลและเรียบเรียงจากบทความ Enrique Razon Takes Over Manila Water As Philippine Tycoon Steps Up Infrastructure Bets เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/asia/ramon-ang-นำ-san-miguel-ขยายกำลังการผลิตอ.html">Ramon Ang นำ San Miguel ขยายกำลังการผลิตอาหารสัตว์</a>

</div>
</article>

Enrique Razon Jr. เข้าซื้อ Manila Water ต่อยอดสู่ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน

<h2>Ramon Ang มหาเศรษฐีพันล้าน นำกลุ่มบริษัทอาหารสัญชาติฟิลิปปินส์ <a style="color: #333333;" href="https://www.smfb.com.ph">San Miguel Foods &amp; Beverage (SMFB)</a> ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของบริษัทแม่ San Miguel Corp. เดินหน้าลงทุน 3 หมื่นล้านเปโซ (627 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) เพื่อขยายกำลังการผลิตอาหารสัตว์ของบริษัทท่ามกลางการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งในผลกำไรของกลุ่ม</h2>
<img class="alignnone wp-image-46362" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/06/san-miguel-foods-petron-treats-grocery.jpg" alt="Ramon Ang" width="720" height="405" />

“เรากำลังอยู่ในขั้นตอนของการสร้างโรงงานอาหารสัตว์ใหม่ 7 โรง” Ramon <a href="https://www.forbes.com/profile/ramon-ang/?sh=687a88de1e88">Ang</a> ประธานและซีอีโอ SMFB กล่าวในการประชุมผู้ถือหุ้นทางออนไลน์ของบริษัทเมื่อวันพฤหัสบดี นอกเหนือจากโรงงานผลิตซึ่งจะต้องใช้งบลงทุนโรงละ 50 ล้านเหรียญแล้ว Ang กล่าวเสริมว่า บริษัทกำลังขยายกำลังการผลิตของโรงงานอาหารสัตว์ที่มีอยู่ในฟิลิปปินส์เช่นกัน

โดยการฟื้นตัวของยอดขายอาหารและเครื่องดื่มจากผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19  ได้ส่งผลให้ในไตรมาสแรกของปี 2021 บริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 66 เป็น 9.7 พันล้านเปโซ ซึ่งได้รับอานิสงส์จากยอดขายที่ดีขึ้นร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับปีก่อน

“ในช่วงการระบาดใหญ่เช่นนี้ เรายังคงเล็งเห็นโอกาสที่จะลงทุนในผลิตภัณฑ์และพัฒนานวัตกรรมที่จะตอบสนองความต้องการของชาวฟิลิปปินส์ให้ได้ดียิ่งขึ้น” Ang กล่าวในแถลงการณ์หลัง SMFB ประกาศผลการดำเนินงานในไตรมาสแรก “เราจะทำงานอย่างหนักด้วยประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นที่มากขึ้น เพื่อให้ประเทศของเรารอดพ้นจากโรคระบาดนี้อย่างแข็งแกร่ง”

ในช่วงที่ผ่านมา แผนของ SMFB ดำเนินไปด้วยดีก่อนเกิดวิกฤตโรคระบาด ดังจะเห็นได้จากการให้สัมภาษณ์กับ <a style="color: #333333;" href="https://www.forbes.com/sites/forbesasia/2019/08/27/best-over-a-billion-2019-san-miguels-ramon-ang-is-busy-planning-the-groups-biggest-expansion-yet/?sh=526efe4e3478">Forbes Asia</a> ในปี 2019 ที่ Ang ระบุว่า เขาตั้งเป้าที่จะเพิ่มกำลังการผลิตของกลุ่มบริษัทมากกว่า 2 เท่า เพื่อให้มีกำลังการผลิตเบียร์และอาหารอยู่ที่ 19 ล้านเฮกโตลิตรและ 2.6 ล้านตัน ตามลำดับ ภายใน 5 ปีข้างหน้า

Ang เข้ามาทำงานกับบริษัทในฐานะรองประธานกรรมการเมื่อปี 1999 หลังจากเป็นผู้บริหารบริษัทเอกชนหลายแห่งที่ Eduardo Cojuangco (เสียชีวิตในเดือนมิถุนายนปี 2020) เป็นเจ้าของ ก่อนที่จะเข้าซื้อหุ้นใน San Miguel Corp. จาก Eduardo Cojuangco ในปี 2012 และร่วมพัฒนา San Miguel จากบริษัทผู้ผลิตเบียร์ที่เก่าแก่ที่สุดในฟิลิปปินส์ จนกลายเป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในประเทศที่มีศักยภาพในด้านเบียร์ อาหาร และโครงสร้างพื้นฐาน 

Ang วัย 67 ปี ได้รับการจัดอันดับของ Forbes ประจำปี 2021 ให้เป็นมหาเศรษฐีอันดับที่ 12 ของฟิลิปปินส์ ด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 2.3 พันล้านเหรียญ 

แปลและเรียบเรียงจากบทความ Philippine Billionaire Ramon Ang’s San Miguel Earmarks $627 Million To Expand Animal Feeds Production Capacity As Profit Jumps โดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/asia/jg-summit-บริษัทยักษ์ใหญ่แห่งฟิ.html">JG Summit บริษัทยักษ์ใหญ่แห่งฟิลิปปินส์ ทะยานฝ่าวิกฤตโควิด-19</a>

Ramon Ang นำ San Miguel ขยายกำลังการผลิตอาหารสัตว์

JG Summit บริษัทยักษ์ใหญ่แห่งฟิลิปปินส์ ทะยานฝ่าวิกฤตโควิด-19

<h2>Forbes เผยรายชื่อ 50 มหาเศรษฐีพิลิปปินส์ ประจำปี 2020 โดยมูลค่าทรัพย์สินรวมของพวกเขาทั้ง 50 อันดับลดลงร้อยละ 22 อยู่ที่ 6.06 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ แน่นอนว่าผลกระทบหลักๆ มาจากการแพร่กระจายของโควิด-19 ที่ขวางการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศที่ประกอบไปด้วยหมู่เกาะน้อยใหญ่แห่งทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้</h2>
ฟิลิปปินส์ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการปิดประเทศและเข้มงวดที่สุดแห่งหนึ่งในการออกมาตรการการสกัดกั้นการแพร่กระจายของโควิด-19 แต่เรากลับได้เห็นตัวเลขของผู้ติดเชื้อทะลุ 250,000 ราย ในเดือนกันยายน 2020 และเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะที่ดัชนีของตลาดหลักทรัพย์ PSEi สะท้อนให้เห็นความท้าทายทางเศรษฐกิจท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับปีผ่านมาดัชนีของตลาดหลักทรัพย์ร่วงลงร้อยละ 26

กลับมาที่การจัดอันดับกลุ่มผู้มั่งคั่งประจำปี 2020 เราได้เห็นบรรดามหาเศรษฐีฟิลิปปินส์จำนวน 31 ราย ที่มูลค่าทรัพย์สินลดลง พี่น้องตระกูล Sy โดนอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินดอลลาร์กระทบอย่างหนัก แต่พวกเขายังคงครองตำแหน่ง มหาเศรษฐีพิลิปปินส์อันดับหนึ่งของประเทศด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 1.39 หมื่นล้านเหรียญฯ ลดต่ำลงจาก 3.3 พันล้านเหรียญฯ ซึ่งเป็นไปตามภาพรวมของเศรษฐกิจประเทศและอัตราการว่างงานที่พุ่งสูง

ด้าน มหาเศรษฐีอสังหาริมทรัพย์อย่าง Manuel Villar ยังคงรั้งอันดับ 2 ของประเทศถึงแม้มูลค่าทรัพย์สินของเขาลดลง 1.6 พันล้านเหรียญฯ อยู่ที่ 5 พันล้านเหรียญฯ โดยอันดับ 3 ได้แก่ Enrique Razon Jr. ขยับขึ้นมาหนึ่งอันดับจากปีที่ผ่านมาด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 4.3 พันล้านเหรียญฯ ซึ่งลดลงจากปีที่ผ่านมา

การจัดอันดับมหาเศรษฐีผู้มั่งคั่งประจำปี 2020 เราได้พบว่าด้านอุตสาหกรรมการเงินการธนาคารได้รับผลกระทบค่อนข้างหนัก GT Capital และ Metrobank หนึ่งในธุรกิจภายใต้การบริหารงานของพี่น้อง Ty (อันดับ 12, ทรัพย์สิน 1.4 พันล้านเหรียญฯ) ทรัพย์สินของพวกเขาลดลงอย่างน่าใจหายถึงร้อยละ 46

ด้าน Frederick Dy (มหาเศรษฐีอันดับ 37) ได้รับผลกระทบจากมูลค่าหุ้นในบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในประเทศ ที่ลดลงราวร้อยละ 52 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยมูลค่าทรัพย์สินลดลงมากกว่าร้อยละ 46 ทำให้ทรัพย์สินของเขาอยู่ที่ 190 ล้านเหรียญฯ

<figure><img class="wp-image-34911 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/09/Tony-Tan-Caktiong.jpg" alt="" width="416" height="416" /><figcaption> Tony Tan Caktiong อันดับ 9, มูลค่าทรัพย์สิน 1.9 พันล้านเหรียญฯ</figcaption></figure>

ด้านมหาเศรษฐี แห่ง Jollibee ฟาสต์ฟู้ดสไตล์พื้นบ้านของ Tony Tan Caktiong (อันดับ 9, มูลค่าทรัพย์สิน 1.9 พันล้านเหรียญฯ) เจ็บปวดกับการการแพร่กระจายของเชื้อโรค เนื่องจากร้าน Jollibee ของเขาเพิ่งได้กลับมาเปิดให้บริการร้อยละ 90 เมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

ที่ผ่านมาธุรกิจร้านอาหารของเขาทำได้เพียงการส่งอาหารและการสั่งกลับบ้านเท่านั้น และเมื่อขาดรายได้หลักจากการทานที่ร้านซึ่งเป็นสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของธุรกิจส่งผลให้มูลค่าหุ้นของบริษัทลดลงมากกว่าร้อยละ 40 และทำให้มูลค่าทรัพย์สินของ Tan Caktiong ลดลงมากถึง 37 เปอร์เซ็นต์

ด้าน มหาเศรษฐีลำดับที่ 32 Oscar Lopez ที่ถือหุ้นในสถานีโทรทัศน์ ABS-CBN ลดลงเกือบครึ่งหนึ่งอยู่ที่ 240 ล้านเหรียญฯ ภายหลังที่บริษัทได้รับการปฏิเสธการต่อสัมปทานในอนุญาตการออกอากาศระยะเวลา 25 ปี ทำให้มูลค่าหุ้นเขาเราลดลงกว่าร้อยละ 65 จากปีที่ผ่านมา

ท่ามกลางภาพรวมของประเทศและมูลค่าทรัพย์สินที่ลดลง มีมหาเศรษฐีพิลิปปินส์ที่ร่ำรวยแบบสวนทางเช่นกัน อาทิ Edgar Sia II (มหาเศรษฐีลำดับ 21) ที่ปีได้รับอานิสงส์จากอัตราแลกเปลี่ยนดอลลาร์ทำให้ทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 75 เปอร์เซ็นต์หรือคิดเป็นจำนวน 300 ล้านเหรียญฯ ทำให้ปัจจุบันมูลค่าทรัพย์สินของเขาอยู่ที่ 700 ล้านเหรียญฯ

โดยแหล่งที่มาของความมั่งคั่งคือการนำ MerryMart เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อเดือนมิถุนายน 2020 ซึ่งสัดส่วนรายได้จากธุรกิจร้านของชำเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวในช่วงของกักตัวทำให้ยอดขายพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์

<img class="alignnone wp-image-34907" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/09/960x0.jpg" alt="" width="600" height="409" />

สำหรับรายชื่อมหาเศรษฐีหน้าใหม่ประจำปี 2020 เราได้แก่ Lance Gokongwei และครอบครัว ที่ติดในลำดับ 4 ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 4.1 พันล้านบาท เป็นการแทนที่ John Gokongwei Jr. บิดาของพวกเขาที่เสียชีวิตเมื่อเดือนพฤจิกายน 2019 ทั้งนี้ Gokongwei ได้ส่วนแบ่งทรัพย์สินร่วมกับบุตรทั้ง 5 คือ Faith, Hope, Lisa, Marcia และ Robina

ภายหลังการจากไปของ Eduardo Cojuangco ผู้ให้กำเนิดเบียร์ San Miguel เมื่อเดือนมิถุนายน 2019 บังลังก์ธุรกิจได้ถูกส่งต่อไปยังภรรยา Soledad Oppen-Cojuangco และทำให้เธอติดในรายมหาเศรษฐีฟิลิปปินส์ในอันดับที่ 16 ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 1.15 พันล้านเหรียญฯ และยังได้แบ่งทรัพย์สินของครอบครัวไปยังบุตรทั้ง 4 คน ได้แก่ Carlos, Luisa, Margarita และ Mark

มีมหาเศรษฐีจำนวน 6 รายที่หลุดจากโผในปีนี้ อาทิ Edgar Saavedra แห่ง Megawide Construction ที่มูลค่าหุ้นจากธุรกิจก่อสร้าง ตกต่ำลงมากกว่าร้อยละ 65 และจากการประกาศผลประกอบกาครึ่งปีแรกรายได้ลดลงอยู่ที่ 8 ล้านเหรียญฯ ด้าน Michael Cosiquien ผู้ร่วมก่อตั้ง Megawide ยังคงติดอยู่ในรายชื่อมหาเศรษฐี แม้เขาจะขายหุ้นของบริษัทออกไปก่อนหน้านี้โดยเขาติดในรายชื่ออันดับ 40 ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 175 ล้านเหรียญฯ

สำหรับ 4 มหาเศรษฐีที่กลับเข้ามาในการจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีฟิลิปปินส์ประจำปี 2020 จำนวน 4 ราย เนื่องจากเกณฑ์การตัดสินขั้นต่ำลงร้อยละ 23 จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 100 ล้านเหรียญฯ ทำให้พวกเขาทั้ง 4 ได้แก่ Michael Romero แห่ง Globalport 900 (อันดับ 46 มูลค่าทรัพย์สิน 135 ล้านเหรียญฯ) Luis Virata แห่ง Nickel Asia (อันดับ 48 มูลค่าทรัพย์สิน 115 ล้านเหรียญฯ) Mikel Aboitiz ผู้ก่อตั้ง Aboitiz Equity Ventures (อันดับ 49 มูลค่าทรัพย์สิน 110 ล้านเหรียญฯ)

และ ปิดท้ายด้วย Lourdes Montinola เจ้าของ Far Eastern University (อันดับ 50 มูลค่าทรัพย์สิน 100 ล้านเหรียญฯ)

สำหรับ 10 อันดับแรกจากการจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีฟิลิปปินส์ประจำปี 2020 ดังรายชื่อต่อไปนี้

1) พี่น้อง Sy มูลค่าทรัพย์สิน 1.39 หมื่นล้านเหรียญ

2) Manuel Villar มูลค่าทรัพย์สิน 5 พันล้านเหรียญ

3) Enrique Razon มูลค่าทรัพย์สิน 4.3 พันล้านเหรียญ

4) Lance Gokongwei และพี่น้อง มูลค่าทรัพย์สิน 4.1 พันล้านเหรียญ

5) Jaime Zobel de Ayala มูลค่าทรัพย์สิน 3.6 พันล้านเหรียญ

6) Andrew Tan มูลค่าทรัพย์สิน 2.3 พันล้านเหรียญ

7) Lucio Tan มูลค่าทรัพย์สิน 2.2 พันล้านเหรียญ

8) Ramon Ang มูลค่าทรัพย์สิน 2 พันล้านเหรียญ

9) Tony Tan Caktiong มูลค่าทรัพย์สิน 1.9 พันล้านเหรียญ

10) Lucio &amp; Susan Co มูลค่าทรัพย์สิน 1.7 พันล้านเหรียญ

<article id="post-34018" class="post-34018 post type-post status-publish format-standard has-post-thumbnail hentry category-marketing category-news tag-891 tag-11994 tag-11992 tag-1970 tag-11993">
<div class="body-content post-content-wrap post-detail">
<div>

<hr />

ไม่พลาดบทความด้านกลยุทธ์องค์กรและธุรกิจ ติดตามเราได้ที่ <a style="color: #003366;" href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine </a>
และ <a style="color: #33cccc;" href="https://twitter.com/Forbes_TH">ทวิตเตอร์ Forbes Thailand</a>

</div>
</div>
</article>&nbsp;

&nbsp;

&nbsp;

การจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีฟิลิปปินส์ ประจำปี 2020

<h2 class="p1">กาสิโนออนไลน์และการเปลี่ยนแปลงในวงการค้าปลีก ทำให้ Edgar Sia II กลายเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ให้เช่ารายใหญ่คนล่าสุดของฟิลิปปินส์</h2>
Edgar Sia II เริ่มสร้างฐานะตั้งแต่ทศวรรษก่อน โดยทำธุรกิจกับชาวฟิลิปปินส์ที่ชอบรับประทานไก่ และเขาก็ยิ่งทำเงินได้มากขึ้นกับชาวจีนที่ชอบเล่นการพนัน DoubleDragon Properties
บริษัทของ Sia ใช้เวลาหลายปีที่ผ่านมาสร้างอาคารสำนักงาน รวมถึงอาคารอื่นๆ ตามแนวชายฝั่งที่เคยเงียบเหงาของ Manila ซึ่ง Sia คิดว่าเขาจะให้คอลเซ็นเตอร์ และบริษัทเอาต์ซอร์ซด้านกระบวนการธุรกิจมาเช่าพื้นที่ เพราะกิจการกลุ่มนี้เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจสำคัญในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขาประเมินว่า น่าจะเก็บค่าเช่าได้ 14 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตารางเมตร
เขาไม่ได้คิดว่าอุปสงค์จะมาจากอีกฝั่งทะเลจีนใต้ เมื่อ DoubleDragon สร้างตึกเสร็จพร้อมใช้งาน ก็เป็นจังหวะพอดีกับที่ความสัมพันธ์อันอบอุ่นระหว่าง Beijing กับ Manila ช่วยจุดกระแสบูมให้บริษัทจีนเข้ามาตั้งกาสิโนข้ามชาติ เพื่อให้บริการการพนันออนไลน์แก่ชาวจีนในบ้านเกิดซึ่งกาสิโนยังผิดกฎหมาย
และ Meridian Park คอมเพล็กซ์ของ DoubleDragon ก็อยู่ไม่ห่างจาก Entertainment City กาสิโนคอมเพล็กซ์ใน Manila นอกจากเขาจะเป็นหนึ่งในเจ้าของอาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่สุดในย่านนั้น เขาก็ยังเป็นรายเดียวที่มีตึกใหม่ให้เช่า
ห่างออกมาจากอ่าว Manila DoubleDragon สร้างห้างสรรพสินค้า โรงแรม และคลังสินค้าอุตสาหกรรมในเมืองเล็กทั่วฟิลิปปินส์ ปี 2018 บริษัททำกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นสามเท่าเป็นประมาณ 7.4 พันล้านเปโซ (141 ล้านเหรียญ) ส่วนรายได้เพิ่มมากกว่าสองเท่าเป็น 1.43 หมื่นล้านเปโซ
<img class="alignnone size-full wp-image-26932" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/02/doubledragon.jpg" alt="" width="720" height="371" />
หุ้นของ DoubleDragon ราคาขึ้นมากกว่า 50% ในปี 2019 และตอนนี้บริษัทกำลังหาผลประโยชน์จากอาคารสำนักงานและศูนย์การค้าแบบคอมมูนิตี้มอลล์ โดยจัดแพ็กเกจกอง REIT และระดมทุนได้มากถึง 1.5 หมื่นล้านเปโซผ่านการขายหุ้นไอพีโอ
&nbsp;
<h2>จากฟาสต์ฟู้ดสู่อสังหาริมทรัพย์</h2>
เส้นทางสู่ธุรกิจของ Sia เริ่มต้นเมื่ออายุ 19 ปี เขาตัดสินใจยุติการเรียนที่คณะสถาปัตยกรรมในมหาวิทยาลัย เพื่อมาเป็นแกนนำกลุ่มเพื่อนร่วมรุ่นกลุ่มหนึ่งสร้างโรงแรมสูง 5 ชั้น สำหรับผู้ที่เดินทางเพื่อทำงานและต้องการที่พักราคาถูก ในปี 2003 Robinson’s เครือห้างสรรพสินค้าใหญ่ที่สุดเครือหนึ่ง เปิดปีกใหม่ในห้างที่เมือง Iloilo และให้ส่วนลดค่าเช่าแก่ร้านอาหาร Sia จึงใช้โอกาสนี้เปิดร้าน Mang Inasal ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดที่เน้นไก่
เมื่อถึงปี 2010 เขาขยายเครือร้านไก่ย่างจนกลายเป็นกลุ่มฟาสต์ฟู้ดใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ และใหญ่กว่า McDonald’s ด้วยจำนวนร้าน 312 สาขา เขาขายหุ้น 70% ให้คู่แข่งคือ Jollibee Foods ด้วยราคา 3 พันล้านเปโซ และเข้ามาเป็นสมาชิกอายุน้อยที่สุดในทำเนียบเศรษฐี 50 อันดับแรกของฟิลิปปินส์ซึ่งจัดอันดับโดย Forbes Asia ในปี 2011 ด้วยทรัพย์สิน 85 ล้านเหรียญเมื่อเขาอายุเพียง 34 ปี ในปี 2018 เขาอยู่อันดับที่ 24 ในทำเนียบด้วยทรัพย์สินสุทธิ 475 ล้านเหรียญ

<ul>
 	<li>อ่านเพิ่มเติม <a href="https://forbesthailand.com/world/asia/10-%e0%b8%ad%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%94%e0%b8%b1%e0%b8%9a-%e0%b8%a1%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b9%80%e0%b8%a8%e0%b8%a3%e0%b8%a9%e0%b8%90%e0%b8%b5%e0%b8%9f%e0%b8%b4%e0%b8%a5%e0%b8%b4%e0%b8%9b%e0%b8%9b.html">10 อันดับ “มหาเศรษฐีฟิลิปปินส์” ประจำปี 2019</a></li>
</ul>
ในปี 2013 เขาร่วมหุ้นกับ Tony Tan Caktiong ผู้ก่อตั้ง Jollibee (อันดับ 6 ในทำเนียบเศรษฐี) ก่อตั้ง DoubleDragon ซึ่งกลายเป็นบริษัทมหาชนในปีต่อมา Sia กับ Tan ยังคงถือหุ้นคนละ 35% และ Tan ยังคงเป็นประธานกรรมการร่วมในคณะกรรมการบริษัทปัจจุบันหุ้นที่แต่ละคนถือมีมูลค่าประมาณ 2.1 หมื่นล้านเปโซ (402 ล้านเหรียญ)
แม้การลงทุนในอ่าว Manila จะสร้างกำไรอย่างไม่คาดคิด แต่โครงการส่วนใหญ่อยู่ในเมืองเล็กทั่วประเทศ ซึ่งคิดเป็น 60% ของพื้นที่เพื่อการพาณิชย์ที่บริษัทวางแผนจะให้เช่าภายในปี 2020
Sia เดิมพันว่า รายได้ครัวเรือนที่สูงขึ้น และการคมนาคมที่ดีขึ้น กำลังจะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ต่อวิธีการจับจ่ายของผู้บริโภคในเมืองชั้นสองและชั้นสาม Sia จึงสร้างศูนย์การค้า 100 แห่งภายใต้แบรนด์ CityMall ในเมืองที่มีประชากรเฉลี่ยเพียง 160,000 คน โดยแต่ละแห่งมีขนาดประมาณ 1 ใน 10 ของห้างในเมืองใหญ่
<img class="alignnone size-full wp-image-26931" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/02/Edgar-Sia-II-02.jpg" alt="" width="480" height="600" />
นอกจากนี้ Sia ยังเร่งลงทุนในธุรกิจโรงแรมราคาประหยัด Hotel 101 และ Jinjiang Inn ในฟิลิปปินส์ โดยจับกลุ่มเป้าหมายคือ ผู้ที่เดินทางเพื่อทำงาน และนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะจากจีน เมื่อถึงสิ้นปี 2018 ทำรายได้รวมกันให้ได้ 534 ล้านเปโซ โรงแรมอีก 2 แห่งกำลังก่อสร้าง และ DoubleDragon มีแผนจะสร้างอีก 4 แห่งในปี 2019 และ 2020 นอกจากนี้ Sia ยังมองหาหุ้นส่วนต่างชาติเพื่อช่วยขยาย Hotel 101 ไปต่างประเทศด้วย
ในเดือนเมษายนปี 2019 เขาเปิดร้าน MerryMart สาขาแรกที่ชั้นล่างของ Meridian Park คอมเพล็กซ์ของ DoubleDragon และเขามีเป้าหมายจะเปิด MerryMart ให้ได้ 1,200 สาขาภายในปี 2030 
แต่การลงทุนในอ่าว Manila ก็น่าจะทำเงินให้ DoubleDragon ได้มากที่สุด David Leechiu จาก Leechiu Property Consultants ซึ่งช่วยหาผู้เช่าให้คอมเพล็กซ์แห่งนี้ กล่าวว่า บริษัทเริ่มสร้าง Meridian Park ในปี 2015 และเมื่อ 4 ในอาคาร 6 หลัง ได้สร้างเสร็จในปี 2018 บริษัทก็กลายเป็นเจ้าของอาคารสำนักงานสร้างใหม่รายใหญ่ที่สุดในย่านนี้
Sia ปล่อยเช่าพื้นที่ 1 แสนตารางเมตร ในอาคารสำนักงาน 4 แห่งแรกได้ตั้งแต่ก่อนจะสร้างเสร็จด้วยซ้ำ โดยบริษัทการพนันออนไลน์จากจีนครองพื้นที่ 60% และ Leechiu กล่าวว่า อย่างน้อยตอนนี้ Sia ก็เรียกราคาได้ตามใจชอบ ข้อตกลงที่เราทำ (1,250 เปโซต่อตร.ม.) เป็นพื้นที่ว่างที่สุดท้ายในเขตอ่าวทั้งหมดในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ผู้เช่ารู้เรื่องนี้ก็เลยรีบตะครุบ 
Sia กล่าวว่า ห้างของเขาอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สามารถรองรับผลกระทบจากอี-คอมเมิร์ซในฟิลิปปินส์ได้ ขณะที่อี-คอมเมิร์ซกำลังแพร่ไปสู่เมืองเล็กที่ CityMall ครองตลาด ห้างนี้จะทำหน้าที่เป็นจุดรับสินค้ากับศูนย์จัดส่งสินค้าให้ร้านค้าออนไลน์ได้ด้วย
&nbsp;

เรื่อง: Roel Landingin เรียบเรียง: ธรรดร โสตถิอำรุง

<hr />

<a href="https://bit.ly/39j1ZrV">คลิกอ่านฉบับเต็ม "มังกรคู่ลงสนาม" ได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับมกราคม 2563 ได้รูปแบบ e-magazine</a>

<img class="alignnone wp-image-25422" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/12/FB080-EBOOK-RES150_Page_001.jpg" alt="" width="300" height="394" />

กาสิโนออนไลน์ ส่ง Edgar Sia II สู่บิ๊กอสังหาฯ ให้เช่าในฟิลิปปินส์

Ramon Ang มหาเศรษฐีพันล้าน กรรมการผู้จัดการใหญ่ ของ San Miguel Corp. อายุครบ 65 ปีไปเมื่อเดือนมกราคม ซึ่งหลายคนที่อายุเท่าเขาอาจเริ่มเพลามือเรื่องงาน แต่ Ang ยังวุ่นกับการจัดการแผนขยายธุรกิจครั้งมโหฬาร ซึ่งถือเป็นการขยายครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่กลุ่มธุรกิจสัญชาติฟิลิปปินส์กลุ่มนี้ก่อตั้งมา 129 ปี

เขาเล็งเป้าหมายว่าภายใน 5 ปีกลุ่มจะเพิ่มกำลังการผลิตให้มากอีกหนึ่งเท่าตัว ซึ่งในปี 2017 ทางกลุ่มมีกำลังการผลิตเบียร์ 19 ล้านเฮกโตลิตรและอาหารสัตว์ 2.6 ล้านตัน

“เป้าหมายของเราคือ ตั้งโรงงานเบียร์ใหม่ 10 โรง ซึ่งมีกำลังการผลิตเบื้องต้น 2 ล้านเฮกโตลิตรต่อโรง” Ang กล่าวในสัมภาษณ์กับสื่อ ซึ่งเป็นภาพที่ไม่เห็นบ่อยนัก “สำหรับการขยายธุรกิจอาหาร เรากำลังสร้างโรงงานอาหารสัตว์ใหม่ 12 โรงตามแผน ซึ่งมีกำลังการผลิต 5 แสนตันต่อโรงต่อปี และจะเสร็จภายในปี 2023”

รายละเอียดของแผนงานใหม่ถูกประกาศในการประชุมผู้ถือหุ้นเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งตามหลังการปรับโครงสร้างที่ Ang เป็นผู้เริ่มต้นเมื่อเดือนมกราคม 2018 มาติดๆ โดยการรวมธุรกิจเบียร์และสุราของ San Miguel เข้ามาอยู่กับหน่วยธุรกิจอาหาร ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และเปลี่ยนชื่อบริษัทรวมแห่งนี้เป็น San Miguel Food and Beverage หรือ SMFB

มูลค่าหุ้นตามราคาตลาดของบริษัทโดดขึ้นจาก 2 พันล้านเหรียญเป็น 7 พันล้านเหรียญและเมื่อเดือนพฤศจิกายน บริษัทขายหุ้นเกือบ 7% ในข้อตกลง ซึ่งประเมินมูลค่ากิจการของ SMFB ไว้ที่ 1 หมื่นล้านเหรียญ ซึ่งสูงกว่ามูลค่าเมื่อประกาศควบรวมกิจการ 35% จนถึงปีนี้หุ้น SMFB มีราคาเพิ่มขึ้นกว่า 20% โดยอยู่ที่ประมาณ 100 เปโซฟิลิปปินส์ หลังจากแน่นิ่งอยู่ต่ำกว่า 50 เปโซมาเกือบตลอดทศวรรษ

ถ้าจะให้แผนงานสำเร็จ Ang ต้องหาเงินทุนประมาณ 2 แสนล้านเปโซ (3.8 พันล้านเหรียญ) ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากกระแสเงินสด บางส่วนจะมาจากเงินกู้ และส่วนที่เหลือจะมาจากการขายหุ้น จุดนี้เองที่ช่วยให้การรวมธุรกิจ ซึ่งน่าจะเป็นแค่การยำเละจนทำให้บริษัทมูลค่าตกกลับกลายเป็นการเดินหมากอันยอดเยี่ยม และพลิกให้บริษัท ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นแค่ตัวรองในอุตสาหกรรมเบียร์ระดับโลกที่ครอบครองโดยบริษัทข้ามชาติอย่าง Anheuser-Busch InBev และ Heineken กลายเป็นแบรนด์ระดับภูมิภาคที่เหล่าผู้จัดการกองทุนนานาชาติต้องมีไว้ในพอร์ต

SMFB ยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของบริษัทแม่ San Miguel Corp อย่างเข้มงวด ซึ่ง Ang เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่เช่นกัน บริษัทจดทะเบียนแห่งนี้ถือหุ้น SMFB อยู่ 89% ชื่อ San Miguel ของทั้งสองบริษัทสืบย้อนไปได้ถึงโรงงานเบียร์ที่ก่อตั้งเมื่อปี 1890 ในยุคที่ฟิลิปปินส์ยังเป็นอาณานิคมของสเปน และตลอดช่วง 100 ปีต่อมา

SMFB ก็ได้สร้างกลุ่มบริษัทอาหารซึ่งทุกวันนี้ทำรายได้เกือบครึ่งให้แก่บริษัท โดยรายได้จากเบียร์และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์คิดเป็น 45% ส่วนรายได้จากสุราคิดเป็น 8% เพื่อความแน่นอนการปรับโครงสร้างบริษัทเก่าแก่อย่าง San Miguel ครั้งนี้ควรช่วยให้ Ang ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ชนะรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่ง

เขาติดกลุ่มมหาเศรษฐีฟิลิปปินส์ 10 อันดับแรกอยู่แล้วด้วยทรัพย์สินสุทธิประมาณ 2.85 พันล้านเหรียญ โดยทรัพย์สินของเขาผูกติดอยู่กับมูลค่าของ San Miguel Corp. อย่างแนบแน่น ซึ่งเขาเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด

<img class="alignnone size-full wp-image-25005" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/12/San-Miguel-03.jpg" alt="" width="400" height="320" />

Ramon Ang เข้ามาทำงานกับบริษัทในฐานะรองประธานกรรมการเมื่อ ปี 1999 หลังจากเป็นผู้บริหารบริษัทเอกชนหลายแห่งที่ Cojuangco เป็นเจ้าของ Ang เล่าว่า ยอดขายเบียร์ในช่วงปลายทศวรรษ 1990 ต่ำมากจนผู้จัดการส่วนหนึ่งเริ่มคิดจะเปลี่ยนจากผลิตเบียร์ไปทำไวน์แทน “เราเคยคุยเรื่องนี้กันในคณะกรรมการบริษัท” เขาเล่า

เนื่องจาก Ang เป็นนักดื่มเบียร์คนหนึ่ง เขาจึงผลักดันการพัฒนาเบียร์แคลอรี่ต่ำ เบียร์แต่งรสชาติ และเบียร์พรีเมียม ซึ่งช่วยปลุกความน่าสนใจของ San Miguel ในกลุ่มผู้บริโภคอายุน้อย

สำหรับธุรกิจเนื้อสัตว์ของ San Miguel ซึ่งประสบภาวะซบเซาคล้ายกัน Ang แก้ปัญหาโดยเพิ่มนักเก็ตไก่ ซึ่งเป็นสินค้าให้กำไรสูงรวมถึงเนื้อสัตว์หมักแล่บางเข้ามาในกลุ่มสินค้าเนื้อสดของบริษัท

“จุดสำคัญคือ การขายสินค้าเพิ่มมูลค่าที่ต้นทุนต่ำแต่คุณภาพสูงให้ผู้บริโภคโดยตรง” Ang กล่าว

แต่รายได้ส่วนที่ SMFB สร้างให้บริษัทแม่ San Miguel Corp. ก็ไม่น่าจะดีกว่ากิจการอื่นๆ ของ San Miguel ที่กำลังขยายอย่างรวดเร็วได้ตัวอย่างเช่น กิจการเชื้อเพลิงของบริษัทแม่ San Miguel ในปีที่แล้วมียอดขายเพิ่มขึ้น 28% ในขณะที่รายได้ของกิจการพลังงานเพิ่มขึ้น 45% และ San Miguel ก็สร้างระบบรถไฟฟ้ารางเบาความยาว 23 กิโลเมตรเสร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว ซึ่ง Ang กล่าวว่า เมื่อสร้างเสร็จทั้งหมด ในปี 2022 ก็จะสร้างรายได้ 5% ให้กลุ่ม

&nbsp;

<hr />

<a href="https://bit.ly/2PN8dcx">คลิกอ่านฉบับเต็ม “Ramon Ang สร้าง San Miguel กลับมายิ่งใหญ่” ได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2562 ได้ในรูปแบบ e-Magazine</a>

<img class="alignnone wp-image-23540" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/11/COVER-78-NOVEMBER.jpg" alt="" width="300" height="393" />

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events